== ขอชื่อ สุธี สามสี่ชาติ (2532) ...สุขสันต์วันเกิด สุริยจักรวาล...?? ==



ในโลกอนาคตไม่ใกล้ไม่ไกลแค่ศตวรรษที่ 66 ท่ามกลางสภาวะสงครามเหยียดหยาม (ชื่อของสงครามน่ะ) 
ทุกชาติรบกันแหลกไม่มีแบ่งฝ่ายอะไรกันให้ยุ่งยาก เจอใครตีดะ เอาให้เจ๊งไปข้าง 
ช่วงเวลาวิกฤตินี้เองประเทศไทยของเราได้ค้นพบแร่ธาตุใหม่ที่เป็นบ่อเกิดพลังอันมหาศาลที่สุดที่มวลมนุษยชาติเคยค้นพบ
มันชื่อว่าแร่อุเบกขา ทุกประเทศจับจ้องการค้นพบครั้งนี้ตาเป็นมัน ทุกชาติอย่างได้อุเบกขาไปครอบครอง



แต่รัฐบาลไทยไม่ยอมแน่ เราขุดเจอก็เป็นของเราสิจริงมั้ย หากแต่คนไทยนั้นรักสงบ 
สงครามใกล้มาถึงประเทศเรามากขึ้นทุกขณะ โลกไม่น่าอยู่อีกแล้ว ทางรัฐบาลเลยตัดสินใจเด็ดขาด 
ใช้พลังงานอุเบกขาร่วมกับโครงการทางวิทยาศาสตร์ครั้งใหญ่ในชื่อว่า "ไทยไม่ท้อถอย"  
ค้นหาดาวดวงใหม่ที่เหมาะสมให้กับคนไทยด้วยยานอวกาศที่ชื่อว่า สยาม ๑๖ก. พร้อมทีมงาน
ออกเดินทางจากโลกด้วยพลังงานอุเบกขาเร่งเป็นปฏิกิริยานุ้ย (นุ้ย ชื่อเล่นของพระครูชัยยโพธิ์ ผู้ค้นพบ คนทั่วไปเรียกปฏิกิริยาหลวงพี่นุ้ย)



สงครามล้างโลกกำลังจะเข้ามาถึงแผ่นดินไทยทุกขณะ ยานสยาม ๑๖ก. ก็เร่งมืออย่างหนัก
เพื่อจะหาดาวที่เหมาะสมเพื่อพาคนไทยทุกคนหนีภัยร้าย อพยพไปอยู่ในโลกใหม่ พวกเขาจะทำสำเร็จได้หรือไม่.....



ขอชื่อสุธี สามสี่ชาติ เป็นภาพยนตร์ไทยผลงานของค่ายไฟว์สตาร์โปรดักชั่น 
สร้างมาจากหนังสือชื่อเดียวกันงานเขียนของ "ประภาส ชลศรานนท์" ตีพิมพ์ครั้งแรกโดยสำนักศิษย์สะดือ ในปี พ.ศ. 2530 
ก่อนจะสร้างเป็นหนังในอีก 2 ปีต่อมา ซึ่งเรื่องที่ผมนำมารีวิวนี้เป็น 1 ใน 4 พาร์ทที่ถูกเลือกมาทำเป็นหนัง 
และถูกจัดวางให้เป็นพาร์ท (ชาติ) สุดท้ายครับ



จริงๆแล้วในหนังสือเนี่ยมันมีทั้งหมด 7 พาร์ท หรือจะเรียกได้ว่า 7 ชาติที่ตัวเอกชื่อว่าสุธีโลดแล่นทั้งหมด 
สงสัยใช่ไหมครับว่าสุธีคือใคร เค้าเป็นทุกอย่างเลยล่ะ ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาขี้อาย.. เป็นนักดนตรีเพี้ยนๆที่ความสามารถสูง... 
เป็นผู้ชายที่เข้าหาผู้หญิงไม่เป็นจนต้องไปพึ่งวิธีการทางวิทยาศาสตร์... เป็นผู้ชายธรรมดาที่รักผู้หญิงคนนึงจนหมดใจ.. 
เป็นหุ่นไล่กา... เป็นนายตำรวจหนุ่มอนาคตไกล.. และก็เป็นกัปตันยานอวกาศที่มีต้องแบกความรับผิดชอบของคนทั้งชาติเป็นเดิมพัน



เมื่อย้อนเวลาไป 35 ปีที่แล้วมันดูดีมากนะในสายตาผม ผมเองไปดูเรื่องนี้ในโรง ดูตอนที่ออกเป็นแผ่น..ดูในโทรทัศน์อีก 
อ่านหนังสือวนไปวนมา จนจำประโยคสนทนาได้ในตอนที่ผมชอบมาก มันเป็นหนังสือที่ตลก.. มีความเสียดสีสังคมในยุคสมัยนั้น.. 
และแต่ละตอนก็แฝงไปด้วยแง่คิดที่ต้องบอกเลยว่า นี่คือหนังสือที่ล้ำมาก 
คุณประภาสสร้างชิ้นงานที่ถือว่ามาก่อนกาลจริงๆ และภาพยนตร์ก็นำเสนอทุกอย่างออกมาได้ชนิดที่ว่าดีไม่มีอะไรตกหล่นเลย



แม้ว่าจะเป็นแค่ส่วนนึงของหนัง แต่ถือได้ว่านี่คือภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกที่นำเสนอความเป็นอวกาศอย่างเต็มที่และแท้จริง 
โดยตอนนั้นหนังอวกาศที่มีอิทธิพลในบ้านเราอย่างสูงก็คือ Star Wars นั่นเอง 
(แมสๆหน่อย คงไม่ถึงขั้น 2001: A Space Odyssey เพราะอันนั้นคือระดับสุดยอด Sci-fi ของโลกนี้ไปล่ะ) 
งานในพาร์ทสุดท้ายก็นำเอาแรงบันดาลใจจาก Star Wars มาแปลงใหม่ให้ดูน่ารักและทะเล้นอย่างมากจริงๆเชียว



ด้วยคาแรคเตอร์ของลูกเรือในยานสยาม ๑๖ก. อาทิ คุณศรัณยู วงศ์กระจ่าง ในบทกัปตันยาน.. 
คุณเปิ้ลนาคร ศิลาชัย รับบท วศิน นักบินยอดเยี่ยมจากกระทรวงยุติธรรม (เกี่ยวกันตรงไหน)... 
คุณกฤษณ์ ศุกระมงคล รับบท กมล นักคอมพิวเตอร์เหรียญทองแม่นยำ... 
คุณเจี๊ยบ วัชระ ปานเอี่ยม รับบท สก๊อง ผู้ช่วยในยานอวกาศที่มาจากดาวลึกลับ.. 
คุณกบ ปภัสรา ชุตานุพงษ์ รับบท แต๋ม นักบินผู้ช่วย.. และคุณโน๊สอุดม แต้พานิช รับบท กิมชาญหุ่นยนต์ลามกลูกครึ่งไทยจีน... 
แค่ชื่อนักแสดงแต่ละท่านก็น่าสนใจสุดๆล่ะ



หนังนำเสนอการผจญภัยของยานลำนี้ด้วยภารกิจที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายอย่างยิ่ง ตัดสลับกับชีวิตของสุธีช่วงที่อยู่บนโลก 
เขามีใครบางคนที่เป็นห่วงอยู่ที่นั่น ดังนั้นเขาต้องทำงานนี้ให้สำเร็จลุล่วงให้จงได้ 
ซึ่งแม้ว่าจะเป็นส่วนนึงของหนังเท่านั้นไม่ใช่ทั้งหมด แต่นี่ก็ 1 ในช่วงที่ดีงามอย่างมาก 
งานดีไซน์ยานอวกาศและฉากต่างๆถ้าผมจำเป็นผิดน่าจะมาจากฝีมือของคุณอรุณ ภาวิไล นะครับ (แกเล่นเป็นสุธีด้วย 1 พาร์ทในหนังเรื่องนี้) 



ด้วยความที่เห็นหนังไทยอย่างยูเรนัส2324 ที่กำลังเข้าโรงในขณะนี้ว่าด้วยเรื่องของอวกาศเช่นกัน 
ก็เลยทำให้ผมหวนนึกถึงความทรงจำในวัยเยาว์สมัยที่ต่อแถวซื้อตั๋วโรงหนังปู่เจ้าฯ 
ความทรงจำที่ผมมีต่อสุธีนั้น มันยังแจ่มชัดไม่เปลี่ยนแปลงจริงๆ ราวกับว่าสุธีอยู่ข้างๆผมตลอดช่วงเวลาของชีวิต
ไม่ว่าผมจะเริ่มแก่ขึ้นไปมากแค่ไหน.. แต่เด็กคนนึงในเวลานั้นก็ยังคงอยู่เสมอในใจไม่เปลี่ยนแปลง



ใจจริงอยากจะรีวิวทุกพาร์ท (หรือทุกชาติ) ของหนังเรื่องนี้นะครับ แต่ไว้โอกาสต่อๆไปล่ะกันเพราะแต่ละพาร์ทมันต่างกันสุดขั้ว 
เขียนอะไรได้เยอะแยะเลยล่ะครับ แต่เอาเป็นว่าถ้าคุณอยากรู้จักผู้ชายที่ชื่อว่าสุธีเหมือนผมล่ะก็ 
ลองไปหาซื้อหนังสือที่ชื่อว่า ขอชื่อสุธีสามสี่ชาติ มาลองอ่านดูนะครับ แล้วคุณจะรู้ว่าคนชื่อสุธี มันน่ารักจริงๆนะเออ ^^ 

=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร 
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่