“เวียดนาม กำลังยิ่งใหญ่”
สูตรสำเร็จ คืออะไร มีคำตอบ
ประธานาธิบดี "รัสเซีย" วลาดิเมียร์ ปูติน เยือนเวียดนาม พร้อมเสนอ "ดีล" ความร่วมมือสนับสนุน ด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี "อวกาศ" ให้กับเวียดนาม
เพียง 2024 ปีเดียว รัสเซียจะให้ทุนเด็กเวียดนาม ไปเรียนในระดับปริญญาตรี ถึงปริญญาเอก มากถึง 1,000 คน เพื่อพัฒนาศักยภาพ "เด็กเวียดนาม" ให้ก้าวล้ำนำหน้า สู่ยุคอวกาศ
"ดีลดี" ที่รัสเซียมอบนี้ ทำให้ "สหรัฐ" ต้องส่งนักการทูตระดับสูง บินตรงเข้าเวียดนามทันที เพื่อเพิ่ม "ดีลดีกว่า" เสนอเวียดนาม ให้เป็น "พันธมิตรหลัก" ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยสัญญาจะลงทุนเต็มรูปแบบ ในอุตสาหกรรมไฮเทค ที่มีทั้ง Apple และ Microsoft รวมทั้งพลพรรค เช่น เกาหลี ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส ทุ่มเงิน และทุ่มเทคโนโลยีสู่เวียดนาม ตามพี่ใหญ่
วันนี้ "เวียดนาม" จึงเป็น "สาวสวย" ที่กำลัง "ร่ำรวย" แถม "ฉลาดล้ำ" ใครก็ตามจีบ ใครก็มาหาพร้อมดอกไม้ แหวนเพชร หัวกระไดไม่แห้ง เพราะอยากหมั้นหมาย เป็นคู่ครอง
ขณะที่ไทย เคยเป็นสาวสวย แต่วันนี้ อย่าว่าแต่รอให้หนุ่มมาจีบเลย ไปเดินยิ้ม ไปเยี่ยมบ้านหนุ่ม เขายังไม่จีบ ไม่ชายตามอง เพราะเขาไปถูกใจสาวเพื่อนบ้าน เราจึงได้แต่ทำตาปริบๆ เป็น "ม่ายขันหมาก" ของอาเซียน ที่หนุ่มทำท่าจะมาจีบ จะมาหมั้น แต่สุดท้ายไม่มาขอจริงสักที เฮ้อ...
เราอย่ามาพูดว่า "ช่างเขา ไทยเราอยู่ได้" ด้วยตนเอง "ไม่จริง!" แม้แต่น้อยนิด เพราะเศรษฐกิจไทย ที่ยังหัวทิ่ม หัวตำ ทุกวันนี้ อยู่ได้ด้วย 2 ปัจจัยหลัก เท่านั้น คือ การรับ "นักท่องเที่ยว" จากต่างประเทศ และ "การส่งออก" ไปยังต่างประเทศ
ดังนั้น เศรษฐกิจไทย และปากท้องคนไทย จึงฝากไว้กับ "การต่างประเทศ" ของโลกใบนี้
ผมติดตาม "เวียดนาม" มาหลายปี เพราะเมื่อครั้งเป็น ประธานที่ประชุมอธิการบดี หรือ ทปอ. ไปเยือนสหรัฐพร้อมอธิการบดีหลายท่าน ได้รับสัญญาณ "ห่วงใย" จาก ผู้ใหญ่ของสหรัฐที่รักเมืองไทย สะกิดว่ามีเด็กเวียดนามมาเรียนที่สหรัฐ มากกว่า 25,000 คน (เมื่อ 6-7 ปีที่แล้ว) ขณะที่มีเด็กไทยเพียง 5,000 คน ห่างกัน 5 เท่า นี่คือ สัญญาณอันตรายของไทย
จากวันนั้น ถึงวันนี้ จากสัญญาณอันตราย สู่ "ความจริง" เวียดนามกำลังจะเป็น มหาอำนาจทางเศรษฐกิจใหม่ของเอเชีย ที่พร้อมด้วย "กำลังมันสมอง" "กำลังเงินทุน" และกำลังอำนาจ "การเมือง" ระหว่างประเทศ
"เวียดนาม" มีสูตรสำเร็จอย่างไร ถึงยกระดับประเทศได้ไว
1. "เรียนรู้ และเลียบแบบ" จากประเทศอื่น ที่ทำสำเร็จมาแล้ว
เวียดนามก๊อปปี้ การ "ปฏิรูปการศึกษา" จากจีน และเกาหลี ที่มุ่งพัฒนาครูเป็นสำคัญ สร้างความรักชาติ สร้างวินัยตั้งแต่เด็ก และเน้นเรียน STEM วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ ถึงประสบความสำเร็จ
เวียดนามพัฒนา "เศรษฐกิจยุคใหม่" สนับสนุนบริษัทสตาร์ทอัพ ในรูปแบบเดียวกับอเมริกา จนพัฒนาได้รวดเร็วที่สุดในอาเซียน
2. "สร้างคนเก่ง คนขยัน ค่าแรง (ยัง) ถูก"
นักลงทุนใครก็ชอบจ้างคนเวียดนาม เพราะเป็นแรงงานมีทักษะสูง ขยัน อดทน ที่ค่าจ้างยังถูก เมื่อเปรียบเทียบกับคุณค่า
คนเวียดนาม สนใจเรียน "อาชีวะศึกษา" ไม่ใช่เพราะหาที่เรียนไม่ได้ แต่เป็นเพราะรัฐบาลยกระดับโรงเรียนอาชีวะ และการันตีการได้งาน อุตสาหกรรมก็ยินดีจ่ายค่าแรงที่มีทักษะ ไม่น้อยกว่าคนจบปริญญา
รัฐบาลยังสนับสนุนเด็กรุ่นใหม่ อย่างเต็มที่ เพื่อเดินทางไปเรียนในต่างประเทศ แล้วกลับมาพัฒนาบ้านเกิด เวียดนามจึงมีสัดส่วนพลเมืองคุณภาพ เพิ่มมากขึ้นทุกวัน
3. "เน้นเพิ่มมูลค่า และคุณภาพสินค้าส่งออก"
คนเวียดนามรวยขึ้นมาก จากการส่งออก และเป็นการส่งออกทุกประเภท ตั้งแต่สินค้าการเกษตร ที่มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลในการผลิตสูงมาก จนถึงสินค้าไฮเทคมูลค่าสูง ที่เวียดนามเป็นฐานการผลิตให้
ทั้งยังเร่ง ต่อยอด "สร้างแบรนด์" ของตนเอง ทำให้เกิดบริษัทระดับยูนิคอร์น และบริษัทเทคโนโลยีรุ่นใหม่ๆในประเทศ หลายแห่ง
4. "ชาตินิยม ช่วยเหลือกัน รวมกันติด"
ครอบครัวคนเวียดนามในสหรัฐ เลี้ยงลูกเก่ง ประสบความสำเร็จมาก บางคนเป็นนายพลของกองทัพสหรัฐ เป็นนักธุรกิจก็เยอะ เป็นหมอก็มาก แม้แต่ คุณหมอพริสซิลลา ซาน ภรรยาของมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก เจ้าของเฟซบุ๊ค ก็มีเชื้อสายเวียดนาม
คนเวียดนามไม่ว่าอยู่ที่ไหน ยังมีความเป็นชาตินิยม ส่งเสริมคนเวียดนามด้วยกัน และสนับสนุนสินค้าเวียดนาม ทั้งคนเวียดนามในต่างประเทศยังเป็นสะพานเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐ รัสเซีย กับรัฐบาลเวียดนาม น่าชื่นชมยิ่ง
และ
5. "ปราบปรามการคอรัปชั่น"
แม้ว่าในอดีต เวียดนามอาจได้ชื่อว่า มีปัญหาคอรัปชั่นไม่น้อย แต่ระยะหลัง รัฐบาลเอาจริงเอาจังกับการปราบปรามคอรัปชั่น ตามแนวทางของจีน โดยมีผู้บริหารประเทศหลายคน ถูกปลด ถูกลงโทษ เป็นเยี่ยงอย่างให้นักการเมือง ข้าราชการ ไม่กล้าทุจริต
ขณะที่ "โทษประหารชีวิต" คนทุจริต ยังคงมีอยู่ โดยล่าสุด ได้ประหารมหาเศรษฐีที่ฉ้อโกงเงินชาวบ้านจำนวนมหาศาล คือ การส่งสัญญาณแรง ให้นักลงทุนมั่นใจในธรรมาภิบาลของรัฐ
ดังนั้น "เวียดนาม" เป็นตัวอย่างความสำเร็จ ที่ไทยน่าเรียนรู้ยิ่ง
ผมเชื่อว่า "ยังไม่สายไป" หากประเทศไทย จะตั้งหลัก พัฒนาชาติ ให้กลับมาเป็น "สาวสวย คุณสมบัติพร้อม" ที่ทุกคนต้องมีไมตรีให้
แต่ต้องเริ่มจาก "ผู้นำ" ที่ต้องมุ่งมั่น วาง "รากฐาน" ของชาติ ไม่ทำงาน "ฉาบฉวย" ไม่เช่นนั้น ประเทศไทยอาจล้าหลัง จนแข่งขันไม่ได้ อีกต่อไป
ด้วยความห่วงใย
ศาสตราจารย์ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
#เวียดนาม #เศรษฐกิจ #เอ้สุชัชวีร์ #สุชัชวีร์
รองหัวหน้าปชปเฉลย : เหตุใดเวียดนามจึงเนื้อหอมกว่าไทย
สูตรสำเร็จ คืออะไร มีคำตอบ
ประธานาธิบดี "รัสเซีย" วลาดิเมียร์ ปูติน เยือนเวียดนาม พร้อมเสนอ "ดีล" ความร่วมมือสนับสนุน ด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี "อวกาศ" ให้กับเวียดนาม
เพียง 2024 ปีเดียว รัสเซียจะให้ทุนเด็กเวียดนาม ไปเรียนในระดับปริญญาตรี ถึงปริญญาเอก มากถึง 1,000 คน เพื่อพัฒนาศักยภาพ "เด็กเวียดนาม" ให้ก้าวล้ำนำหน้า สู่ยุคอวกาศ
"ดีลดี" ที่รัสเซียมอบนี้ ทำให้ "สหรัฐ" ต้องส่งนักการทูตระดับสูง บินตรงเข้าเวียดนามทันที เพื่อเพิ่ม "ดีลดีกว่า" เสนอเวียดนาม ให้เป็น "พันธมิตรหลัก" ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยสัญญาจะลงทุนเต็มรูปแบบ ในอุตสาหกรรมไฮเทค ที่มีทั้ง Apple และ Microsoft รวมทั้งพลพรรค เช่น เกาหลี ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส ทุ่มเงิน และทุ่มเทคโนโลยีสู่เวียดนาม ตามพี่ใหญ่
วันนี้ "เวียดนาม" จึงเป็น "สาวสวย" ที่กำลัง "ร่ำรวย" แถม "ฉลาดล้ำ" ใครก็ตามจีบ ใครก็มาหาพร้อมดอกไม้ แหวนเพชร หัวกระไดไม่แห้ง เพราะอยากหมั้นหมาย เป็นคู่ครอง
ขณะที่ไทย เคยเป็นสาวสวย แต่วันนี้ อย่าว่าแต่รอให้หนุ่มมาจีบเลย ไปเดินยิ้ม ไปเยี่ยมบ้านหนุ่ม เขายังไม่จีบ ไม่ชายตามอง เพราะเขาไปถูกใจสาวเพื่อนบ้าน เราจึงได้แต่ทำตาปริบๆ เป็น "ม่ายขันหมาก" ของอาเซียน ที่หนุ่มทำท่าจะมาจีบ จะมาหมั้น แต่สุดท้ายไม่มาขอจริงสักที เฮ้อ...
เราอย่ามาพูดว่า "ช่างเขา ไทยเราอยู่ได้" ด้วยตนเอง "ไม่จริง!" แม้แต่น้อยนิด เพราะเศรษฐกิจไทย ที่ยังหัวทิ่ม หัวตำ ทุกวันนี้ อยู่ได้ด้วย 2 ปัจจัยหลัก เท่านั้น คือ การรับ "นักท่องเที่ยว" จากต่างประเทศ และ "การส่งออก" ไปยังต่างประเทศ
ดังนั้น เศรษฐกิจไทย และปากท้องคนไทย จึงฝากไว้กับ "การต่างประเทศ" ของโลกใบนี้
ผมติดตาม "เวียดนาม" มาหลายปี เพราะเมื่อครั้งเป็น ประธานที่ประชุมอธิการบดี หรือ ทปอ. ไปเยือนสหรัฐพร้อมอธิการบดีหลายท่าน ได้รับสัญญาณ "ห่วงใย" จาก ผู้ใหญ่ของสหรัฐที่รักเมืองไทย สะกิดว่ามีเด็กเวียดนามมาเรียนที่สหรัฐ มากกว่า 25,000 คน (เมื่อ 6-7 ปีที่แล้ว) ขณะที่มีเด็กไทยเพียง 5,000 คน ห่างกัน 5 เท่า นี่คือ สัญญาณอันตรายของไทย
จากวันนั้น ถึงวันนี้ จากสัญญาณอันตราย สู่ "ความจริง" เวียดนามกำลังจะเป็น มหาอำนาจทางเศรษฐกิจใหม่ของเอเชีย ที่พร้อมด้วย "กำลังมันสมอง" "กำลังเงินทุน" และกำลังอำนาจ "การเมือง" ระหว่างประเทศ
"เวียดนาม" มีสูตรสำเร็จอย่างไร ถึงยกระดับประเทศได้ไว
1. "เรียนรู้ และเลียบแบบ" จากประเทศอื่น ที่ทำสำเร็จมาแล้ว
เวียดนามก๊อปปี้ การ "ปฏิรูปการศึกษา" จากจีน และเกาหลี ที่มุ่งพัฒนาครูเป็นสำคัญ สร้างความรักชาติ สร้างวินัยตั้งแต่เด็ก และเน้นเรียน STEM วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ ถึงประสบความสำเร็จ
เวียดนามพัฒนา "เศรษฐกิจยุคใหม่" สนับสนุนบริษัทสตาร์ทอัพ ในรูปแบบเดียวกับอเมริกา จนพัฒนาได้รวดเร็วที่สุดในอาเซียน
2. "สร้างคนเก่ง คนขยัน ค่าแรง (ยัง) ถูก"
นักลงทุนใครก็ชอบจ้างคนเวียดนาม เพราะเป็นแรงงานมีทักษะสูง ขยัน อดทน ที่ค่าจ้างยังถูก เมื่อเปรียบเทียบกับคุณค่า
คนเวียดนาม สนใจเรียน "อาชีวะศึกษา" ไม่ใช่เพราะหาที่เรียนไม่ได้ แต่เป็นเพราะรัฐบาลยกระดับโรงเรียนอาชีวะ และการันตีการได้งาน อุตสาหกรรมก็ยินดีจ่ายค่าแรงที่มีทักษะ ไม่น้อยกว่าคนจบปริญญา
รัฐบาลยังสนับสนุนเด็กรุ่นใหม่ อย่างเต็มที่ เพื่อเดินทางไปเรียนในต่างประเทศ แล้วกลับมาพัฒนาบ้านเกิด เวียดนามจึงมีสัดส่วนพลเมืองคุณภาพ เพิ่มมากขึ้นทุกวัน
3. "เน้นเพิ่มมูลค่า และคุณภาพสินค้าส่งออก"
คนเวียดนามรวยขึ้นมาก จากการส่งออก และเป็นการส่งออกทุกประเภท ตั้งแต่สินค้าการเกษตร ที่มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลในการผลิตสูงมาก จนถึงสินค้าไฮเทคมูลค่าสูง ที่เวียดนามเป็นฐานการผลิตให้
ทั้งยังเร่ง ต่อยอด "สร้างแบรนด์" ของตนเอง ทำให้เกิดบริษัทระดับยูนิคอร์น และบริษัทเทคโนโลยีรุ่นใหม่ๆในประเทศ หลายแห่ง
4. "ชาตินิยม ช่วยเหลือกัน รวมกันติด"
ครอบครัวคนเวียดนามในสหรัฐ เลี้ยงลูกเก่ง ประสบความสำเร็จมาก บางคนเป็นนายพลของกองทัพสหรัฐ เป็นนักธุรกิจก็เยอะ เป็นหมอก็มาก แม้แต่ คุณหมอพริสซิลลา ซาน ภรรยาของมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก เจ้าของเฟซบุ๊ค ก็มีเชื้อสายเวียดนาม
คนเวียดนามไม่ว่าอยู่ที่ไหน ยังมีความเป็นชาตินิยม ส่งเสริมคนเวียดนามด้วยกัน และสนับสนุนสินค้าเวียดนาม ทั้งคนเวียดนามในต่างประเทศยังเป็นสะพานเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐ รัสเซีย กับรัฐบาลเวียดนาม น่าชื่นชมยิ่ง
และ
5. "ปราบปรามการคอรัปชั่น"
แม้ว่าในอดีต เวียดนามอาจได้ชื่อว่า มีปัญหาคอรัปชั่นไม่น้อย แต่ระยะหลัง รัฐบาลเอาจริงเอาจังกับการปราบปรามคอรัปชั่น ตามแนวทางของจีน โดยมีผู้บริหารประเทศหลายคน ถูกปลด ถูกลงโทษ เป็นเยี่ยงอย่างให้นักการเมือง ข้าราชการ ไม่กล้าทุจริต
ขณะที่ "โทษประหารชีวิต" คนทุจริต ยังคงมีอยู่ โดยล่าสุด ได้ประหารมหาเศรษฐีที่ฉ้อโกงเงินชาวบ้านจำนวนมหาศาล คือ การส่งสัญญาณแรง ให้นักลงทุนมั่นใจในธรรมาภิบาลของรัฐ
ดังนั้น "เวียดนาม" เป็นตัวอย่างความสำเร็จ ที่ไทยน่าเรียนรู้ยิ่ง
ผมเชื่อว่า "ยังไม่สายไป" หากประเทศไทย จะตั้งหลัก พัฒนาชาติ ให้กลับมาเป็น "สาวสวย คุณสมบัติพร้อม" ที่ทุกคนต้องมีไมตรีให้
แต่ต้องเริ่มจาก "ผู้นำ" ที่ต้องมุ่งมั่น วาง "รากฐาน" ของชาติ ไม่ทำงาน "ฉาบฉวย" ไม่เช่นนั้น ประเทศไทยอาจล้าหลัง จนแข่งขันไม่ได้ อีกต่อไป
ด้วยความห่วงใย
ศาสตราจารย์ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
#เวียดนาม #เศรษฐกิจ #เอ้สุชัชวีร์ #สุชัชวีร์