จากเดิมที่เรายังพอใจผลการรักษาจากการฉีดโบท็อกซ์ (ช่วงหน้าบน) และการทำ HIFU (ช่วงหน้าล่าง)
พออายุเข้าเลข 4 ปลายๆ การทำ HIFU ก็เริ่มได้ผลน้อยลง เราจึงตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งคิดอยู่นานมากๆกว่าจะตัดสินใจฉีด เพราะกลัวจะแพ้ฟิลเลอร์ และอาจจะหน้าพังได้ อีกทั้งฟิลเลอร์มีราคาสูงพอสมควร แต่พอดีมีพี่สาวและเพื่อนพี่สาวเคยฉีดมาก่อน และได้ผลดีมาก เลยตัดสินใจฉีดดูบ้าง
การฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรก
ก่อนฉีดจะสามารถโปะยาชาได้ก่อน และยังฉีดยาชาได้อีก ซึ่งผู้ช่วยบอกว่าเสียเวลา จึงไม่โปะยาชาให้เรา พอคุณหมอฉีดยาชาปุ๊บก็แทงเข็มทู่ทันที เราฉีดร่องแก้มข้างละ 1 cc ของอเมริกา เวลาแทงเข็มลงชั้นลึก เราปวดมาก และรู้สึกปวดตลอดจนต้องร้องออกมาหลายครั้ง ปรากฏว่าเราเพิ่งรู้สึกชาหลังจากฉีดเสร็จแล้ว ความรู้สึกปวดยังค้างอยู่ที่ปลายประสาทเลย
หลังฉีดเสร็จหน้าบวมอยู่ 5 วันจึงยุบลง แต่เราออกไปทำงานหลังฉีด 3 วัน จะต้องทานยาฆ่าเชื้อให้หมด 2 สัปดาห์ มียาแก้บวม และยาแก้ปวด ระหว่างนั้นจะรู้สึกปวดๆและคันๆในผิว พอพ้น 1 สัปดาห์จึงค่อยดีขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้คือดูผิวสดใสขึ้น และคิดว่าคงจะมีวิธีนี้แหละที่คุ้มค่าเงินที่สุดสำหรับเรา
การใช้เครื่องอื่นๆในการ Lifting มีราคาสูงมาก และผลลัพธ์อยู่ได้ไม่นานเท่าไร ซึ่งก็ได้รับข้อมูลผลการรักษาแตกต่างกันไป บางครั้งก็ไม่ถึง1ปี
การรัอยไหมมีราคาหลักหมื่นเช่นกัน เราลองร้อยมา 2 รอบแล้ว แต่ได้ผลดีอยู่แค่ 2 เดือน พอเข้าเดือนที่ 3 ก็เริ่มแก้มตกลงมาแล้ว ตอนยังสาวมีแก้มแล้วดูน่ารักดี พออายุเยอะกลับเป็นอุปสรรคในการยกหน้ามาก
การรัอยไหมจะมีผังผืดขึ้นมา ทำให้พอทำครั้งที่2 เข็มจะฝืดจนทำให้รู้สึกปวดตอนร้อยไหม คุณหมอต้องออกแรงเพิ่มขึ้นด้วย เราเลยเลิกร้อยไหม โดยเฉพาะหลังทำช่วงพักฟื้น จะปวดหัวอยู่เป็นสัปดาห์ มีความเขียวช้ำด้วย รู้สึกว่าทำงานไม่มีสมาธิ อยากจะพักผ่อนตลอด ไม่สบายตัว
ใครที่เป็นมือใหม่สำหรับร้อยไหม และฟิลเลอร์ ให้ลองเผื่อเวลาไว้ในช่วงพักฟื้นด้วยนะคะ
อยากสวยต้องยอมเจ็บตัว4!!??
พออายุเข้าเลข 4 ปลายๆ การทำ HIFU ก็เริ่มได้ผลน้อยลง เราจึงตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งคิดอยู่นานมากๆกว่าจะตัดสินใจฉีด เพราะกลัวจะแพ้ฟิลเลอร์ และอาจจะหน้าพังได้ อีกทั้งฟิลเลอร์มีราคาสูงพอสมควร แต่พอดีมีพี่สาวและเพื่อนพี่สาวเคยฉีดมาก่อน และได้ผลดีมาก เลยตัดสินใจฉีดดูบ้าง
การฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรก
ก่อนฉีดจะสามารถโปะยาชาได้ก่อน และยังฉีดยาชาได้อีก ซึ่งผู้ช่วยบอกว่าเสียเวลา จึงไม่โปะยาชาให้เรา พอคุณหมอฉีดยาชาปุ๊บก็แทงเข็มทู่ทันที เราฉีดร่องแก้มข้างละ 1 cc ของอเมริกา เวลาแทงเข็มลงชั้นลึก เราปวดมาก และรู้สึกปวดตลอดจนต้องร้องออกมาหลายครั้ง ปรากฏว่าเราเพิ่งรู้สึกชาหลังจากฉีดเสร็จแล้ว ความรู้สึกปวดยังค้างอยู่ที่ปลายประสาทเลย
หลังฉีดเสร็จหน้าบวมอยู่ 5 วันจึงยุบลง แต่เราออกไปทำงานหลังฉีด 3 วัน จะต้องทานยาฆ่าเชื้อให้หมด 2 สัปดาห์ มียาแก้บวม และยาแก้ปวด ระหว่างนั้นจะรู้สึกปวดๆและคันๆในผิว พอพ้น 1 สัปดาห์จึงค่อยดีขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้คือดูผิวสดใสขึ้น และคิดว่าคงจะมีวิธีนี้แหละที่คุ้มค่าเงินที่สุดสำหรับเรา
การใช้เครื่องอื่นๆในการ Lifting มีราคาสูงมาก และผลลัพธ์อยู่ได้ไม่นานเท่าไร ซึ่งก็ได้รับข้อมูลผลการรักษาแตกต่างกันไป บางครั้งก็ไม่ถึง1ปี
การรัอยไหมมีราคาหลักหมื่นเช่นกัน เราลองร้อยมา 2 รอบแล้ว แต่ได้ผลดีอยู่แค่ 2 เดือน พอเข้าเดือนที่ 3 ก็เริ่มแก้มตกลงมาแล้ว ตอนยังสาวมีแก้มแล้วดูน่ารักดี พออายุเยอะกลับเป็นอุปสรรคในการยกหน้ามาก
การรัอยไหมจะมีผังผืดขึ้นมา ทำให้พอทำครั้งที่2 เข็มจะฝืดจนทำให้รู้สึกปวดตอนร้อยไหม คุณหมอต้องออกแรงเพิ่มขึ้นด้วย เราเลยเลิกร้อยไหม โดยเฉพาะหลังทำช่วงพักฟื้น จะปวดหัวอยู่เป็นสัปดาห์ มีความเขียวช้ำด้วย รู้สึกว่าทำงานไม่มีสมาธิ อยากจะพักผ่อนตลอด ไม่สบายตัว
ใครที่เป็นมือใหม่สำหรับร้อยไหม และฟิลเลอร์ ให้ลองเผื่อเวลาไว้ในช่วงพักฟื้นด้วยนะคะ