





ละครเรือนแพ ปี 2538 ได้สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมเป็นจำนวนมาก
ในวันนี้เราจะมาร่วมระลึกถีงละครเรื่องนี้และดารานำชายทั้ง 3 คน
ผมจะเริ่มที่ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง ก่อนนะครับ
ประวัติ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง คัดมาจาก
https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99/87599
“พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “อ๊อฟ พงษ์พัฒน์”
เกิดเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2504 จบปริญญาตรี พลศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
เริ่มต้นวงการบันเทิงจากการเข้ามาเป็น 1 ในคนทางบ้านที่สมัครเข้าแข่งขัน
ในรายการเกมโชว์ที่โด่งดังในยุคนั้น คือ มาตามนัด และ พลิกล็อก
และเป็นที่เข้าตาทีมงานบริษัทเจเอสแอล เมื่อทางบริษัทกำลังจะ
เปิดตัวละครเรื่องใหม่ที่ต้องการนักแสดงที่มีร่างกายกำยำ แข็งแรง
พงษ์พัฒน์จึงถูกเรียกให้เข้ามาทดสอบการแสดง
จนได้แสดงละครครั้งแรกคือเรื่อง “เมฆินทร์พิฆาต” ในปี พ.ศ. 2528
ถือเป็นการเข้าสู่วงการบันเทิงอย่างเต็มตัว และเริ่มมีงานละครอีกหลายเรื่อง
นอกจากนี้ “พงษ์พัฒน์” มีชื่อเสียงจากการเป็นนักร้องในแนวร็อก
สังกัดคีตา เอนเตอร์เทนเมนท์ โดยได้ออกผลงานเพลงของตนเองจำนวน 7 ชุด
ก่อนจะพลิกบทบาทมาอยู่เบื้องหลังในฐานะผู้กำกับละครและภาพยนตร์
ควบคู่กับงานแสดง และงานร้องเพลง โดยมีผลงานเพลงที่เป็นที่รู้จัก
เช่น ตัวสำรอง ใจนักเลง เป็นต้น
ด้านชีวิตคู่แต่งงานกับ “ธัญญา โสภณ” ซึ่งเป็นนักแสดงเช่นเดียวกัน
ปัจจุบันผันตัวไปอยู่เบื้องหลังเป็นผู้จัดละครโทรทัศน์
มีบุตร 2 คน คือ “บีบี” เอกนรี และ “ไรเฟิล” ภูรีพงษ์ วชิรบรรจง







......................................................................................................................
พระเอกคนที่ 2 คือ จอนนี่ แอนโฟเน่
เรื่องราวและประวัติคัดมาจากวิกิพีเดีย
จอนนี่ แอนโฟเน่ (เกิด 28 ตุลาคม พ.ศ. 2512)
เป็นนักแสดงและพิธีกรลูกครึ่งไทย-เยอรมัน-ฟิลิปปินส์
อดีตสมาชิกวงดนตรีแกรนด์เอ็กซ์
จอนนี่เกิดเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2512
เป็นบุตรชายของเรเน แอนโฟเน เป็นนักดนตรีชาวฟิลิปปินส์
กับละอองทิพย์ ภู่บุญ แอนโฟเน ลูกครึ่งไทย-เยอรมัน
บิดาและมารดานับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก
ส่วนตัวนับถือศาสนาพุทธ
สำเร็จการศึกษาระดับประถมศึกษาถึงมัธยมศึกษาตอนต้นศึกษาที่
โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา
เข้าสู่วงการบันเทิงจากการถ่ายแบบ ตั้งแต่อายุ 15 ปี
ในช่วงที่ศึกษาอยู่ที่โรงเรียนเซนต์ดอมินิก รุ่นที่ 19
และได้ถ่ายแบบนิตยสารเปรียวเป็นเล่มแรกจากนั้นมีผลงาน
ภาพยนตร์โฆษณามากขึ้น
ต่อมาได้รับการติดต่อจาก นคร เวชสุภาพร มือกีตาร์ นักร้องนำ
และหัวหน้าวงแกรนด์เอ็กซ์ที่เห็นผลงานจากโฆษณา
ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลและสืบทราบว่าครอบครัวของจอนนี่
อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกับนครให้เข้ามาเป็นสมาชิกวง แกรนด์เอ็กซ์
ในอัลบั้มชุด ขวดโหล เมื่อ พ.ศ. 2529
ทำหน้าที่เป็นมือคีย์บอร์ดและร้องประสานนาน 3 ปี
จากนั้นเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
จึงได้ลาออกจากวงและอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้จอนนี่
ต้องลาออกจากวงคือแฟนเพลงมักบุกไปที่บ้านทำให้ไม่มีเวลา
เป็นส่วนตัวพอเรียนถึงชั้นปี 3 จอนนี่ได้เล่นละครโทรทัศน์กับบริษัทกันตนา
โดยเล่นละครเรื่องแรกคือ มิติมืด เป็นละครตอนเดียวจบ
และมาเล่นละครยาวเรื่องแรกคือ ปีศาจในโลงศพ กำกับการแสดงโดย
ฐาปกรณ์ ดิษยนันทน์ และมาเล่นละครเรื่อง ผู้การเรือเร่
คู่กับนิออน อิศรา ซึ่งถือว่าเล่นเป็นพระเอกเต็มตัวเรื่องแรก
จากนั้นมีผลงานการแสดงละครและภาพยนตร์เป็นจำนวนมากกว่า 60 เรื่อง
จอนนี่สมรสกับจริยา แอนโฟเน่ มีบุตร 3 คน
ได้แก่ จิรายุ (เจมส์), จอมภัค (เจมมี่) และจิรชยา (จีนส์) ตามลำดับ
กระทั่งวันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2565
จอนนี่ได้สมัครเป็นสมาชิก พรรคไทยสร้างไทย
พร้อมกับประกาศลงสมัคร ส.ส. ใน เขตมีนบุรี ในนามพรรคไทยสร้างไทย
โดยมี คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย
มาร่วมเปิดตัวและมอบเสื้อพรรคพร้อมกับมอบหมายให้
จอนนี่ ดูแลนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์
ด้าน ศิลปะ วัฒนธรรม บันเทิง แบบครบวงจร
ก่อนหน้านั้นในวันศุกร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2565
จอนนี่ได้ช่วยหาเสียงให้กับ นายสมพร ดำพริก
ผู้สมัคร ส.ก. เขตมีนบุรี ของพรรคไทยสร้างไทย
ต่อมาในวันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2565
จอนนี่ได้ร่วมเวทีปราศรัยหาเสียงของทางพรรคที่ เขตหนองจอก






...................................................
พระเอกคนที่ 3 ได้จากพวกเราไปแล้วคือ ศรัณยู วงษ์กระจ่าง
นี่คือประวัติของท่านนะครับ คัดมาจากวิกิพีเดีย
ศรัณยู วงษ์กระจ่าง (ชื่อเล่น: ตั้ว) มีชื่อจริงคือ นรัณยู วงษ์กระจ่าง
(17 ตุลาคม 2503 – 10 มิถุนายน 2563) เป็นนักแสดง พิธีกร ผู้กำกับ
ก่อนหน้านั้นเขาประกอบอาชีพเป็นสถาปนิก
และร่วมกิจกรรมละคอนถาปัดสมัยเรียนอยู่
ณ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2522
มีผลงานครั้งแรกทางโทรทัศน์
โดยแสดงเป็นตัวประกอบในรายการเพชฌฆาตความเครียด ในปี พ.ศ. 2527
เขามีผลงานทางด้านการแสดงมากกว่า 100 เรื่อง
ทั้งละครโทรทัศน์ ภาพยนตร์ และละครเวที
ผลงานละครโทรทัศน์โด่งดังมากมาย ได้แก่ เก้าอี้ขาวในห้องแดง (2527)
ระนาดเอก (2528) มัสยา (2528) บ้านทรายทอง และ พจมาน สว่างวงศ์ (2530)
เกมกามเทพ (2531) เจ้าสาวของอานนท์ (2531)
ดอกฟ้าและโดมผู้จองหอง (2532) รัตติกาลยอดรัก (2532) วนาลี (2533)
รอยมาร (2533) วนิดา (2534) ไฟโชนแสง (2535) น้ำเซาะทราย (2536)
ทวิภพ (2537) มนต์รักลูกทุ่ง (2538) ด้วยแรงอธิษฐาน (2539)
พลังรัก (2541) และ นายฮ้อยทมิฬ (2544) ซึ่งแทบทุกเรื่องถูกนำมา
สร้างใหม่ในภายหลัง ส่วนผลงานละครเวทีที่เป็นที่จดจำมากที่สุด
คือ สู่ฝันอันยิ่งใหญ่ (2530)
นอกจากนั้นแล้ว ศรัณยูยังมีผลงานพิธีกร ผู้กำกับละครโทรทัศน์
และผู้กำกับภาพยนตร์ มากมายหลายเรื่อง อาทิเช่น
เป็นผู้กำกับละครโทรทัศน์เรื่อง "เทพนิยายนายเสนาะ" (2541),
ละครพีเรียดเรื่อง "น้ำพุ" (2545), ละครสั้นสองตอนจบเรื่อง "ลูกบ้าเที่ยวล่าสุด" (2545),
ละครเรื่อง "สุภาพบุรุษลูกผู้ชาย" (2546), ละครเรื่อง "หลังคาแดง" (2547),
ละครเรื่อง "ตราบสิ้นดินฟ้า" (2551)
ผลงานการกำกับภาพยนตร์เรื่อง "อำมหิตพิศวาส" (2550) และ "คนโขน" (2554)
อีกทั้งศรัณยูยังได้นำบทประพันธ์เรื่อง "หลังคาแดง" มาดัดแปลง
และนำเสนอในรูปแบบละครเวทีเรื่อง "หลังคาแดง เดอะมิวสิคัล" (2555) อีกด้วย
ช่วงบั้นปลายศรัณยูเป็นผู้จัดละครและผู้กำกับการแสดง
ผลิตละครโทรทัศน์ ในนาม "สามัญการละคร"
มีผลงานการกำกับละครเรื่อง "สุภาพบุรุษลูกผู้ชาย" (2556),
หัวใจเถื่อน (2557), รอยรักแรงแค้น (2558) และล่าสุดเรื่อง บัลลังก์หงส์ (2559)
ชีวิตวัยเด็กและการศึกษา
ศรัณยูเกิดเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2503 ที่ตำบลกระดังงา อำเภอบางคนที
จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นน้องชายร่วมสายโลหิตของ ธเนศ วรากุลนุเคราะห์
มีพี่น้อง 4 คน แต่ว่าใช้คนละนามสกุลกัน
เนื่องจากในวัยเด็กนั้นถูกป้าขอไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม
โดยเป็นบุตรบุญธรรมของนายสมนึก วงษ์กระจ่าง กับนางจำลอง วงษ์กระจ่าง
จบการศึกษาระดับมัธยมจาก โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รุ่นที่ 92/96
และจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจาก คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (รหัสเข้า 21)
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้มุ่งมั่นประกอบวิชาชีพที่เรียนมา
โดยศรัณยูให้สัมภาษณ์ทางเว็บไซต์ BK ในภายหลังว่า
"ละคอนถาปัด ชักนำผมสู่สิ่งที่กลายเป็นส่วนประกอบสำคัญที่สุด
ของชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย หลังจากจบปี 3 ผมรู้ตัวว่าผมไม่ได้อยากจะเป็นสถาปนิก"
ช่วงชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย ศรัณยูกวาดรับบทเด่นใน "ละคอนถาปัด"
หรือละครเวทีโดยนิสิตคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ
รวมทั้งข้ามไปเล่นให้ละครเวทีของคณะอักษรศาสตร์ด้วย
ศรัณยูกล่าวว่า การถือกำเนิดทางด้านการแสดงของเขามี รศ.สดใส พันธุมโกมล
เป็นผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาศิลปะการแสดงให้เขา
ด้วยการยื่นบทนักแสดงนำในละครเวทีคณะอักษรศาสตร์เรื่อง
คนดีที่เสฉวน และ พรายน้ำ นำไปสู่อาชีพนักแสดงซึ่งกลายมาเป็นอาชีพที่ศรัณยูรักที่สุด
ไม่ใช่เพียงแค่พรสวรรค์ทางด้านการแสดง
หน้าตาอันหล่อเหลายังดึงดูดให้มีแฟนๆติดตาม
และละครถา'ปัดในช่วงนั้นกลายเป็นสิ่งที่วัยรุ่นจนถึงวัยทำงานในเมืองต้องไปดู
ภาพลักษณ์ของการเป็นพระเอกละครถา'ปัด เป็นดรัมเมเยอร์
และเป็นนักรักบี้ สมัยมหาวิทยาลัย
ทำให้ศรัณยูกลายเป็นดาวเด่นในสมัยเรียน
จนมีกลุ่มซูโม่พูดถึงว่า สาว ๆ ชอบแวะมาคณะสถาปัตย์เพราะ 2 เหตุผล
คือ ห้องน้ำสะอาด กับ มาดู ศรัณยู














ปัจจุบัน พี่ตั้วได้เสียชีวิตไปแล้ว ทิ้งไว้แต่ผลงานคุณภาพหลากหลายเรื่อง
เรื่องนึงที่ผมชอบก็คือละครเรื่องเรือนแพ พอเรากลับไปดูย้อนหลัง
เรือนแพมันก็ยังสวยงามดังในเพลง ถึงแม้ว่าหลายอย่างมันจะเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว
แต่อีกหลายอย่างยังงดงามเสมอ
***** 3 พระเอกในเรือนแพ (2538): ศรัณยู วงษ์กระจ่าง, พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง และ จอนนี่ แอนโฟเน่ *****
ละครเรือนแพ ปี 2538 ได้สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมเป็นจำนวนมาก
ในวันนี้เราจะมาร่วมระลึกถีงละครเรื่องนี้และดารานำชายทั้ง 3 คน
ผมจะเริ่มที่ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง ก่อนนะครับ
ประวัติ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง คัดมาจาก https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99/87599
“พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “อ๊อฟ พงษ์พัฒน์”
เกิดเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2504 จบปริญญาตรี พลศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
เริ่มต้นวงการบันเทิงจากการเข้ามาเป็น 1 ในคนทางบ้านที่สมัครเข้าแข่งขัน
ในรายการเกมโชว์ที่โด่งดังในยุคนั้น คือ มาตามนัด และ พลิกล็อก
และเป็นที่เข้าตาทีมงานบริษัทเจเอสแอล เมื่อทางบริษัทกำลังจะ
เปิดตัวละครเรื่องใหม่ที่ต้องการนักแสดงที่มีร่างกายกำยำ แข็งแรง
พงษ์พัฒน์จึงถูกเรียกให้เข้ามาทดสอบการแสดง
จนได้แสดงละครครั้งแรกคือเรื่อง “เมฆินทร์พิฆาต” ในปี พ.ศ. 2528
ถือเป็นการเข้าสู่วงการบันเทิงอย่างเต็มตัว และเริ่มมีงานละครอีกหลายเรื่อง
นอกจากนี้ “พงษ์พัฒน์” มีชื่อเสียงจากการเป็นนักร้องในแนวร็อก
สังกัดคีตา เอนเตอร์เทนเมนท์ โดยได้ออกผลงานเพลงของตนเองจำนวน 7 ชุด
ก่อนจะพลิกบทบาทมาอยู่เบื้องหลังในฐานะผู้กำกับละครและภาพยนตร์
ควบคู่กับงานแสดง และงานร้องเพลง โดยมีผลงานเพลงที่เป็นที่รู้จัก
เช่น ตัวสำรอง ใจนักเลง เป็นต้น
ด้านชีวิตคู่แต่งงานกับ “ธัญญา โสภณ” ซึ่งเป็นนักแสดงเช่นเดียวกัน
ปัจจุบันผันตัวไปอยู่เบื้องหลังเป็นผู้จัดละครโทรทัศน์
มีบุตร 2 คน คือ “บีบี” เอกนรี และ “ไรเฟิล” ภูรีพงษ์ วชิรบรรจง
......................................................................................................................
พระเอกคนที่ 2 คือ จอนนี่ แอนโฟเน่
เรื่องราวและประวัติคัดมาจากวิกิพีเดีย
จอนนี่ แอนโฟเน่ (เกิด 28 ตุลาคม พ.ศ. 2512)
เป็นนักแสดงและพิธีกรลูกครึ่งไทย-เยอรมัน-ฟิลิปปินส์
อดีตสมาชิกวงดนตรีแกรนด์เอ็กซ์
จอนนี่เกิดเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2512
เป็นบุตรชายของเรเน แอนโฟเน เป็นนักดนตรีชาวฟิลิปปินส์
กับละอองทิพย์ ภู่บุญ แอนโฟเน ลูกครึ่งไทย-เยอรมัน
บิดาและมารดานับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก
ส่วนตัวนับถือศาสนาพุทธ
สำเร็จการศึกษาระดับประถมศึกษาถึงมัธยมศึกษาตอนต้นศึกษาที่
โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา
เข้าสู่วงการบันเทิงจากการถ่ายแบบ ตั้งแต่อายุ 15 ปี
ในช่วงที่ศึกษาอยู่ที่โรงเรียนเซนต์ดอมินิก รุ่นที่ 19
และได้ถ่ายแบบนิตยสารเปรียวเป็นเล่มแรกจากนั้นมีผลงาน
ภาพยนตร์โฆษณามากขึ้น
ต่อมาได้รับการติดต่อจาก นคร เวชสุภาพร มือกีตาร์ นักร้องนำ
และหัวหน้าวงแกรนด์เอ็กซ์ที่เห็นผลงานจากโฆษณา
ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลและสืบทราบว่าครอบครัวของจอนนี่
อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกับนครให้เข้ามาเป็นสมาชิกวง แกรนด์เอ็กซ์
ในอัลบั้มชุด ขวดโหล เมื่อ พ.ศ. 2529
ทำหน้าที่เป็นมือคีย์บอร์ดและร้องประสานนาน 3 ปี
จากนั้นเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
จึงได้ลาออกจากวงและอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้จอนนี่
ต้องลาออกจากวงคือแฟนเพลงมักบุกไปที่บ้านทำให้ไม่มีเวลา
เป็นส่วนตัวพอเรียนถึงชั้นปี 3 จอนนี่ได้เล่นละครโทรทัศน์กับบริษัทกันตนา
โดยเล่นละครเรื่องแรกคือ มิติมืด เป็นละครตอนเดียวจบ
และมาเล่นละครยาวเรื่องแรกคือ ปีศาจในโลงศพ กำกับการแสดงโดย
ฐาปกรณ์ ดิษยนันทน์ และมาเล่นละครเรื่อง ผู้การเรือเร่
คู่กับนิออน อิศรา ซึ่งถือว่าเล่นเป็นพระเอกเต็มตัวเรื่องแรก
จากนั้นมีผลงานการแสดงละครและภาพยนตร์เป็นจำนวนมากกว่า 60 เรื่อง
จอนนี่สมรสกับจริยา แอนโฟเน่ มีบุตร 3 คน
ได้แก่ จิรายุ (เจมส์), จอมภัค (เจมมี่) และจิรชยา (จีนส์) ตามลำดับ
กระทั่งวันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2565
จอนนี่ได้สมัครเป็นสมาชิก พรรคไทยสร้างไทย
พร้อมกับประกาศลงสมัคร ส.ส. ใน เขตมีนบุรี ในนามพรรคไทยสร้างไทย
โดยมี คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย
มาร่วมเปิดตัวและมอบเสื้อพรรคพร้อมกับมอบหมายให้
จอนนี่ ดูแลนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์
ด้าน ศิลปะ วัฒนธรรม บันเทิง แบบครบวงจร
ก่อนหน้านั้นในวันศุกร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2565
จอนนี่ได้ช่วยหาเสียงให้กับ นายสมพร ดำพริก
ผู้สมัคร ส.ก. เขตมีนบุรี ของพรรคไทยสร้างไทย
ต่อมาในวันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2565
จอนนี่ได้ร่วมเวทีปราศรัยหาเสียงของทางพรรคที่ เขตหนองจอก
...................................................
พระเอกคนที่ 3 ได้จากพวกเราไปแล้วคือ ศรัณยู วงษ์กระจ่าง
นี่คือประวัติของท่านนะครับ คัดมาจากวิกิพีเดีย
ศรัณยู วงษ์กระจ่าง (ชื่อเล่น: ตั้ว) มีชื่อจริงคือ นรัณยู วงษ์กระจ่าง
(17 ตุลาคม 2503 – 10 มิถุนายน 2563) เป็นนักแสดง พิธีกร ผู้กำกับ
ก่อนหน้านั้นเขาประกอบอาชีพเป็นสถาปนิก
และร่วมกิจกรรมละคอนถาปัดสมัยเรียนอยู่
ณ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2522
มีผลงานครั้งแรกทางโทรทัศน์
โดยแสดงเป็นตัวประกอบในรายการเพชฌฆาตความเครียด ในปี พ.ศ. 2527
เขามีผลงานทางด้านการแสดงมากกว่า 100 เรื่อง
ทั้งละครโทรทัศน์ ภาพยนตร์ และละครเวที
ผลงานละครโทรทัศน์โด่งดังมากมาย ได้แก่ เก้าอี้ขาวในห้องแดง (2527)
ระนาดเอก (2528) มัสยา (2528) บ้านทรายทอง และ พจมาน สว่างวงศ์ (2530)
เกมกามเทพ (2531) เจ้าสาวของอานนท์ (2531)
ดอกฟ้าและโดมผู้จองหอง (2532) รัตติกาลยอดรัก (2532) วนาลี (2533)
รอยมาร (2533) วนิดา (2534) ไฟโชนแสง (2535) น้ำเซาะทราย (2536)
ทวิภพ (2537) มนต์รักลูกทุ่ง (2538) ด้วยแรงอธิษฐาน (2539)
พลังรัก (2541) และ นายฮ้อยทมิฬ (2544) ซึ่งแทบทุกเรื่องถูกนำมา
สร้างใหม่ในภายหลัง ส่วนผลงานละครเวทีที่เป็นที่จดจำมากที่สุด
คือ สู่ฝันอันยิ่งใหญ่ (2530)
นอกจากนั้นแล้ว ศรัณยูยังมีผลงานพิธีกร ผู้กำกับละครโทรทัศน์
และผู้กำกับภาพยนตร์ มากมายหลายเรื่อง อาทิเช่น
เป็นผู้กำกับละครโทรทัศน์เรื่อง "เทพนิยายนายเสนาะ" (2541),
ละครพีเรียดเรื่อง "น้ำพุ" (2545), ละครสั้นสองตอนจบเรื่อง "ลูกบ้าเที่ยวล่าสุด" (2545),
ละครเรื่อง "สุภาพบุรุษลูกผู้ชาย" (2546), ละครเรื่อง "หลังคาแดง" (2547),
ละครเรื่อง "ตราบสิ้นดินฟ้า" (2551)
ผลงานการกำกับภาพยนตร์เรื่อง "อำมหิตพิศวาส" (2550) และ "คนโขน" (2554)
อีกทั้งศรัณยูยังได้นำบทประพันธ์เรื่อง "หลังคาแดง" มาดัดแปลง
และนำเสนอในรูปแบบละครเวทีเรื่อง "หลังคาแดง เดอะมิวสิคัล" (2555) อีกด้วย
ช่วงบั้นปลายศรัณยูเป็นผู้จัดละครและผู้กำกับการแสดง
ผลิตละครโทรทัศน์ ในนาม "สามัญการละคร"
มีผลงานการกำกับละครเรื่อง "สุภาพบุรุษลูกผู้ชาย" (2556),
หัวใจเถื่อน (2557), รอยรักแรงแค้น (2558) และล่าสุดเรื่อง บัลลังก์หงส์ (2559)
ชีวิตวัยเด็กและการศึกษา
ศรัณยูเกิดเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2503 ที่ตำบลกระดังงา อำเภอบางคนที
จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นน้องชายร่วมสายโลหิตของ ธเนศ วรากุลนุเคราะห์
มีพี่น้อง 4 คน แต่ว่าใช้คนละนามสกุลกัน
เนื่องจากในวัยเด็กนั้นถูกป้าขอไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม
โดยเป็นบุตรบุญธรรมของนายสมนึก วงษ์กระจ่าง กับนางจำลอง วงษ์กระจ่าง
จบการศึกษาระดับมัธยมจาก โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รุ่นที่ 92/96
และจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจาก คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (รหัสเข้า 21)
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้มุ่งมั่นประกอบวิชาชีพที่เรียนมา
โดยศรัณยูให้สัมภาษณ์ทางเว็บไซต์ BK ในภายหลังว่า
"ละคอนถาปัด ชักนำผมสู่สิ่งที่กลายเป็นส่วนประกอบสำคัญที่สุด
ของชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย หลังจากจบปี 3 ผมรู้ตัวว่าผมไม่ได้อยากจะเป็นสถาปนิก"
ช่วงชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย ศรัณยูกวาดรับบทเด่นใน "ละคอนถาปัด"
หรือละครเวทีโดยนิสิตคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ
รวมทั้งข้ามไปเล่นให้ละครเวทีของคณะอักษรศาสตร์ด้วย
ศรัณยูกล่าวว่า การถือกำเนิดทางด้านการแสดงของเขามี รศ.สดใส พันธุมโกมล
เป็นผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาศิลปะการแสดงให้เขา
ด้วยการยื่นบทนักแสดงนำในละครเวทีคณะอักษรศาสตร์เรื่อง
คนดีที่เสฉวน และ พรายน้ำ นำไปสู่อาชีพนักแสดงซึ่งกลายมาเป็นอาชีพที่ศรัณยูรักที่สุด
ไม่ใช่เพียงแค่พรสวรรค์ทางด้านการแสดง
หน้าตาอันหล่อเหลายังดึงดูดให้มีแฟนๆติดตาม
และละครถา'ปัดในช่วงนั้นกลายเป็นสิ่งที่วัยรุ่นจนถึงวัยทำงานในเมืองต้องไปดู
ภาพลักษณ์ของการเป็นพระเอกละครถา'ปัด เป็นดรัมเมเยอร์
และเป็นนักรักบี้ สมัยมหาวิทยาลัย
ทำให้ศรัณยูกลายเป็นดาวเด่นในสมัยเรียน
จนมีกลุ่มซูโม่พูดถึงว่า สาว ๆ ชอบแวะมาคณะสถาปัตย์เพราะ 2 เหตุผล
คือ ห้องน้ำสะอาด กับ มาดู ศรัณยู
ปัจจุบัน พี่ตั้วได้เสียชีวิตไปแล้ว ทิ้งไว้แต่ผลงานคุณภาพหลากหลายเรื่อง
เรื่องนึงที่ผมชอบก็คือละครเรื่องเรือนแพ พอเรากลับไปดูย้อนหลัง
เรือนแพมันก็ยังสวยงามดังในเพลง ถึงแม้ว่าหลายอย่างมันจะเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว
แต่อีกหลายอย่างยังงดงามเสมอ