น่าสนใจว่าในโอกาส วันเกิด 75 ปีของทักษิณ (2492-2567) ได้มีการจัดงานวันเกิด 3 วันดิตกัน คือ
• 24 กรกฎาคม 2567 ที่โรงแรมพูลแมน ซอยรางน้ำ
โดยเจ้าภาพคือ อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เจ้าของธุรกิจร้านค้าปลอดภาษีอากรรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
• 25 กรกฎาคม 2567 ที่โรงแรมยู สาทร
ในงานนี้นออกจากนักการเมืองแล้วยังมีนักธุรกิจที่คบค้ากันมาหลายปี ซึ่งเอ่ยชื่อออกมามี นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานกรรมการบริหารของกัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์, นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)
• 26 กรกฎาคม 2567 ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า
แน่ะนอนว่างานนี้ นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานกรรมการบริหารของกัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ ก็ไม่พลาดที่จะปรากฎตัวเช่นกัน
กรณีสารัชถ์ น่าสนใจว่าประกบทักษิณ อย่างใกล้ชิดมากตลอดสัปดาห์
- แรนโช ชาญวีร์ รีสอร์ท เขาใหญ่ 20 กรกฎา
- โรงแรมยู สาทร 25 กรกฎา
- บ้านจันทร์ส่องหน้า 26 กรกฎา
ขณะที่น่าสนใจกว่านั้น คือ นักธุรกิจที่ว่า 3 รายนั้น เป็นนักธุรกิจที่มีสัมปทาน หรือใบอนุญาตกับรัฐทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็น
ร้านสินค้าปลอดภาษี โรงไฟฟ้า มือถือ ดาวเทียม รถไฟฟ้า รวมทั้งจะมีคนเข้าสู่วงการธนาคารด้วย
ถ้าใครตามทักษิณมาจะเห็นได้ว่า การเมืองแนวทางทักษิณคือการบีบให้นายทุนต่าง ๆ ต้องมา "แทงม้าตัวเดียว" (ซึ่งผิดวิสัยของบรรดานายทุน)
พร้อม ๆ กับตัดแข้ง ตัดขาพรรคการเมืองคู่แข่งไปในตัว แต่ทักษิณ มีอำนาจจริงหรือไม่
เอาแค่ อำนาจการแต่งตั้งองค์กรอิสระหลายองค์กร เช่น กสทช. ที่เกี่ยวพันไปยังคลื่นความถี่ ก็เชื่อมโยงไปยังวุฒิสภาที่ตอนนี้อำนาจอยู่ในมือ "สีน้ำเงิน" อย่างชัดเจน หรือกรณีนายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ที่เปิดศึกรถไฟฟ้าสายสีส้มกับพรรคภูมิใจไทยมาก่อน แล้วเมื่อถึงเลือกตั้งครั้งหน้า บรรดานายทุนสัมปทานเหล่านั้น จะแทงม้าตัวเดียว คือทักษิณ และพรรคเพื่อไทยจริงหรือ ?
ประกอบกับที่สังคมถามหานโยบายของพรรคเพื่อไทยว่า ถ้าเป็นรัฐบาล ค่าไฟ ค่าน้ำมัน ค่าแก๊ส ลดราคาทันที !!! ว่าจะลดเมื่อไหร่ ????
ที่ใครๆ ก็บอกว่า คงทำไม่ได้ ให้หวังในชาติหน้า แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม พอสารัชถ์ไปประกบกับทักษิณในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ถึง 3 ครั้ง 3 ครา
ประจวบกับศาลอาญาไม่อนุญาตให้ทักษิณออกนอกประเทศไปประเทศดูไบเพื่อรักษาตัว ก็ยิ่งทำให้เชื่อได้ว่า การโปรยยาหอมด้วยนโยบายของพรรคเพื่อไทยกำลังจะเป็นการปูทางเพื่อทำอะไรของพรรคเพื่อไทย และทักษิณ ก็เป็นไปได้
อย่างไรแล้ว ก็คงจะต้องติดตามข่าวจากศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 7 และ 14 สิงหาคมว่า การเมืองไทยจะเป็นเช่นไรต่อไป หลังจากที่มีการประกาศเขตอำนาจศาล คุมเข้มความปลอดภัย อ่านคำวินิจฉัย 2 คดี ยุบพรรคก้าวไกล-ยื่นถอดถอนนายกฯ สั่งตรวจเข้มบุคคลเข้า-ออก ยานพาหนะ ขอสื่อร่วมมือลงทะเบียนเข้าพื้นที่ทำข่าว
ยุทธวิธีตีเมืองขึ้นเพื่อให้แทงม้าตัวเดียวของทักษิณ ชินวัตร กับการเปิดตัว 3 นายทุนสัมปทาน
โดยเจ้าภาพคือ อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เจ้าของธุรกิจร้านค้าปลอดภาษีอากรรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
ในงานนี้นออกจากนักการเมืองแล้วยังมีนักธุรกิจที่คบค้ากันมาหลายปี ซึ่งเอ่ยชื่อออกมามี นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานกรรมการบริหารของกัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์, นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)
แน่ะนอนว่างานนี้ นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานกรรมการบริหารของกัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ ก็ไม่พลาดที่จะปรากฎตัวเช่นกัน
- แรนโช ชาญวีร์ รีสอร์ท เขาใหญ่ 20 กรกฎา
- บ้านจันทร์ส่องหน้า 26 กรกฎา
ร้านสินค้าปลอดภาษี โรงไฟฟ้า มือถือ ดาวเทียม รถไฟฟ้า รวมทั้งจะมีคนเข้าสู่วงการธนาคารด้วย
ถ้าใครตามทักษิณมาจะเห็นได้ว่า การเมืองแนวทางทักษิณคือการบีบให้นายทุนต่าง ๆ ต้องมา "แทงม้าตัวเดียว" (ซึ่งผิดวิสัยของบรรดานายทุน)
พร้อม ๆ กับตัดแข้ง ตัดขาพรรคการเมืองคู่แข่งไปในตัว แต่ทักษิณ มีอำนาจจริงหรือไม่
เอาแค่ อำนาจการแต่งตั้งองค์กรอิสระหลายองค์กร เช่น กสทช. ที่เกี่ยวพันไปยังคลื่นความถี่ ก็เชื่อมโยงไปยังวุฒิสภาที่ตอนนี้อำนาจอยู่ในมือ "สีน้ำเงิน" อย่างชัดเจน หรือกรณีนายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ที่เปิดศึกรถไฟฟ้าสายสีส้มกับพรรคภูมิใจไทยมาก่อน แล้วเมื่อถึงเลือกตั้งครั้งหน้า บรรดานายทุนสัมปทานเหล่านั้น จะแทงม้าตัวเดียว คือทักษิณ และพรรคเพื่อไทยจริงหรือ ?