12 วัน 3,337 กม. กรุงเทพฯ - เบตง แถมปีนัง: ขับรถชิลๆ เที่ยวใต้หน้าฝน (เน้น Text ไม่มีรูป ไม่ชอบอ่านยาวๆ ผ่านได้ผ่าน)

เดือนที่แล้วมีความเครียดจากงาน สิ่งที่ฮีลใจได้คือการขับรถไปเที่ยวยาวๆ เพราะเวลาขับรถเหมือนมีสมาธิจิตใจอยู่กับเนื้อกับตัว 55555
นั่นเลยลางาน 10 วัน จ-ศ ไม่นับ ส-อา ขับรถเที่ยวกับแฟนจาก กทม. มันเลยดีกว่า ไปมันหน้าฝนนี่แหละ ไว้ถ้าอากาศเป็นใจที่ไหนค่อยไปทะเลค่อยข้ามเกาะเอาละกัน และตอนแรกกะว่าอยากไปถึงแค่เมืองเบตง แต่ไปๆ มาแถมปีนังเพิ่มมา เริ่มเล่าความรู้สึกแต่ละจังหวัดที่สัมผัสมาเลยล่ะกันนะครับ

ระนอง : จังหวัดแรกของทริป เคยขับรถไปเกาะสมุยมาหลายรอบแต่ไม่เคยเลี้ยวขวาตรงชุมพรเพื่อไประนองเลย วันแรกของทริปจะเป็นวันที่ขับรถยาวที่สุด ไปถึงอย่างแรกแวะกรมขนส่งทำเรื่องแปลทะเบียนเลย เจ้าหน้าที่น่ารักกันมาก บริการอย่างดี ใช้เวลา 15 นาทีก็ได้แล้ว ก่อนหน้านี้แวะไปขนส่งที่สุขุมวิท 62 แค่หาที่จอดรถก็ยากแล้ว ไม่อยากจะคิดว่าคิวยาวรอนานแน่ๆ เลยเปลี่ยนใจมาทำ ตจว. ดีกว่าแล้วก็คิดถูกจริงๆ ส่วนเมืองระนองครึ้มฟ้าครึ้มฝนเป็นภูเขากับเมฆสวยๆ น้ำไหลลงเขาสวยๆ อารมณ์คล้ายตอนไปสังขละบุรี ตัวเมืองเล็กๆ ครึกครื้นพอควร ไปเดินตลาด ร้านอาหารอร่อย ราคาไม่แพงเลย ฟ้าฝนไม่เป็นใจตอนแรกกะว่าจะข้ามไปเกาะกระดานแต่ฟ้าฝนไม่เป็นใจไปต่อดีกว่า

เขาหลัก พังงา : จังหวัดที่ 2 ต่อไปจะขับรถต่อวันไม่มากแล้วเน้นพักผ่อน ระหว่างทางจากระนองมาเขาหลักแม้จะเลนสวน แต่ก็ขับแบบชิลล์ ถึงเขาหลักแล้วเงียบสงบมากเพราะเข้าหน้าโลว์ซีซั่น และเกาะสิมิลัน เกาะสุรินทร์ก็ปิดแล้ว มานอนที่หาดนางทอง โรงแรมติดหาดราคาดีเลย หาดทรายสีดำๆ น้ำทะเลคลื่นแรงๆ แต่ไม่มีฝน นอนโง่ๆ อยู่ริมหาดนานเหมือนกัน ร้านอาหารก็อร่อยและถูกมากไปตามเด็กที่โรงแรมแนะนำ มีร้านกาแฟนวิวสวยมองลงไปเห็นทะเลอีกต่างหาก

ภูเก็ต : ระหว่างทางออกมาจากเขาหลักผ่านอ.ท้ายเหมือง แวะร้านขนมจีนร้านนึงอร่อยมากกก ผักจัดเต็ม จากนั้นก็แวะขึ้นไปดูวิวเสม็ดนางชี สวยสมคำร่ำลือจริงๆ ถ่ายรูปมายังไงก็ไม่สวยเท่าตาเห็น ขับรถต่อเข้าภูเก็ตกํได้ข้ามสะพานสารสินเสียทีหลังจากดูหนังมานาน ตื่นตาตื่นใจกับจังหวัดภูเก็ตมาก เพราะ 2 ข้างทางเต็มไปด้วยตึกแถวยาวเลย เมืองใหญ่มากกก รถเยอะจนติด พักแถวๆ ภูเก็ตโอล์ดทาวน์ช่วงไพรด์มั้นธ์พอดี ได้ถ่ายรูปตึกสวยๆ เหมือนที่เห็นในเพลงพีพีบิวกิ้น และ วิวพระอาทิตย์ตกที่แหลมพรมเทพสวยแบบตะโกน บรรยากาศดีมากๆ ตอนแรกไม่คิดว่าจะมาแต่มาแล้วคงเสียดายแน่ๆ ถ้าไม่ได้มาเห็นกับตา ส่วนอาหารการกินบะหมี่ฮกเกี้ยนแอบผิดหวังหน่อยๆ ตามอินฟลูฯท่านนึงมา ส่วนการจราจรและการขับรถในภูเก็ตด้วยความที่เป็นเมืองใหญ่การขับรถก็จะบ้าคลั่งกันหน่อยๆ แฮะๆ 

อ่าวนาง กระบี่ : ขับรถจากภูเก็ตย้อนมาทางสะพานสารสินอีกรอบ 3 ชม.โดยประมาณก็มาถึงอ่าวนาง เราทั้งคู่เคยมาที่นี่กันเมื่อสิบปีที่แล้ว พอมาปีนี้เมืองเจริญขึ้นเยอะ แต่นักท่องเที่ยวก็บางตา ร้านครัวธาราที่เคยมากินสิบปีก่อนที่ตอนนั้นต้องรอคิว ตอนนี้แทบไม่มีคนกินเลย แต่อาหารก็ยังดีเหมือนเดิม สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาคือตลาดสตรีทฟู้ด ของกินครึกครื้นมาก สบายกระเป๋านักท่องเที่ยวแน่ๆ ที่นี่ตัดสินใจอยู่กัน 2 คืน เพราะอากาศดี อีกวันเช่าเหมาเรือหางยาวไปเกาะ เล่นน้ำดูปะการังกัน 2 คน GoPro ก็ไม่ได้เอามา เสียดายมาก 5555 และคิดว่าคนที่กระบี่อ่าวนางยังน่ารักอัธยาศัยดีเหมือนเดิม

เมืองตรัง : เมืองที่ไม่คิดว่าจะมานอนกะว่าแค่ผ่านๆ กินข้าวแล้วผ่านไป แต่ไปเปิดดูติ๊กต่อกรีวิวกันฉ่ำๆ เมืองตรังกิน 9 มื้อ แต่พอมาถึงตัวเมืองตรังจริงๆ แอบมีความรู้สึกหดหู่ วังเวง เหงาๆ ชอบกล ตึกรามบ้านช่องดูร้างๆ ผู้คนบางตา นั่งอยู่ร้านริมถนนกับแฟน สังเกตุส่วนใหญ่จะเห็นผู้หญิงเจ้าเนื้อหน่อยๆ ขี่มอไซค์ผ่านเยอะมาก ตอนแรกคิดว่าคิดกันไปเอง แต่แล้วก็มาให้เห็นบ่อยจนนั่งหัวเราะกันสองคนว่าแปลกดี 5555 ไปเดินตลาดตรงรถไฟก็เป็นตลาดทั่วๆ ไปไม่มีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่ ส่วนอาหาร ติ่มซำ ทั้งร้านดังและไม่ดังแอบผิดหวังในรสชาด และร้านที่ดังๆ ก็ราคาแพงและพนักงานดูบริการไม่โอเคเท่าไหร่เลย สุดท้ายนั่งคิดกับแฟนว่า กิน 9 มื้อคงพยายามชูจุดขายของเมืองสักเรื่องนึงแหละ เพราะดูๆ แล้วเมืองดูเหงาเหลือเกิน แอบรู้สึกว่าระนองยังดูมีชีวิตชีวากว่า แต่นั่นก็ยังพอเห็นรถ นนท. จากมาเลเซียมาบ้างนะ คงต้องมีอะไรดีซ่อนอยู่ที่เรายังไม่เจอมันมั้ง

พัทลุง - หาดใหญ่ : ช่วงที่ขับรถแวะเข้าไปดูตัวเมืองพัทลุง เราสองคนพูดพร้อมกันเลยว่า เออ..เมืองมันต้องแบบนี้สิ ไม่ใช่มีอารมณ์เหงาๆ ดูเป็นเมืองที่ใช้ชีวิตกันทั่วๆ ไปหน่อย แวะไปเดินเล่นถ้ำลอดก็อลังการดีนะ จากนั้นก็แวะมาเมืองใหญ่อย่างหาดใหญ่ ต้อนรับเราด้วยฝนตกหนักตลอดทาง จนถึงเซ็นทรัลหาดใหญ่ค่อยเงียบสงบหน่อย หาดใหญ่เป็นเมืองที่ติดไฟแดงนานมาก แอบรู้สึกเลยว่าไฟแดงที่ภาคใต้รอนานจริง 180++ ทั้งนั้น หาดใหญ่ของอร่อยเยอะแยะ ติ่มซำร้านนึงแรนด้อมเอาในกูเกิ้ลไม่ได้ดูรีวิวเลย ไปตอนเย็นคนไม่เยอะเท่าไหร่กิคิดว่าร้านไม่ดัง พอกินเสร็จดูรีวิวเลยรู้ว่าร้านดัง อร่อยและราคาถูกกว่าร้านที่ตร้ังมาก จนตอนเช้าต้องมาซ้ำอีกรอบ แต่ตอนเช้าก็รอคิวนานเลยกว่าจะได้กิน

ปีนัง จอร์จทาวน์, มาเลเซีย : ทีแรกถอดใจจะไม่มาแล้วเพราะรถฟิล์มบานหน้าดำเกินที่จะตรวจสภาพ แต่ก็เลยลองติดต่อเอเจนซี่ให้ทำเรื่องให้สุดท้ายก็ได้ป้ายวงกลมมาเลเซียก็ถือว่ามีใบอนุญาตใช้รถในประเทศเค้าแล้ว ถ้าไม่ผ่านเอเจนซี่ไปทำเรื่องเองตอนตรวจสภาพก็คงโดนลอกฟิล์มก่อนได้ป้ายวงกลมเป็นแน่แท้ ออกด่านไทยตรงสะเดา ผ่าน ต.ม. มาเลฯ ต่อ ตรวจพาสปอร์ทเสร็จ ผ่านด่านศุลกากรแค่ถามว่าท้ายรถมีแค่กระเป๋าใช่มั้ย เราก็บอกใช่แล้วก็ผ่านเลยไม่ดูอะไรเลยด้วยซ้ำ ขับรถบนทางด่วนประมาณ 2 ชม.เศษๆ ข้ามสะพานยาวๆ ก็ถึงจอร์จทาวน์แล้ว

ความรู้สึกแรกในตัวเมืองแถวๆ เมืองเก่าแหล่งท่องเที่ยว คือสวยและสงบมาก ก็มีรถล่ะแต่มันไม่ขวักไขว่เท่าไหร่ คล้ายๆ ภูเก็ตโอล์ดทาวน์ที่คูณขยายขอบเขตไปเรื่อยๆ ส่วนอาหารการกินที่ดูจากรีวิวใน TikTok เหมือนจะชูความเป็นสตรีทฟู้ด แต่เท่าที่ไปลองกินมาทั้งร้านดังๆ และในฟู้ดคอร์ท 3 ที่ ส่วนตัวคิดว่าไม่ได้อร่อยจนอยากกลับมากินอีกรอบ เฉยๆ ไม่ดี ไม่แย่ ส่วนปีนังฮิลล์ขึ้นไปก็สวยดีและไม่ได้อยากกลับขึ้นมาอีกรอบแต่อย่างใด 3 วัน 2 คืนคิดว่าพอเหมาะแล้ว

เบตง, ยะลา: จากจอร์จทาวน์มาถึงด่านที่เบตงใช้เวลา ชม. เศษๆ นึกว่าจะมีทางด่วนยาวๆ แต่ด่วนนิดเดียวเอง เติมเงินใน Touch N Go ไว้เก้อเลย ขาออก ตม. มาเลฯ สแตมป์ออกไม่ดูอะไรมาก ขับเข้าไทยแอบงงๆ นิดหน่อย ไม่มีเจ้าหน้าที่สแตมป์แบบไม่ต้องลงรถ เลยขับรถไปจอดแล้วเดินวกกลับไปให้เจ้าหน้าที่สแตมป์พาสปอร์ตให้ นี่แอบคิดถ้าขับรถเลยเข้าเมืองไปเลยก็ไม่ได้สแตมป์สินะ เพราะไม่มีอะไรมากั้นเลย ไม่มีตรวจ ไม่มีค้นรถใดๆ

เมืองเบตง เล็กๆ น่ารัก มีความผสมผสานจีนๆ กับเมืองพุธ และอิสลามเข้าด้วยกัน ร้านดังในเบตงไม่ทำให้ผิดหวัง แต่ร้านที่ไม่ดังแรนด้อมไปกินก็แอบเฟล(มากๆ) เหมือนเน้นทำขายให้นักท่องเที่ยวมาเลฯ แบบส่งๆ ก็มี เลือกดีๆ ละกันนะ พอตอนเช้าออกจากเบตง ไปทะเลหมอกอัยเยอร์เวง สวยแบบตะโกนต้องมาดูด้วยตาเท่านั้น แต่การบริหารจัดการจ่ายเงินอาจต้องปรับปรุงอีกหน่อย

สุราษฎร์ธานี : แพลนเดิมจะไปค้างที่ปัตตานี แล้วนอนหาดใหญ่อีกรอบ แต่เปลี่ยนแผนเพราะตอนเช้าหลังจากดูทะเลหมอกกันแล้วก็พร้อมใจกันทั้งคู่ว่าคิดถึงบ้านกันแล้ว นั่นเลยยอมขับยาวๆ ไปนอนสุราษฯ กันเลยดีกว่า ระหว่างทางก็ผ่านสะพานติณสูลานนท์ได้ยินมานานไม่เคยเห็น วิ่งเรียบเลาะทะเลสงขลาช่วงสิงหนคร, สทิงพระ, ระโนด ไปเรื่อยๆ จุดแวะคือวัดไอ้ไข่เจดีย์ ที่ไม่นอนนครฯ เพราะว่าเคยมาแล้ว 4 วัน 3 คืน หลังจากนั้นก็ถึงสุราษฯ

ความรู้สึกแรกที่ถึงสุราษฯ รู้สึกว่าเป็นเมืองใหญ่เมืองนึง บรรยากาศริมแม่น้ำตาปีดีมาก มีสตรีทฟู้ดทั้งริมน้ำและหน้าศาลให้เลือกกินจนลายตา และแอบคิดว่าคนสุราษฯ ขับรถกันดีกว่าคน นครฯ ที่ยกมานี่เพราะว่ามีเพื่อนจากทั้งสองจังหวัดแล้วต่างฝ่ายต่างต่อหน้าและลับหลังกันว่าขับรถกันแย่ ตอนนี้สัมผัสได้เองจากสองจังหวัดนี้แล้วยกให้สุราษฯ ชนะนะครับ

ราชบุรี : ออกจากสุราษฯ แวะกินข้าวเที่ยงที่หาดบ้านกรูดประจวบ เป็นเมืองที่บรรยากาศเงียบสงบสะอาดมาก เห็นแล้วอยากนอนค้างแต่นั่นคิดถึงบ้านมากกว่าเลยเดินทางต่อ จนถึงวังมะนาวรถปั้มติ๊กลาโลกไปตอนแวะเติมน้ำมัน นั่นเลยต้องเพิ่งรถสไลด์เข้าไปราชบุรีตอน 2 ทุ่ม แวะนอนโรงแรมในตัวเมืองตอนเช้าเดินเล่นรอบเมืองนิดๆ หน่อยๆ คนพูดเหน่อกันเยอะมาก ตั้งแต่เซเว่นยันศูนย์บริการ ส่วนราชบุรีเป็นเมืองเล็กๆ เงียบๆ ร้อนๆ ดูไม่วุ่นวายเท่าไหร่ คนขับรถสไลด์บอกระยะรอบตัวเมืองแค่ 3 กม.เองพี่ ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่หรอกครับ

สุดท้ายก็ถึงบ้านกันโดยสวัสดิภาพ แรงใจกลับมาเติมเต็มเรียบร้อยวัดได้จากอาการอยากกลับบ้านนั่นแหละ ที่ที่ประทับใจและอยากกลับไปซ้ำอีก(คงบินไปละ) ก็เขาหลักกับอ่าวนางนั่นแหละครับ และแอบคิดว่าทริปใต้นี้เจอด่านตำรวจทั้งหมดไม่น่าเกิน 3 ด่าน(ไม่รวม ตม.)​ คนละเรื่องกับไปเที่ยวเหนือหรืออีสานเลยนั่นเจอบ่อยมากกก ส่วนทริปนี้ขับรถไปทั้งสิ้น 3,337 กม. หมดค่าน้ำมันไป 7,145 บาท ก็นับว่าคุ้มค่าอยู่นะครับ

แถม! แอบรู้สึกว่าหลังกลับมามีข่าวไม่ค่อยดีหลายพื้นที่ที่แวะไปมาเลย เช่น พังงาแผ่นดินไหว,​ ภูเก็ตน้ำท่วม, ระเบิดที่บันนังสตา กับเดินผ่านศาลฯ ที่มีข่าวน้องเชื่อมจิตงี้
อมยิ้ม08
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่