เราเริ่มสงสัยว่าตัวเองเป็นซึมเศร้า เพราะมีอาการไม่มีสมาธิ ปวดหัว นอนไม่หลับ จมอยู่กับอารมณ์นาน เลยลองนัดจิตแพทย์ที่โรงพยาบาลจุฬาไป รอเกือบสองเดือน และเราหวังว่าจะได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับอาการ หรือ การรักษาที่ช่วยให้อาการดีขึ้น
โปรไฟล์หมอที่เรานัดได้ดูน่าเชื่อถือ เป็นอาจารย์หมอ
พอเจอหมอท่านนี้ เขาก็ถามว่า เป็นอะไรมา เราจึงเริ่มเล่าจากอาการว่านอนไม่หลับ หลังจากนั้นหมอก็เริ่มซักประวัติง่ายๆ เช่น อายุ การศึกษา เราก็ตอบตามที่หมอถาม สักพักเริ่มรู้สึกว่า เขามีชุดคำถามที่ชี้นำ มีธงของเขาอยู่แล้วว่าเราเป็นคนยังไง ทั้งที่เราเพิ่งได้เล่าถึงอาการไปไม่ถึง 10 นาที
หมอท่านนี้พูดเก่ง พูดไปเรื่อย และทำให้เรารู้สึกว่าเขายัดเยียดและตัดสินโดยที่ไม่มีข้อมูลเลย
พอเราเล่าถึงความสัมพันธ์กับแฟนเก่าและพูดว่ามันเป็น toxic relationship เขาก็บอกว่าเราไปตัดสินและโยนความผิดให้แฟนเก่า ทั้งที่เราหมายถึงว่าความสัมพันธ์นั้นมันไม่ทำให้เราและแฟนเก่ามีความสุขเฉยๆ ไม่ได้จะโทษใคร
แล้วพอพูดจบหมอก็หันไปบอกแฟนเรา ซึ่งนั่งอยู่กับเราว่า “ความสัมพันธ์นี้ ไม่รู้โชคดีหรือโชคร้าย ถ้าโชคดีแฟนคุณก็เรียนรู้จากความสัมพันธ์ครั้งก่อนแล้ว ถ้าโชคร้าย เขาก็เอาปัญหานั้นมาในความสัมพันธ์นี้ด้วย” แล้วก็พูดเหมือนแนะนำแฟนว่า “ถ้ามันดีก็คบไป ถ้าไม่ดีก็เลิกได้”
ซึ่งเราว่ามันก็คงเป็นคำแนะนำที่ดีถ้าเรามาปรึกษาเรื่องความสัมพันธ์กับแฟน แต่เรามาเรื่องสงสัยว่าเป็นซึมเศร้าและมีอาการนอนไม่หลับมานานมากแล้ว
แฟนเราก็งงว่าหมอจะพูดทำไม ????
หมอท่านนี้ร่ายนู้นร่ายนี่ โดยที่ไม่พยายามซักประวัติเพิ่ม พูดถึงเรื่อง นพลักษณ์ ว่าเราเป็นลักษณ์ 6 แน่ๆ เลยเป็นคนแบบนี้ แต่เราก็เคยศึกษาเรื่องนพลักษณ์ และรู้ว่ามันไม่ได้เป็นศาสตร์ที่มีไว้ตัดสินคน หรือเอาทฤษฎีมาครอบคน
คำแนะนำต่างๆ ไม่ได้เป็นประโยชน์ หรือ ให้ข้อมูลทางการแพทย์ใดๆ เหมือนยกคำคมมาพูดให้ฟัง
สรุปจบด้วยหมอจ่ายยาช่วยนอนหลับให้ และ เรื่องที่เราสงสัยว่าเป็นซึมเศร้ามั้ย ก็ไม่ได้พูดถึง
ยังไม่พอ ตอนหมอจะจ่ายยา แฟนเราก็ถามหมอไปว่ามันจะมี effect อะไรไหม? หมอตอบว่า มีสิไม่งั้นจะจ่ายยาทำไม คือทุกคนเข้าใจคำว่า effect ของยาไหมว่าหมายถึงผลข้างเคียง และหมอควรให้ข้อมูลนี้โดยที่คนไข้ไม่ต้องถามอยู่แล้ว แต่หมอกลับไม่เข้าใจคำถามและคิดว่าแค่ถามว่ายาจะช่วยไหม
ตอนนั่งรอยาเราก็มานั่งทบทวนกับแฟน ซึ่งแฟนเราก็เรียนจิตวิทยามา เรารู้สึกว่าการมาพบแพทย์ท่านนี้ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย และ วิธีการซักประวัติก็ไม่มีประสิทธิภาพ เพราะปัญหาเรื่องการนอนหมอควรถามถึง
-เวลาการนอน
-ระยะเวลาที่ใช้ก่อนจะหลับ
-หลับๆ ตื่นๆ หรือไม่หลับเลย
-สาเหตุที่คิดว่าทำให้นอนไม่หลับ เช่น กังวลเรื่องอะไีร
-นอนไม่หลับมานานแค่ไหน
แต่สิ่งที่หมอคนนี้ทำเหมือนอยากเป็นไลฟ์โค้ช รีบสรุปเรื่องราว ตัดสินเราว่าเป็นคนยังไง แทนที่จะช่วยหาปัญหาที่แท้จริง หรือ ชวนให้เราทบทวนปัญหา
รู้อย่างนี้เราโทรหาน้าเน็กดีกว่า 555555
สุดท้ายเราต้องการมาแชร์เพราะมองว่าปัญหาเรื่องสุขภาพจิตเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก หากเป็นคนไข้ขั้นวิกฤตจริงๆ และจิตแพทย์เป็นที่พึ่งคนเดียวของเขา เรามองว่ามันคงเป็นเรื่องที่แย่มากๆ
ถ้าได้เจอหมอท่านนี้
อักษรย่อหมอท่านนี้ ภ. นามสกุล เหล่า….
สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจไปแผนกจิตเวชโรงพยาบาลจุฬา พิจารณาดูนะะ
ใครชอบสไตล์ หมอ ร่ายนู้นร่ายนี้ นั่งตัดสินตัวตนเรา แทนการให้คำปรึกษาด้านจิตวิทยา
เราว่าโทรหาน้าเน็กแหละดีกว่า
หรือ ใครอยากมาหาจิตแพทย์เพื่อให้เขามาบอกว่าคุณเป็นนพลักษณ์ เบอร์ไหน คุณไปลงคอร์สนพลักษณ์ดีกว่า
รีวิวหมอจิตเวชท่านหนึ่ง โรงพยาบาลจฬ
โปรไฟล์หมอที่เรานัดได้ดูน่าเชื่อถือ เป็นอาจารย์หมอ
พอเจอหมอท่านนี้ เขาก็ถามว่า เป็นอะไรมา เราจึงเริ่มเล่าจากอาการว่านอนไม่หลับ หลังจากนั้นหมอก็เริ่มซักประวัติง่ายๆ เช่น อายุ การศึกษา เราก็ตอบตามที่หมอถาม สักพักเริ่มรู้สึกว่า เขามีชุดคำถามที่ชี้นำ มีธงของเขาอยู่แล้วว่าเราเป็นคนยังไง ทั้งที่เราเพิ่งได้เล่าถึงอาการไปไม่ถึง 10 นาที
หมอท่านนี้พูดเก่ง พูดไปเรื่อย และทำให้เรารู้สึกว่าเขายัดเยียดและตัดสินโดยที่ไม่มีข้อมูลเลย
พอเราเล่าถึงความสัมพันธ์กับแฟนเก่าและพูดว่ามันเป็น toxic relationship เขาก็บอกว่าเราไปตัดสินและโยนความผิดให้แฟนเก่า ทั้งที่เราหมายถึงว่าความสัมพันธ์นั้นมันไม่ทำให้เราและแฟนเก่ามีความสุขเฉยๆ ไม่ได้จะโทษใคร
แล้วพอพูดจบหมอก็หันไปบอกแฟนเรา ซึ่งนั่งอยู่กับเราว่า “ความสัมพันธ์นี้ ไม่รู้โชคดีหรือโชคร้าย ถ้าโชคดีแฟนคุณก็เรียนรู้จากความสัมพันธ์ครั้งก่อนแล้ว ถ้าโชคร้าย เขาก็เอาปัญหานั้นมาในความสัมพันธ์นี้ด้วย” แล้วก็พูดเหมือนแนะนำแฟนว่า “ถ้ามันดีก็คบไป ถ้าไม่ดีก็เลิกได้”
ซึ่งเราว่ามันก็คงเป็นคำแนะนำที่ดีถ้าเรามาปรึกษาเรื่องความสัมพันธ์กับแฟน แต่เรามาเรื่องสงสัยว่าเป็นซึมเศร้าและมีอาการนอนไม่หลับมานานมากแล้ว
แฟนเราก็งงว่าหมอจะพูดทำไม ????
หมอท่านนี้ร่ายนู้นร่ายนี่ โดยที่ไม่พยายามซักประวัติเพิ่ม พูดถึงเรื่อง นพลักษณ์ ว่าเราเป็นลักษณ์ 6 แน่ๆ เลยเป็นคนแบบนี้ แต่เราก็เคยศึกษาเรื่องนพลักษณ์ และรู้ว่ามันไม่ได้เป็นศาสตร์ที่มีไว้ตัดสินคน หรือเอาทฤษฎีมาครอบคน
คำแนะนำต่างๆ ไม่ได้เป็นประโยชน์ หรือ ให้ข้อมูลทางการแพทย์ใดๆ เหมือนยกคำคมมาพูดให้ฟัง
สรุปจบด้วยหมอจ่ายยาช่วยนอนหลับให้ และ เรื่องที่เราสงสัยว่าเป็นซึมเศร้ามั้ย ก็ไม่ได้พูดถึง
ยังไม่พอ ตอนหมอจะจ่ายยา แฟนเราก็ถามหมอไปว่ามันจะมี effect อะไรไหม? หมอตอบว่า มีสิไม่งั้นจะจ่ายยาทำไม คือทุกคนเข้าใจคำว่า effect ของยาไหมว่าหมายถึงผลข้างเคียง และหมอควรให้ข้อมูลนี้โดยที่คนไข้ไม่ต้องถามอยู่แล้ว แต่หมอกลับไม่เข้าใจคำถามและคิดว่าแค่ถามว่ายาจะช่วยไหม
ตอนนั่งรอยาเราก็มานั่งทบทวนกับแฟน ซึ่งแฟนเราก็เรียนจิตวิทยามา เรารู้สึกว่าการมาพบแพทย์ท่านนี้ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย และ วิธีการซักประวัติก็ไม่มีประสิทธิภาพ เพราะปัญหาเรื่องการนอนหมอควรถามถึง
-เวลาการนอน
-ระยะเวลาที่ใช้ก่อนจะหลับ
-หลับๆ ตื่นๆ หรือไม่หลับเลย
-สาเหตุที่คิดว่าทำให้นอนไม่หลับ เช่น กังวลเรื่องอะไีร
-นอนไม่หลับมานานแค่ไหน
แต่สิ่งที่หมอคนนี้ทำเหมือนอยากเป็นไลฟ์โค้ช รีบสรุปเรื่องราว ตัดสินเราว่าเป็นคนยังไง แทนที่จะช่วยหาปัญหาที่แท้จริง หรือ ชวนให้เราทบทวนปัญหา
รู้อย่างนี้เราโทรหาน้าเน็กดีกว่า 555555
สุดท้ายเราต้องการมาแชร์เพราะมองว่าปัญหาเรื่องสุขภาพจิตเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก หากเป็นคนไข้ขั้นวิกฤตจริงๆ และจิตแพทย์เป็นที่พึ่งคนเดียวของเขา เรามองว่ามันคงเป็นเรื่องที่แย่มากๆ
ถ้าได้เจอหมอท่านนี้
อักษรย่อหมอท่านนี้ ภ. นามสกุล เหล่า….
สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจไปแผนกจิตเวชโรงพยาบาลจุฬา พิจารณาดูนะะ
ใครชอบสไตล์ หมอ ร่ายนู้นร่ายนี้ นั่งตัดสินตัวตนเรา แทนการให้คำปรึกษาด้านจิตวิทยา
เราว่าโทรหาน้าเน็กแหละดีกว่า
หรือ ใครอยากมาหาจิตแพทย์เพื่อให้เขามาบอกว่าคุณเป็นนพลักษณ์ เบอร์ไหน คุณไปลงคอร์สนพลักษณ์ดีกว่า