+ ชาวรุสหันมานับถือคริสตศาสนาได้อย่างไร? ตอนที่ 1
เนื่องในวันนี้ ศาสนจักรของยูเครนเบลารุสและรัสเซียกำหนดให้เป็นวันฉลองครบรอบ 1030 ปี การรับศีลล้างบาปของชาวรุสเมื่อปี 988 ผมก็ขอเล่าถึงความเป็นมาของเรื่องให้ได้อ่านกันเสียเล็กน้อยนะครับ
สำหรับการเข้ามาของคริสตศาสนาสู่ดินแดนแถบนี้นั้น ตามตำนานกล่าวว่า นักบุญแอนดรูว์ หนึ่งในอัครสาวกทั้งสิบสองได้ออกเดินทางประกาศความเชื่อทั่วชุมชนที่ตั้งอยู่ตามชายฝั่งทะเลดำ เชื่อว่าท่านได้ล่องเรือย้อนขึ้นแม่น้ำนีเปอร์มายังบริเวณที่เป็นกรุงเคียฟในปัจจุบัน ท่านได้ปักกางเขนและทำนายว่าที่นี่จะกลายเป็นมหานครอันเป็นศูนย์กลางของคริสตศาสนาในภายภาคหน้า
แต่แน่ล่ะ มันเป็นเพียงตำนาน จริงหรือไม่ก็มิอาจทราบได้ กระนั้นก็พบว่าเริ่มมีชุมชนคริสเตียนตามชายฝั่งทะเลดำตั้งแต่ศตวรรษแรกแล้วจริง โดยเฉพาะปลายคาบสมุทรไครเมียที่ถือว่าเป็นหนึ่งในศูนย์กลางคริสตศาสนาเลยทีเดียว จึงอาจพอกล่าวได้ว่าคริสตศาสนาคงเริ่มเผยแพร่ไปยังดินแดนของชาวรุสมาตั้งแต่ยุคนั้นแล้ว เพียงแค่มิอาจทราบได้ว่าท่านเดินทางขึ้นเหนือไปจนถึงกรุงเคียฟจริงหรือไม่
อย่างไรก็ตาม แม้ก่อนหน้าที่เจ้าชายวลาดีมีร์แห่งเคียฟรุสจะทรงเข้ารับศีลล้างบาปนั้น พบว่าเริ่มมีการส่งมิชชันนารีเข้ามาอยู่ก่อนแล้วแน่นอน ทำให้มีชาวรุสบางส่วนหันมานับถือคริสตศาสนา มีการสร้างโบสถ์และปรากฏว่ามีสังฆราช(บิชอป) ประจำกรุงเคียฟแล้วอีกด้วย โดยขึ้นตรงกับพระอัยกาแห่งคอนสแตนติโนเปิล แต่กระนั้นก็ถือได้ว่าประสบความสำเร็จน้อยเพราะคนส่วนใหญ่ยังคงนับถือเทพเจ้าสลาฟเดิมอยู่
ส่วนผู้ปกครอง แม้พระนางออลกา(Olga of Kiev) พระชายาในเจ้าชายอีกอร์แห่งเคียฟจะทรงเข้ารับศีลล้างบาปที่กรุงคอนสแตนติโนเปิล รวมถึงพยายามชักจูงให้บุตรชายของพระนางคือเจ้าชายสวีอาโตสลาฟ(Sviatoslav I of Kiev) เปลี่ยนมานับถือคริสตศาสนาด้วยกัน แต่ไม่สำเร็จเพราะเจ้าชายสวีอาโตสลาฟไม่ยอมเปลี่ยนศาสนา หากแต่ยังคงนับถือความเชื่อเดิมต่อไปอย่างเคร่งครัด
จุดเปลี่ยนของประวัติศาสตร์ชาวรุสจึงมาอยู่ที่วลาดีมีร์ โอรสของเจ้าชายสวีอาโตสลาฟและมีศักดิ์เป็นหลานของพระนางออลกาครับ ทรงขึ้นครองบัลลังก์เป็นเจ้าชายแห่งเคียฟในปี 980 ต่อจากบิดาและทรงเป็นผู้รวมอาณาจักรเคียฟรุสของพระองค์ให้เป็นหนึ่งเดียวได้ในที่สุด อีกทั้งพระองค์ยังทรงเป็นผู้อุปถัมภ์ความเชื่อสลาฟเดิม สร้างศาสนสถานอุทิศแด่เทพเปรูน เทพเจ้าสูงสุดของชาวสลาฟก็ไม่น้อย ไม่มีท่าทีจะเปลี่ยนศาสนาเลย
แล้ว...ทำไมจู่ๆพระองค์เปลี่ยนมานับถือคริสตศาสนาล่ะ? แถมเปลี่ยนคนเดียวไม่พอ ยังนำพาชาวรุสทั้งมวลมาเปลี่ยนตามพระองค์ด้วย เพราะอะไรกัน?
เรื่องนี้มีเอกสารหลายชิ้นบันทึกไว้ครับ ที่ดังที่สุดคือพงศาวดารที่ถูกเขียนขึ้นโดยนักพรตที่ชื่อว่าเนสเตอร์ (Nestor the Chronicler) ได้บันทึกไว้ว่าหลังจากพระองค์ทรงรวบรวมอาณาจักรเคียฟรุสให้เป็นหนึ่งเดียวได้แล้วนั้น พระองค์ยังทรงหมายมั่นจะรวมชาวรุสให้เป็นหนึ่งใน “ความเชื่อ” ด้วย จึงเสาะแสวงหาศาสนาต่างๆเท่าที่จะหาได้เพื่อที่พระองค์และชาวรุสจะได้เปลี่ยนมานับถือศาสนานั้น
ซึ่งศาสนาที่พระองค์พอเข้าถึงได้มีดังนี้คือ ศาสนายูดาย อิสลาม คริสต์แบบเยอรมัน(ละติน) และคริสต์แบบไบแซนไทน์(กรีก)
ในปี 986 เผ่าบัลการ์ทางตะวันออกที่นับถืออิสลามมาเข้าเฝ้าและได้ประกาศศาสนาแก่เจ้าชายวลาดิมีร์ ซึ่งพระองค์พอพระทัยทุกอย่างเลย...
.
.
.
...ยกเว้นเรื่องการเข้าสุหนัตและห้ามรับประทานเนื้อสุกรกับสุรา พระองค์ไม่พอพระทัย ตรัสว่า “การดื่มสุราถือเป็นความสุขของชาวรุสเรา เราอยู่ไม่ได้แน่หากขาดความสุขตรงนี้ไป"
ต่อมา มีคณะทูตชาวเยอรมันมาเข้าเฝ้าซึ่งอ้างตนว่าเป็นสมณทูตจากพระสันตะปาปา และประกาศความเชื่อคริสตศาสนาแบบเยอรมันของตน แต่ดูเหมือนพระองค์จะเฉยๆ และขอให้ท่านทูตกลับไปเสียอย่างนั้น
ต่อมาอีก มีพวกยิวจากเผ่าคาซาร์ ซึ่งได้มาเข้าเฝ้าและอธิบายหลักความเชื่อปฏิบัติของยิวไป แต่พระองค์ก็ไม่พอพระทัยอีก เพราะทรงคิดว่าการที่ชาวยิวเสียเยรูซาเล็ม ก็เสมือนว่าพวกเขาถูกทอดทิ้งโดยพระเป็นเจ้าเสียแล้วนั่นเอง จึงปฏิเสธไปโดยสิ้นเชิง ไม่นำมาพิจารณาอีก
สุดท้าย มีพวกกรีกมาเข้าเฝ้า รายนี้พิเศษ มาถึงก็วิจารณ์ทุกความเชื่อที่เจ้าชายวลาดีมีร์ได้พบเจอมา พร้อมยกย่องสรรเสริญถึงความเชื่อตน กระนั้น พระองค์ก็ดูเหมือนพอพระทัยเพราะทรงเห็นว่าพวกกรีกพูดจามีเหตุผลน่าฟัง แต่พระองค์ก็ยังตัดสินใจไม่ได้อยู่ดี ดังนั้นพอในปี 987 พระองค์จึงส่งทูตที่มีความสามารถและสติปัญญาเฉียบแหลมออกเดินทางไปยังดินแดนความเชื่อเหล่านั้น เพื่อสังเกตการณ์และศึกษาความเชื่อกันถึงถิ่นเลยทีเดียว
เมื่อกลับมา คณะทูตจึงได้กราบทูลถึงศาสนาต่างๆที่ได้พบเจอ จนเจ้าชายสามารถตัดตัวเลือกอิสลามออกไปได้ ส่วนยูดายนั้นตัดออกไปตั้งแต่พวกยิวมาเข้าเฝ้าครั้งแรกแล้ว
แต่สำหรับอีกสองความเชื่อที่เหลือและเรื่องราวหลังจากนั้น ผมขอพักไว้เท่านี้ก่อน ไว้มาต่ออีกทีช่วงบ่ายนะครับ พักกินข้าว!
/AdminMichael

ภาพ: เจ้าชายวลาดีมีร์ทรงเลือกศาสนา วาดโดย Johann Lebrecht Eggink จิตรกรชาวเยอรมัน(1784-1867)
ข้อมูลอ้างอิง:
พงศาวดารฉบับหลักของชาวรุส
(
http://www.mgh-bibliothek.de/dokumente/a/a011458.pdf)
https://www.britannica.com/biography/Vladimir-I
https://russianlife.com/.../online.../kievan-rus-the-church/
https://www.encyclopediaofukraine.com/display.asp?linkpath=pages%5CC%5CH%5CChristianizationofUkraine.htm&fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTAAAR08tb16WB5pPEmUJwwoazeND95s835eDYUKq_xMu80sFVL-SlVrD-dXjhM_aem_FV0-xwMnUMXbySWAvYg0Iw
+ ชาวรุสหันมานับถือคริสตศาสนาได้อย่างไร? ตอนที่ 2
เอาล่ะครับเรามาต่อกันดีกว่า อย่างที่ได้กล่าวไปเมื่อสายว่าเจ้าชายวลาดีมีร์ได้ตัดตัวเลือกอิสลามกับยูดายไปแล้ว
ดังนั้นเราจึงเหลือผู้เข้ารอบสองคนสุดท้ายครับ เป็นคริสต์ทั้งคู่ คือคริสต์เยอรมันและคริสต์ไบแซนไทน์
คณะทูตกราบทูลว่า เมื่อพวกเขาได้เดินทางไปยังดินแดนของพวกเยอรมันและร่วมสังเกตการณ์พิธีกรรมตามจารีตละตินแล้ว พวกเขารู้สึกไม่พอใจเพราะพิธีจารีตละตินนั้นดูไม่ยิ่งใหญ่และไม่สง่างามเอาเสียเลยในสายตาของคณะทูต สุดท้ายจึงได้เดินทางมายังกรุงคอนสแตนติโนเปิล เมืองหลวงแห่งจักรวรรดิไบแซนไทน์
รอบนี้จักรพรรดิเตรียมตัวมาดี เมื่อทราบว่าคณะทูตเหล่านั้นจะมาสังเกตการณ์ศาสนจักรของพระองค์ จึงส่งสาส์นถึงพระอัยกาแห่งคอนสแตนติโนเปิลว่าให้เตรียมวิหารและนักบวชให้พร้อม เพื่อที่ชาวรุสพวกนั้นจะได้เห็นพระสิริของพระเจ้าแห่งชาวกรีก
เมื่อคณะทูตได้เข้าร่วมพิธีกรรมตามจารีตไบแซนไทน์ พวกเขาถึงกับตกตะลึง ถึงความงดงามของพิธีกรรม คณะนักร้องต่างประสานเสียงอันไพเราะเสนาะหู กำยาน อาภรณ์ วิหาร ช่างยิ่งใหญ่สมพระเกียรติศาสนจักรของจักรพรรดิ พวกเขาถึงกับกราบทูลเจ้าชายวลาดีมีร์เลยว่า
"เราไม่รู้ว่าเราอยู่บนโลกหรือสวรรค์กันแน่ บนโลกนี้ไม่มีความงามใดๆมาอธิบายมันได้เลย"
จากคำดังกล่าว ทำให้เจ้าชายวลาดีมีร์ตัดสินใจได้ในบัดดล ว่าพระองค์จะทรงเลือกนับถือคริสตศาสนาแบบกรีกไบแซนไทน์แน่ๆ จะติดก็ตรงแต่....
ยังหาโอกาสล้างบาปเหมาะๆไม่ได้น่ะสิ
โอกาสนั้นมาถึงในปี 988 เมื่อจักรพรรดิบาซิลที่ 2 ทรงขอความช่วยเหลือไปยังเจ้าชายวลาดีมีร์ให้ช่วยปราบกบฏ พอสำเร็จ เจ้าชายได้ยึดคาร์ซอนนิซอส เมืองท่าสำคัญในไครเมียไว้ แล้วส่งสาส์นถึงจักรพรรดิว่าขอพระขนิษฐาท่านคือเจ้าหญิงแอนนาเป็นรางวัล ซึ่งหากตกลง เจ้าชายจะรับศีลล้างบาปเพื่อแต่งงานด้วย
ราชสำนักไบแซนไทน์ถึงกับตะลึงเพราะยังไม่เคยมีใครแต่งกับเจ้าชายที่เป็นคนเถื่อนมาก่อนและไม่คิดว่าเจ้าชายคนเถื่อนผู้นี้จะศรัทธาจริงๆ คงจะเปลี่ยนเพราะอยากแต่งกับเจ้าหญิงมากกว่าล่ะมั้ง ทำให้มีบางคนเสนอทฤษฎีว่าเหตุพระองค์ทรงเปลี่ยนศาสนาเป็นเพราะเจ้าหญิงเพียงประการเดียวมากกว่าจะมีเหตุผลเรื่องศาสนามาประกอบ คิดกันอย่างนั้นเลย
แต่อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าพระองค์ทรงรอโอกาสเหมาะที่จะเข้ารีตอยู่แล้วครับ เพราะพอจักรพรรดิตอบรับ พระองค์ก็ไม่รีรอ รับศีลล้างบาปที่ไครเมียในทันทีและกลับเคียฟอย่างผู้ชนะ เมื่อกลับมาถึง พระองค์ก็ทรงสั่งให้ทำลายเทวรูปของความเชื่อเดิมและกวาดลงแม่น้ำนีเปอร์เสียหมดเกลี้ยง รวมถึงทำลายศาสนสถานเทพเปรูนที่พระองค์ทรงเคยโปรดให้สร้างเองเสียด้วยซ้ำ พร้อมนำชาวรุสในเคียฟรับศีลล้างบาปกันในแม่น้ำ นำพวกเขาทั้งหลายเข้าสู่หนทางแห่งกางเขนของพระเยซูคริสตเจ้า ตามวิถีทางจารีตแบบไบแซนไทน์ เหตุการณ์นี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อ "Baptism of Rus'" (การล้างบาปของชาวรุส) นั่นเอง ซึ่งนำพาชาวรุสส่วนอื่นๆเข้ารีตด้วยจนคริสตศาสนากลายเป็นศาสนาหลักของพวกเขาไปในที่สุด
แม้ยังมีการโต้แย้งกันอยู่ว่าเจ้าชายเปลี่ยนเป็นคริสต์เพราะอยากจะแต่งกับเจ้าหญิงอย่างเดียวหรือเปลี่ยนเพราะมีเหตุผลทางศาสนาอยู่แล้วก็ตาม แต่การล้างบาปของพระองค์และชาวรุสก็ได้เปลี่ยนประวัติศาสตร์บนภูมิภาคนี้ไปตลอดกาลแล้วล่ะครับ คริสตศาสนาแบบกรีกไบแซนไทน์ซึ่งในกาลต่อมาคือศาสนจักรอีสเทิร์นออร์โธด็อกซ์ ได้กลายเป็นรากฐานความเชื่อศรัทธาของคนส่วนใหญ่ที่นั่น รวมถึงทรงอิทธิพลต่อวรรณกรรม วัฒนธรรม สถาปัตยกรรมและการเมืองการปกครองของพวกเขา
ด้วยเหตุนี้ ศาสนจักรของชาวรุสในปัจจุบันทุกศาสนจักร ไม่ว่าจะออร์โธด็อกซ์หรือคาทอลิกตะวันออก จึงต่างพร้อมใจกันฉลองวันล้างบาปครั้งนั้นกันทุกปี เพื่อระลึกถึงวันที่ประวัติศาสตร์ของพวกเขาได้ถูกเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่และนำพาพวกเขาสู่ความเชื่อในพระเยซูคริสต์ พระผู้ไถ่จากบาปทั้งปวง
/AdminMichael

ภาพ: การล้างบาปของชาวรุส วาดโดยวิคเตอร์ วาสเน็ตซอฟ (1848-1926) ในอาสนวิหารนักบุญวลาดีมีร์ที่กรุงเคียฟ
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
พงศาวดารหลักของชาวรุส
(
http://www.mgh-bibliothek.de/dokumente/a/a011458.pdf)
https://www.britannica.com/biography/Vladimir-I
https://russianlife.com/.../online.../kievan-rus-the-church/
http://www.encyclopediaofukraine.com/display.asp...
https://www.encyclopediaofukraine.com/display.asp?linkpath=pages%5CC%5CH%5CChristianizationofUkraine.htm&fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTAAAR1J9e1N_iTtwRcm6q2dMwwnYaB_AzW-laPzZ9WsdW7RQvNAsnFXB2pF2xs_aem_WML-8oZgqxOyWl19fan0cg
CR. : ประวัติศาสตร์คริสต์ศาสนา
https://www.facebook.com/photo/?fbid=2129447003993570&set=a.1674135972858011
&
https://www.facebook.com/photo/?fbid=2129465840658353&set=a.1674135972858011
ชาวรุสหันมานับถือคริสตศาสนาได้อย่างไร? ตอนที่ 1 & ตอนที่ 2
เนื่องในวันนี้ ศาสนจักรของยูเครนเบลารุสและรัสเซียกำหนดให้เป็นวันฉลองครบรอบ 1030 ปี การรับศีลล้างบาปของชาวรุสเมื่อปี 988 ผมก็ขอเล่าถึงความเป็นมาของเรื่องให้ได้อ่านกันเสียเล็กน้อยนะครับ
สำหรับการเข้ามาของคริสตศาสนาสู่ดินแดนแถบนี้นั้น ตามตำนานกล่าวว่า นักบุญแอนดรูว์ หนึ่งในอัครสาวกทั้งสิบสองได้ออกเดินทางประกาศความเชื่อทั่วชุมชนที่ตั้งอยู่ตามชายฝั่งทะเลดำ เชื่อว่าท่านได้ล่องเรือย้อนขึ้นแม่น้ำนีเปอร์มายังบริเวณที่เป็นกรุงเคียฟในปัจจุบัน ท่านได้ปักกางเขนและทำนายว่าที่นี่จะกลายเป็นมหานครอันเป็นศูนย์กลางของคริสตศาสนาในภายภาคหน้า
แต่แน่ล่ะ มันเป็นเพียงตำนาน จริงหรือไม่ก็มิอาจทราบได้ กระนั้นก็พบว่าเริ่มมีชุมชนคริสเตียนตามชายฝั่งทะเลดำตั้งแต่ศตวรรษแรกแล้วจริง โดยเฉพาะปลายคาบสมุทรไครเมียที่ถือว่าเป็นหนึ่งในศูนย์กลางคริสตศาสนาเลยทีเดียว จึงอาจพอกล่าวได้ว่าคริสตศาสนาคงเริ่มเผยแพร่ไปยังดินแดนของชาวรุสมาตั้งแต่ยุคนั้นแล้ว เพียงแค่มิอาจทราบได้ว่าท่านเดินทางขึ้นเหนือไปจนถึงกรุงเคียฟจริงหรือไม่
อย่างไรก็ตาม แม้ก่อนหน้าที่เจ้าชายวลาดีมีร์แห่งเคียฟรุสจะทรงเข้ารับศีลล้างบาปนั้น พบว่าเริ่มมีการส่งมิชชันนารีเข้ามาอยู่ก่อนแล้วแน่นอน ทำให้มีชาวรุสบางส่วนหันมานับถือคริสตศาสนา มีการสร้างโบสถ์และปรากฏว่ามีสังฆราช(บิชอป) ประจำกรุงเคียฟแล้วอีกด้วย โดยขึ้นตรงกับพระอัยกาแห่งคอนสแตนติโนเปิล แต่กระนั้นก็ถือได้ว่าประสบความสำเร็จน้อยเพราะคนส่วนใหญ่ยังคงนับถือเทพเจ้าสลาฟเดิมอยู่
ส่วนผู้ปกครอง แม้พระนางออลกา(Olga of Kiev) พระชายาในเจ้าชายอีกอร์แห่งเคียฟจะทรงเข้ารับศีลล้างบาปที่กรุงคอนสแตนติโนเปิล รวมถึงพยายามชักจูงให้บุตรชายของพระนางคือเจ้าชายสวีอาโตสลาฟ(Sviatoslav I of Kiev) เปลี่ยนมานับถือคริสตศาสนาด้วยกัน แต่ไม่สำเร็จเพราะเจ้าชายสวีอาโตสลาฟไม่ยอมเปลี่ยนศาสนา หากแต่ยังคงนับถือความเชื่อเดิมต่อไปอย่างเคร่งครัด
จุดเปลี่ยนของประวัติศาสตร์ชาวรุสจึงมาอยู่ที่วลาดีมีร์ โอรสของเจ้าชายสวีอาโตสลาฟและมีศักดิ์เป็นหลานของพระนางออลกาครับ ทรงขึ้นครองบัลลังก์เป็นเจ้าชายแห่งเคียฟในปี 980 ต่อจากบิดาและทรงเป็นผู้รวมอาณาจักรเคียฟรุสของพระองค์ให้เป็นหนึ่งเดียวได้ในที่สุด อีกทั้งพระองค์ยังทรงเป็นผู้อุปถัมภ์ความเชื่อสลาฟเดิม สร้างศาสนสถานอุทิศแด่เทพเปรูน เทพเจ้าสูงสุดของชาวสลาฟก็ไม่น้อย ไม่มีท่าทีจะเปลี่ยนศาสนาเลย
แล้ว...ทำไมจู่ๆพระองค์เปลี่ยนมานับถือคริสตศาสนาล่ะ? แถมเปลี่ยนคนเดียวไม่พอ ยังนำพาชาวรุสทั้งมวลมาเปลี่ยนตามพระองค์ด้วย เพราะอะไรกัน?
เรื่องนี้มีเอกสารหลายชิ้นบันทึกไว้ครับ ที่ดังที่สุดคือพงศาวดารที่ถูกเขียนขึ้นโดยนักพรตที่ชื่อว่าเนสเตอร์ (Nestor the Chronicler) ได้บันทึกไว้ว่าหลังจากพระองค์ทรงรวบรวมอาณาจักรเคียฟรุสให้เป็นหนึ่งเดียวได้แล้วนั้น พระองค์ยังทรงหมายมั่นจะรวมชาวรุสให้เป็นหนึ่งใน “ความเชื่อ” ด้วย จึงเสาะแสวงหาศาสนาต่างๆเท่าที่จะหาได้เพื่อที่พระองค์และชาวรุสจะได้เปลี่ยนมานับถือศาสนานั้น
ซึ่งศาสนาที่พระองค์พอเข้าถึงได้มีดังนี้คือ ศาสนายูดาย อิสลาม คริสต์แบบเยอรมัน(ละติน) และคริสต์แบบไบแซนไทน์(กรีก)
ในปี 986 เผ่าบัลการ์ทางตะวันออกที่นับถืออิสลามมาเข้าเฝ้าและได้ประกาศศาสนาแก่เจ้าชายวลาดิมีร์ ซึ่งพระองค์พอพระทัยทุกอย่างเลย...
.
.
.
...ยกเว้นเรื่องการเข้าสุหนัตและห้ามรับประทานเนื้อสุกรกับสุรา พระองค์ไม่พอพระทัย ตรัสว่า “การดื่มสุราถือเป็นความสุขของชาวรุสเรา เราอยู่ไม่ได้แน่หากขาดความสุขตรงนี้ไป"
ต่อมา มีคณะทูตชาวเยอรมันมาเข้าเฝ้าซึ่งอ้างตนว่าเป็นสมณทูตจากพระสันตะปาปา และประกาศความเชื่อคริสตศาสนาแบบเยอรมันของตน แต่ดูเหมือนพระองค์จะเฉยๆ และขอให้ท่านทูตกลับไปเสียอย่างนั้น
ต่อมาอีก มีพวกยิวจากเผ่าคาซาร์ ซึ่งได้มาเข้าเฝ้าและอธิบายหลักความเชื่อปฏิบัติของยิวไป แต่พระองค์ก็ไม่พอพระทัยอีก เพราะทรงคิดว่าการที่ชาวยิวเสียเยรูซาเล็ม ก็เสมือนว่าพวกเขาถูกทอดทิ้งโดยพระเป็นเจ้าเสียแล้วนั่นเอง จึงปฏิเสธไปโดยสิ้นเชิง ไม่นำมาพิจารณาอีก
สุดท้าย มีพวกกรีกมาเข้าเฝ้า รายนี้พิเศษ มาถึงก็วิจารณ์ทุกความเชื่อที่เจ้าชายวลาดีมีร์ได้พบเจอมา พร้อมยกย่องสรรเสริญถึงความเชื่อตน กระนั้น พระองค์ก็ดูเหมือนพอพระทัยเพราะทรงเห็นว่าพวกกรีกพูดจามีเหตุผลน่าฟัง แต่พระองค์ก็ยังตัดสินใจไม่ได้อยู่ดี ดังนั้นพอในปี 987 พระองค์จึงส่งทูตที่มีความสามารถและสติปัญญาเฉียบแหลมออกเดินทางไปยังดินแดนความเชื่อเหล่านั้น เพื่อสังเกตการณ์และศึกษาความเชื่อกันถึงถิ่นเลยทีเดียว
เมื่อกลับมา คณะทูตจึงได้กราบทูลถึงศาสนาต่างๆที่ได้พบเจอ จนเจ้าชายสามารถตัดตัวเลือกอิสลามออกไปได้ ส่วนยูดายนั้นตัดออกไปตั้งแต่พวกยิวมาเข้าเฝ้าครั้งแรกแล้ว
แต่สำหรับอีกสองความเชื่อที่เหลือและเรื่องราวหลังจากนั้น ผมขอพักไว้เท่านี้ก่อน ไว้มาต่ออีกทีช่วงบ่ายนะครับ พักกินข้าว!
/AdminMichael
ภาพ: เจ้าชายวลาดีมีร์ทรงเลือกศาสนา วาดโดย Johann Lebrecht Eggink จิตรกรชาวเยอรมัน(1784-1867)
ข้อมูลอ้างอิง:
พงศาวดารฉบับหลักของชาวรุส
(http://www.mgh-bibliothek.de/dokumente/a/a011458.pdf)
https://www.britannica.com/biography/Vladimir-I
https://russianlife.com/.../online.../kievan-rus-the-church/
https://www.encyclopediaofukraine.com/display.asp?linkpath=pages%5CC%5CH%5CChristianizationofUkraine.htm&fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTAAAR08tb16WB5pPEmUJwwoazeND95s835eDYUKq_xMu80sFVL-SlVrD-dXjhM_aem_FV0-xwMnUMXbySWAvYg0Iw
+ ชาวรุสหันมานับถือคริสตศาสนาได้อย่างไร? ตอนที่ 2
เอาล่ะครับเรามาต่อกันดีกว่า อย่างที่ได้กล่าวไปเมื่อสายว่าเจ้าชายวลาดีมีร์ได้ตัดตัวเลือกอิสลามกับยูดายไปแล้ว
ดังนั้นเราจึงเหลือผู้เข้ารอบสองคนสุดท้ายครับ เป็นคริสต์ทั้งคู่ คือคริสต์เยอรมันและคริสต์ไบแซนไทน์
คณะทูตกราบทูลว่า เมื่อพวกเขาได้เดินทางไปยังดินแดนของพวกเยอรมันและร่วมสังเกตการณ์พิธีกรรมตามจารีตละตินแล้ว พวกเขารู้สึกไม่พอใจเพราะพิธีจารีตละตินนั้นดูไม่ยิ่งใหญ่และไม่สง่างามเอาเสียเลยในสายตาของคณะทูต สุดท้ายจึงได้เดินทางมายังกรุงคอนสแตนติโนเปิล เมืองหลวงแห่งจักรวรรดิไบแซนไทน์
รอบนี้จักรพรรดิเตรียมตัวมาดี เมื่อทราบว่าคณะทูตเหล่านั้นจะมาสังเกตการณ์ศาสนจักรของพระองค์ จึงส่งสาส์นถึงพระอัยกาแห่งคอนสแตนติโนเปิลว่าให้เตรียมวิหารและนักบวชให้พร้อม เพื่อที่ชาวรุสพวกนั้นจะได้เห็นพระสิริของพระเจ้าแห่งชาวกรีก
เมื่อคณะทูตได้เข้าร่วมพิธีกรรมตามจารีตไบแซนไทน์ พวกเขาถึงกับตกตะลึง ถึงความงดงามของพิธีกรรม คณะนักร้องต่างประสานเสียงอันไพเราะเสนาะหู กำยาน อาภรณ์ วิหาร ช่างยิ่งใหญ่สมพระเกียรติศาสนจักรของจักรพรรดิ พวกเขาถึงกับกราบทูลเจ้าชายวลาดีมีร์เลยว่า
"เราไม่รู้ว่าเราอยู่บนโลกหรือสวรรค์กันแน่ บนโลกนี้ไม่มีความงามใดๆมาอธิบายมันได้เลย"
จากคำดังกล่าว ทำให้เจ้าชายวลาดีมีร์ตัดสินใจได้ในบัดดล ว่าพระองค์จะทรงเลือกนับถือคริสตศาสนาแบบกรีกไบแซนไทน์แน่ๆ จะติดก็ตรงแต่....
ยังหาโอกาสล้างบาปเหมาะๆไม่ได้น่ะสิ
โอกาสนั้นมาถึงในปี 988 เมื่อจักรพรรดิบาซิลที่ 2 ทรงขอความช่วยเหลือไปยังเจ้าชายวลาดีมีร์ให้ช่วยปราบกบฏ พอสำเร็จ เจ้าชายได้ยึดคาร์ซอนนิซอส เมืองท่าสำคัญในไครเมียไว้ แล้วส่งสาส์นถึงจักรพรรดิว่าขอพระขนิษฐาท่านคือเจ้าหญิงแอนนาเป็นรางวัล ซึ่งหากตกลง เจ้าชายจะรับศีลล้างบาปเพื่อแต่งงานด้วย
ราชสำนักไบแซนไทน์ถึงกับตะลึงเพราะยังไม่เคยมีใครแต่งกับเจ้าชายที่เป็นคนเถื่อนมาก่อนและไม่คิดว่าเจ้าชายคนเถื่อนผู้นี้จะศรัทธาจริงๆ คงจะเปลี่ยนเพราะอยากแต่งกับเจ้าหญิงมากกว่าล่ะมั้ง ทำให้มีบางคนเสนอทฤษฎีว่าเหตุพระองค์ทรงเปลี่ยนศาสนาเป็นเพราะเจ้าหญิงเพียงประการเดียวมากกว่าจะมีเหตุผลเรื่องศาสนามาประกอบ คิดกันอย่างนั้นเลย
แต่อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าพระองค์ทรงรอโอกาสเหมาะที่จะเข้ารีตอยู่แล้วครับ เพราะพอจักรพรรดิตอบรับ พระองค์ก็ไม่รีรอ รับศีลล้างบาปที่ไครเมียในทันทีและกลับเคียฟอย่างผู้ชนะ เมื่อกลับมาถึง พระองค์ก็ทรงสั่งให้ทำลายเทวรูปของความเชื่อเดิมและกวาดลงแม่น้ำนีเปอร์เสียหมดเกลี้ยง รวมถึงทำลายศาสนสถานเทพเปรูนที่พระองค์ทรงเคยโปรดให้สร้างเองเสียด้วยซ้ำ พร้อมนำชาวรุสในเคียฟรับศีลล้างบาปกันในแม่น้ำ นำพวกเขาทั้งหลายเข้าสู่หนทางแห่งกางเขนของพระเยซูคริสตเจ้า ตามวิถีทางจารีตแบบไบแซนไทน์ เหตุการณ์นี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อ "Baptism of Rus'" (การล้างบาปของชาวรุส) นั่นเอง ซึ่งนำพาชาวรุสส่วนอื่นๆเข้ารีตด้วยจนคริสตศาสนากลายเป็นศาสนาหลักของพวกเขาไปในที่สุด
แม้ยังมีการโต้แย้งกันอยู่ว่าเจ้าชายเปลี่ยนเป็นคริสต์เพราะอยากจะแต่งกับเจ้าหญิงอย่างเดียวหรือเปลี่ยนเพราะมีเหตุผลทางศาสนาอยู่แล้วก็ตาม แต่การล้างบาปของพระองค์และชาวรุสก็ได้เปลี่ยนประวัติศาสตร์บนภูมิภาคนี้ไปตลอดกาลแล้วล่ะครับ คริสตศาสนาแบบกรีกไบแซนไทน์ซึ่งในกาลต่อมาคือศาสนจักรอีสเทิร์นออร์โธด็อกซ์ ได้กลายเป็นรากฐานความเชื่อศรัทธาของคนส่วนใหญ่ที่นั่น รวมถึงทรงอิทธิพลต่อวรรณกรรม วัฒนธรรม สถาปัตยกรรมและการเมืองการปกครองของพวกเขา
ด้วยเหตุนี้ ศาสนจักรของชาวรุสในปัจจุบันทุกศาสนจักร ไม่ว่าจะออร์โธด็อกซ์หรือคาทอลิกตะวันออก จึงต่างพร้อมใจกันฉลองวันล้างบาปครั้งนั้นกันทุกปี เพื่อระลึกถึงวันที่ประวัติศาสตร์ของพวกเขาได้ถูกเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่และนำพาพวกเขาสู่ความเชื่อในพระเยซูคริสต์ พระผู้ไถ่จากบาปทั้งปวง
/AdminMichael
ภาพ: การล้างบาปของชาวรุส วาดโดยวิคเตอร์ วาสเน็ตซอฟ (1848-1926) ในอาสนวิหารนักบุญวลาดีมีร์ที่กรุงเคียฟ
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
พงศาวดารหลักของชาวรุส
(http://www.mgh-bibliothek.de/dokumente/a/a011458.pdf)
https://www.britannica.com/biography/Vladimir-I
https://russianlife.com/.../online.../kievan-rus-the-church/
http://www.encyclopediaofukraine.com/display.asp...
https://www.encyclopediaofukraine.com/display.asp?linkpath=pages%5CC%5CH%5CChristianizationofUkraine.htm&fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTAAAR1J9e1N_iTtwRcm6q2dMwwnYaB_AzW-laPzZ9WsdW7RQvNAsnFXB2pF2xs_aem_WML-8oZgqxOyWl19fan0cg
CR. : ประวัติศาสตร์คริสต์ศาสนา
https://www.facebook.com/photo/?fbid=2129447003993570&set=a.1674135972858011
&
https://www.facebook.com/photo/?fbid=2129465840658353&set=a.1674135972858011