โลกที่ผมไม่คิดว่าจะได้เจอ

ขอบอกไว้ก่อนนะครับว่าสิ่งที่มาเล่าให้ฟังนี้คือเรื่องจริง ที่เกิดขึ้นกับตัวผมเอง ท่านใดอ่านแล้วไม่เชื่อ ผมเข้าใจได้ เพราะถ้าผมเป็นคุณผมก็ไม่อยากเชื่อเช่นกัน ใครไม่เชื่อก็ให้คิดสะว่ามาอ่านนิทานหรือนิยายจากคนบ้าแล้วกันครับ
               วันที่ 13 ก.ค. 65 ผมเกิดอุบัติเหตุโดนรถชนระหว่างขี่รถจักนยานยนต์ไปตลาดเพื่อซื้อกับข้าว ก็มีรถกระบะแซงซ้ายพุ่งชนรถจักยานยนต์ผมจากด้านหลังผมอย่างรุ่นแรง ทำให้ตัวผมกระเด็นได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก กระถูกที่ขาหัก ไหลปลาร้าหลุด หัวกระแทกกับพื้นอย่างรุนแรงเย็บไปเกิบยี่สิบเข็ม ระหว่างที่ผมกำลังจะหมดสติตอนถูกรถชน ผมเห็นแสงสีขาวรอบๆตัว มันอาจเป้นอาการของคนที่กำลังจะหมดสติมั้ง แต่ในช่วงเวลานึงก่อนที่ผมจะหลับไป ผมได้เหลือบตามองไปรอบๆ สิ่งที่ผมเห็นคือ เห็นผู้คนมารุมมองผม อันนี้เข้าใจได้ไทยมุง แต่ในคนที่มามุงมองผมนั้นผมได้เห้นคนแต่งตัวประหลาดเหมือนชาวบ้านสมัยก่อนหลายสิบคนก็มายืนดูปะปนกับชาวบ้านแถวนั้น ภาษาที่เขาพูด ไม่ใช่ภาษาไทย ไม่ใช่ภาษาลาว หรือพม่า แต่เป็นภาาาแปลกๆที่ผมไม่เคยได้ยิน จำได้แม่นเลยว่าก่อนที่จะหลับผมยังพอมีสติอยู่เลยจำได้
               ต่อมา ผมฟื้นที่โรงพยาบาล เห็นแม่เล่าให้ฟังว่าผมหลับไปสองวัน (ผมนอนเตียงรวม) ระหว่างผมลืมตาเหมือนตาผมฟาดหรือเปล่าอันนี้ไม่ทราบได้ก็ยังเห้นคนแปลกๆหลายคน เดินไปเดินมา แต่ตัวเหมือนคนโบราณ (ให้นึกภาพคนสมัยสุโขทัย อยุธยา  อะไรประมาณนั้น) เดินอยู๋รอบๆ ไปมา ผมถามแม่ว่าช่วงนี้เทศกาลอะไรหรือเปล่าทำไมมีคนแต่งตัวแปลกๆเต็มไปหมด แม่ผมตอบมาเพียงว่า ไม่มีนะ คิดไปเองหรือเปล่า ตอนนั้นแม่ผมก็ทำหน้าตำใจ คงคิดว่าผมคงเห็นอะไรมั้ง
               ระหว่างรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเกือบอาทิตย์ ผมก็เห็นอยู๋บ้าง แต่ไม่ได้บ่อย เห้นแว็บๆ แป๊ปเดียวก็หาย ตอนนั้นผมเริ่มกลัวละ ว่าสิ่งที่เห็นคืออไร แต่คิดอีกที หรือเป็นเพราะสมองเรากระทบแรงเกินไปหรือเปล่าเลยเห้นภาพหลอน ตอนเช้าหมอขึ้นมาตรวจดูอาการเลยปรึกษาหมอ เกี่ยวกับอาการที่เห็น ผมกลัวว่าอาจเป็นเพราะสมองกระทบกระเทือนเลยเห้นภาพหลอนไป
               เพื่อความสบายใจ หมอเลยพาไปตรวจเอ็กสเรสมอง ผลปรากฏว่า ไม่มีเลือดคลั่งหรือผลการทบอะไรมากไป หมอบอกว่า อาจเป็นเพราะหัวฟาดรุนแรงจนทำให้มีอาการเบอลอยู่ รักษากินยาตามหมอสักเดียวก็หาย 
                หลังจากออกมาจากโรงพยาบาล ระหว่างทางผมเริ่มเห็นอะไรแปลกๆ ข้างทางระหว่างทางกลับบ้าน ผมมองไปที่ถนนตามปกติ จู่ๆมันก็มีภาพซ้อนเป้นป่า เป็นทางเดินเล็กๆทับซ้อนขึ้นมาใหเห็นชั่วครู่ ผมตกใจมากร้องเสียงดังว่า เอ้ย! ดังมาก จนลุงที่ชับรถถึงกับเบลกรถและจอดข้างทาง คิดว่าแกชนอะไร ผมถึงร้องเสียงดัง แม่เลยถามว่าเป็นอะไร ก็เลยตอบแม่ไปว่าเห็นอะไรเมื่อครู่ แต่ แม่กับลุงก็ไม่เชื่อ คิดว่าผมคิดไปเอง หรือเป็นผลข้างเคียงละมั้ง ผมจึงตัดสินใจนอนในรถเพื่อให้หลับไป 
               เมื่อถึงบ้านผมกลับได้ยินเสียงแปลกๆ คนคุยกันเบาๆ เหมือนกระซิบกัน ตอนแรกก็คิดว่าพวกน้องๆละมั้งมาเล่นกัน ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก พอนอนพักผ่อนก็ได้ยินเสียงคุยกันจนไม่สามารถหลับไดเพราะเกิดความรำคาน จึงตะโกนออกไปดังๆว่า หยุดคุยกันเสียที รำคาน คนจะนออนเกรงใจกันบ้าง
แม่ก็เดินเข้ามาถามว่าเป็นอะไร ผมเลยตอบแม่ไปว่าบอกพวกน้องคุยกันเบาๆหน่อยผมจะนอน นี่นอนไม่ได้เลยคุยกันเสียงดัง แม่บอกผมว่าน้องออกไปข้างนอกได้สักพักแล้ว ในบ้านก็มีแค่แม่กับผมเท่านั้น เมื่อได้ยินแบบนั้นผมก็เงียบ ได้แค่เก็บความสงสัยเอาไว้ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองกันแน่
              3-4 เดือน กับอาการที่ผมเป็น คือ จะเห็นภาพทับซ้อน คือ เมื่อไปสถานที่ใด (บางที่ ไม่ใช่ทุกที่) ก็มักจะมีภาพผู้คน หรือ บ้านเรือนโบราณ ปรากฏขึ้นมาทับกับภาพปัจจุบันที่เห็นเป็นระยะๆ (ไม่นาน ประมาณ 3-5 วินาที) หรือไม่ก็ได้ยินเสียงคนคุยกันอะไรแบบนี้ตลอด จนผมไม่ไหวกับอาการแบบนี้ จึงตัดสินใจไปหาหมอที่โรงพยาบาลในตัวเมืองจังหวัด บอกอาการที่พบเจอนี้ให้หมอฟัง หมอก็เช็คทุกอย่างก็ปกติ ดี เลยแนะนำให้ไปหาหมอจิตรแพทย์ (ตอนนั้นผมเริ่มโกรธละคิดว่าแม้งหาว่ากูบ้าหรือเปล่า) แต่เพื่อความสบายใจผมก็ไป 
                เมื่อไปพบหมอจิตรแพทย์ก็ได้พูดคุยและทำแบบทดสอบที่หมอเขากำหนด ทำตามกระบวนการที่หมอให้ทำ เมื่อหมอเรียกเขาพบ หมอบอกว่า ผลตรวจทั่วไปปกติ แต่อาจเป้นเรื่องของสภาวะจิตรใจของผมเอง ที่เกิดจากอาการตกใจ+กับความชอบส่วนตัว (อันนี้คือ ผมเป็นคนชอบดูหนังโบราณพวกสมัยกรุงศรี หรือพวกหนังโรมัน อะไรแบบนี้เกี่ยวกับอดีต) หมอจึงบอกว่าอาจจัเป็นไปได้ว่า จิตรใต้สำนึกที่เกี่ยวกับความชอบเรื่องนี้+สภาวะตกใจในระหว่างเกิดอุบัติเกตุ จิตรใต้สำนึกของผมจึงสร้างภาพพวกนี้ขึ้นมา หมอบอกให้ผมลอเปลี่ยนแนวหนังที่ชอบดู หรือ พักผ่อนมากๆ ไม่คิดฟุ่งซ่าน 
                 ตอนฟังหมอบอกผมก็รู้สึกโล่งใจ ว่า เออ สิ่งที่เห็นคือ จิตรใต้สำนึกที่กูชอบ ผมไม่อยากเห็นอะไรแบบนี้เลยลองทำตามหมอบอก เปลี่ยนแนวหนังที่ชอบ หันไปดูการ์ตูนวันพีช ดูแม้งยาวๆ ดูพวกการ์ตูน หนังฮีโร่ อะไรแบบนี้ ไปเที่ยวพักผ่อนหลายๆที่ (แต่อาการที่เป็นก็ไม่หาย ยังเจอเหมือนเดิม)
                 ในเมื่อหาหมอปัจจุบันไม่หาย ก็ไปหาหมอโบราณ (พวก หมอดู ร่างทรง พระ) อะไรแบบนี้ดู ที่แรก ไปตำหนักร่างทรงแถวกาญจนบุรี (ไม่ขอบอกจุดและสถานที่นะ เพื่อนแนะนำให้ไปที่นี่) พอไปถึงก่อนเข้าไป เมื่อลงจากรถผมหันไปทางตำหนักร่างทรงที่ผมจะเข้าไป ผมกลับเห็นภาพงูสีดำตัวใหญ่ปรากฏบนหลังคาในเสียววิ ผมตกใจ ขาอ่อน พอหันไปดูอีกทีก็หายไปแล้ว ตอนนั้นรู้สึกว่า ไม่อยากเข้าไปเลยรู้สึกกลัว แต่ไหนๆก็เดินทางมาไกลแล้วก็เลยลองเข้าไปดู เมื่อผมเข้าไป รอคิว ระหว่างรอ ผมหันไปมองรอบๆ ผมยิ่งตกใจหนักกว่าเดิมอีก เพราะงูดำที่ผมเห็นบนหลังคานั้น กลับมาปรากฏในตำหนักที่ผมเข้าไป คือ รูปปั้นงูสีดำตัวใหญ่ที่อยู่ในตำหนัก (แต่ลูกศิษย์ที่นั้นเรียกพญานาค) พอถึงคิว ผมยังไม่ทันได้บอกอะไร ร่างทรงนั้นบอกกับผมมาว่า เห็นผีรึ! ตอนเขาทักมาคำแรก ใจผมก็ตกไปที่ตาตุ่มเลย และบอกไปเบาๆว่า ครับ และก็ไม่ใช่แค่ผี เห็นอย่างอื่นอีก แต่ไม่บอกร่างทรงไปนะว่าเห็นอะไรบ้างเพราะอยากรู้ว่าเขาของจริงหรือเปล่า ร่างทรงคนนั้นจับมือผมแล้วเขาก็หลับตา เขาหัวเราะและบอกผมว่า เออ ดี จริง หายากนะเนี้ยคนแบบนี้ เห็นทั้งผี เห็นทั้งเมืองลับแล ร่างทรงบอกว่า ภาพที่ผมเห็นคือ เมืองลับแล ผู้คนที่อยู่อีกโลกนึง ร่างทรงถามผมว่าเห็นทุกที่ไหม ผมเลยตอบไปตรงๆว่า ไม่ทุกที่ แค่บางที่ ร่างทรงคนนั้นเลยตอบว่า ถูกแล้วที่เห็นบางที่ เพราะเมืองลับแลนี่มันไม่ได้อยู่ทุกที่หลอก 
                  ผมเลยถามไปอีกว่า ผมได้ยินเสียงคนคุยกัน จนผมรำคาน จะบ้าอยู่แล้ว มีเสียงคนคุยกันข้างๆหู หลายครั้ง ร่างทรงคนนั้นตอบมาว่า ก็พวกผีวิญญาณแหละ มันมีพลังงานไม่เยอะ +กับคุณก็ไมได้เปิดใจเรื่องนี้ จึงสื่อสารกันไม่ได้ คุณก็จะได้ยินแบบนั้นแหละเบาๆ ผมเลยถามไปว่า มีวิธีไหนที่ทำให้เรื่องพวกนี้หายไปบ้าง คือ ไม่อยากได้ยิน ไม่อยากเห็น ไม่อยากรับรู้เรื่องพวกนี้ เลย เพราะจิตรใจผมมันชอบและเครียดมากกับเรื่องพวกนี้ ร่างทรงคนนั้นตอบผมมาตรงๆว่า เขาช่วยไม่ได้ เขาไม่มีความสามรถไปช่วยเรื่องเวรกรรมใครได้ ได้แค่แนะนำ
                  ต่อมา ร่างทรงคนนั้นจึงแนะนำผมให้ไปวัดๆนึงที่อยุธยา 
                   สองสามวันต่อมา ผมเดินทางไปอยุธยา ไปวัดที่ร่างทรงคนนี้บอก ไปกราบหลวงพ่อท่านนึงที่ร่างทรงคนนั้นแนะนำมา และก็เล่าเรื่องรามที่เจอให้หลวงพ่อฟัง หลวงพ่อบอกว่า โยม บวชไหม ถ้าบวช เรื่องพวกนี้จะหายไปเอง ตอนนั้นผมก็ลังเลใจเป็นอย่างมากว่าจะบวชไหม เพราะที่บ้านมีแค่ผมกับแม่และน้อง เพราะผมเป็นเสาหลักของบ้าน และตอนนี้ร่างกายก็ยังไม่หายดี เลยขอกลับไปปรึกษาแม่ที่บ้าน 
                   เมื่อกลับถึงบ้านจึงเล่าให้แม่ฟัง แม่ก็บอกว่า ก็บวชไป ไม่ต้องห่วง แม่กับน้องอยู่ได้ สบายๆ ผมคิดในใจว่าอยากมีเงินสักก้อนให้แม่กับน้องไว้ก่อนค่อยไปบวช คืนนั้นผมจึงตั้งจิตรอธิฐานว่า "ผมไม่รู้นะครับว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับผมนั้นเกิดขึ้นมาได้อย่างไร หรือเพราะอะไร หรือเพราะใคร ผมขอให้สิ่งเหล่านี้หายไป ผมจะบวชให้ 1 พรรษา เพื่ออุทิศกุศลผลบุญให้ แต่ตอนนี้ผมยังติดอยู่ที่ว่ายังเป็นห่วงครอบครัว เลยอยากมีเงินไว้สักก้อนให้ที่บ้านเพื่อหมดความเป็นห่วง ถ้าพวกท่านที่ทำให้ผมได้เห้นหรือรับรู้อยากได้บุญใหญ่จากการบวชนี้ขอดลบันดาลให้ที่บ้านมีเงินก้อนใหญ่เข้ามาด้วย'' 
                   7 วันต่อมา ผมก็ลืมเรื่องที่อธิฐานนี้ไปเลย แต่ก็ยังเห็นภาพทับซ้อนมาเป้นระยะ เห็นคนเดินหน้าบ้านบ้าง ได้ยินเสียงบ้าง พอวันหวยออก ผมเลยตัดสินใจซือเลขไปมั่วๆ เอาแบบ พันคูนพันไปเลย เสี่ยงโชคดู แต่ไม่น่าเชื่อครับ ผมถูกตามตัวตรง ได้มาหลายแสนหักลบหนี้สินที่เคยไปหยิบยืมเขาตอนไปรักษาตัว ก้ยังเหลืหลายแสนอยู่ และจู่ๆผมก็ไดยินเบาๆมาว่า อย่าลืมที่สัญญาละ เลยทำให้ผมนึกถึงวันที่ผมตั้งจิตรอธิฐานวันนั้น
                   ต่อมาก่อนเข้าพรรษา ผมเลยตีดสิใจไปบวชที่อยุธยาวัดที่ผมเคยไปหาพระรูปนั้น แต่แปลกตรงที่ว่า ผมไปหาพระรูปนั้นไม่เจอ ไปถามใคร ก็บอกไม่รู้จัก ผมก็เริ่มแปลกใจละ หรือกูมาผิดวัดวะ เลยบอกชื่อพระที่ผมมาคุยด้วยวันนั้น ลูกศิษย์และพระที่อยู่ที่นั้นพอได้ยินก็ตกใจ เพราะคือ ชื่อเจ้าอาวาสวัดคนก่อนที่มรณภาพไปหลายสิบปีแล้ว ผมก็ตกใจ แต่ก็คิดในใจ ทำไมร่างทรงคนนั้นให้มาหาพระรูปนี้ เลยขอเบอร์จากเพื่อนโทรไป ถามว่าพระที่ให้มาหาคือเจ้าอาวาสที่มรณภาพไปนานแล้ว ร่างทรงได้ยินผมตอบแบบน้แกก็ตกใจ เพราะความหมายของแกที่ให้ไปคือ ให้ไปกราบรูปปั้นเจ้าอาวาสท่านนี้ ที่อยู่ตั้งอยู่ที่ศาลา สรุป คือ ผมดันมาเจอท่านจังๆ แบบไม่คิดว่าจะเป็นวิญญาณ แต่ตอตที่เห็นคือ เหมือนคนปกติทั่วไปเลย ูไม่ออกเลยจริงๆว่าคือ วิญญาณ
                    ต่อมาผมก็บวช 1 พรรษา ตามที่ตกลงสัญญาไว้ ในช่วงแรกๆก็ยังเห็น ยังไม่ได้ ยิ่ง 7 วันแรกหนักมาก เห็นภาพไฟไหม้ เห็นภาพคนสู้กัน เห้นภาพคนถือหัวเดินไปมา ได้ยินเสียงคนร้องไห้ เสียงม้าวิ่งไปมา เสียงคนร้องโหยหวน ผมนี่เกือบคุมสติไม่อยุ่ พอเข้าวันที่ 8 สิ่งเหล่านี้เริ่มเบาลง (ลืมบอกไปว่าในระหว่าง7วันแรก ผมสวดมนต์แผ่บุญให้ดวงวัญญาณแถวนั้นทุกวันทุกคืน) 
                      เมื่อผ่านมา ได้ เดือนครึ่ง เป้นเรื่องที่แปลก คือ สิ่งเหล่านี้ หายไปเอง มันจะค่อยๆเบาลงทีละน้อยๆ จากเห็นบ่อยๆ เริ่มไม่ค่อยเห็น เริ่มไม่ค่อยได้ยิน จนผ่านไปเดือนครึ่ง สิ่งเหล่านี้ผมไม่ได้รับรู้หรืรู้สึกอีกเลย
                       เมื่อออกพรรษามา ผมศึกออกมากลับบ้าน ค้าขายก็เริ่มดีขึ้น หนี้สินผมก็ชำระหนี้จนหมด ตั้งตัวได้
**** ที่ผมเอามาเล่านี้คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับผม ไม่ได้มาเล่าเพื่อให้ใครเชื่อ ใครไม่เชื่อก็เรื่องของพวกคุณ ถ้าไม่เจอกับตัวมันก็อธิบายยาก 
ผมคิดว่าเรื่องแบบนี้ อาจจะมีคนเจอคล้ายๆกับผมอีกมาก แต่ผมก็มาเล่าเป็นธรรมทานให้ฟัง เพื่อใครเจอปัญหาแบบผม ผมหาทางแก้ไขแบบนี้แล้วมันหาย ส่วนใครมีประสบการณ์คล้ายๆผมมาเล่าให้ฟังกันบ้างนะครับ
***ปล. เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงกับตัวผมเอง ท่านใดไม่เชื่อ ก็ถือสะว่า มาอ่านเรื่องที่คนบ้าเขียนขึ้นมาให้ฟังแก้เบื่อแล้วกันครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่