เด็กก้าวไกล ถามเพื่อไทย ไหนว่ามืออาชีพ ปรับครม.ยังไง ได้ใหม่ 4 แต่ยื่นลาออกถึง 3 คน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4587926
“ณัฐชา” เย้ย “รบ.เพื่อไทย” ไม่มืออาชีพ ซัด วันๆมีแต่เรื่องตำแหน่ง รมต. ลาออก-เข้าใหม่ ตั้งทดแทนบุญคุณกันจนไม่สนใจประเทศชาติบ้านเมือง จี้ นายกรัฐมนตรี รับผิดชอบ
เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2567 นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. และรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์หลังเกิดกรณี นาย
พิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประกาศลาออก ว่า สิ่งที่พรรคเพื่อไทย ใช้นำเสนอกับประชาชนช่วงหาเสียงเลือกตั้งที่บอกว่า ทำงานเป็น บริหารแบบมืออาชีพ ไม่แน่ใจว่า มืออาชีพแบบไหน ปรับ ครม.เข้าใหม่ 4 คน ลาออก 3 คน จัดสรรแต่ตำแหน่งตามโควต้าไม่สนความสามารถ และประวัติคุณธรรมจริยธรรม สร้างผลกระทบประเทศไม่เดินหน้า แต่ละวันมีแต่ข่าวตำแหน่งรัฐมนตรีปรับเข้า ย้ายออก ลาออกพอใจ ไม่พอใจ ทำเหมือนการบริหารประเทศเป็นเพียงการสนองความต้องการของคนไม่กี่คน ทั้งๆที่ความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนรอคอยความแก้ไขปัญหาอยู่ รอมา 10 เดือนสิ่งเดียวที่เห็นเป็นรูปธรรมคือการทดแทนบุญคุณ ลูกน้องคนสนิท บริวารคนใกล้ชิด ส่วนนโยบายหรือสิ่งที่รับปากกับพี่น้องประชาชนไว้ก็คงต้องรอกันต่อไป
ส่วนกรณี นาย
พิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ที่ประกาศลาออกเพื่อหวังชิงตัดวงจรกระบวนการตรวจสอบไปแล้วนั้น ส่วนตัวเห็นว่าไม่มีผลใดๆ เนื่องจากว่าองค์ประกอบที่ทางสมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว.กว่า 40 คนได้เข้าชื่อ และ ยื่นคำร้องผ่านประธานวุฒิสภา เพื่อส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้พิจารณาวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของ นาย
เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้องที่ 1 และ นาย
พิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้องที่ 2 สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 ประกอบมาตรา 160 (4) (5) หรือไม่ นั้น เป็นองค์ประกอบที่ นายกรัฐมนตรี ใช้เกณฑ์ในการพิจารณา แต่งตั้งบุคคลที่ขาดคุณสมบัติ หรือคุณสมบัติไม่เหมาะสม มาดำรงตำแหน่ง ซึ่งการดำเนินการแต่งตั้งได้แล้วเสร็จไปแล้ว คงต้องดำเนินการตรวจสอบต่อไป
“
ผมหวังว่า จะได้รับคำอธิบาย และความรับผิดชอบจากผู้นำประเทศที่ตัดสินใจลงไป โดยหลบซ่อน และปล่อยผ่านเหมือนตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดใด เพราะถือว่า ท่านนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ตัดสินใจในการแต่งตั้งบุคคลว่าบริหารราชการแผ่นดิน”
ลุ้น 24 พ.ค.ศาลปกครองชี้รื้อกฎเหล็กเฟ้นส.ว. ตุลาการผู้แถลงคดีชงองค์คณะถอนระเบียบกกต.
https://www.matichon.co.th/politics/news_4588068
ลุ้น 24 พ.ค.ศาลปกครองชี้รื้อกฎเหล็กเฟ้นส.ว. ตุลาการผู้แถลงคดีชงองค์คณะถอนระเบียบกกต.
ศาลปกครองกลางออกนั่งพิจารณาคดีครั้งแรก ในคดีที่นาย
เทวฤทธิ์ มณีฉาย บรรณาธิการสำนักข่าวประชาไท และนาย
พนัส ทัศนียานนท์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และพวก ยื่นฟ้องขอให้เพิกถอนระเบียบ กกต.ว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือก ส.ว. โดยตุลาการเจ้าของสำนวนได้อ่านสรุปข้อเท็จจริงที่ได้จากการไต่สวนให้คู่กรณีฟัง คู่กรณีไม่ประสงค์แถลงปิดคดี จากนั้นองค์คณะได้ให้ตุลาการผู้แถลงคดี ซึ่งเป็นตุลาการนอกองค์คณะ แถลงความเห็นส่วนตัวที่ไม่มีผลผูกพันต่อการพิจารณาวินิจฉัยขององค์คณะ เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม
โดยตุลาการผู้แถลงคดีเห็นว่า ระเบียบ กกต.ที่ผู้ฟ้องคดีขอให้เพิกถอนประกอบด้วยข้อ 5, 7, 8, 11 (2) (5) ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ ข้อ 5 ที่กำหนดว่าให้ผู้ประสงค์ที่จะสมัครรับเลือกเป็น ส.ว.สามารถแนะนำตัวตามระเบียบนี้ได้ นับแต่วันที่ระเบียบฉบับนี้มีผลใช้บังคับ เห็นว่า พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.มาตรา 36 ซึ่งเป็นฐานอำนาจที่ กกต.ใช้ออกระเบียบดังกล่าว ไม่ได้ให้อำนาจ กกต. ออกระเบียบมาบังคับใช้กับผู้ที่ประสงค์จะลงสมัคร ถ้าบังคับจะต้องกำหนดไว้อย่างชัดแจ้ง การออกระเบียบข้อดังกล่าว จึงเป็นการใช้อำนาจนอกเหนือจากที่กฎหมายกำหนด
ข้อ 7 ที่กำหนดให้ผู้สมัครใช้เอกสารแนะนำตัวมีขนาดไม่เกิน A4 ระบุข้อความเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัว รูปถ่ายผู้สมัคร ประวัติการศึกษา ประวัติการทำงาน หรือประสบการณ์การทำงานในกลุ่มที่ลงสมัครเท่านั้นไม่เกิน 2 หน้า เห็นว่าการแนะนำตัวของผู้สมัคร นอกจากจะเป็นประโยชน์แก่ตัวผู้สมัคร ยังจะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ที่จะได้ผู้ที่มาทำหน้าที่ผู้แทนปวงชนชาวไทย การที่ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. มาตรา 21 กำหนดห้ามพนักงานเจ้าหน้าที่เปิดเผยรายชื่อผู้สมัคร โดยกำหนดให้ภายใน 5 วันนับแต่วันสิ้นสุดระยะเวลาการรับสมัคร ให้ผู้อำนวยการเลือกระดับอำเภอประกาศบัญชีรายชื่อผู้สมัครที่มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ถึงแยกเป็นรายกลุ่ม ทุกกลุ่มในเขตอำเภอ อย่างน้อยต้องระบุอาชีพ อายุผู้สมัคร เพื่อให้ประชาชนทราบเป็นการทั่วไป แต่ประชาชนจะทราบเพียงอาชีพและข้อความแนะนำตัวผู้สมัครเท่านั้น โดยเป็นประวัติการศึกษา การทำงานไม่เกิน 5 บรรทัดบนกระดาษขนาด A4 เท่านั้น แม้จะมีความเสมอภาค ไม่เพิ่มภาระเกินสมควรแก่เหตุ แต่การที่ผู้สมัครไม่รู้จักกัน การกำหนดใช้เอกสารไม่เกิน 2 หน้า ไม่สอดคล้องกับสภาพสังคม เป็นการตัดโอกาสการแนะนำตัวของผู้สมัคร และประชาชนที่จะทราบข้อมูล จึงเห็นว่าระเบียบข้อ 7 โดยเฉพาะข้อความว่า “ไม่เกิน 2 หน้าและในกลุ่มที่สมัครเท่านั้น” ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ข้อ 8 ที่ให้ผู้สมัครแนะนำตัวผ่านวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยใช้ข้อความตามเอกสารแนะนำตัวของผู้สมัครตามข้อ 7 และเผยแพร่ต่อผู้สมัครอื่นในการเลือกเท่านั้น เมื่อวินิจฉัยแล้วว่าข้อความในข้อ 7 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงให้เพิกถอนข้อความตามข้อ 7 ในข้อ 8 ส่วนข้อ 11 (2) ที่กำหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพทางวิทยุโทรทัศน์ สื่อมวลชนสื่อโฆษณา นักร้องพิธีกรใช้ความสามารถหรือวิชาชีพดังกล่าวเพื่อประโยชน์ต่อการแนะนำตัวนั้น เห็นว่าผู้สมัครในกลุ่มอื่นอาจจะใช้วิชาชีพของตนในการเอื้อประโยชน์ให้ได้รับเลือก ส.ว.ได้ การที่กกต.ออกระเบียบจำกัดเฉพาะ 2 กลุ่มนี้ จึงไม่อาจบรรลุวัตถุประสงค์ของความเท่าเทียม และเป็นการจำกัดสิทธิ?เสรีภาพ?เกินกว่าเหตุ เป็นการเลือกปฏิบัติ
สำหรับข้อ 11 (3) ที่ห้ามผู้สมัครแจกเอกสารเกี่ยวกับการแนะนำตัวโดยวิธีการวาง โปรยหรือติดประกาศในที่สาธารณะ เห็นว่าการที่ กกต.กำหนดวิธีการแนะนำตัว ให้ผู้สมัครสามารถแนะนำตัวผ่านอิเล็กทรอนิกส์ โดยประชาชนสามารถเข้าถึงได้ แต่ไม่ได้กำหนดวิธีการแนะนำตัวอื่น เช่น การติดป้ายหรือวางเอกสาร ทำให้ผู้สมัคร หรือผู้ช่วยเหลือผู้สมัครที่ไม่มีความพร้อมที่จะแนะนำตัวผ่านอิเล็กทรอนิกส์ สามารถดำเนินการโดยวิธีการอื่นได้ การกำหนดของ กกต. จึงเป็นการสร้างภาระเกินพอสมควรให้กับผู้สมัคร ทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมเป็นการเลือกปฏิบัติ จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่วนข้อ 11 (5)? ที่ห้ามผู้สมัครแนะนำตัวทางวิทยุ โทรทัศน์ วิทยุกระจายเสียง สื่อสิ่งพิมพ์และห้ามให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนนั้น เห็นว่าข้อกำหนดดังกล่าวบังคับใช้กับผู้สมัครทุกกลุ่มอาชีพ จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว
ตุลาการผู้แถลงคดี จึงเห็นว่าองค์คณะควรพิจารณาสั่งเพิกถอนระเบียบดังกล่าวในข้อ 5, 7 เฉพาะข้อความที่ระบุว่า “ในกลุ่มที่สมัครเท่านั้น และไม่เกิน 2 หน้า” ในระเบียบว่าด้วยการแนะนำตัวฉบับแรก และข้อความที่ระบุว่า “ไม่เกิน 2 หน้า” ในระเบียบฉบับที่ 2” ข้อ 8 ข้อ 11 (2) (3) โดยนับแต่ระเบียบดังกล่าวมีผลใช้บังคับ ทั้งนี้ ศาลได้แจ้งคู่กรณีว่าองค์คณะจะประชุมพิจารณาและจัดทำคำพิพากษา โดยนัดคู่กรณีฟังคำพิพากษาในวันที่ 24 พฤษภาคม เวลา 13.00 น.
น้ำมันโลกลดลง 1% ด้านสิงคโปร์ขยับขึ้นเล็กน้อย
https://ch3plus.com/news/economy/morning/400920
ราคาน้ำมันโลกลดลง 1% สาเหตุมาจาก นักลงทุนคาดการว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจจะคงดอกเบี้ยไว้สูงอีกระยะหนึ่ง
ส่งผลให้ราคาน้ำมันโลก มีดังนี้
- ตลาดไนเม็กซ์ นิวยอร์ก ลดลง 0.54 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ปิดที่ 79.26 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล
- ตลาดเบรนท์ ลอนดอน ลดลง 0.83 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ปิดที่ 82.88 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล
- น้ำมันกลั่นสำเร็จรูป สิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 0.34 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ปิดที่ 97.85 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ :
https://youtu.be/1COlNE51uRY
JJNY : เด็กก้าวไกล ถามเพื่อไทย ไหนว่ามืออาชีพ│ลุ้น 24 พ.ค. ชี้รื้อกฎเหล็ก│น้ำมันโลกลดลง 1%│รัสเซียซ้อมรบอาวุธนิวเคลียร์
https://www.matichon.co.th/politics/news_4587926
“ณัฐชา” เย้ย “รบ.เพื่อไทย” ไม่มืออาชีพ ซัด วันๆมีแต่เรื่องตำแหน่ง รมต. ลาออก-เข้าใหม่ ตั้งทดแทนบุญคุณกันจนไม่สนใจประเทศชาติบ้านเมือง จี้ นายกรัฐมนตรี รับผิดชอบ
เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2567 นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. และรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์หลังเกิดกรณี นายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประกาศลาออก ว่า สิ่งที่พรรคเพื่อไทย ใช้นำเสนอกับประชาชนช่วงหาเสียงเลือกตั้งที่บอกว่า ทำงานเป็น บริหารแบบมืออาชีพ ไม่แน่ใจว่า มืออาชีพแบบไหน ปรับ ครม.เข้าใหม่ 4 คน ลาออก 3 คน จัดสรรแต่ตำแหน่งตามโควต้าไม่สนความสามารถ และประวัติคุณธรรมจริยธรรม สร้างผลกระทบประเทศไม่เดินหน้า แต่ละวันมีแต่ข่าวตำแหน่งรัฐมนตรีปรับเข้า ย้ายออก ลาออกพอใจ ไม่พอใจ ทำเหมือนการบริหารประเทศเป็นเพียงการสนองความต้องการของคนไม่กี่คน ทั้งๆที่ความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนรอคอยความแก้ไขปัญหาอยู่ รอมา 10 เดือนสิ่งเดียวที่เห็นเป็นรูปธรรมคือการทดแทนบุญคุณ ลูกน้องคนสนิท บริวารคนใกล้ชิด ส่วนนโยบายหรือสิ่งที่รับปากกับพี่น้องประชาชนไว้ก็คงต้องรอกันต่อไป
ส่วนกรณี นายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ที่ประกาศลาออกเพื่อหวังชิงตัดวงจรกระบวนการตรวจสอบไปแล้วนั้น ส่วนตัวเห็นว่าไม่มีผลใดๆ เนื่องจากว่าองค์ประกอบที่ทางสมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว.กว่า 40 คนได้เข้าชื่อ และ ยื่นคำร้องผ่านประธานวุฒิสภา เพื่อส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้พิจารณาวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้องที่ 1 และ นายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้องที่ 2 สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 ประกอบมาตรา 160 (4) (5) หรือไม่ นั้น เป็นองค์ประกอบที่ นายกรัฐมนตรี ใช้เกณฑ์ในการพิจารณา แต่งตั้งบุคคลที่ขาดคุณสมบัติ หรือคุณสมบัติไม่เหมาะสม มาดำรงตำแหน่ง ซึ่งการดำเนินการแต่งตั้งได้แล้วเสร็จไปแล้ว คงต้องดำเนินการตรวจสอบต่อไป
“ผมหวังว่า จะได้รับคำอธิบาย และความรับผิดชอบจากผู้นำประเทศที่ตัดสินใจลงไป โดยหลบซ่อน และปล่อยผ่านเหมือนตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดใด เพราะถือว่า ท่านนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ตัดสินใจในการแต่งตั้งบุคคลว่าบริหารราชการแผ่นดิน”
ลุ้น 24 พ.ค.ศาลปกครองชี้รื้อกฎเหล็กเฟ้นส.ว. ตุลาการผู้แถลงคดีชงองค์คณะถอนระเบียบกกต.
https://www.matichon.co.th/politics/news_4588068
ลุ้น 24 พ.ค.ศาลปกครองชี้รื้อกฎเหล็กเฟ้นส.ว. ตุลาการผู้แถลงคดีชงองค์คณะถอนระเบียบกกต.
ศาลปกครองกลางออกนั่งพิจารณาคดีครั้งแรก ในคดีที่นายเทวฤทธิ์ มณีฉาย บรรณาธิการสำนักข่าวประชาไท และนายพนัส ทัศนียานนท์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และพวก ยื่นฟ้องขอให้เพิกถอนระเบียบ กกต.ว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือก ส.ว. โดยตุลาการเจ้าของสำนวนได้อ่านสรุปข้อเท็จจริงที่ได้จากการไต่สวนให้คู่กรณีฟัง คู่กรณีไม่ประสงค์แถลงปิดคดี จากนั้นองค์คณะได้ให้ตุลาการผู้แถลงคดี ซึ่งเป็นตุลาการนอกองค์คณะ แถลงความเห็นส่วนตัวที่ไม่มีผลผูกพันต่อการพิจารณาวินิจฉัยขององค์คณะ เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม
โดยตุลาการผู้แถลงคดีเห็นว่า ระเบียบ กกต.ที่ผู้ฟ้องคดีขอให้เพิกถอนประกอบด้วยข้อ 5, 7, 8, 11 (2) (5) ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ ข้อ 5 ที่กำหนดว่าให้ผู้ประสงค์ที่จะสมัครรับเลือกเป็น ส.ว.สามารถแนะนำตัวตามระเบียบนี้ได้ นับแต่วันที่ระเบียบฉบับนี้มีผลใช้บังคับ เห็นว่า พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.มาตรา 36 ซึ่งเป็นฐานอำนาจที่ กกต.ใช้ออกระเบียบดังกล่าว ไม่ได้ให้อำนาจ กกต. ออกระเบียบมาบังคับใช้กับผู้ที่ประสงค์จะลงสมัคร ถ้าบังคับจะต้องกำหนดไว้อย่างชัดแจ้ง การออกระเบียบข้อดังกล่าว จึงเป็นการใช้อำนาจนอกเหนือจากที่กฎหมายกำหนด
ข้อ 7 ที่กำหนดให้ผู้สมัครใช้เอกสารแนะนำตัวมีขนาดไม่เกิน A4 ระบุข้อความเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัว รูปถ่ายผู้สมัคร ประวัติการศึกษา ประวัติการทำงาน หรือประสบการณ์การทำงานในกลุ่มที่ลงสมัครเท่านั้นไม่เกิน 2 หน้า เห็นว่าการแนะนำตัวของผู้สมัคร นอกจากจะเป็นประโยชน์แก่ตัวผู้สมัคร ยังจะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ที่จะได้ผู้ที่มาทำหน้าที่ผู้แทนปวงชนชาวไทย การที่ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. มาตรา 21 กำหนดห้ามพนักงานเจ้าหน้าที่เปิดเผยรายชื่อผู้สมัคร โดยกำหนดให้ภายใน 5 วันนับแต่วันสิ้นสุดระยะเวลาการรับสมัคร ให้ผู้อำนวยการเลือกระดับอำเภอประกาศบัญชีรายชื่อผู้สมัครที่มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ถึงแยกเป็นรายกลุ่ม ทุกกลุ่มในเขตอำเภอ อย่างน้อยต้องระบุอาชีพ อายุผู้สมัคร เพื่อให้ประชาชนทราบเป็นการทั่วไป แต่ประชาชนจะทราบเพียงอาชีพและข้อความแนะนำตัวผู้สมัครเท่านั้น โดยเป็นประวัติการศึกษา การทำงานไม่เกิน 5 บรรทัดบนกระดาษขนาด A4 เท่านั้น แม้จะมีความเสมอภาค ไม่เพิ่มภาระเกินสมควรแก่เหตุ แต่การที่ผู้สมัครไม่รู้จักกัน การกำหนดใช้เอกสารไม่เกิน 2 หน้า ไม่สอดคล้องกับสภาพสังคม เป็นการตัดโอกาสการแนะนำตัวของผู้สมัคร และประชาชนที่จะทราบข้อมูล จึงเห็นว่าระเบียบข้อ 7 โดยเฉพาะข้อความว่า “ไม่เกิน 2 หน้าและในกลุ่มที่สมัครเท่านั้น” ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ข้อ 8 ที่ให้ผู้สมัครแนะนำตัวผ่านวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยใช้ข้อความตามเอกสารแนะนำตัวของผู้สมัครตามข้อ 7 และเผยแพร่ต่อผู้สมัครอื่นในการเลือกเท่านั้น เมื่อวินิจฉัยแล้วว่าข้อความในข้อ 7 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงให้เพิกถอนข้อความตามข้อ 7 ในข้อ 8 ส่วนข้อ 11 (2) ที่กำหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพทางวิทยุโทรทัศน์ สื่อมวลชนสื่อโฆษณา นักร้องพิธีกรใช้ความสามารถหรือวิชาชีพดังกล่าวเพื่อประโยชน์ต่อการแนะนำตัวนั้น เห็นว่าผู้สมัครในกลุ่มอื่นอาจจะใช้วิชาชีพของตนในการเอื้อประโยชน์ให้ได้รับเลือก ส.ว.ได้ การที่กกต.ออกระเบียบจำกัดเฉพาะ 2 กลุ่มนี้ จึงไม่อาจบรรลุวัตถุประสงค์ของความเท่าเทียม และเป็นการจำกัดสิทธิ?เสรีภาพ?เกินกว่าเหตุ เป็นการเลือกปฏิบัติ
สำหรับข้อ 11 (3) ที่ห้ามผู้สมัครแจกเอกสารเกี่ยวกับการแนะนำตัวโดยวิธีการวาง โปรยหรือติดประกาศในที่สาธารณะ เห็นว่าการที่ กกต.กำหนดวิธีการแนะนำตัว ให้ผู้สมัครสามารถแนะนำตัวผ่านอิเล็กทรอนิกส์ โดยประชาชนสามารถเข้าถึงได้ แต่ไม่ได้กำหนดวิธีการแนะนำตัวอื่น เช่น การติดป้ายหรือวางเอกสาร ทำให้ผู้สมัคร หรือผู้ช่วยเหลือผู้สมัครที่ไม่มีความพร้อมที่จะแนะนำตัวผ่านอิเล็กทรอนิกส์ สามารถดำเนินการโดยวิธีการอื่นได้ การกำหนดของ กกต. จึงเป็นการสร้างภาระเกินพอสมควรให้กับผู้สมัคร ทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมเป็นการเลือกปฏิบัติ จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่วนข้อ 11 (5)? ที่ห้ามผู้สมัครแนะนำตัวทางวิทยุ โทรทัศน์ วิทยุกระจายเสียง สื่อสิ่งพิมพ์และห้ามให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนนั้น เห็นว่าข้อกำหนดดังกล่าวบังคับใช้กับผู้สมัครทุกกลุ่มอาชีพ จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว
ตุลาการผู้แถลงคดี จึงเห็นว่าองค์คณะควรพิจารณาสั่งเพิกถอนระเบียบดังกล่าวในข้อ 5, 7 เฉพาะข้อความที่ระบุว่า “ในกลุ่มที่สมัครเท่านั้น และไม่เกิน 2 หน้า” ในระเบียบว่าด้วยการแนะนำตัวฉบับแรก และข้อความที่ระบุว่า “ไม่เกิน 2 หน้า” ในระเบียบฉบับที่ 2” ข้อ 8 ข้อ 11 (2) (3) โดยนับแต่ระเบียบดังกล่าวมีผลใช้บังคับ ทั้งนี้ ศาลได้แจ้งคู่กรณีว่าองค์คณะจะประชุมพิจารณาและจัดทำคำพิพากษา โดยนัดคู่กรณีฟังคำพิพากษาในวันที่ 24 พฤษภาคม เวลา 13.00 น.
น้ำมันโลกลดลง 1% ด้านสิงคโปร์ขยับขึ้นเล็กน้อย
https://ch3plus.com/news/economy/morning/400920
ราคาน้ำมันโลกลดลง 1% สาเหตุมาจาก นักลงทุนคาดการว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจจะคงดอกเบี้ยไว้สูงอีกระยะหนึ่ง
ส่งผลให้ราคาน้ำมันโลก มีดังนี้
- ตลาดไนเม็กซ์ นิวยอร์ก ลดลง 0.54 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ปิดที่ 79.26 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล
- ตลาดเบรนท์ ลอนดอน ลดลง 0.83 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ปิดที่ 82.88 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล
- น้ำมันกลั่นสำเร็จรูป สิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 0.34 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ปิดที่ 97.85 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/1COlNE51uRY