วันนี้มาแนะนำประวัตินักแสดงช็อนจีฮยอน (Jun Ji Hyun) by ยูทูบ @letsgettoknowher (ep 12)

ช็อนจีฮุน หรือ ช็อนจีฮยอน (Jun Ji Hyun, Jeon Ji Hyeon หรือ 전지현) มีชื่อจริงว่า หวังจีฮยอน (Wang Ji Hyun หรือ 왕지현) และชื่อภาษาอังกฤษคือ เจียนนา ช็อน  Gianna Jun เกิดเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 1981 ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ มีพี่ชาย 1 คน เธอเรียนจบจากมหาวิทยาลัยดงกุก (Dongguk University) สาขาการละครและภาพยนตร์ ในปี 2004 จากนั้นก็เรียนต่อในระดับปริญญาโท สาขา Digital Media and Contents และเรียนจบในปี 2011
             ในวัยเด็กครอบครัวของเธอสนับสนุนให้เธอเป็นนางแบบหรือนักแสดงเพราะความสูงและรูปร่างผอมเพรียว แต่เธอนั้นอยากเป็นแอร์โฮสเตสมากกว่า จนกระทั่งในปี 1997 เมื่ออายุได้ 16 ปี เธอได้พบกับมีบรรณาธิการนิตยสารแฟชั่นโดยบังเอิญ จึงได้รับการทาบทามถ่ายแบบลงหนังสือแฟชั่นให้กับนิตยสาร Ecole หลังจากนั้นเธอก็มีการรับงานถ่ายแบบและงานโฆษณาบ้าง จนในปีค.ศ. 1998 เธอก็ได้มีผลงานการแสดงซีรีส์เรื่องแรก Fascinate My Heart และในปีต่อมาเธอก็ได้แสดงภาพยนตร์และรับบทนำครั้งแรกเรื่อง ยัยตัวร้าย หัวใจติดปีก (White Valentine)  และเธอก็มีโอกาสรับงานโฆษณา Samsung My Jet Printer ทำให้ชื่อเสียงและโด่งดังเกิดจากโฆษณาชิ้นนี้ จนเธอกลายเป็นไอคอลกลุ่มชาวเกาหลีวัยยี่สิบต้น ๆ และวัยรุ่นตอนปลาย
ในปี 2000 เธอได้รับบทนำในภาพยนตร์เรื่องลิขิตรัก ข้ามเวลา (Il Mare)  โดยภาพยนตร์ดังกล่าวได้รับเสียงตอบรับที่ดีจนถูกฝั่งฮอลลีวูดไปสร้างใหม่ในชื่อ The Lake House 
                ในปี 2001 ชื่อเสียงของเธอถูกพูดถึงเป็นอย่างมากไม่ใช่แค่เพียงในประเทศเกาหลีใต้เท่านั้น แต่ในหลายประเทศในเอเชีย ต่างรู้จักเธอจากการแสดงในภาพยนตร์เรื่อง My Sassy Girl หรือชื่อไทย ยัยตัวร้ายกับนายเจี๋ยมเจี้ยมสื่อในประเทศไทยตั้งสมญา ยัยตัวร้าย ให้กับเธอ และแน่นอนว่าชายไทยหลายคนในเวลานั้นคงตกอยู่ในมนต์เสน่ห์ของยัยตัวร้ายอย่างเธอเข้าไปแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่นับว่าเป็นซุปเปอร์ซอฟเพาเวอร์ของประเทศเกาหลีใต้ก็ว่าได้ เพราะกวาดรายได้ในประเทศเกาหลีใต้ ,ญี่ปุ่น,ไต้หวัน และ ฮ่องกง อย่างเป็นกอบเป็นกําจน และหนังเรื่องนี้ถูกนำไปรีเมคเป็นซีรี่ส์ในเวอร์ชั่นญี่ปุ่น จีน อินเดีย เนปาล รวมถึงมีเวอร์ชั่นไทยในชื่อ My Sassy Girl ยัยตัวร้ายกับนายกระจั๊วะ และความโด่งดังนี้เอง ส่งผลให้เธอได้รับรางวัล Grand Bell Awards สาขานักแสดงหญิงยอดเยี่ยม ในปี 2002 ด้วย
            หลังจากนั้นเธอก็มีผลงานภาพยนตร์ดี ๆ ออกมาอีกมากมายทั้ง ยัยตัวร้ายกับโต๊ะผี (The Uninvited) ในปี 2003 ยัยตัวร้ายกับนายเซ่อซ่า (Windstruck) ในปี 2004  ล่าหัวใจ ยัยตัวร้าย (Daisy) ในปี 2006 จนกระทั่ง ในปี 2009 เธอก็ได้เป็นนักแสดงภาพยนตร์ระดับฮอลิวูดที่มีหลายประเทศร่วมผลิต คือเรื่อง ยัยตัวร้าย สายพันธุ์อมตะ (Blood: The Last Vampire) หนังถ่ายทำในประเทศจีนและประเทศอาร์เจนตินา โดยภาพยนตร์เรื่องดัดแปลงมาจากอนิเมะญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมในขณะนั้น และเธอต้องเข้าอบรมการใช้ดาบในการต่อสู้อย่างหนักถึงสามเดือน
            ในปี 2010 เธอก็ได้รับบทสาวจีนประกบคู่กับหลี่ ปิงปิง ในภาพยนตร์เรื่อง จดหมายลับไป่เหอ  (Snow Flower and the Secret Fan) โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นเรื่องของหญิงสาวสองคนที่มีสัมพันธ์อันลึกซึ้ง แต่ด้วยกรอบของสังคม และวัฒนธรรมอันเคร่งครัดของจีน ทั้งคู่จึงต้องใช้ภาษาพิเศษที่เรียกว่า 'หนี่ซู' เพื่อปกปิดความลับ และในปีนั้นเอง แอนนี ลีเบอวิตซ์ ได้ถ่ายรูปเธอลงในนิตยสารโวคอเมริกันประจำเดือนกรกฎาคม ซึ่งเธอถือเป็นนักแสดงหญิงเกาหลีคนแรกที่ได้ลงนิตยสารแฟชั่นที่มีชื่อเสียง
           ต่อมาในปี 2012 เธอก็ได้แสดงภาพยนตร์สองสัญชาติฮ่องกงและเกาหลี แนวโจรกรรมอย่าง 10 ดาวโจรปล้นโคตรเพชร (The Thieves) ภาพยนตร์ดังกล่าวติดอันดับภาพยนตร์เกาหลีขายดีที่สุดอันดับสองในปีนั้น และในปีเดียวกันนี้เองเธอก็ได้ประกาศแต่งงานกับหนุ่มนอกวงการที่ชื่อ ชเวจุนฮยอก แม้เขาจะไม่ใช่คนในวงการบันเทิง แต่โปรไฟลไม่ธรรมดาเลย เพราะเขาเป็นหลานชายของนักออกแบบชุดฮันบกที่มีชื่อเสียงของเกาหลี อียองฮี  พ่อของเขาร่ำรวยจากการถือครองหุ้นส่วนใหญ่ใน Alpha Asset Management และแม่ของเขาคือ “อีจองอู” ดีไซเนอร์ที่มีชื่อเสียง หลังจากการแต่งงานเธอก็ยังมีผลงานการแสดงภาพยนตร์ตามมาอีกทั้ง เรื่อง เบอร์ลิน รหัสลับระอุเดือด (The Berlin File)
             ในปี 2013 และ กลับมารับเล่นซีรีส์หลังจากทิ้งไปนาน 14 ปี กับเรื่องยัยตัวร้ายกับนายต่างดาว (My Love from the Star) ซีรีส์เรื่องนี้ก็เรียกได้ว่าปังสุดๆอีกเรื่อง โดยเธอได้รับค่าเหนื่อยไปตอนละ 100 ล้านวอนหรือเกือบ 32 ล้านบาทต่อตอน คิดรวมทั้งเรื่องซึ่งมี 21 ตอนก็ปาเข้าไปกว่า 672 ล้านบาท และจากตรงนั้นมาถึงปัจจุบัน ค่าตัวของเธอก็ไม่เคยลดลงจากนี้เลยมีแต่จะเพิ่มขึ้น โดยข่าวว่าถ้าอยากได้เธอไปร่วงานจะต้องจ่ายไม่ต่ำกว่า 17,000 ล้านวอนหรือกว่า 467 ล้านบาทต่อครั้ง 
           หลังจากนั้นเธอก็ยังมีผลงานตามมาแทบทุกปี ทั้งยัยตัวร้ายสไนเปอร์ (Assassination) ในปี 2015 ซึ่งการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ เธอก็ได้ตั้งครรภ์อยู่ เงือกสาวตัวร้ายกับนายต้มตุ๋น (The Legend of the Blue Sea) ในปี 2016 เป็นนักแสดงรับเชิญในซีรีส์ ผีดิบคลั่ง บัลลังก์เดือด (Kingdom) ในปี 2020 ซึ่งก็ปูเนื้อหาให้เธอมาแสดงภาพยนตร์ที่บอกจุดกำเนิดของผีดิบ ในเรื่อง Kingdom: Ashin of the North ในปี 2021 นับได้ว่าเธอคือเจ้าแม่แห่งว่าการนักแสดงแถวหน้าจริงๆ
           เกล็ดข้อมูลอื่นๆ ของเธอ คือ นอกจากงานนักแสดงแล้วเธอยังมีทักษะด้านการบริหารเงิน โดยเธอเป็นเจ้าของตึกหลายแห่งในย่านนอนฮยอนดงที่มีมูลค่าประมาณ 441 ล้านบาท และมีตึกในย่านอินชอนดงที่มีมูลค่าประมาณประมาณ 145 ล้านบาท ซึ่งอัตราค่าเช่ารายเดือนของตึกทั้งสองแห่งนี้ สร้างรายได้ให้เธอประมาณ 1.7 ล้านบาทต่อเดือน แถมเธอยังมีที่ดินที่เธอซื้อไว้ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 851 ล้านบาทเพื่อใช้ในการพัฒนาเป็นอสังหาริมทรัพย์อีกด้วย ส่วนเรื่องการดูแลรูปร่างเธอก็เปิดเผยว่านอกจากการทานอาหารที่มีประโยชน์และออกกำลังกายแล้ว เธอยังมีทริคด้วยการทาลิปสติกก่อนทานอาหารเพื่อให้ตัวเองระมัดระวังเรื่องการกิน หรือ บ้างครั้งเธอก็ทานอาหารด้วยมือข้างซ้ายที่ไม่ถนัดเพื่อจะได้ทานอาหารได้ช้าลง
            เป็นอย่างไรบ้างครับกับประวัติเธอคนนี้ ช็อนจีฮุน ยัยตัวร้ายที่หนุ่มไทยหลายคนหลงรัก เธอยังคงเป็นนักแสดงมากความสามารถมีใบหน้าที่งดงาม มาพร้อมกับการดูแลรูปร่างที่ดูดีเสมอ  แม้ปัจจุบันเธอจะมีลูก 2 คนแล้ว ซึ่งถ้าใครอยากติดตามชิวิตของเธอก็สามารถติดตามได้ที่ IG junjihyun_81  
          สุดท้ายนี้หากท่านต้องการรับชมเนื้อหาทั้งภาพและเสียง สามารถเข้าไปรับชมไปที่ช่อง youtube : @letsgettoknowher  เพื่อเป็นกำลังใจให้เราได้นำเสนอสิ่งดีๆแบบนี้ต่อไป......ขอบคุณครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่