อยากดูแลพ่อที่ป่วยติดเตียงแต่แม่เป็นคน toxic

จขกท.อายุมากกว่า 25 ปี มีงานทำแล้วนะคะ เกริ่นก่อนว่าครอบครัว จขกท.มีอยู่ 5 คน พ่อแม่ พี่ 2 คน และเราเป็นลูกคนเล็ก พ่อแม่อยู่บ้านตจว. ส่วนเราและพี่ๆทำงานในกรุงเทพฯ เราค่อนข้างคุยกับพ่อได้ง่าย แต่กับแม่คือเรียกได้ว่าอยู่กันแปบ ๆ ก็จะทะเลาะกันแล้ว เพราะ แม่จะเจ้ากี้เจ้าการบังคับให้เราต้องเชื่อฟังเค้าและทำตามแบบที่เค้าต้องการ 100% อารมณ์แปรปรวน หุนหันพลันแล่น ชอบพูดเรื่องลบ ๆ กับเราเป็นส่วนใหญ่ อย่างตำหนิเรา เปรียบเทียบเรากับคนอื่น นินทาคนอื่นให้ฟัง (แต่บอกว่าเล่าเป็นอุทาหรณ์)  ตั้งแต่เด็กจนโต เจอแบบนี้ก็ทำให้จขกท.ป่วยจิต เลยรู้สึกว่าบ้านไม่ใช่ safe zone จึงพยายามไปทำงานที่ไกลบ้าน นาน ๆ จะกลับไปเยี่ยมบ้างตามโอกาส 

ทีนี้ปีนี้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันคือพ่อล้มป่วยเป็นผู้ป่วยติดเตียงเพราะเส้นเลือดในสมองแตก ช่วงนี้ก็เป็นช่วงฟื้นฟูที่ศูนย์กายภาพที่กรุงเทพฯโดยพี่ของจขกทออกเงินเป็นหลัก ทีนี้ประเด็นมันอยู่ที่ว่าแม่ของจขกท.ก็ขึ้นมาดูแลด้วย ด้วยความลูกเราก็เข้าใจ แม่ก็เครียดแหละเจอพ่อเป็นแบบนี้ ก็มีนอนไม่หลับ มีกระวนกระวาย แต่สิ่งที่ปวดหัวคือเค้าแสดงพฤติกรรมแบบที่จขกท.เกริ่นแบบ x2 คือ พยายามให้พ่อต้องรักษาด้วยสมุนไพรที่เค้าเชื่อ (ซึ่งหมอห้ามแล้วไม่ให้ทาน) พอลูกห้าม ก็พูดตัดพ้อว่าไม่มีใครเข้าใจ ทำอะไรก็ผิด บอกว่าฉันเป็นเมียพ่อฉันมีสิทธิเป็นอันดับหนึ่งในการตัดสินใจ พอที่ศูนย์(ที่ดูแลดีโอเคอยู่แล้ว)ไม่ทำตามใจที่ตนเองคิดก็จะด่าลับหลังให้ลูกฟัง  พูดลอย ๆ แซะจขกท. (ซึ่งแน่นอนว่าจขกท. ก็มีแซะกลับบ้างช่วงแรก แต่หลังๆ เริ่มไม่อยากทำแล้ว หมดแรง)  ลามไปถึง พูดตัดพ้อน้อยใจกับพ่อที่นอนติดเตียงว่ารู้มั้ยว่าถ้าไม่ได้เค้าหรือญาติเค้าจะเป็นยังไง เนี่ยเค้าเครียดจนต่องหาหมอเลยนะ แต่ก็ไม่อยากให้เครียดนะ พวกเด็กๆ ไปไว้ใจมันไม่ได้  ไหนจะเวลากลับมาพักที่บ้านที่จขกท.พักกับพี่ แม่ก็จะบ่นเรื่องแมว (เรารักแมวตัวนี้มากค่ะ เป็นเหมือนคนในครอบครัวสำหรับเรา) บอกว่าเนี่ยแหละจะทำให้พ่อสุขภาพไม่ดี เพราะขนแมว พยายามมาบอกว่าจะต้องเลี้ยงแมวยังไงให้ได้แบบที่เค้าต้องการ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่มีปัญหาเลย จนแม่มาเนี่ยแหละทุกอย่างก็ดูเป็นปัญหาสำหรับเค้า และถ้าตัวเราบอกอะไรไป เค้าก็จะโต้มาว่า ก็เนี่ยบ้านเค้าที่เค้าช่วยพี่ซื้อ ทำไมจะพูดไม่ได้ (บ้านพี่ตอนนี้คือพ่อแม่และพี่ 2 คนกู้ร่วมกัน) 

พอเจอแบบนี้ จขกท.ก็มีอาการดาวน์แบบอยากตายจนต้องปรึกษาจิตแพทย์ และก็มาคิดว่า ชีวิตจะเอายังไงดี เพราะใจอยากดูแลพ่อให้เค้าอาการดีขึ้น เราก็รู้ว่าเค้าไม่กล้บมา 100 จากนี้คงต้องมีคนช่วยดูแลเค้า แต่พอคิดว่าถ้าพ่อกล้บไปอยู่บ้านกับแม่ที่เป็นแบบนี้ จขกท.ก็อดห่วงไม่ได้ว่าพ่อจะอาการแย่ลง  แต่ถ้าให้อยู่กับแม่ที่เป็นแบบนี้ จขกท.ก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะไหวได้แค่ไหน 

ตอนนี้เลยคิดอยู่ 2ทางค่ะ 
1. เอาตัวเองออกมา ไปหาที่อยู่ของตัวเองและแวะมาหาพ่อเป็นครั้งคราว เพื่อจะได้ไม่ต้องเจอกับความtoxicของแม่
2. เข้าไปดูแลพ่อต่อแบบที่อาจจะต้องกลับบ้านตจว.ไปด้วย แต่ก็ต้องสู้ และใจแกร่งกับคำพูด toxic ของแม่มาก ๆ และทำให้บรรยากาศไม่toxicไปสู่พ่อ 

ถ้าเป็นทุกคนละค่ะจะทำยังไง หรือ มีทางไหนที่บางทีจขกท.คิดไม่ถึงก็แชร์กันได้นะคะ ตอนนี้มันตันจริงๆคาะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่