JJNY : 5in1 อนุฯ บุกกรมประมง│‘กัณวีร์’ จี้จัดการจีนเทาดำ│เจอ JN.1 ระบาดพุ่ง│พบ NPL รถกระบะพุ่งสูง│“อียู” ตบหน้าฮังการี

อนุฯปลาหมอคางดำ บุกกรมประมง ได้คำตอบชัด เอกชนนำเข้าไม่ส่งครีบ-ปี’60 ยังเจอในบ่อพักน้ำ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4696009
 
อนุฯปลาหมอคางดำ บุกกรมประมง ถามข้อมูลนำเข้า ได้คำตอบชัด เอกชนนำเข้าไม่ส่งครีบ – ปี’60 ไปตรวจยังเจอปลาในบ่อพักน้ำ โชว์ครีบยันมีดีเอ็นเอชัด เชิญเอกชนให้ข้อมูล 25 ก.ค.

เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม ที่กรมประมง นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะอนุ กมธ.พิจารณาศึกษาสาเหตุ และแนวทางการแก้ไขปัญหา รวมถึงผลกระทบจากการนำเข้าปลาหมอคางดำ เพื่อการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ในราชอาณาจักรไทย ใน กมธ.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธานคณะอนุ กมธ. นำทีมคณะอนุ กมธ. เข้าร่วมประชุมกับ นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง และเข้าตรวจสอบห้องเก็บตัวอย่างปลาที่ดองไว้ในขวดโหล และห้องธนาคารดีเอ็นเอ และห้องปฏิบัติการจิโนมสัตว์น้ำ เพื่อทวงหาหลักฐาน และข้อมูล การนำเข้าปลาหมอคางดำของบริษัทเอกชน รวมทั้งเอกสารเกี่ยวกับการส่งมอบตัวอย่างปลาที่บริษัทเอกชนอ้างว่ามีการส่งมอบให้กับกรมประมงแล้ว เนื่องจากทางกรมประมงยืนยันก่อนหน้านี้ว่า ไม่พบหลักฐานการรับตัวอย่างปลาจำนวน 50 ตัว

นพ.วาโยเปิดเผยว่า คณะอนุ กมธ.ได้รับการตอบรับจากทางกรมประมงเปิดเอกสารรายละเอียดต่างๆ ที่ทาง กมธ.ได้ขอกับทางกรมประมงไป โดยรายละเอียดเอกสารที่ได้ขอไปกับทางกรมประมงมี ดังนี้ 1.รายงานการขออนุญาตของบริษัทเอกชนที่ขอนำเข้าพันธุ์ปลาหมอคางดำ เข้ามาวิจัย ครอบครองแบบมีเงื่อนไขอย่างไร และแผนโครงการวิจัยเป็นแบบไหน ขณะนี้ทาง กมธ.ยังไม่เห็นรายละเอียดคำขอในเอกสารว่าขออย่างไร และกรมประมงอนุญาตอย่างไรในปี 2549 และในปี 2553 2.รายงานการประชุมปี 2553 และปี 2549 มีรายละเอียดเบื้องต้น ปี 2553 ว่ามีการให้ทางกรมประมงเก็บตัวอย่างครีบปลา แต่ปี 2549 ทางบริษัทเอกชนไม่ได้มีการส่งครีบให้

นพ.วาโยกล่าวว่า 3.ข้อมูลการส่งออกปลาพันธุ์สวยงามตั้งแต่ช่วงปี 2556 ถึง 2559 ทั้งหมด 17 ประเทศ 320,000 กว่าตัว โดยบริษัทหรือเอกชน 11 ราย ทาง กมธ.ได้ขอเอกสารและรายชื่อทั้งหมดแล้ว ซึ่งก็ได้รายชื่อทั้งหมดมาแล้ว และ 4.การปฏิบัติหน้าที่ของกรมประมง ในช่วงพบการระบาดครั้งแรกในปี 2554 ว่าทางกรมประมงตอนนั้นปฏิบัติอย่างไรต่อการระบาด ปี 2554 ทำไมถึงปล่อยให้มีการระบาดอีกครั้ง ปี 2560 เพราะกรมประมงมาปฏิบัติหน้าที่ที่จริงตอนระบาดไปแล้วคือปี 2560 แต่ในเวลานั้นก็ลงพื้นที่อย่างขยันขันแข็ง และมีรายงานที่มีการไปถ่ายรูปบ่อซีเมนต์ แต่ช่วงช่องว่างระหว่างนั้น กรมประมงบอกว่าสภาพบังคับ และหน้าที่ของตนเองไม่มีตามมาตรา 54 และคณะไอบีซีที่ตั้งขึ้นมามันไม่ได้มีสภาพทางกฎหมาย

นพ.วาโยกล่าวว่า ข้อมูลทั้งหมดที่ได้มาจากทางกรมประมงวันนี้ ถือว่าค่อนข้างละเอียด และขอชื่นชมทางกรมประมงที่มีความตั้งใจในการเตรียมเอกสาร เห็นความพยายามอย่างยิ่ง แม้ว่าทางคณะอนุ กมธ.จะยังคงมีข้อสงสัยเรื่องรายละเอียดแผนโครงการวิจัย ว่าในคำขอในเอกสารว่าทางบริษัทเอกชนขออย่างไร และกรมประมงอนุญาตอย่างไร ในปี 2549 และในปี 2553 รวมถึงเรื่องการเทียบชิ้นครีบ ที่เชื่อว่าจะเป็นวิธีการสืบหาต้นตอได้เห็นชัดเจนที่สุด

หากเรามีครีบในปี 2553-2554 และบริษัทเอกชนส่งชิ้นครีบมายังกรมประมง ซึ่งมีชิ้นส่วนครีบปลาและเนื้อเยื่อที่ระบาดในปี 2560 และปัจจุบัน แล้วนำมาแมตช์กัน ถ้าผลตรงกันหมดก็จบ สามารถรู้ต้นตอ ถ้าทำตามเอกสารเหล่านี้คือไม่มีปัญหาเลย” นพ.วาโยกล่าว

นพ.วาโยกล่าวว่า วันที่ 25 กรกฎาคม 2567 จะเชิญบริษัทเอกชนมาให้ข้อมูลต่ออนุกรรมาธิการ เพื่อขอเนื้อในว่าชื่อโครงการวิจัยชื่ออะไร ใครเป็นหัวหน้าโครงการวิจัย ใช้งบประมาณในการวิจัยเท่าไหร่ มีคำถามของการวิจัย หรือสมมุติฐานของการวิจัยคืออะไร แล้วระเบียบวิธีการวิจัยเป็นอย่างไร บ่อเปิด บ่อปิด เลี้ยงตรงไหน มีกระบวนการในการกั้นหรือป้องกันไม่ให้ปลาหลุดไปข้างนอกมากน้อยแค่ไหนอย่างไร แล้วก็การรายงานในแต่ละขั้นตอน

นพ.วาโยกล่าวว่า สำหรับกรณีที่จะมีการเอาดีเอ็นเอของปลาหมอคางดำในปัจจุบันที่ระบาดไปเทียบกับดีเอ็นเอของที่ต้นกำเนิดของปลาพันธุ์นี้ที่ประเทศกานา เขตแอฟริกาตะวันตกหรือไม่เพื่อให้รู้ถึงต้นตอ  แหล่งที่มาได้ชัดเจนนั้น จริงๆ ได้มีการเสนอประเด็นนี้ขึ้นมาตั้งแต่การประชุมนัดแรก แต่รับปากว่าจะรับเรื่องนี้ไปพิจารณาต่ออีกที

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายบัญชาได้นำคณะอนุ กมธ.เยี่ยมชมห้องเก็บตัวอย่างสัตว์น้ำ 2 ห้อง โดยห้องแรกเป็นห้องเก็บตัวอย่างที่มีสัตว์น้ำที่ดองไว้เป็นตัวอย่างหลากหลายชนิดประมาณ 160 ชนิด กว่า 5 พันโหล นอกจากนี้ ยังพบว่ามีโหลดองปลาหมอคางดำที่เก็บมาจากบ่อธรรมชาติในพื้นที่จังหวัดนครปฐม ซึ่งเก็บมาล่าสุดในเดือนกรกฎาคม ปี 2567 นี้ และพาเยี่ยมชมห้องธนาคาร DNA และห้องปฏิบัติการจีโนมสัตว์น้ำ ตั้งอยู่ที่บริเวณชั้น 6 อาคารปรีดา เนื่องจากเป็นห้องที่เก็บ DNA ครีบปลาหมอคางดำที่ทางนายบัญชา อธิบดีประมง เคยกล่าวไว้ว่า กรมประมงมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมพบว่า ในปี 2560 เจ้าหน้าที่กรมประมงขอเข้าตรวจสอบที่บ่อเพาะเลี้ยงของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.ยี่สาร อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม เพื่อตรวจหาสาเหตุเกี่ยวกับการระบาดของปลาหมอคางดำ โดยมีการทอดแหในบ่อเพาะเลี้ยงซึ่งพบมีปลาหมอคางดำในบ่อจึงได้เก็บตัวอย่างจากครีบและชิ้นเนื้อมารักษาไว้ที่ห้องเก็บที่ห้องนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการเยี่ยมชม มีเจ้าหน้าที่ประมงหลายคนอธิบายถึงขั้นตอนการเก็บตัวอย่างสัตว์น้ำอย่างละเอียด นำโดย น.ส.อภิรดี หันพงศ์กิตติกูล นักวิชาการประมงชำนาญการพิเศษ และ น.ส.ทิวารัตน์ เถลิงเกียรติลีลา รักษาการผู้เชี่ยวชาญความหลากหลายทางชีวภาพด้านการประมงน้ำจืด เผยว่า ในห้องนี้มีการเก็บตัวอย่างหลากหลายแบบทั้งเลือด ครีบ เนื้อเยื่อ และชิ้นส่วนต่างๆ ของร่างกายสัตว์น้ำ ซึ่งในนี้มีกว่า 5,300 ตัวอย่าง รวมทั้งครีบปลาหมอคางดำของปี 2560 ซึ่งเก็บมาจากบ่อพักน้ำของบริษัทเอกชน โดยภายในขวดเก็บตัวอย่างมีชิ้นเนื้อและครีบปลาหมอคางดำ โดยจากการตรวจสอบ DNA พบว่า ลักษณะทางพันธุกรรมที่แพร่ระบาดในปัจจุบันมีความคลายคลึงกัน
 


‘กัณวีร์’ ระบุ ‘ป้ายโฆษณาขายพาสปอร์ต’ แสดงอำนาจเหิมเกริม จี้จัดการธุรกิจจีนเทาดำ ทำผิดกม.กลางกรุง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4695433

‘กัณวีร์’ ระบุ ‘ป้ายโฆษณาขายพาสปอร์ต’ แสดงอำนาจเหิมเกริม จี้รัฐไทย จัดการกลุ่มธุรกิจจีนเทาดำ ทำผิดกฎหมายกลางกรุง

วันที่ 23 กรกฎาคม นายกัณวีร์ สืบแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม กล่าวถึงกรณีมีการขึ้นป้ายโฆษณาเป็นภาษาจีนกลางแยกห้วยขวางให้บริการซื้อขายพาสปอร์ตย้ายประเทศ แม้จะมีการปลดป้ายออกไปแล้ว แต่มีการวิจารณ์และเรียกร้องให้ตรวจสอบว่าทำได้หรือไม่ โดยนายกัณวีร์ กล่าวว่า เรื่องนี้สะท้อนถึงความเหิมเกริมของธุรกิจจีนเทาดำที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าทำไมประเทศไทยจึงตกอยู่ในสภาพนี้

พูดถึงธุรกิจสีเทาสีดำที่มีผลกระทบกับไทยก็คงต้องเป็นธุรกิจที่มาจากประเทศจีนนั่นเอง แต่ขอให้ทุกคนแยกให้ออกนะครับว่าผมพูดถึงคนที่ทำธุรกิจ ที่เป็นคนไม่ดี และมาจากประเทศจีน มิใช่ไปว่าประเทศจีนเหมารวมทั้งหมดว่าไม่ดี เราต้องแยกกันให้ออกเสียก่อน

นายกัณวีร์ กล่าวว่า ประเทศไทยต้องรู้ตัวได้แล้วว่าธุรกิจเทาดำ เข้ามามีอิทธิพลตั้งแต่ธุรกิจการล่อลวงคนมาทำงานในบ่อน/คาสิโนออนไลน์ คอลเซ็นเตอร์ แสกมเมอร์ ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ใน 3 ประเทศเพื่อนบ้านของไทย เมียนมา ลาว และกัมพูชาที่ตั้งเด่นเป็นสง่าให้เห็นโดยเฉพาะในประเทศเมียนมา ซึ่งเราคงไม่ก้าวล่วงไปประเทศเพื่อนบ้านว่าเค้าตั้งถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่อย่างไร หากแต่การมีสิ่งต่างๆ เหล่านี้อยู่และส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อคนไทยและประเทศไทย เราคงยอมมิได้
 
ทั้งการล่อลวงให้ไปทำงานที่ไม่ตรงปก และขบวนการนำพานำคนเข้ามาทั้งผ่านไทยและออกจากไทย ไม่ว่าเหยื่อจะยินยอมให้นำพาหรือไม่ สุดท้ายจบที่ขบวนค้ามนุษย์และมีเหยื่อที่ตกหลุมพรางวงจรอุบาทว์นี้เป็นหลักหมื่น ที่มาจากเกือบร้อยสัญชาติ หลายคนยอมจ่ายเงินค่าไถ่เพื่อหนีออกมาจากความอำมหิตของขบวนการนำพา หลายคนอยากจ่ายแต่ไม่มีเงิน หลายคนสามารถกลับไปพบญาติได้ แต่หลายคนก็หายสาบสูญเช่นกัน

นายกัณวีร์ ระบุว่า เงินเทาดำมหาศาลเหล่านี้ได้ถูกนำพาเข้ามาในไทยแล้วฟอกด้วยธุรกิจถูกกฎหมายอย่างน่าฉงนว่าทำไมเงินมากมายขนาดนั้นถึงไม่มีการตรวจสอบเส้นทางทางการเงินอย่างถี่ถ้วนว่าเงินนั้นมาจากไหน เมื่อปี 2565 ก็มีการทลายและจับกุมกลุ่ม 5 มังกรจีนเทาที่เป็นข่าวใหญ่โต แต่ทำไมมันไม่จบ

ดูเหมือนเส้นทางการเงินระหว่างธุรกิจจีนเทาดำนี้จะบรรจบกันทั้งจากนอกประเทศและในประเทศไทย และยิ่งนานวันมันยิ่งขยายตัวและดูจะไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมืองใครๆ ใดๆ ทั้งนั้น วันนี้ตกใจที่มีข่าวเห็นป้ายประกาศเป็นภาษาจีนใหญ่โตมโหฬารตรงรัชดากลางกรุงที่ถือเป็นใจกลางของคนจีนว่าสามารถซื้อพาสปอร์ตประเทศต่างๆ เพื่อมาขอสัญชาติไทยได้ ราคาก็แล้วแต่ประเทศไป

นายกัณวีร์ กล่าวว่า เป็นไปได้เหรอที่ป้ายเหล่านั้นมาติดตั้ง แต่ที่น่าตกใจคือส่วนราชการที่เกี่ยวข้องออกมาให้ข่าวว่า “ไม่เข้าข่ายผิดกฎหมาย ประเทศอื่นๆ เขาก็ทำกัน” ซึ่งตนเองเห็นว่า ผิดกฎหมาย เป็นการโฆษณาชวนเชื่อ และ หลอกลวงคนอื่นให้เข้าใจว่าสามารถช่วยเหลือในการได้มาซึ่งสัญชาติไทยได้

นี่มันเหิมเกริมถึงขั้นเข้ามานิ่มๆ แล้วขายสัญชาติไทยให้คนจีน (เพราะเขียนเป็นภาษาจีน) กันอย่างเอิกเกริกในใจกลางหัวใจของ กทม. ที่มีสถานเอกอัคราชทูตจีนประจำประเทศไทยตั้งอยู่ มันมากเกินไปครับ อธิปไตยของไทยถูกย่ำยี แล้วเรายังมานั่งเฉยบอกว่าไม่ผิดกฎหมายไม่ได้

นายกัณวีร์ กล่าวย้ำว่า อีกไม่นานเราอาจจะกลายเป็นเมืองขึ้นทางเศรษฐกิจทั้งผิดและถูกกฎหมายด้วยการฟอกเงินโดยไม่รู้ตัว นี่ยังไม่รวมถึงเส้นทางสายไหม (One Belt One Road) ที่เป็นกับดับหลุมพรางหนี้ทางการทูต (Debt Trap Diplomacy) ที่จะเกิดขึ้นจากโครงการแลนด์บริดจ์ที่จะผ่านชุมพรและระนองด้วยเงิน 1.1 ล้านล้านบาทด้วย

แต่ครั้งนี้ขอพูดแต่เรื่องจีนเทาดำนี่ก่อน ทำไมทั้งๆ ที่จับตู้ห่าวและแก๊งค์ 5 มังกรจีนเทาได้หลายคนเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เส้นทางการเงินมันจะสืบไม่ได้เลยเหรอว่าเงินมันเดินทางไหน ?? บ่อนหรือของผิดกฎหมายในไทยนั่นผมไม่กังวล แต่กังวลที่มันเอามาฟอกขาวแล้วเอากลับไปทำเทาและดำใหม่ แล้วกลับมาฟอกอีกนี่แหละที่สำคัญครับ รวมทั้ง ธนาคารในไทยทั้ง 5 ที่มีข่าวและถูกเชิญจาก กมธ.ความมั่นคงของสภาผู้แทนฯ มาชี้แจงเรื่องการสนับสนุนกิจการทางทหารในเมียนมา ลองคิดให้ดีครับมันปะติดปะต่อกันได้หมด

นายกัณวีร์ ยืนยันว่า จะต้องติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ เพราะอธิปไตยไทยถูกละเมิดอย่างแนบเนียน หรือหากเป็นการยินยอมโดยสมัครใจยิ่งเลวร้ายกว่าเก่าและต้องมีผู้รับผิดชอบ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่