เปิดหีบแล้ว! ศึกชิงเก้าอี้นายกอบจ.ชัยนาท ก้าวไกล ลุ้นตีบ้านใหญ่ นาคาศัย
https://www.matichon.co.th/region/news_4716956
เปิดหีบแล้ว! ศึกชิงเก้าอี้นายก อบจ.ชัยนาท ก้าวไกล ลุ้นตีบ้านใหญ่ นาคาชัย
เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นวันใช้สิทธิเลือกตั้ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือ อบจ.ชัยนาท ที่ตำแหน่งที่ว่างลงจากที่นายกคนเก่า นาย
อนุสรณ์ นาคาศัย ลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งในวันนี้มีประชาชนมานั่งรอใช้สิทธิตั้งแต่ยังไม่เปิดหีบ โดยที่หน่วยเลือกตั้งโรงเรียนชัยนาทพิทยาคม มี นาย
บุญมา ม่วงพูล มารอใช้สิทธิเป็นคนแรก โดยมาพร้อมกับลูกสาว
นาย
บุญมาบอกว่า ตื่นเต้นกับการออกมาใช้สิทธิในครั้งนี้ เพราะต้องการรักษาสิทธิ และเลือกคนดีเข้ามาบริหารจังหวัดบ้านเกิดให้เจริญก้าวหน้า พร้อมทั้งเชิญชวนให้คนชัยนาทที่ยังลังเล ให้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งกันให้มากๆ เพื่อแสดงประชามติที่แท้จริงในการกำหนดทิศทางและอนาคตของจังหวัดบ้านเกิด
ทั้งนี้ สนามเลือกตั้งนายก อบจ.ชัยนาทครั้งนี้ค่อนข้างดุดเดือด เพราะเป็นการเข้ามาชิงอำนาจกันระหว่างขั้วอำนาจเดิม หรือบ้านใหญ่ ตระกูล
นาคาศัย ที่มี นาย
อนุชา ทนาคาศัย อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯเป็นหัวเรือใหญ่ ซึ่ง นาย
อนุสรณ์ นาคาศัย ที่ลาออกไปก็คือน้องแท้ๆ ของนาย
อนุชา และคนที่ลงสมัครเบอร์ 1 นาง
จิตร์ธนา ยิ่งทวีลาภา ก็คือพี่สาวคนโตของบ้าน ที่เรียกได้ว่าเป็นขั้วอานาจเก่าที่ลงสนามรักษาเก้าอี้
ในขณะที่คู่แข่งสำคัญในครั้งนี้ คือ นาย
สุทธิพจน์ เชื้ออภัยวงษ์ ผู้สมัครหมายเลข 3 ที่มาจาก พรรคก้าวไกล อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 ชัยนาท ในนามพรรคก้าวไกล ซึ่งครั้งนี้หมายมั่นปั้นมือว่าจะทำเซอร์ไพรส์เบียดชิงเก้าอี้มาให้ได้ โดยยกนโยบายเลิกแช่แข็งชัยนาท ซึ่งในการเลือกตั้งนายกเล็กเมืองชัยนาทครั้งนี้น่าจะงัดกลยุทธ์ต่างๆ ออกมาสู้กันอย่างดุเดือดแน่นอน เพราะฝั่งบ้านใหญ่ก็ถือศักดิ์ศรีที่เสียเก้าอี้ไม่ได้ ฝั่งคนรุ่นใหม่ก็มั่นใจว่ามีพลังหนุนจากด้อมส้มที่กระแสมาแรง มีแรงหนุนมากพอที่จะแย่งเก้าอี้มาได้ ซึ่งหลังปิดหีบ 17.00 น.วันนี้ ผู้สื่อข่าวจะนำผลการเลือกตั้งมารายงานให้ทราบอีกครั้ง
"รัตนมงคล" เตือนรบ.ปล่อยอีคอมเมิร์ซจีนทะลักไร้ควบคุม
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_756123/
“รัตนมงคล” ไทยสร้างไทย เตือนรัฐบาล รีบตื่นก่อนพังทั้งระบบ ระบุปล่อยอีคอมเมิร์ซจีนทะลักไร้การควบคุม ทำผู้ประกอบการไทยตายเรียบ
นาย
รัตนมงคล เลิศทวีวิทย์ รองเลขาธิการ พรรคไทยสร้างไทย เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ พูดคุยกับผู้ประกอบการ ถึงความเดือดร้อน เนื่องมาจากสถานการณ์แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจีน ทยอยเปิดตัวในไทยอย่างต่อเนื่อง
ส่งผลให้ภาคธุรกิจของไทยได้รับผลกระทบอย่างหนัก ต้องแข่งขันกับกลยุทธ์การขายสินค้าราคาถูก ในด้านของผู้บริโภคก็เผชิญความเสี่ยง ด้านคุณภาพของสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานอุตสาหกรรม หรือสินค้าที่ผ่านการรับรองโดยองค์การอาหารและยา
นาย
รัตนมงคล ชี้ว่า การขายของหรือทำธุรกิจออนไลน์ของพ่อค้าแม่ขายคนไทยในปัจจุบันยากลำบากมาก เนื่องจากมีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น ผู้ประกอบการต้องเจอกับผู้ค้าจำนวนมาก และต้องแข่งขันด้านราคาและโปรโมชันอย่างหนัก
ภายใต้ข้อจำกัดของระเบียบ ใบอนุญาต และกฎหมายที่เข้มงวด รวมถึงระบบภาษีที่ถูกนำมาบังคับใช้อย่างจริงจัง ผิดกับสินค้าอีคอมเมิร์ซ จากต่างประเทศ ที่ซื้อขาย กับผู้บริโภคโดยตรง และนำเงินกลับไปยังต่างประเทศ โดยไม่ต้องผ่านระบบภาษี ความเข้มงวด เรื่องคุณภาพและมาตรฐาน ไม่มีการตรวจสอบอย่างจริงจัง
นาย
รัตนมงคล ระบุว่า จะเห็นได้ว่า ไทยขาดดุลการค้า ให้กับประเทศจีนมหาศาลกว่า 3แสนล้านบาท โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์จากการร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการไทย แต่ปัจจุบันทุนจีนจะเข้ามาลงทุนเองใช้ลูกจ้างแรงงานจากประเทศจีนเอง อาจจะเรียกได้ว่าเข้ามาควบคุมธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เช่นในภาคอุตสาหกรรม การท่องเที่ยว ธุรกิจผลไม้ และอีคอมเมอร์ซ เป็นต้น
จึงขอเตือนสติรัฐบาล ให้หันมาใส่ใจปัญหา สถานการณ์เกิดขึ้น โดยเฉพาะการสนับสนุน อีคอมเมิร์ซของไทยให้เติบโตอย่างมีอนาคต รวมถึงออกมาตรการป้องกันสินค้าออนไลน์ต่างประเทศ เช่นเกณฑ์ด้านภาษีนำเข้า ปรับกฎหมายอีคอมเมิร์ซใหม่ โดยต้องระบุแหล่งต้นกำเนิดของสินค้าให้ชัดเจน ห้ามขายสินค้าที่ราคาต่อชิ้นต่ำ ป้องกันไม่ให้ร้านค้าต่างประเทศขายแข่งกับร้านค้าท้องถิ่น ต้องขึ้นทะเบียนขอใบอนุญาตในประเทศ
โดยปฏิบัติตามกฎเดียวกับผู้ค้าในประเทศโดยเฉพาะมาตรฐานของสินค้า และใช้บัญชีธนาคารของประเทศไทยในการทำธุรกรรม ที่สำคัญจะต้องมีการควบคุมผู้ให้บริการ แพลทฟอร์มการค้าอย่างเข้มงวด เป็นต้น
ส่องทิศทางหุ้นไทยสัปดาห์หน้า ปัจจัยสำคัญน่าจับตาในประเทศ-ตปท.
https://www.dailynews.co.th/news/3718094/
ส่องทิศทางหุ้นไทยสัปดาห์หน้า มีอะไรน่าจับตา ปัจจัยที่สำคัญ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเด็นทางการเมืองของไทย
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย และ บล.กสิกรไทย รายงานดัชนีหุ้นไทยในสัปดาห์ที่ผ่านมาและแนวโน้มหุ้นไทยสัปดาห์หน้า โดยหุ้นไทยขยับขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ มีปัจจัยหนุนหลักๆ จากความหวังเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของเฟดในช่วงเดือนก.ย. การปรับเกณฑ์ของกองทุน TESG ซึ่งถูกคาดหมายว่า จะช่วยกระตุ้นตลาดหุ้นไทย
รวมถึงแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและพลังงาน หลังจากผลประกอบการไตรมาส 2/2567 ของบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และบริษัทด้านพลังงานรายใหญ่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด ตลาดหุ้นไทยขยับขึ้นต่อหลังเสร็จสิ้นการประชุมเฟด ซึ่งแม้เฟดมีมติคงดอกเบี้ย แต่ก็ได้ส่งสัญญาณสะท้อนว่าอาจมีการปรับลดดอกเบี้ยในเดือนก.ย. ตามตลาดคาดการณ์
อย่างไรก็ดีหุ้นไทยลดช่วงบวกลงบางส่วนในช่วงปลายสัปดาห์ ตามภาพรวมหุ้นต่างประเทศที่ปรับตัวลงจากความกังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ แต่การย่อตัวลงของหุ้นไทยถือว่าไม่มากเมื่อเทียบกับหุ้นภูมิภาคและยังคงยืนอยู่เหนือแนว 1,300 จุดได้ต่อเนื่อง
ในวันศุกร์ที่ 2 ส.ค. 2567 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,313.08 จุด เพิ่มขึ้น 0.45% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 39,969.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.73% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 1.71% มาปิดที่ระดับ 322.56 จุด
สัปดาห์ถัดไป (5-9 ส.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,300 และ 1,290 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,325 และ 1,335 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนก.ค. ของไทย ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ประเด็นการเมืองในประเทศ ผลประกอบการไตรมาส 2/2567 ของบจ.ไทย และทิศทางเงินทุนต่างชาติ
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ข้อมูลนำเข้าและส่งออกเดือนมิ.ย. ดัชนี ISM และ PMI ภาคบริการเดือนก.ค. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนก.ค. ของจีน ญี่ปุ่น ยูโรโซนและอังกฤษ ดัชนีราคาผู้ผลิตและยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย. ของยูโรโซน ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจเดือนก.ค.ของจีน อาทิ ดัชนีราคาผู้ผลิต ดัชนีราคาผู้บริโภค และตัวเลขการส่งออก
JJNY : ก้าวไกลลุ้นตีบ้านใหญ่ นาคาศัย│เตือนรบ.ปล่อยอีคอมเมิร์ซจีนทะลัก│ส่องทิศทางหุ้น│แจ้งชาวอเมริกัน ออกจากเลบานอนด่วน
https://www.matichon.co.th/region/news_4716956
เปิดหีบแล้ว! ศึกชิงเก้าอี้นายก อบจ.ชัยนาท ก้าวไกล ลุ้นตีบ้านใหญ่ นาคาชัย
เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นวันใช้สิทธิเลือกตั้ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือ อบจ.ชัยนาท ที่ตำแหน่งที่ว่างลงจากที่นายกคนเก่า นายอนุสรณ์ นาคาศัย ลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งในวันนี้มีประชาชนมานั่งรอใช้สิทธิตั้งแต่ยังไม่เปิดหีบ โดยที่หน่วยเลือกตั้งโรงเรียนชัยนาทพิทยาคม มี นายบุญมา ม่วงพูล มารอใช้สิทธิเป็นคนแรก โดยมาพร้อมกับลูกสาว
นายบุญมาบอกว่า ตื่นเต้นกับการออกมาใช้สิทธิในครั้งนี้ เพราะต้องการรักษาสิทธิ และเลือกคนดีเข้ามาบริหารจังหวัดบ้านเกิดให้เจริญก้าวหน้า พร้อมทั้งเชิญชวนให้คนชัยนาทที่ยังลังเล ให้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งกันให้มากๆ เพื่อแสดงประชามติที่แท้จริงในการกำหนดทิศทางและอนาคตของจังหวัดบ้านเกิด
ทั้งนี้ สนามเลือกตั้งนายก อบจ.ชัยนาทครั้งนี้ค่อนข้างดุดเดือด เพราะเป็นการเข้ามาชิงอำนาจกันระหว่างขั้วอำนาจเดิม หรือบ้านใหญ่ ตระกูลนาคาศัย ที่มี นายอนุชา ทนาคาศัย อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯเป็นหัวเรือใหญ่ ซึ่ง นายอนุสรณ์ นาคาศัย ที่ลาออกไปก็คือน้องแท้ๆ ของนายอนุชา และคนที่ลงสมัครเบอร์ 1 นางจิตร์ธนา ยิ่งทวีลาภา ก็คือพี่สาวคนโตของบ้าน ที่เรียกได้ว่าเป็นขั้วอานาจเก่าที่ลงสนามรักษาเก้าอี้
ในขณะที่คู่แข่งสำคัญในครั้งนี้ คือ นายสุทธิพจน์ เชื้ออภัยวงษ์ ผู้สมัครหมายเลข 3 ที่มาจาก พรรคก้าวไกล อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 ชัยนาท ในนามพรรคก้าวไกล ซึ่งครั้งนี้หมายมั่นปั้นมือว่าจะทำเซอร์ไพรส์เบียดชิงเก้าอี้มาให้ได้ โดยยกนโยบายเลิกแช่แข็งชัยนาท ซึ่งในการเลือกตั้งนายกเล็กเมืองชัยนาทครั้งนี้น่าจะงัดกลยุทธ์ต่างๆ ออกมาสู้กันอย่างดุเดือดแน่นอน เพราะฝั่งบ้านใหญ่ก็ถือศักดิ์ศรีที่เสียเก้าอี้ไม่ได้ ฝั่งคนรุ่นใหม่ก็มั่นใจว่ามีพลังหนุนจากด้อมส้มที่กระแสมาแรง มีแรงหนุนมากพอที่จะแย่งเก้าอี้มาได้ ซึ่งหลังปิดหีบ 17.00 น.วันนี้ ผู้สื่อข่าวจะนำผลการเลือกตั้งมารายงานให้ทราบอีกครั้ง
"รัตนมงคล" เตือนรบ.ปล่อยอีคอมเมิร์ซจีนทะลักไร้ควบคุม
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_756123/
“รัตนมงคล” ไทยสร้างไทย เตือนรัฐบาล รีบตื่นก่อนพังทั้งระบบ ระบุปล่อยอีคอมเมิร์ซจีนทะลักไร้การควบคุม ทำผู้ประกอบการไทยตายเรียบ
นายรัตนมงคล เลิศทวีวิทย์ รองเลขาธิการ พรรคไทยสร้างไทย เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ พูดคุยกับผู้ประกอบการ ถึงความเดือดร้อน เนื่องมาจากสถานการณ์แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจีน ทยอยเปิดตัวในไทยอย่างต่อเนื่อง
ส่งผลให้ภาคธุรกิจของไทยได้รับผลกระทบอย่างหนัก ต้องแข่งขันกับกลยุทธ์การขายสินค้าราคาถูก ในด้านของผู้บริโภคก็เผชิญความเสี่ยง ด้านคุณภาพของสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานอุตสาหกรรม หรือสินค้าที่ผ่านการรับรองโดยองค์การอาหารและยา
นายรัตนมงคล ชี้ว่า การขายของหรือทำธุรกิจออนไลน์ของพ่อค้าแม่ขายคนไทยในปัจจุบันยากลำบากมาก เนื่องจากมีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น ผู้ประกอบการต้องเจอกับผู้ค้าจำนวนมาก และต้องแข่งขันด้านราคาและโปรโมชันอย่างหนัก
ภายใต้ข้อจำกัดของระเบียบ ใบอนุญาต และกฎหมายที่เข้มงวด รวมถึงระบบภาษีที่ถูกนำมาบังคับใช้อย่างจริงจัง ผิดกับสินค้าอีคอมเมิร์ซ จากต่างประเทศ ที่ซื้อขาย กับผู้บริโภคโดยตรง และนำเงินกลับไปยังต่างประเทศ โดยไม่ต้องผ่านระบบภาษี ความเข้มงวด เรื่องคุณภาพและมาตรฐาน ไม่มีการตรวจสอบอย่างจริงจัง
นายรัตนมงคล ระบุว่า จะเห็นได้ว่า ไทยขาดดุลการค้า ให้กับประเทศจีนมหาศาลกว่า 3แสนล้านบาท โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์จากการร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการไทย แต่ปัจจุบันทุนจีนจะเข้ามาลงทุนเองใช้ลูกจ้างแรงงานจากประเทศจีนเอง อาจจะเรียกได้ว่าเข้ามาควบคุมธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เช่นในภาคอุตสาหกรรม การท่องเที่ยว ธุรกิจผลไม้ และอีคอมเมอร์ซ เป็นต้น
จึงขอเตือนสติรัฐบาล ให้หันมาใส่ใจปัญหา สถานการณ์เกิดขึ้น โดยเฉพาะการสนับสนุน อีคอมเมิร์ซของไทยให้เติบโตอย่างมีอนาคต รวมถึงออกมาตรการป้องกันสินค้าออนไลน์ต่างประเทศ เช่นเกณฑ์ด้านภาษีนำเข้า ปรับกฎหมายอีคอมเมิร์ซใหม่ โดยต้องระบุแหล่งต้นกำเนิดของสินค้าให้ชัดเจน ห้ามขายสินค้าที่ราคาต่อชิ้นต่ำ ป้องกันไม่ให้ร้านค้าต่างประเทศขายแข่งกับร้านค้าท้องถิ่น ต้องขึ้นทะเบียนขอใบอนุญาตในประเทศ
โดยปฏิบัติตามกฎเดียวกับผู้ค้าในประเทศโดยเฉพาะมาตรฐานของสินค้า และใช้บัญชีธนาคารของประเทศไทยในการทำธุรกรรม ที่สำคัญจะต้องมีการควบคุมผู้ให้บริการ แพลทฟอร์มการค้าอย่างเข้มงวด เป็นต้น
ส่องทิศทางหุ้นไทยสัปดาห์หน้า ปัจจัยสำคัญน่าจับตาในประเทศ-ตปท.
https://www.dailynews.co.th/news/3718094/
ส่องทิศทางหุ้นไทยสัปดาห์หน้า มีอะไรน่าจับตา ปัจจัยที่สำคัญ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเด็นทางการเมืองของไทย
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย และ บล.กสิกรไทย รายงานดัชนีหุ้นไทยในสัปดาห์ที่ผ่านมาและแนวโน้มหุ้นไทยสัปดาห์หน้า โดยหุ้นไทยขยับขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ มีปัจจัยหนุนหลักๆ จากความหวังเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของเฟดในช่วงเดือนก.ย. การปรับเกณฑ์ของกองทุน TESG ซึ่งถูกคาดหมายว่า จะช่วยกระตุ้นตลาดหุ้นไทย
รวมถึงแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและพลังงาน หลังจากผลประกอบการไตรมาส 2/2567 ของบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และบริษัทด้านพลังงานรายใหญ่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด ตลาดหุ้นไทยขยับขึ้นต่อหลังเสร็จสิ้นการประชุมเฟด ซึ่งแม้เฟดมีมติคงดอกเบี้ย แต่ก็ได้ส่งสัญญาณสะท้อนว่าอาจมีการปรับลดดอกเบี้ยในเดือนก.ย. ตามตลาดคาดการณ์
อย่างไรก็ดีหุ้นไทยลดช่วงบวกลงบางส่วนในช่วงปลายสัปดาห์ ตามภาพรวมหุ้นต่างประเทศที่ปรับตัวลงจากความกังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ แต่การย่อตัวลงของหุ้นไทยถือว่าไม่มากเมื่อเทียบกับหุ้นภูมิภาคและยังคงยืนอยู่เหนือแนว 1,300 จุดได้ต่อเนื่อง
ในวันศุกร์ที่ 2 ส.ค. 2567 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,313.08 จุด เพิ่มขึ้น 0.45% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 39,969.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.73% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 1.71% มาปิดที่ระดับ 322.56 จุด
สัปดาห์ถัดไป (5-9 ส.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,300 และ 1,290 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,325 และ 1,335 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนก.ค. ของไทย ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ประเด็นการเมืองในประเทศ ผลประกอบการไตรมาส 2/2567 ของบจ.ไทย และทิศทางเงินทุนต่างชาติ
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ข้อมูลนำเข้าและส่งออกเดือนมิ.ย. ดัชนี ISM และ PMI ภาคบริการเดือนก.ค. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนก.ค. ของจีน ญี่ปุ่น ยูโรโซนและอังกฤษ ดัชนีราคาผู้ผลิตและยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย. ของยูโรโซน ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจเดือนก.ค.ของจีน อาทิ ดัชนีราคาผู้ผลิต ดัชนีราคาผู้บริโภค และตัวเลขการส่งออก