กมธ.มั่นคงแห่งรัฐฯห่วงเข้ากลุ่ม BRICS สร้างผลร้ายต่อประเทศ
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_741940/
กมธ.มั่นคงแห่งรัฐฯ ชี้เข้ากลุ่ม BRICS อาจไม่ได้ตอบสนองต่อผลประโยชน์ของประเทศ อาจทำไทยดำเนินนโยบายต่างประเทศที่อาจไม่เป็นกลาง สร้างผลร้ายต่อประเทศไทยได้
นาย
รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ แถลงข่าวการพิจารณาผลกระทบและประโยชน์ รวมถึงยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทย กรณีที่ไทยเข้าร่วมกลุ่ม BRICS และไม่ลงนามในการแถลงการร่วมหลังการประชุมสุดยอดสันติภาพยูเครน ณ สมาพันธรัฐสวิส
นาย
รังสิมันต์ กล่าวว่า การพูดคุยร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และสำนักสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ยังไม่ได้มีรายละเอียดที่ชัดเจนเท่าไหร่ ได้คำตอบว่า ประเทศไทยส่วนมากมักจะเข้าร่วมกับทุกกลุ่มอยู่แล้ว ซึ่งกลุ่มบริกส์ไม่มีความชัดเจนในมิติทางเศรษฐกิจ แต่ในเรื่องความมุ่งหมายทางการเมืองค่อนข้างชัดเจนกว่า อาจทำให้ประเทศไทยกำลังดำเนินนโยบายทางการต่างประเทศ ที่อาจไม่เป็นกลาง และอาจสร้างผลร้ายต่อประเทศไทยได้
หนึ่งในประเด็นที่มีการชี้แจงใน กมธ. คือ กลุ่มบริกส์ให้ความสำคัญเรื่อง Local Currency ซึ่งอาจเป็นเงินสกุลตราหยวนในบั้นปลาย การเข้าร่วมกลุ่มบริกส์อาจไม่ได้ตอบสนองต่อผลประโยชน์ของประเทศไทยเท่าไหร่ เนื่องจากประเทศที่มีความสำคัญที่เป็นส่วนหนึ่งของผู้ก่อตั้งกลุ่มบริกส์มีวาระของตัวเอง โจทย์ของประเทศไทยคือจะแก้ปัญหาการขาดทุนทางการค้าได้อย่างไร หากเป็นแบบนี้ต่อไปอาจมีปัญหาความมั่นคง ระหว่างประเทศตามมา โดยเฉพาะช่วง ก.ย. – ต.ค. ซึ่งจะมีการประชุมสำคัญที่สหพันธรัฐรัสเซีย
ส่วนเรื่องการไม่ลงนามในการแถลงการร่วมหลังการประชุมสุดยอดสันติภาพยูเครน ณ สมาพันธรัฐสวิสเบื้องต้น ได้รับแจ้งว่า ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ลงนามเลย เพียงแต่อาจจะต้องผ่านการพิจารณาโดยคณะรัฐมนตรีหาก กมธ.มีความประสงค์ที่อยากให้ไทยร่วมลงนามก็สามารถแสดงความคิดเห็นถึงกระทรวงการต่างประเทศได้ ทั้งนี้ ยังไม่เห็นผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับไทย จึงมีการหารือว่าต้องมีการสนับสนุนให้มีการร่วมลงนาม ในแถลงการณ์ดังกล่าว นำไปสู่การสร้างสันติภาพยูเครนต่อไป
ขณะเดียวกัน กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ เดินทางไปดูงานที่ประเทศโปแลนด์ พบว่า มีข้อมูลตัวเลขที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการรับมือผู้ลี้ภัยชาวยูเครนกว่า 20 ล้านคน ซึ่งสามารถทำทะเบียนประวัติ และสร้างระบบ การตรวจพิสูจน์บุคคลขึ้นมา เพื่อให้การเข้าออกประเทศทำได้ง่ายขึ้น รวมถึงให้สิทธิในหลายเรื่อง ทั้งการศึกษา การทำงาน เป็นสิ่งที่นำมาใช้เรียนรู้ได้
นอกจากนี้ เรื่องการเสริมสร้างการใช้เทคโนโลยี อย่างเสาที่สามารถใช้ AI ระบุว่าสิ่งที่ผ่านเซ็นเซอร์ของเสานี้คืออะไร ไม่ว่าจะสิ่งของหรือสิ่งมีชีวิต เป็นประโยชน์ต่อการตรวจสอบ โดยเฉพาะบริเวณแม่น้ำโขงที่มีการขนส่งยาเสพติดจำนวนมาก เหมาะสมที่จะเสริมสร้างเทคโนโลยีนี้เข้าไป รวมถึงมีหน่วยงาน Polish Border Guard เป็นองค์กรเฉพาะในการตรวจสอบชายแดน และยังทำหน้าที่แทน ตม.สนามบินอีกด้วย
นาย
รังสิมันต์ กล่าวต่อว่า จากการลงพื้นที่ดังกล่าว ได้มีการพูดคุยกันใน กมธ. และได้ข้อสรุปว่า จะกระทำตามนี้
1. ตั้งอนุศึกษา (Border Control) เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ ที่จะจัดตั้งหน่วยงานดูแลชายแดนเป็นการเฉพาะ รวมถึงบริเวณสนามบินต่าง ๆ
2. ตั้งคณะทำงานเรื่องการใช้เทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพตามแนวชายแดน ซึ่งนายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ จะเป็นประธานคณะทำงานในการศึกษาครั้งนี้
3. มีข้อเสนอการศึกษาที่ดินของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมที่อยู่ตามแนวชายแดน ซึ่งเป็นปัญหาต่อการขยับขยาย การเพิ่มประสิทธิภาพของแนวชายแดนประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม คณะ กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ ตั้งคณะทำงาน และจัดทำร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ฉบับที่… พ.ศ. … และร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ฉบับที่… พ.ศ. … ซึ่งเป็นเรื่องการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ในเรื่องการสอบสวน จะมีการจัดสัมมนาในวันที่ 30 ก.ค.ต่อไป และจะลงพื้นที่ จ.จันทบุรี ระยอง และตราด ในวันที่ 17-19 ส.ค. เพื่อดูประเด็นชายแดน เส้นเขตแดน และสิ่งแวดล้อม ที่เจอความท้าทายอย่างมาก แต่ยังไม่มีวิธีการแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม
นาย
รังสิมันต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า คณะกรรมาธิการความมั่นคงฯ จะหารือในประเด็นพบข้อมูลธนาคาร 5 แห่งเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินจัดซื้อออาวุธของรัฐบาลทหารเมียนมา โดยจะเชิญผู้เกี่ยวข้อง มาชี้แจงสัปดาห์หน้า เช่น ตัวแทนธนาคารแห่งประเทศไทย และตัวแทนธนาคารใหญ่ 5 แห่ง หากเป็นเรื่องจริงจะส่งผลกระทบต่อไทยที่อาจถูกมองว่ามีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องกับความรุนแรงในเมียนมา
“นรินท์พงศ์”ชี้ทางออกเดียว ปัญหาเลือกสว.วุ่น! ต้องแก้รัฐธรรมนูญเท่านั้น
https://www.dailynews.co.th/news/3606854/
“นรินท์พงศ์” นายกสมาคมทนายฯ ชี้ความวุ่นวายที่เกิดจากการเลือก สว. มาจากรัฐธรรมนูญ คสช. ทางออกเดียวที่สางปัญหาเรื่องนี้ ต้องแก้รัฐธรรมนูญเท่านั้น
เมื่อวันที่ 5 ก.ค. นาย
นรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์บันทึกจากนายกสมาคมทนายความฯ ว่า
ความวุ่นวายที่เกิดจากการเลือก สว. ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงคุณสมบัติและวิธีการได้มา เกิดจากรัฐธรรมนูญที่ คสช. ต้องการให้ สว. ชุดแรกมีอำนาจเลือกนายกรัฐมนตรีเพื่อให้หัวหน้า คสช. ได้สืบทอดอำนาจทางการเมืองต่อ แต่ทิ้งปัญหาไว้ให้คนรุ่นหลังต้องหาทางแก้ไขกันเอง
ประเด็นสำคัญลำดับแรกที่ต้องพิจารณาคือ การที่ประเทศไทยซึ่งเป็นรัฐเดี่ยวจำเป็นต้องมี สว. หรือไม่ ซึ่งหากคำตอบคือประเทศไทยคุ้นชินกับการมี สว. ถึงขนาดมีการก่อสร้างห้องประชุม สว. ไว้เป็นการถาวรแล้ว ก็จะต้องตอบคำถามต่อไปว่า “จะให้ สว. ทำหน้าที่อะไร” เพื่อนำมาสู่การกำหนดคุณสมบัติและวิธีการเข้าสู่ตำแหน่ง ให้เหมาะสมกับหน้าที่และอำนาจของ สว. ต่อไป
สำหรับคุณสมบัติและวิธีการได้มาซึ่ง สว. ชุดเลือกกันเอง มีความย้อนแย้งและไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญหลายประการ เช่น รัฐธรรมนูญมาตรา 114 บัญญัติให้ สส. และ สว. เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย แต่ สว. กลับมาจากการเลือกกันเอง โดยประชาชนถูกกันออกไม่ให้มีส่วนร่วม รวมทั้งผู้ที่ได้รับเลือกได้คะแนนคนละหลักสิบ สูงสุดไม่ถึง 80 คะแนน แต่ให้เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยจึงย้อนแย้งและขาดการยอมรับจากประชาชน
ยิ่งไปกว่านั้น รัฐธรรมนูญยังให้ สว. ทำหน้าที่กลั่นกรองกฎหมาย โดยบัญญัติให้ส่งร่างพระราชบัญญัติที่สภาผู้แทนราษฎรลงมติให้ความเห็นชอบ แล้วให้วุฒิสภาพิจารณาตามมาตรา 136 และให้อำนาจ สว. เข้าชื่อต่อประธานเพื่อส่งร่าง พ.ร.บ. และ พ.ร.ก. ที่เห็นว่าขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามมาตรา 148 และ 173
อีกทั้งการลงมติตั้ง ส.ส.ร. เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะต้องพึ่งเสียง สว. อย่างน้อย 1 ใน 3 ของสภาแต่การที่ สว. เลือกกันเองชุดนี้ไม่ได้มาจากฉันทามติของประชาชนทั่วประเทศ ดังนั้น สว. จะทำหน้าที่ให้ตรงตามเจตนารมย์และความต้องการที่แท้จริงของประชาชนได้อย่างไร จึงเป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ที่เผด็จการทิ้งไว้ให้ ซึ่งทางออกทางเดียวของการแก้ปัญหาดังกล่าวคือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญเท่านั้น ฉะนั้นจากเหตุผลดังกล่าว สว. จะยอมให้แก้รัฐธรรมนูญหรือ
https://www.facebook.com/lawyerassn/posts/pfbid0TFtDhgKvJZgAnRnTvJgZEVXXnzAtFwYJw1bvgLmTxmDmg8KvVtHAoi6wKCZ1VcxKl-dfuFHNSypdvWmftN3rhoQU4Tc11EBRnKilxzfSKzS_oDWusXuhIZKZUb8RveHG-pXjW1vnRpk64&__tn__=%2CO%2CP-R
ภาคตะวันตกขึ้นราคาหมูหน้าฟาร์ม 2 บาท วันนี้ (5 ก.ค.)
https://www.prachachat.net/economy/news-1600882
วันนี้ (5 ก.ค. 67) ภาคตะวันตกขึ้นราคาหมูหน้าฟาร์ม 2 บาท/กก. แตะ 72 บาท/กก. แต่ยังต่ำสุดเมื่อเทียบกับทุกภาค สมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคเหนือทำหนังสือร้องเรียนกรมการค้าภายในช่วยกำกับโปรโมชั่นค้าปลีกโมเดิร์นเทรด
วันที่ 5 กรกฎาคม 2567 นาย
สิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวว่า สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติปรับราคาสุกรหน้าฟาร์มขึ้น กก.1-2 บาท เฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันตก จ.นครปฐม และราชบุรี จากที่ปรับขึ้นก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2567 กก.ละ 2 บาท ทั่วประเทศ
สำหรับรายงานข้อมูลราคาสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มเทียบกับครั้งก่อนหน้าจะมีรายละเอียด ดังนี้
• ภาคตะวันตก ขยับเป็น 72 บาท/กก.
• ภาคตะวันออก ทรงตัว 70-74 บาท/กก.
• ภาคอีสาน ทรงตัว 72-74 บาท/กก.
• ภาคเหนือ ทรงตัว 75-78 บาท/กก.
• ภาคใต้ ทรงตัว 76 บาท/กก.
ขณะที่สมาคมการค้าผู้เลี้ยงสุกรภาคใต้ ประกาศ ราคาหมูขุน 76 บาท/กก. สุกรซึก 88 บาท/กก. แม่พันธุ์ตัดแต่ง 45 บาท/กก. ส่วนลูกสุกร 1,800 บาท บวกลบ 76 บาท
ขณะที่นายสุนทราภรณ์ สิงห์ลีวงศ์ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคเหนือ ได้ทำหนังสือถึงกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ในช่วงวันที่ 20 มิถุนายน 2567 ถึง 2 กรกฎาคม 2567 ห้างแม็คโครมีการกำหนดราคาจำหน่ายปลีกจำหน่ายส่งอันไม่เป็นธรรม สร้างผลสะท้อนกลับมายังผู้ผลิตสุกรในพื้นที่
กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เป็นหนึ่งในคณะอนุกรรมการวิเคราะห์ต้นทุนการผลิตสุกร ที่มีการคำนวณเป็นรายไตรมาส ทราบถึงความเคลื่อนไหวของต้นทุนการผลิตสุกรเป็นอย่างดี แต่กลับปล่อยปละละเลย ให้มีการกำหนดราคาซื้อสุกรหน้าฟาร์มและการจำหน่ายปลีกเนื้อสุกรอันไม่เป็นธรรม ที่สร้างผลสะท้อนกลับมายังผู้ผลิตสุกรหน้าฟาร์ม เป็นระยะเวลาอย่างยาวนาน
กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ มีอำนาจตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ที่จะต้องกำกับดูแลในประเด็นการกำหนดราคาซื้อ ราคาจำหน่าย และเงื่อนไขทางการค้าให้มีความเป็นธรรม
โดยสามารถบังคับใช้กฎหมายได้ทันทีในกลุ่มสินค้าควบคุม ตามประกาศของคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการในแต่ละปี โดยสุกรและเนื้อสุกรเป็นสินค้าควบคุม ที่ต้องกำกับดูแลในบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวนี้
ขอร้องเรียนให้กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ได้ดำเนินการกับการกำหนดราคาซื้อราคาจำหน่าย สำหรับสุกรและเนื้อสุกรให้มีความเป็นธรรมและสอดคล้องกับต้นทุนโดยทันที ซึ่งหลังจากวันที่ลงในหนังสือฉบับนี้เป็นระยะเวลา 15 วัน ถ้าปรากฏไม่มีการดำเนินการใด ๆ ผู้ร้องจะใช้สิทธิของการเป็นพลเมืองไทยร้องในขั้นตอนตามกฎหมายต่อไป เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง จึงเรียนมาเพื่อโปรดดำเนินการโดยด่วน
ทั้งนี้ สมาคมได้เคยร้องเรียนผ่านห้างแม็คโครมาตลอดระยะเวลา 1 ปี เกี่ยวกับการตั้งราคาจำหน่ายปลีกที่ต่ำมาก ซึ่งไม่รู้ว่ามีการนำเนื้อสุกรมาจากไหน จึงตั้งราคาได้ต่ำขนาดนั้น ในขณะที่ต้นทุนการเลี้ยงสุกรปัจจุบันยังคงอยู่ในระดับ 78-80 บาทต่อกิโลกรัม การตั้งราคาจำหน่ายปลีกในส่วนของเนื้อแดง
เช่น สะโพกและหัวไหล่ต่ำมากเกินไป ทำให้พ่อค้านำมาเป็นเกณฑ์อ้างอิงในการกดราคาหน้าฟาร์ม ซึ่งตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมาผู้เลี้ยงสุกรทั้งประเทศยังคงได้ราคาต่ำกว่าต้นทุน และเลิกประกอบอาชีพกันไปแล้วเป็นจำนวนมากพร้อมกับภาระหนี้ติดตัว ในขณะที่ฟาร์มขนาดกลางมีการลดกำลังการผลิตลงมาโดยเฉลี่ย 30-50% ทั้งประเทศ สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจ และปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนให้เติบโตยิ่งขึ้น
พร้อมกันนี้ นาย
สุนทราภรณ์ ได้เดินทางมายื่นหนังสือเรื่องเดียวกัน ให้กับห้างแม็คโคร สาขาเชียงใหม่ และสาขาลำพูน มีผู้จัดการทั้งสองสาขามารับเรื่อง โดยรับว่าในวันพรุ่งนี้จะมีการปรับราคาจำหน่ายปลีกขึ้นในส่วนของเนื้อแดง ที่เป็นส่วนของสะโพก และหัวไหล่ จากราคา 103 ต่อกิโลกรัม เป็น 115 บาทต่อกิโลกรัม
JJNY : กมธ.มั่นคงห่วงเข้ากลุ่ม BRICS│“นรินท์พงศ์”ชี้ทางออกเดียว│ตต.ขึ้นราคาหมูหน้าฟาร์ม 2 บาท│“เบอริล”พุ่งเป้าเม็กซิโก
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_741940/
กมธ.มั่นคงแห่งรัฐฯ ชี้เข้ากลุ่ม BRICS อาจไม่ได้ตอบสนองต่อผลประโยชน์ของประเทศ อาจทำไทยดำเนินนโยบายต่างประเทศที่อาจไม่เป็นกลาง สร้างผลร้ายต่อประเทศไทยได้
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ แถลงข่าวการพิจารณาผลกระทบและประโยชน์ รวมถึงยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทย กรณีที่ไทยเข้าร่วมกลุ่ม BRICS และไม่ลงนามในการแถลงการร่วมหลังการประชุมสุดยอดสันติภาพยูเครน ณ สมาพันธรัฐสวิส
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า การพูดคุยร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และสำนักสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ยังไม่ได้มีรายละเอียดที่ชัดเจนเท่าไหร่ ได้คำตอบว่า ประเทศไทยส่วนมากมักจะเข้าร่วมกับทุกกลุ่มอยู่แล้ว ซึ่งกลุ่มบริกส์ไม่มีความชัดเจนในมิติทางเศรษฐกิจ แต่ในเรื่องความมุ่งหมายทางการเมืองค่อนข้างชัดเจนกว่า อาจทำให้ประเทศไทยกำลังดำเนินนโยบายทางการต่างประเทศ ที่อาจไม่เป็นกลาง และอาจสร้างผลร้ายต่อประเทศไทยได้
หนึ่งในประเด็นที่มีการชี้แจงใน กมธ. คือ กลุ่มบริกส์ให้ความสำคัญเรื่อง Local Currency ซึ่งอาจเป็นเงินสกุลตราหยวนในบั้นปลาย การเข้าร่วมกลุ่มบริกส์อาจไม่ได้ตอบสนองต่อผลประโยชน์ของประเทศไทยเท่าไหร่ เนื่องจากประเทศที่มีความสำคัญที่เป็นส่วนหนึ่งของผู้ก่อตั้งกลุ่มบริกส์มีวาระของตัวเอง โจทย์ของประเทศไทยคือจะแก้ปัญหาการขาดทุนทางการค้าได้อย่างไร หากเป็นแบบนี้ต่อไปอาจมีปัญหาความมั่นคง ระหว่างประเทศตามมา โดยเฉพาะช่วง ก.ย. – ต.ค. ซึ่งจะมีการประชุมสำคัญที่สหพันธรัฐรัสเซีย
ส่วนเรื่องการไม่ลงนามในการแถลงการร่วมหลังการประชุมสุดยอดสันติภาพยูเครน ณ สมาพันธรัฐสวิสเบื้องต้น ได้รับแจ้งว่า ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ลงนามเลย เพียงแต่อาจจะต้องผ่านการพิจารณาโดยคณะรัฐมนตรีหาก กมธ.มีความประสงค์ที่อยากให้ไทยร่วมลงนามก็สามารถแสดงความคิดเห็นถึงกระทรวงการต่างประเทศได้ ทั้งนี้ ยังไม่เห็นผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับไทย จึงมีการหารือว่าต้องมีการสนับสนุนให้มีการร่วมลงนาม ในแถลงการณ์ดังกล่าว นำไปสู่การสร้างสันติภาพยูเครนต่อไป
ขณะเดียวกัน กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ เดินทางไปดูงานที่ประเทศโปแลนด์ พบว่า มีข้อมูลตัวเลขที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการรับมือผู้ลี้ภัยชาวยูเครนกว่า 20 ล้านคน ซึ่งสามารถทำทะเบียนประวัติ และสร้างระบบ การตรวจพิสูจน์บุคคลขึ้นมา เพื่อให้การเข้าออกประเทศทำได้ง่ายขึ้น รวมถึงให้สิทธิในหลายเรื่อง ทั้งการศึกษา การทำงาน เป็นสิ่งที่นำมาใช้เรียนรู้ได้
นอกจากนี้ เรื่องการเสริมสร้างการใช้เทคโนโลยี อย่างเสาที่สามารถใช้ AI ระบุว่าสิ่งที่ผ่านเซ็นเซอร์ของเสานี้คืออะไร ไม่ว่าจะสิ่งของหรือสิ่งมีชีวิต เป็นประโยชน์ต่อการตรวจสอบ โดยเฉพาะบริเวณแม่น้ำโขงที่มีการขนส่งยาเสพติดจำนวนมาก เหมาะสมที่จะเสริมสร้างเทคโนโลยีนี้เข้าไป รวมถึงมีหน่วยงาน Polish Border Guard เป็นองค์กรเฉพาะในการตรวจสอบชายแดน และยังทำหน้าที่แทน ตม.สนามบินอีกด้วย
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า จากการลงพื้นที่ดังกล่าว ได้มีการพูดคุยกันใน กมธ. และได้ข้อสรุปว่า จะกระทำตามนี้
1. ตั้งอนุศึกษา (Border Control) เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ ที่จะจัดตั้งหน่วยงานดูแลชายแดนเป็นการเฉพาะ รวมถึงบริเวณสนามบินต่าง ๆ
2. ตั้งคณะทำงานเรื่องการใช้เทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพตามแนวชายแดน ซึ่งนายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ จะเป็นประธานคณะทำงานในการศึกษาครั้งนี้
3. มีข้อเสนอการศึกษาที่ดินของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมที่อยู่ตามแนวชายแดน ซึ่งเป็นปัญหาต่อการขยับขยาย การเพิ่มประสิทธิภาพของแนวชายแดนประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม คณะ กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ ตั้งคณะทำงาน และจัดทำร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ฉบับที่… พ.ศ. … และร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ฉบับที่… พ.ศ. … ซึ่งเป็นเรื่องการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ในเรื่องการสอบสวน จะมีการจัดสัมมนาในวันที่ 30 ก.ค.ต่อไป และจะลงพื้นที่ จ.จันทบุรี ระยอง และตราด ในวันที่ 17-19 ส.ค. เพื่อดูประเด็นชายแดน เส้นเขตแดน และสิ่งแวดล้อม ที่เจอความท้าทายอย่างมาก แต่ยังไม่มีวิธีการแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม
นายรังสิมันต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า คณะกรรมาธิการความมั่นคงฯ จะหารือในประเด็นพบข้อมูลธนาคาร 5 แห่งเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินจัดซื้อออาวุธของรัฐบาลทหารเมียนมา โดยจะเชิญผู้เกี่ยวข้อง มาชี้แจงสัปดาห์หน้า เช่น ตัวแทนธนาคารแห่งประเทศไทย และตัวแทนธนาคารใหญ่ 5 แห่ง หากเป็นเรื่องจริงจะส่งผลกระทบต่อไทยที่อาจถูกมองว่ามีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องกับความรุนแรงในเมียนมา
“นรินท์พงศ์”ชี้ทางออกเดียว ปัญหาเลือกสว.วุ่น! ต้องแก้รัฐธรรมนูญเท่านั้น
https://www.dailynews.co.th/news/3606854/
“นรินท์พงศ์” นายกสมาคมทนายฯ ชี้ความวุ่นวายที่เกิดจากการเลือก สว. มาจากรัฐธรรมนูญ คสช. ทางออกเดียวที่สางปัญหาเรื่องนี้ ต้องแก้รัฐธรรมนูญเท่านั้น
เมื่อวันที่ 5 ก.ค. นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์บันทึกจากนายกสมาคมทนายความฯ ว่า
ความวุ่นวายที่เกิดจากการเลือก สว. ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงคุณสมบัติและวิธีการได้มา เกิดจากรัฐธรรมนูญที่ คสช. ต้องการให้ สว. ชุดแรกมีอำนาจเลือกนายกรัฐมนตรีเพื่อให้หัวหน้า คสช. ได้สืบทอดอำนาจทางการเมืองต่อ แต่ทิ้งปัญหาไว้ให้คนรุ่นหลังต้องหาทางแก้ไขกันเอง
ประเด็นสำคัญลำดับแรกที่ต้องพิจารณาคือ การที่ประเทศไทยซึ่งเป็นรัฐเดี่ยวจำเป็นต้องมี สว. หรือไม่ ซึ่งหากคำตอบคือประเทศไทยคุ้นชินกับการมี สว. ถึงขนาดมีการก่อสร้างห้องประชุม สว. ไว้เป็นการถาวรแล้ว ก็จะต้องตอบคำถามต่อไปว่า “จะให้ สว. ทำหน้าที่อะไร” เพื่อนำมาสู่การกำหนดคุณสมบัติและวิธีการเข้าสู่ตำแหน่ง ให้เหมาะสมกับหน้าที่และอำนาจของ สว. ต่อไป
สำหรับคุณสมบัติและวิธีการได้มาซึ่ง สว. ชุดเลือกกันเอง มีความย้อนแย้งและไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญหลายประการ เช่น รัฐธรรมนูญมาตรา 114 บัญญัติให้ สส. และ สว. เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย แต่ สว. กลับมาจากการเลือกกันเอง โดยประชาชนถูกกันออกไม่ให้มีส่วนร่วม รวมทั้งผู้ที่ได้รับเลือกได้คะแนนคนละหลักสิบ สูงสุดไม่ถึง 80 คะแนน แต่ให้เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยจึงย้อนแย้งและขาดการยอมรับจากประชาชน
ยิ่งไปกว่านั้น รัฐธรรมนูญยังให้ สว. ทำหน้าที่กลั่นกรองกฎหมาย โดยบัญญัติให้ส่งร่างพระราชบัญญัติที่สภาผู้แทนราษฎรลงมติให้ความเห็นชอบ แล้วให้วุฒิสภาพิจารณาตามมาตรา 136 และให้อำนาจ สว. เข้าชื่อต่อประธานเพื่อส่งร่าง พ.ร.บ. และ พ.ร.ก. ที่เห็นว่าขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามมาตรา 148 และ 173
อีกทั้งการลงมติตั้ง ส.ส.ร. เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะต้องพึ่งเสียง สว. อย่างน้อย 1 ใน 3 ของสภาแต่การที่ สว. เลือกกันเองชุดนี้ไม่ได้มาจากฉันทามติของประชาชนทั่วประเทศ ดังนั้น สว. จะทำหน้าที่ให้ตรงตามเจตนารมย์และความต้องการที่แท้จริงของประชาชนได้อย่างไร จึงเป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ที่เผด็จการทิ้งไว้ให้ ซึ่งทางออกทางเดียวของการแก้ปัญหาดังกล่าวคือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญเท่านั้น ฉะนั้นจากเหตุผลดังกล่าว สว. จะยอมให้แก้รัฐธรรมนูญหรือ
https://www.facebook.com/lawyerassn/posts/pfbid0TFtDhgKvJZgAnRnTvJgZEVXXnzAtFwYJw1bvgLmTxmDmg8KvVtHAoi6wKCZ1VcxKl-dfuFHNSypdvWmftN3rhoQU4Tc11EBRnKilxzfSKzS_oDWusXuhIZKZUb8RveHG-pXjW1vnRpk64&__tn__=%2CO%2CP-R
ภาคตะวันตกขึ้นราคาหมูหน้าฟาร์ม 2 บาท วันนี้ (5 ก.ค.)
https://www.prachachat.net/economy/news-1600882
วันนี้ (5 ก.ค. 67) ภาคตะวันตกขึ้นราคาหมูหน้าฟาร์ม 2 บาท/กก. แตะ 72 บาท/กก. แต่ยังต่ำสุดเมื่อเทียบกับทุกภาค สมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคเหนือทำหนังสือร้องเรียนกรมการค้าภายในช่วยกำกับโปรโมชั่นค้าปลีกโมเดิร์นเทรด
วันที่ 5 กรกฎาคม 2567 นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวว่า สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติปรับราคาสุกรหน้าฟาร์มขึ้น กก.1-2 บาท เฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันตก จ.นครปฐม และราชบุรี จากที่ปรับขึ้นก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2567 กก.ละ 2 บาท ทั่วประเทศ
สำหรับรายงานข้อมูลราคาสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มเทียบกับครั้งก่อนหน้าจะมีรายละเอียด ดังนี้
• ภาคตะวันตก ขยับเป็น 72 บาท/กก.
• ภาคตะวันออก ทรงตัว 70-74 บาท/กก.
• ภาคอีสาน ทรงตัว 72-74 บาท/กก.
• ภาคเหนือ ทรงตัว 75-78 บาท/กก.
• ภาคใต้ ทรงตัว 76 บาท/กก.
ขณะที่สมาคมการค้าผู้เลี้ยงสุกรภาคใต้ ประกาศ ราคาหมูขุน 76 บาท/กก. สุกรซึก 88 บาท/กก. แม่พันธุ์ตัดแต่ง 45 บาท/กก. ส่วนลูกสุกร 1,800 บาท บวกลบ 76 บาท
ขณะที่นายสุนทราภรณ์ สิงห์ลีวงศ์ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคเหนือ ได้ทำหนังสือถึงกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ในช่วงวันที่ 20 มิถุนายน 2567 ถึง 2 กรกฎาคม 2567 ห้างแม็คโครมีการกำหนดราคาจำหน่ายปลีกจำหน่ายส่งอันไม่เป็นธรรม สร้างผลสะท้อนกลับมายังผู้ผลิตสุกรในพื้นที่
กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เป็นหนึ่งในคณะอนุกรรมการวิเคราะห์ต้นทุนการผลิตสุกร ที่มีการคำนวณเป็นรายไตรมาส ทราบถึงความเคลื่อนไหวของต้นทุนการผลิตสุกรเป็นอย่างดี แต่กลับปล่อยปละละเลย ให้มีการกำหนดราคาซื้อสุกรหน้าฟาร์มและการจำหน่ายปลีกเนื้อสุกรอันไม่เป็นธรรม ที่สร้างผลสะท้อนกลับมายังผู้ผลิตสุกรหน้าฟาร์ม เป็นระยะเวลาอย่างยาวนาน
กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ มีอำนาจตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ที่จะต้องกำกับดูแลในประเด็นการกำหนดราคาซื้อ ราคาจำหน่าย และเงื่อนไขทางการค้าให้มีความเป็นธรรม
โดยสามารถบังคับใช้กฎหมายได้ทันทีในกลุ่มสินค้าควบคุม ตามประกาศของคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการในแต่ละปี โดยสุกรและเนื้อสุกรเป็นสินค้าควบคุม ที่ต้องกำกับดูแลในบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวนี้
ขอร้องเรียนให้กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ได้ดำเนินการกับการกำหนดราคาซื้อราคาจำหน่าย สำหรับสุกรและเนื้อสุกรให้มีความเป็นธรรมและสอดคล้องกับต้นทุนโดยทันที ซึ่งหลังจากวันที่ลงในหนังสือฉบับนี้เป็นระยะเวลา 15 วัน ถ้าปรากฏไม่มีการดำเนินการใด ๆ ผู้ร้องจะใช้สิทธิของการเป็นพลเมืองไทยร้องในขั้นตอนตามกฎหมายต่อไป เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง จึงเรียนมาเพื่อโปรดดำเนินการโดยด่วน
ทั้งนี้ สมาคมได้เคยร้องเรียนผ่านห้างแม็คโครมาตลอดระยะเวลา 1 ปี เกี่ยวกับการตั้งราคาจำหน่ายปลีกที่ต่ำมาก ซึ่งไม่รู้ว่ามีการนำเนื้อสุกรมาจากไหน จึงตั้งราคาได้ต่ำขนาดนั้น ในขณะที่ต้นทุนการเลี้ยงสุกรปัจจุบันยังคงอยู่ในระดับ 78-80 บาทต่อกิโลกรัม การตั้งราคาจำหน่ายปลีกในส่วนของเนื้อแดง
เช่น สะโพกและหัวไหล่ต่ำมากเกินไป ทำให้พ่อค้านำมาเป็นเกณฑ์อ้างอิงในการกดราคาหน้าฟาร์ม ซึ่งตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมาผู้เลี้ยงสุกรทั้งประเทศยังคงได้ราคาต่ำกว่าต้นทุน และเลิกประกอบอาชีพกันไปแล้วเป็นจำนวนมากพร้อมกับภาระหนี้ติดตัว ในขณะที่ฟาร์มขนาดกลางมีการลดกำลังการผลิตลงมาโดยเฉลี่ย 30-50% ทั้งประเทศ สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจ และปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนให้เติบโตยิ่งขึ้น
พร้อมกันนี้ นายสุนทราภรณ์ ได้เดินทางมายื่นหนังสือเรื่องเดียวกัน ให้กับห้างแม็คโคร สาขาเชียงใหม่ และสาขาลำพูน มีผู้จัดการทั้งสองสาขามารับเรื่อง โดยรับว่าในวันพรุ่งนี้จะมีการปรับราคาจำหน่ายปลีกขึ้นในส่วนของเนื้อแดง ที่เป็นส่วนของสะโพก และหัวไหล่ จากราคา 103 ต่อกิโลกรัม เป็น 115 บาทต่อกิโลกรัม