“เรื่องนี้อย่าบอกใครนะ” อะไรทำให้ความลับของเราต้องมีอันเป็นเรื่องสาธารณะไปทุกที?

กระทู้คำถาม
“คุณเก็บความลับได้ไหม หากผมนั้นมีอะไรจะบอก~”

ทุกครั้งเวลาเราเอง หรือใครหลายคนมีความลับ และเลือกที่จะบอกเล่ามันออกมาให้คนไว้ใจได้ฟัง ก็มักจะต้องต่อด้วยประโยคลงท้ายหลังเรื่องเล่านั้นเสมอว่า “เรื่องนี้อย่าบอกใครนะ” แต่วันต่อมาเรื่องที่เคยรู้กันแค่ 2 คนกลับกลายเป็นมีคนที่ 3 4 5 รู้ด้วยซะงั้น

สรุปแล้วประโยค “เออๆ ไม่บอกใครหรอก เดี๋ยวเหยียบไว้เลย” ของเพื่อนนั้นอาจจะเป็นการตกปากรับคำได้ไม่เต็มปากซะทีเดียว เพราะเหยียบไว้ในที่นี้อาจไม่ใช่การเหยียบให้มิด แต่มันคือการเหยียบความลับของเราให้กระจายไปเลยซะมากกว่า!

หรือว่า “อย่าบอกใครนะ” จะเป็นประโยคอาถรรพ์? อะไรทำให้ความลับของเราต้องมีอันเป็นเรื่องสาธารณะไปทุกที

นักจิตวิทยาคลินิก มาร์เซีย เรย์โนลด์ส (Marcia Reynolds) ได้แชร์เทคนิคต่างๆ ที่จะช่วยให้จิตใจของเราไม่จมจ่อมอยู่กับความลับของตัวเอง เช่น

การเขียนความลับลงในสมุดโน้ตส่วนตัว – นอกจากจะเป็นหนึ่งในวิธีการระบายสิ่งที่อัดอั้นตันใจแล้ว การเขียนยังช่วยให้เราได้สำรวจและทบทวนตัวเองด้วย
การหาอะไรอย่างอื่นทำ – เช่น การเล่นดนตรี นอกจากจะช่วยสร้างสมาธิแล้ว ยังทำให้จิตใจของเราไม่ฟุ้งซ่าน และไม่ต้องจดจ่ออยู่กับเรื่องที่วิตกกังวล
การบอกความลับกับคนที่ไม่เกี่ยวข้อง – อย่างน้อยคือผู้ฟังน่าจะไม่สามารถใช้ประโยชน์จากเรื่องที่เราต้องปกปิดได้

แค่เป็นเรื่องที่ต้องปกปิด หรือที่เราเรียกมันว่าความลับ ก็ล้วนสร้างความไม่สบายใจให้กับทั้งตัวเราเองและคนที่รับรู้ได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ก่อนจะถ่ายทอดเรื่องราวที่ทำให้เราต้องลงท้ายบทสนทนาว่า “อย่าบอกใครนะ” จึงจำเป็นต้องสำรวจบริบทอื่นๆ รอบข้างด้วย

นั่นคือนอกจากสำรวจความพร้อม หรือภาวะความเครียดของตัวเองแล้ว เรายังอาจต้องสำรวจเพื่อนของเราด้วยว่า เขาพร้อมจะรับรู้ หรือรับมือกับความลับที่เราจะเล่าออกไปมากน้อยแค่ไหน เรื่องที่เรากำลังจะบอกเล่าออกไปจะส่งผลร้ายต่อ หรือสร้างอันตรายต่อตัวใครหรือเปล่า เพราะทั้งหมดนี้ก็เพื่อความสบายใจ ทั้งกับตัวเรา ตัวเขา และเพื่อความไว้เนื้อเชื่อใจที่ไม่หายไปของใครบางคน

แล้วคุณล่ะยังเก็บความลับได้ไหม ถ้าเรามีอะไรจะบอก?

ที่มา
https://thematter.co/lifestyle/why-are-secrets-so-hard-to-keep/227058
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่