ใช่ค่ะ ตามหัวข้อเลยคือ โดนนินทา
เราเป็นเด็กพึ่งขึ้น ม.1 พึ่งออกมาจากรั้วประถมแปปเดียวเลยค่ะ
คือเราโดนนินทาจากคนในห้องค่ะ เราร็ว่าเขานินทาเราตั้งแต่ช่วงปลายเทอม 2 ของ ป.5 มาหนักสุดๆคือตอน ป.6
เราจะเล่าว่าเราโดน 3 เรื่องหนักๆค่ะ คือ เรื่องที่เรามีปัญหากับคนในกลุ่มนินทา แย่งแฟน ชอบตามเพื่อน
เราจะเกริ่นก่อนนะคะว่าเรามีเพื่อนคนนึงเราอยู่กับเขาตั้งแต่อนุบาลจนจบประถม เพราะสอบได้โครงการเดียวกัน เพื่อนคนนั้นเราจะใช้นามสมมติว่า อร นะคะ
คือเรากับอรอยู๋ด้วยกันตั้งแต่อนุบาลจนจบประถม ซึ่งเรากับอรสนิทกันมากๆ แต่พอช่วงเทอมแรกของ ป.6 ช่วงกลางๆเทอม จู่ๆอรก็แยกตัวจากเราไปสนิทกับแก๊งนินทา ตอนนั้นแก๊งนินทามีแค่ 3 คน(ไม่ได้รวมอรนะคะ) อรไปสนิทกับแก๊งนินทา จากนั้นอรนิสัยเปลี่ยนไปมากๆ ตอแรกจริงอรนิสัยขี้เหวี่ยงหน่อยๆ แต่ยังใจดีมากๆ นิสัยเปลี่ยนไปมากๆค่ะ ขี้เหวี่ยงอะไรพวกนี้มากๆ ขี้รำคาญ เริ่มไม่สนการเรียน เราสังเกตพวกคะแนนหรืองานค้างของเขาตลอด
จากนั้นแก๊งของอรนั้นก็นินทาคนอื่นๆมาตลอด แล้วช่วงเทอม 2 เราไปสนิทกับ ญา (นามสมมติ) ตอนเรากับญาสนิทกัน เวลาเราทำไรเรามักจะอยู่ด้วยกันตลอด ฟิวแบบที่ไหนมีญาที่นั้นมีเรา เราก็สนิทกับญามาพักนึง จนถึงช่วงต้นมกรา ญาก็ไปสนิทกับแก๊งของอรหรือเรียกง่ายๆแก๊งนินทา ซึ่งเราก็งงมากๆนะคะว่าทำไมจู่ๆญาถึงไปสนิทกับแก๊งนั้น ซึ่งหลังจากนั้นเราก็ใช้ชีวิตแบบคนเดียวเลย แล้วก็ผ่านมาเรื่อยๆจนถึงวันที่มีการนำเสนอ IS
เพื่อนคนนึงก็มาบอกเราว่าเขาที่ได้ฟังพวกนั้นนินทาทาเรา นินทาเราเป็นคนแรกประมาณเรื่องที่เรามีปัญหากับอรแต่เรายังไม่รู้เลยว่าเรามีปัญหาไรกับอร ซึ่งพวกนั้นนินทาเราสารพัด ลามไปถึงคนที่เราชอบ ว่าอย่างนั้นอย่างงี้ที่ไม่เป็นความจริงเลย เหมือนว่านินทาเราจนทั้งห้องเกลียดเราไปเลย เพื่อคนนี้ยังบอกอีกว่าตอนแรกก็หลงปไปเกลียดเรา
วันถัดมา ญาได้ข่าวว่าเราบอกเพื่อนว่าญาเปลี่ยนไป ญาได้ทักมาหาเราว่า "แกว่าเราเปลี่ยนไปหรอ มาคุยกันมั้ย วันซ้อมรับใบจบ"
ซึ่งแน่นอนค่ะเราไม่ไปคุยเพราะเรารู้ว่าญาเอาพวกมาแน่ เราเลยไม่ไปคุย จนวันจบเรารับใบจบ ถ่ายรูปเสร็จ ทำไรเสร็จ เราก็ไม่ยุ่งกับแก๊งนี้เลย เราจะคุยกับพวกผู้ชายที่ไม่รู้เรื่องนี้มากกว่า แล้วพอจบเราก็ไม่คุยกับพวกนี้อีกเลย
ขอบอกอีกว่าโรงเรียนมัธยมเราก็โชคร้ายต่อเพราะได้อยู่โรงเรียนเดียวกับแก๊งนี้ ขอทิ้งท้ายว่าทำไงให้ไม่เจอพวกนี้ดีคะ เราโดนจนเราแบบเศร้ามากๆ แต่เราว่าเราอาจจะเป็นไมเกรนเพราะส่วนตัวเป็นคนคิดมาก ชอบเก็บคำพูดมาคิด แถมตั้งแต่รู้เรื่องพวกนี้อาการปวดหัวมาเรื่อยๆ ปวดแบบเหมือนมีใครมารัดหัวไว้ เหมือนมีคนบีบแรงๆ เป็นอย่างงี้ประจำจนถึงทุกวันนี้ก็ยังปวดมากๆๆ
ปล.เดี๋ยวเรื่องอื่นมาเล่าให้ฟังอีกนะคะ
โดนนินทา
เราเป็นเด็กพึ่งขึ้น ม.1 พึ่งออกมาจากรั้วประถมแปปเดียวเลยค่ะ
คือเราโดนนินทาจากคนในห้องค่ะ เราร็ว่าเขานินทาเราตั้งแต่ช่วงปลายเทอม 2 ของ ป.5 มาหนักสุดๆคือตอน ป.6
เราจะเล่าว่าเราโดน 3 เรื่องหนักๆค่ะ คือ เรื่องที่เรามีปัญหากับคนในกลุ่มนินทา แย่งแฟน ชอบตามเพื่อน
เราจะเกริ่นก่อนนะคะว่าเรามีเพื่อนคนนึงเราอยู่กับเขาตั้งแต่อนุบาลจนจบประถม เพราะสอบได้โครงการเดียวกัน เพื่อนคนนั้นเราจะใช้นามสมมติว่า อร นะคะ
คือเรากับอรอยู๋ด้วยกันตั้งแต่อนุบาลจนจบประถม ซึ่งเรากับอรสนิทกันมากๆ แต่พอช่วงเทอมแรกของ ป.6 ช่วงกลางๆเทอม จู่ๆอรก็แยกตัวจากเราไปสนิทกับแก๊งนินทา ตอนนั้นแก๊งนินทามีแค่ 3 คน(ไม่ได้รวมอรนะคะ) อรไปสนิทกับแก๊งนินทา จากนั้นอรนิสัยเปลี่ยนไปมากๆ ตอแรกจริงอรนิสัยขี้เหวี่ยงหน่อยๆ แต่ยังใจดีมากๆ นิสัยเปลี่ยนไปมากๆค่ะ ขี้เหวี่ยงอะไรพวกนี้มากๆ ขี้รำคาญ เริ่มไม่สนการเรียน เราสังเกตพวกคะแนนหรืองานค้างของเขาตลอด
จากนั้นแก๊งของอรนั้นก็นินทาคนอื่นๆมาตลอด แล้วช่วงเทอม 2 เราไปสนิทกับ ญา (นามสมมติ) ตอนเรากับญาสนิทกัน เวลาเราทำไรเรามักจะอยู่ด้วยกันตลอด ฟิวแบบที่ไหนมีญาที่นั้นมีเรา เราก็สนิทกับญามาพักนึง จนถึงช่วงต้นมกรา ญาก็ไปสนิทกับแก๊งของอรหรือเรียกง่ายๆแก๊งนินทา ซึ่งเราก็งงมากๆนะคะว่าทำไมจู่ๆญาถึงไปสนิทกับแก๊งนั้น ซึ่งหลังจากนั้นเราก็ใช้ชีวิตแบบคนเดียวเลย แล้วก็ผ่านมาเรื่อยๆจนถึงวันที่มีการนำเสนอ IS
เพื่อนคนนึงก็มาบอกเราว่าเขาที่ได้ฟังพวกนั้นนินทาทาเรา นินทาเราเป็นคนแรกประมาณเรื่องที่เรามีปัญหากับอรแต่เรายังไม่รู้เลยว่าเรามีปัญหาไรกับอร ซึ่งพวกนั้นนินทาเราสารพัด ลามไปถึงคนที่เราชอบ ว่าอย่างนั้นอย่างงี้ที่ไม่เป็นความจริงเลย เหมือนว่านินทาเราจนทั้งห้องเกลียดเราไปเลย เพื่อคนนี้ยังบอกอีกว่าตอนแรกก็หลงปไปเกลียดเรา
วันถัดมา ญาได้ข่าวว่าเราบอกเพื่อนว่าญาเปลี่ยนไป ญาได้ทักมาหาเราว่า "แกว่าเราเปลี่ยนไปหรอ มาคุยกันมั้ย วันซ้อมรับใบจบ"
ซึ่งแน่นอนค่ะเราไม่ไปคุยเพราะเรารู้ว่าญาเอาพวกมาแน่ เราเลยไม่ไปคุย จนวันจบเรารับใบจบ ถ่ายรูปเสร็จ ทำไรเสร็จ เราก็ไม่ยุ่งกับแก๊งนี้เลย เราจะคุยกับพวกผู้ชายที่ไม่รู้เรื่องนี้มากกว่า แล้วพอจบเราก็ไม่คุยกับพวกนี้อีกเลย
ขอบอกอีกว่าโรงเรียนมัธยมเราก็โชคร้ายต่อเพราะได้อยู่โรงเรียนเดียวกับแก๊งนี้ ขอทิ้งท้ายว่าทำไงให้ไม่เจอพวกนี้ดีคะ เราโดนจนเราแบบเศร้ามากๆ แต่เราว่าเราอาจจะเป็นไมเกรนเพราะส่วนตัวเป็นคนคิดมาก ชอบเก็บคำพูดมาคิด แถมตั้งแต่รู้เรื่องพวกนี้อาการปวดหัวมาเรื่อยๆ ปวดแบบเหมือนมีใครมารัดหัวไว้ เหมือนมีคนบีบแรงๆ เป็นอย่างงี้ประจำจนถึงทุกวันนี้ก็ยังปวดมากๆๆ
ปล.เดี๋ยวเรื่องอื่นมาเล่าให้ฟังอีกนะคะ