JJNY : ไฟไหม้ดอยนาง 4 วันติด│ก้าวไกลจี้เร่งเสนอกม.รายงานเคลื่อนย้ายสารมลพิษ│บิ๊กอสังหาฯ แนะ │ผู้นำฝรั่งเศสเตือนยุโรป

ร้อนจัด-ฝุ่นควันพิษคลุมทึบ ไฟไหม้ดอยนางรุนแรง 4 วันติด ลามไม่หยุด เร่งปิดป่าเชียงดาว
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_8203754
 
 
เชียงใหม่ ร้อนจัด-ฝุ่นควันพิษปกคลุมหนาทึบ ไฟไหม้ป่าดอยนางโหมรุนแรง 4 วันติด ลามไม่หยุด เร่งปิดเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว ไม่มีกำหนด ป้องลักลอบบุกรุกเผาป่าล่าสัตว์
 
26 เม.ย. 67 – ผู้สื่อรายงานว่า ช่วงกลางดึกของคืน 25 เม.ย. 67 ที่ผ่านมา ได้เกิดไฟป่าอย่างรุนแรงบริเวณบนดอยนาง อ.เชียงดาว อย่างรุนแรง ทางเจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังกันเข้าสกัดในช่วงกลางคืน จนถึงในข่วงเช้า และทางเจ้าหน้าที่ได้ใช้ เฮลิคอปเตอร์ บินขึ้นสำรวจความเสียหายอีกครั้ง รวมทั้งสำรวจ การบุกรุกพื้นที่ปาบริเวณดอยนาง ดังกล่าว
 
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ได้มีกระแสข่าวเพื่อจะปิดเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าเชียงดาวไม่มีกำหนด โดยนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้โพสต์ขึ้นเพจของตัวเอง โดยใช้ชื่อว่า นายอรรถพล เจริญชันษา โพสต์ระบุว่า
 
เตรียมปิดเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาวไม่มีกำหนด จนกว่าจะแก้ไขปัญหาลักลอบเผาป่า บุกรุก ล่าสัตว์ และจัดระเบียบที่พักและโฮมสเตย์ได้ เนื่องจากมีการลักลอบเผาป่าทำให้พื้นที่ป่าถูกไฟป่าทำลายเสียหายมากเสี่ยงต่อการสูญเสียระบบนิเวศพื้นที่สงวนชีวมณทลรวมถึงพรรณไม้มีค่าหายาก
 
รายงานข่าวแจ้งว่า ส่วนของเชียงใหม่ ค่าฝุ่นพิษ PM 2.5 ยังเพียบต่อเนื่อง! ควันพิษเชียงใหม่ยังอาการน่าเป็นห่วง เหตุไฟป่าลามไม่หยุด โดยเฉพาะที่เชียงดาวไหม้ข้ามวันข้ามคืนย่างเข้าวันที่ 4 แล้ว จนจุดความร้อนครองอันดับ 1 ภาคเหนือ ขณะที่ค่ามลพิษอากาศพุ่งเกินมาตรฐานต่อเนื่อง ยึดแถวหน้าเมืองหลักคุณภาพอากาศเลวร้ายที่สุดในโลก
 
สถานการณ์ปัญหาฝุ่นควันไฟป่าและคุณภาพอากาศของจังหวัดเชียงใหม่ยังคงน่าเป็นห่วง โดยพบไฟไหม้ป่าเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องหลายจุดทั่วพื้นที่ โดยเฉพาะที่ดอยนาง อำเภอเชียงดาว แม้เจ้าหน้าที่จะพยายามระดมกำลังเข้าทำการดับแล้ว เช่นเดียวกับค่ามลพิษอากาศที่สูงเกินค่ามาตรฐานอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ
 
ทั้งนี้พบว่า สภาพตัวเมืองเชียงใหม่นั้น นอกจากอากาศที่ร้อนจัดแล้ว ยังถูกปกคลุมด้วยฝุ่นควันค่อนข้างหนาทึบ และหลายจุดสามารถรับรู้ได้ถึงกลิ่นควันไฟจากการเผาไหม้ที่โชยมาตามลมด้วย
 
โดยข้อมูลจากสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ(GISDA)ระบุว่าในรอบ 24 ชั่วโมงของวันที่ 25 เม.ย.67 พบจุดความร้อน(Hotspot) ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ รวมทั้งสิ้น 247 จุด อยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ 34 จุด ซึ่งมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ส่วนอันดับ 2 ได้แก่ เพชรบูรณ์ 31 จุด,อันดับ 3 น่าน 28 จุด,อันดับ 4 แพร่ 25 จุด และอันดับ 5 แม่ฮ่องสอน 20 จุด
 
ขณะเดียวกันศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) จังหวัดเชียงใหม่ รายงานจุดความร้อนรอบเช้า ประจำวันที่ 26 เม.ย. 67 ว่าพบจุดความร้อนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 37 จุด มากที่สุดในพื้นที่อำเภอเชียงดาว 8 จุด รองลงไป ได้แก่ แม่แจ่ม 6 จุด,แม่แตง 5 จุด,แม่ออน 4 จุด,แม่วาง 3 จุด,จอมทอง 3 จุด,พร้าว 2 จุด,กัลยาณิวัฒนา 2 จุด,ฝาง 1 จุด และแม่ริม 1 จุด
 
ส่วนรายงานผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศจากสถานีของกรมควบคุมมลพิษที่ติดตั้งอยู่ ในตำบลช้างเผือก, ตำบลศรีภูมิ,ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่, ตำบลช่างเคิ่ง อำเภอแม่แจ่ม, ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว และตำบลหางดง อำเภอฮอด พบค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เฉลี่ยในรอบ 24 ชั่วโมง ณ เวลา 09.00 น. วันนี้ อยู่ที่ 94.2 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร, 77.2 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร,61.8 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร,  49.1 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร, 55.4 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร และ 43.6 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ จากค่ามาตรฐานไม่เกิน 37.5 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ส่วนค่าดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) อยู่ที่ 220,203,165,131,148 และ 117 ตามลำดับ จากค่ามาตรฐานไม่เกิน 100 ทั้งนี้ภาพรวมคุณภาพอากาศอยู่ในระดับที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
 
ขณะที่เว็บไซต์ Iqair.com ซึ่งรายงานคุณภาพอากาศจากทั่วโลก แจ้งผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศและการจัดอันดับเมืองที่มีมลพิษทั่วโลก เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ พบว่าจังหวัดเชียงใหม่มีดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ที่ 179 US AQI และค่า PM 2.5 วัดค่าได้ 110 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ซึ่งเกินค่ามาตรฐาน และอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อทุกคน
 
โดยผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศดังกล่าวอยู่ในอันดับที่ 4 ของเมืองหลักที่มีมลพิษอากาศสูงสุดของโลก ขณะที่อันดับ 1 ได้แก่ กาฐมาณฑุประเทศเนปาล ดัชนีคุณภาพอากาศ 194 US AQI ,อันดับ 2 ลาฮอร์ ประเทศปากีสถาน 194 US AQI และอันดับ 3 เดลี ประเทศอินเดีย 190 US AQI.



ก้าวไกล จี้รบ. เร่งเสนอกม.รายงานเคลื่อนย้ายสารมลพิษ สกัดซ้ำรอยกากแคดเมียม
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_8203804

ก้าวไกล จี้รัฐบาลเร่งเสนอ กม.รายงานการปล่อยและเคลื่อนย้ายสารมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม หรือ PRTR ประกบฝ่ายค้าน หวังผลักดันผ่านสภาชุดนี้
 
เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2567 น.ส.กมนทรรศน์ กิตติสุนทรสกุล สส.ระยอง พรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ยื่นร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การรายงานการปล่อยและการเคลื่อนย้ายสารมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม พ.ศ. หรือ PRTR (Pollutant Release and Transfer Register) กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ให้ความสำคัญถึงการพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม มีการใช้สารเคมีในการผลิต จึงทำให้การปล่อยสารพิษสู่สิ่งแวดล้อมตลอดเวลา ส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อสุขภาพของประชาชน
 
เพื่อให้รัฐมีระบบเพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพ และความเข้มแข็งแก่หน่วยงานของรัฐในการประเมินสถานการณ์ปัญหามลพิษได้อย่างถูกต้อง มีข้อมูลที่ดีเพื่อประกอบการวางแผนการป้องกันสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ และจัดการปัญหาตั้งแต่ต้นทางได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งเป็นเครื่องมือลดความเสี่ยงภัยจากสารเคมีและสารมลพิษตกค้างในสิ่งแวดล้อม ตามอนุสัญญาสตอกโฮล์มว่าด้วยสารมลพิษตกค้างยาวนานในสิ่งแวดล้อม
 
น.ส.กมนทรรศน์ กล่าวว่า ในหลายๆ ประเทศมีกฎหมายที่มีลักษณะเดียวกันที่ใช้ไปแล้ว ซึ่งเป็นการจัดการสารมลพิษที่จะเกิดผลกระทบต่อประชาชน สิ่งแวดล้อม เป็นการจัดการบนข้อมูลเดียวกันทั้งระบบ ในเรื่องของสารมลพิษที่ผู้ประกอบการในภาคส่วนต่างๆว่า นำเข้าอย่างไร จำนวนสารที่ใช้ในกระบวนการผลิต ปลดปล่อยสู่ธรรมชาติเท่าไหร่ วิธีกำจัดของเสีย รวมถึงหากสารมลพิษรั่วไหล ผู้ก่อกำเนิดมลพิษ จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ และจะต้องแจ้งว่าจะแก้ไขอย่างไร
 
น.ส.กมนทรรศน์ กล่าวว่า ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวเคยยื่นไปตั้งแต่สภาผู้แทนราษฎรชุดที่แล้ว แต่ถูกพิจารณาว่าเป็นร่างการเงิน จึงถูกดองไว้จนหมดสมัย ในสภาฯชุดนี้เราจึงได้ยื่นเข้ามาใหม่ โดยมีร่างของประชาชน โดยมูลนิธิบูรณะนิเวศ ยื่นประกบ ซึ่งไม่ได้ถูกพิจารณาว่าเป็นร่างการเงิน
 
จึงหวังว่ารัฐบาลจะยื่นร่างที่มีลักษณะคล้ายกัน ยื่นประกบเพื่อเร่งพิจารณาให้ทันต่อสถานการณ์ ที่พบว่ามีลักลอบเก็บสะสมกากแคดเมียม ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชนที่อยู่ในระแวกใกล้เคียงที่เก็บสะสมสารเคมี รวมถึงให้ทันต่อสภาฯชุดปัจจุบันอีกด้วย
 

 
บิ๊กอสังหาฯ ชี้แบงก์ลดดอกเบี้ย 0.25% เป็นสัญญาณที่ดี แนะครั้งหน้าจะดีกว่านี้ ถ้าเป็น กนง.ลดเอง
https://ch3plus.com/news/economy/morning/397332

วานนี้ (25 เม.ย. 2567) นายอธิป พีชานนท์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า ถือเป็นสัญญาณที่ดี กรณีสมาคมธนาคารไทยรับลูกนายกรัฐมนตรี ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) 0.25% เป็นเวลา 6 เดือน แม้จะแค่ระยะเวลาสั้น ๆ และไม่ใช่เป็นมติจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ก็ตาม
 
แต่ก็ช่วยลดภาระให้กับผู้เป็นหนี้แบงก์ได้ในระดับหนึ่ง เช่น ผู้ที่ผ่อนบ้าน เมื่อดอกเบี้ยลดทุก 0.25% จะทำให้ตัดเงินต้นได้เพิ่มขึ้น 2% เช่น ผ่อนอยู่ 10,000 บาท/เดือน ค่างวดเท่าเดิม แต่จะตัดเงินต้นเพิ่ม 200 บาท หรือผู้ที่จะขอกู้ซื้อบ้านจะทำให้การผ่อนต่องวดลดลงเช่นกัน เช่น เดิมคำนวณไว้ต้องผ่อน 10,000 บาท/เดือน จะเหลือ 9,800 บาท/เดือน จะทำให้กู้ได้ง่ายขึ้น

จากการที่แบงก์พาณิชย์ออกมาลดดอกเบี้ยลงแบบนี้ ถือว่าเป็นการดี แต่ถ้าจะให้ดีกว่านี้ ในครั้งหน้า กนง.จะต้องมีการพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงได้แล้ว ซึ่งผมว่าถึงเวลาสมควรที่จะต้องปรับลดได้แล้ว เพราะเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว ไม่ต้องรอเฟด ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่สอดรับกับภาวะเงินเฟ้อ และค่าเงินบาท เพราะค่าบาทคงจะไม่อ่อนไปมากกว่านี้แล้ว"
 
"ส่วนที่กังวลเงินทุนจะไหลออกนั้น เงินไหลออกไปนานแล้ว ซึ่งการลดดอกเบี้ย ภาคเอกชน และประชาชน เห็นด้วยกับรัฐบาลมากกว่าธนาคารแห่งประเทศไทยว่า ถึงเวลาต้องลดแล้ว เพื่อพยุงเศรษฐกิจใน 3 ไตรมาสที่เหลือ ทำให้เกิดการบริโภคในประเทศมากขึ้น”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่