ประวัติศาสตร์เครื่องประดับของไทย มีการค้นพบที่น่าสนใจหลายประการมาเป็นระยะ เช่น มีการขุดพบสร้อยคอและกำไลที่ทำจากเปลือกหอยหรือกระดูกสัตว์อยู่ภายในหลุมศพของทั้งมนุษย์ผู้ชายและผู้หญิง เครื่องประดับในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ถูกสร้างขึ้นมาไม่ใช่แค่เพื่อแสดงทักษะฝีมืออันวิจิตร หรือเพื่อตกแต่งร่างกายภายนอกเท่านั้น ตามหลักฐานทางโบราณคดีและมานุษยวิทยาเกี่ยวกับศิลปะเครื่องประดับ พอจะสรุปได้ว่า เครื่องประดับเป็นวิธีการแรกๆ ที่มนุษย์ใช้ในการแสดงออกทางสุนทรีภาพ
แต่การเลือกซื้อเครื่องประดับหนึ่งชิ้นมีรายละเอียดมากมาย ทำให้ผู้ซื้อที่ไม่มีความรู้อาจประสบปัญหาในการเลือกซื้อ ดังนั้นในปัจจุบันจึงมีการใช้ระบบ“ใบรับประกัน”หรือที่นิยมเรียกว่า “ใบเซอร์”(Certificate) แนบไปกับสินค้า เพื่อให้ลูกค้าได้ทราบว่าเครื่องประดับชิ้นนี้เป็นของแท้ มีคุณภาพจริง ทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าเครื่องประดับที่ซื้อไปนั้นมีลักษณะ มีชนิดและน้ำหนักของโลหะ ชนิดและน้ำหนัก (หรือกะรัต) ของอัญมณีตลอดจนรายละเอียดต่างๆ ตรงกับตามที่ทางร้านได้โฆษณาไว้ ซึ่งลูกค้าย่อมสามารถนำไปตรวจสอบกับที่อื่นๆ ได้ว่าเครื่องประดับชิ้นนี้มีรายละเอียดตรงตามใบรับประกันหรือไม่ “ใบรับประกัน”นับว่ามีความสำคัญมาก โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับอัญมณีราคาสูง เช่น “เพชร” ที่แม้จะมีขนาดเล็กมากแต่ราคากลับสูงมาก ทั้งยังมีรายละเอียดมากมายทั้งน้ำหนัก ความใส การเจียระไน และสี ส่วนเพชรที่ไม่มีใบรับประกันแม้จะมีราคาถูกกว่ามากแต่ก็ควรจะหลีกเลี่ยง เพราะไม่อาจรู้ได้ว่าเครื่องประดับเพชรชิ้นนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร เพราะเมื่อสินค้ามีราคาสูงย่อมมีการปลอมแปลง “ใบรับประกัน” ได้เหมือนกัน ผู้ซื้อจึงต้องระมัดระวังและตรวจสอบทั้งในส่วนของผู้ค้าและสินค้านั้นๆ ประกอบการตัดสินใจด้วย
สคบ. ได้ออกประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก ฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2544) เรื่อง ให้อัญมณีเจียระไน และเครื่องประดับอัญมณีเจียระไน เป็นสินค้าที่ควบคุมฉลากเพื่อให้ผู้ซื้อได้รับความสะดวกในการตัดสินใจซื้อ เพราะฉลากของสินค้าจะต้องระบุข้อมูลที่สำคัญและจำเป็น คือ ชื่อ หรือเครื่องหมายการค้า ของผู้ผลิต ผู้จำหน่าย หรือผู้นำเข้าแล้วแต่กรณี หากนำเข้ามาต้องระบุประเทศที่ผลิต ส่วนสำคัญคือ “ห้าม” ใช้ชื่อของอัญมณีธรรมชาติในฉลากหากอัญมณีนั้นไม่ใช่อัญมณีธรรมชาติจริง เช่น มรกตเทียม เพชรสังเคราะห์ โดยให้ระบุว่าเป็นอัญมณีเลียนแบบหรืออัญมณีสังเคราะห์แล้วแต่กรณี รวมถึงการแสดงน้ำหนักอัญมณีโดยระบุหน่วยเป็นกะรัต (ใช้สัญลักษณ์ ct) รวมถึงปริมาณความบริสุทธิ์ของทองรูปพรรณที่ใช้ขึ้นรูปหน่วยเป็นเปอร์เซนต์หรือร้อยละ และการระบุราคาจำหน่าย
ดูอย่างไรให้ได้ของแท้ ?
แต่การเลือกซื้อเครื่องประดับหนึ่งชิ้นมีรายละเอียดมากมาย ทำให้ผู้ซื้อที่ไม่มีความรู้อาจประสบปัญหาในการเลือกซื้อ ดังนั้นในปัจจุบันจึงมีการใช้ระบบ“ใบรับประกัน”หรือที่นิยมเรียกว่า “ใบเซอร์”(Certificate) แนบไปกับสินค้า เพื่อให้ลูกค้าได้ทราบว่าเครื่องประดับชิ้นนี้เป็นของแท้ มีคุณภาพจริง ทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าเครื่องประดับที่ซื้อไปนั้นมีลักษณะ มีชนิดและน้ำหนักของโลหะ ชนิดและน้ำหนัก (หรือกะรัต) ของอัญมณีตลอดจนรายละเอียดต่างๆ ตรงกับตามที่ทางร้านได้โฆษณาไว้ ซึ่งลูกค้าย่อมสามารถนำไปตรวจสอบกับที่อื่นๆ ได้ว่าเครื่องประดับชิ้นนี้มีรายละเอียดตรงตามใบรับประกันหรือไม่ “ใบรับประกัน”นับว่ามีความสำคัญมาก โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับอัญมณีราคาสูง เช่น “เพชร” ที่แม้จะมีขนาดเล็กมากแต่ราคากลับสูงมาก ทั้งยังมีรายละเอียดมากมายทั้งน้ำหนัก ความใส การเจียระไน และสี ส่วนเพชรที่ไม่มีใบรับประกันแม้จะมีราคาถูกกว่ามากแต่ก็ควรจะหลีกเลี่ยง เพราะไม่อาจรู้ได้ว่าเครื่องประดับเพชรชิ้นนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร เพราะเมื่อสินค้ามีราคาสูงย่อมมีการปลอมแปลง “ใบรับประกัน” ได้เหมือนกัน ผู้ซื้อจึงต้องระมัดระวังและตรวจสอบทั้งในส่วนของผู้ค้าและสินค้านั้นๆ ประกอบการตัดสินใจด้วย
สคบ. ได้ออกประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก ฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2544) เรื่อง ให้อัญมณีเจียระไน และเครื่องประดับอัญมณีเจียระไน เป็นสินค้าที่ควบคุมฉลากเพื่อให้ผู้ซื้อได้รับความสะดวกในการตัดสินใจซื้อ เพราะฉลากของสินค้าจะต้องระบุข้อมูลที่สำคัญและจำเป็น คือ ชื่อ หรือเครื่องหมายการค้า ของผู้ผลิต ผู้จำหน่าย หรือผู้นำเข้าแล้วแต่กรณี หากนำเข้ามาต้องระบุประเทศที่ผลิต ส่วนสำคัญคือ “ห้าม” ใช้ชื่อของอัญมณีธรรมชาติในฉลากหากอัญมณีนั้นไม่ใช่อัญมณีธรรมชาติจริง เช่น มรกตเทียม เพชรสังเคราะห์ โดยให้ระบุว่าเป็นอัญมณีเลียนแบบหรืออัญมณีสังเคราะห์แล้วแต่กรณี รวมถึงการแสดงน้ำหนักอัญมณีโดยระบุหน่วยเป็นกะรัต (ใช้สัญลักษณ์ ct) รวมถึงปริมาณความบริสุทธิ์ของทองรูปพรรณที่ใช้ขึ้นรูปหน่วยเป็นเปอร์เซนต์หรือร้อยละ และการระบุราคาจำหน่าย