แนะนำ Smart #1 รถไฟฟ้าในเครือ Mercedes-Benz

ก่อนที่จะพาไปดูรถ Smart #1 ผมขอเล่าความเป็นมาของแบรนด์ Smart กันก่อนครับ

Smart เป็นแบรนด์รถที่มาจากไอเดียของ Swatch  ผู้ผลิตนาฬิกาสัญชาติสวิสเซอร์แลนด์ ก่อตั้งร่วมกับ Mercedes-Benz แต่เวลาผ่านไป Swatch ขอหย่ากับ Mercedes-Benz แถมไม่สนใจใยดี Smart ทำให้ Mercedes-Benz ต้องเลี้ยงดู Smart แบบแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา Mercedes-Benz ได้เข้าไปจีบเสี่ยชาวจีนรายนึง นั่นคือ Geely สนใจลงทุนให้กับแบรนด์ Smart ด้วยสัดส่วนการถือหุ้น 50:50

ที่มาชื่อ Smart คือ Swatch Mercedes ART ครับ

Geely เป็นผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีน มีแบรนด์ในเครือที่ก่อตั้งเอง เช่น Geely, Zeekr, Lynk&Co และแบรนด์ที่ซื้อกิจการจากต่างประเทศ เช่น Volvo, Polestar, Lotus, Proton

Smart ยังไม่มีแผนทำตลาดในไทย เนื่องจาก Geely มองว่าประเทศไทยเหมาะกับ Zeekr มากกว่า

แต่โผล่ไปทำตลาดในมาเลเซียก่อนซะงั้น แต่ Smart ไม่ได้มาทำตลาดเองนะ Smart ได้แต่งตั้ง Proton เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในมาเลเซีย มันไม่ได้แปลกอะไร เพราะ Proton โดน Geely ซื้อกิจการไปแล้ว

Smart #1 เป็นรถรุ่นแรกที่เข้าสู่ยุคใหม่ของ Smart หลังการร่วมมือพัฒนากับ Geely โดย Mercedes-Benz จะผิดชอบเรื่องงานดีไซน์ ส่วน Geely จะรับผิดชอบเรื่องงานวิศวกรรม Smart #1 ใช้แพลตฟอร์ม SEA เท่ากับว่าใช้งานวิศวกรรมร่วมกับ Zeekr X และ Volvo EX30 นั่นเอง และเป็นรถพิกัด B-Segment รุ่นแรกของ Smart ด้วย เพราะสมัยที่จับมือกับ Swatch ทำแต่รถ A-Segment มาโดยตลอด

คันที่พาชมจะเป็นสเปคที่จำหน่ายในมาเลเซียครับ

มิติตัวรถ

กว้าง 1,822 มม.
ยาว 4,270 มม.
สูง 1,636 มม.
ฐานล้อ 2,750 มม.

ขุมพลัง ในรุ่น Pro และ Premium

มอเตอร์เดี่ยวพละกำลัง 200 กิโลวัตต์ แรงบิด 343 นิวตันเมตร
เกียร์ 1 สปีด
อัตราเร่ง 0-100 กม. ใน 6.7 วินาที
แบตเตอรี่ 66 kWh
ระยะทาง 440 กม. มาตรฐาน WLTP

ดีไซน์ด้านนอก รุ่น Premium



ด้านหน้าชวนให้นึกถึง Mercedes-Benz EQS ที่ลบกระจังหน้าแบบทึบออกไป



หลังคาสีทูโทน ตามยุคตามสมัย



ไฟท้ายทรงนี้เห็นแล้วก็อดนึกถึง Mercedes-Benz EQS ไม่ได้อีกแล้ว ใครซื้อมาใช้ก็อย่าทะลึ่งติดโลโก้ดาวสามแฉกแล้วกัน



ล้ออัลลอยด์ 19 นิ้ว รูปทรงคล้ายโลโก้ดาวสามแฉก



โลโก้ Smart บริเวณเสา C Pilar ซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวกับโลโก้ Maybach ที่ใช้กับรถ Mercedes-Maybach



มือจับแบบซ่อนในประตู แต่มือจับมันยื่นโผล่ออกมาแค่ครึ่งเดียว ในขณะที่ Mercedes-Benz ยื่นออกมาทั้งหมด



มีช่องเก็บสัมภาระด้านหน้า จุได้ 15 ลิตร



ช่องชาร์จแบตเตอรี่ พอร์ต Type 2 with CCS รองรับ AC 3-Phase 22 kW ชาร์จเต็มใน 3 ชั่วโมง รองรับ DC Fast Charge 150 kW ชาร์จจาก 10% ถึง 80% ใน 30 นาที

ดีไซน์ภายใน รุ่น Premium



แผงแดชบอร์ดใครเห็นก็คิดว่า Mercedes-Benz จะว่าเลียนแบบก็ไม่ได้ เพราะ Mercedes-Benz ออกแบบเอง



พวงมาลัยมีความคล้าย Mercedes-Benz ตัวเก่า ปุ่มมัลติฟังก์ชั่นเป็นแมคคานิคล้วนๆ ไม่มีทัชแพด



ก้านเกียร์จะอยู่ด้านขวาหลังพวงมาลัย ตำแหน่งเดียวกับรถ Mercedes-Benz เช่นเคย



จอมาตรวัดหลังพวงมาลัยขนาด 9.2 นิ้ว ตรงนี้ถือว่าดีงาม เพราะของ Volvo EX30 ไปยัดรวมกับจอตรงกลาง ซึ่งผมไม่ชอบ



จอแสดงผลกลางขนาด 12.8 นิ้ว แบบ Foating ด้วย กังวลว่าพอจอใหญ่แล้วไม่ใช่จอยาวแบบ Mercedes-Benz จะมีปัญหาเรื่องบดบังทัศนวิสัยหรือไม่ แต่ดีที่เป็นแนวนอน ของ Volvo EX30 เป็นแนวตั้ง

ใครคาดหวังว่าจะได้ระบบ MBUX เสียใจด้วย มันคือ Smart OS พื้นฐานมันคือ Android Automotive OS แล้ว Geely นำมาปรับแต่งซอฟต์แวร์อีกที พร้อมชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8155P

ยังรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แต่ไม่มี Google Play Store นะ ถ้าอยากได้ต้องเป็น Volvo EX30 ซึ่งมันสามารถเปิด Google Maps, Spotify ได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ ก็สะดวกไปอีกแบบ



พอร์ต USB-A, USB-C ตอนหน้า และแท่นชาร์จไร้สาย



เครื่องเสียง 13 ตำแหน่ง ปรับจูนโดย Beats
แม้ว่าจะไม่ใช่ Bermester แบรนด์คู่บุญของ Mercedes-Benz แต่ Beats เป็นแบรนด์ในเครือ Apple ที่ใครๆต่างยอมรับ



เบาะคู่หน้าบุด้วยหนังสีดำตัดสลับกับสีขาว



หลายคนชอบ Ambient Light ในรถ Mercedes-Benz แต่ตอนนี้มีในรถ Smart แล้ว



เบาะนั่งตอนหลังปรับพับ 60:40



มีช่องแอร์ด้านหลังด้วย ในขณะเดียวกัน Volvo EX30 ไม่มี



มีที่เท้าแขนด้วย Volvo EX30 ก็ไม่มีเช่นกันจ้า



อุ๊ย! มีช่องทะลุออกไปห้องเก็บสัมภาระท้ายด้วย



ห้องเก็บสัมภาระจุได้ 411 ลิตร หากพับเบาะด้านหลังลงสามารถจุได้ถึง 986 ลิตร



หน้าตากุญแจ

ต่อไปจะเป็นรุ่น Brabus ซึ่งเป็นรุ่นท็อปครับ
ความพิเศษของรุ่น Brabus คือ Smart ได้จับมือกับ Brabus ซึ่งเป็นสำนักแต่งที่นำรถบ้านมาอัพเกรดพละกำลังให้แรงขึ้น รถที่ Brabus นิยมใช้มากที่สุดคือ Mercedes-Benz นั่นแหละ มาปรับจูนสมรรถนะให้กับ Smart โดยจะได้มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ดีไซน์ด้านนอกภายในเฉพาะรุ่นคุมโทนสีดำตัดแดง และหน้าจอแสดงผลที่ใส่ฟังก์ชั่นเฉพาะรุ่น

ขุมพลังในรุ่น Brabus

มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ให้พละกำลัง 315 กิโลวัตต์ แรงบิด 543 นิวตันเมตร
เกียร์ 1 สปีด
อัตราเร่ง 0-100 กม.ชม. ใน 3.9 วินาที
แบตเตอรี่ 66 kWh
ระยะทาง 400 กม. มาตรฐาน WLTP

ดีไซน์ภายนอก รุ่น Brabus



กระจังหน้ามีช่องดักลม แต่ลมผ่านได้จริงมั้ย อันนี้ไม่รู้ ชายกันชนหน้ามีแถบสีแดง



สปอยเลอร์หลังดีไซน์เฉพาะรุ่น สัญลักษณ์ #1 สีดำด้าน



ล้ออัลลอยด์ 19 นิ้ว ลายดูดีเท่ไม่เบา พร้อมคาลิปเปอร์เบรกสีแดง

ดีไซน์ภายใน รุ่น Brabus



แผงแดชบอร์ดมีการบุด้วยหนังพร้อมตะเข็บด้ายสีแดง



พวงมาลัยบุด้วยหนัง Alcantara ตะเข็บด้ายสีแดง พร้อมสัญลักษณ์ Brabus



แป้นเหยียบตกแต่งด้วยอะลูมิเนียม



เบาะหนังตัดสลับกับผ้าไมโครไฟเบอร์ พิมพ์ลวดลายจุดสีแดง พนักพิงศรีษะพิมพ์โลโก้ Brabus



เข็มขัดสีแดงทุกจุด



หน้าจอแสดงผลกลางมีการเปลี่ยนไอคอนปุ่มโฮมให้เป็นโลโก้ Brabus โหมดการขับขี่เพิ่มโหมด Brabus เป็นโหมดพิเศษได้ความดิบ



ลำโพงพร้อมโลโก้ Beats สีแดง



กุญแจดีไซน์เฉพาะรุ่น

รูปภาพประกอบกระทู้จากเว็บ PAULTAN.ORG ประเทศมาเลเซีย

Smart #1 เหมาะกับใคร?

เหมาะกับลูกค้าเดิมของ Mecedes-Benz ที่ต้องการรถไฟฟ้าคันกะทัดรัด อาจจะซื้อให้ภรรยาให้รับส่งลูกไปโรงเรียน หรือเป็นของขวัญให้ลูกหลังสอบติดมหาวิทยาลัย มักไปสังสรรค์ในย่านแออัด เช่น เยาวราช ทองทล่อ บรรทัดทอง มีพื้นที่จอดรถที่ค่อนข้างจำกัด

เกือบลืมบอกราคาเลย

Smart #1 ในมาเลเซียมีให้เลือก 3 รุ่นย่อยครับ

Pro 189,000 ริงกิต
Premium 219,000 ริงกิต
Brabus 249,000 ริงกิต

เพื่อนๆคิดว่า Smart #1 น่าใช้กว่าเพื่อนร่วมแพลตฟอร์มอย่าง Volvo EX30 และ Zeekr X หรือคู่แข่งในพิกัดเดียวกันอย่าง MINI Aceman, Lexus LBX และ Audi Q2 มากน้อยแค่ไหน คอมเม้นต์บอกได้เลยครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่