ตามหัวข้อเลยค่ะตั้งท้องจนใกล้คลอดแล้วแต่แฟนไม่ค่อยจะสนใจเลย
คือเอาจริงๆอันนี้เป็นท้องแรกของเรา ถามว่าเกิดจากความผิดพลาดไหมก็ไม่ได้เกิดจากความผิดพลาด
คือส่วนตัวอยากมีลูกอยู่แล้ว ก็ปล่อยไปตามธรรมชาติ เพราะตัวเองก็จะอายุ 30 แล้ว
ตอนแรกที่รู้ว่าตัวเองท้องก็รู้สึกตกใจ มันก็กังวลว่าเราจะเลี้ยงลูกได้ไหม
แต่พอเริ่มอุ้มท้องลูกไปเรื่อยเรื่อยเราก็รู้สึกความผูกพัน
เราก็คอยดูแลบำรุงทุกอย่าง ทั้งเรื่องการกินเรื่องอาหารเสริม อุปกรณ์ตัวช่วยต่างๆ
เราก็เป็นคนซื้อจัดการเองหมด รวมถึงของในอนาคตที่ลูกต้องใช้
แต่ส่วนแฟนดูไม่ค่อยจะสนใจเท่าไหร่ แทบไม่เคยจะซื้อของอะไรให้เลย
ถ้าไม่บอกก็คือไม่ซื้อ คือในหลายหลายเรื่องเราต้องถามความคิดเห็นจากเขา
อย่างเช่นเรื่องเสื้อผ้าลูก หรือของใช้ในอนาคตของลูก เราก็ต้องเป็นฝ่ายถาม
แต่ก็ยังดีที่เขายังดูแล ถึงแม้ว่าจะเป็นการดูแลที่ไม่ได้ใส่ใจมาก
ตั้งแต่เราตั้งท้องมาแรกๆ เรารู้สึกว่าเขาได้อยากที่จะลูก แต่มันเหมือนเพราะเขามีส่วนทำให้แต่มันเหมือนเพราะเขามีส่วนทำให้เด็กต้องเกิดมา
ก็เลยต้องจำใจที่ต้องเราผิดชอบ
เรื่องลูกเขาก็คือไม่ได้ใส่ใจมากมายขนาดนั้น แต่อย่างเรื่องรถก็คือสรรหาอุปกรณ์ตลอดเวลา
ถ้าถามว่าระหว่างเรื่องรถกับเรื่องลูกเค้าเสียตังค์กับเรื่องไหนมากกว่าตอบได้เลยว่า เขา ติ เสียตังค์กับเรื่องรถมากกว่า
ไม่ว่าอุปกรณ์จะแพงแค่ไหนก็ยอมที่จะจ่าย แต่พอเป็นอุปกรณ์ลูกอันนั้นก็บอกว่าแพงเกินไป อันนี้ก็บอกว่าเกินความจำเป็นอันนี้ก็บอกว่าเกินความจำเป็นไม่ต้องใช้ก็ได้
ที่เราคิดแบบนี้เพราะว่าเราจะอัพเดทเรื่องลูกตลอดในพวกโซเชียลใน stories ไอจี แล้วก็มีการแท็กเขา
แต่เหมือนเขาไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่ามีลูก ถ้าเป็นเรื่องลูกเค้าจะไม่รี่พาย stories หรืออะไรเลย
แต่ถ้าเป็นเรื่องอย่างอื่นที่เราแท็กไปเค้าจะรีพาย
ตอนแรกเราก็ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่พอมองเห็นครอบครัวอื่นที่พ่อเขาดูดีใจกับการมีลูก เราก็รู้สึกน้อยใจ
อาจจะเป็นเพราะตามประสาคนท้อง
คือตอนแรกเรากะว่าจะเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่ด้วยความที่ครอบครัวแฟนก็ดี โชคดีที่เราครอบครัวแสนดี
ครอบครัวแฟนคือซัพพอร์ตแทบจะทุกอย่าง เราก็เลยมองข้ามข้อเสียนั้นไป
ในอนาคตถ้าลูกคลอดออกมา เราก็ไม่รู้ว่าเค้าจะช่วยเลี้ยงไหม
แต่ส่วนตัวเราก็วางแผนว่าในอนาคตถ้ามันเกิดมีปัญหาอะไรขึ้นมา เราก็เตรียมพร้อมที่จะเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว
ส่วนตัวไม่ได้จดทะเบียนสมรส และเราไม่คิดที่จะจด เพราะว่าถ้าเกิดมีปัญหาจริงๆ เราก็ไม่คิดที่จะให้เขาช่วยอยู่แล้ว
คิดว่าถ้าได้เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวจริงๆเราก็จะตัดเค้าออกไปจากชีวิตเลย เพราะเราไม่อยากมีปัญหาที่จะมาขึ้นโรงขึ้นศาล
หรือฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายที่มันจะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะเราคิดว่าต่างคนต่างอยู่น่าจะดีที่สุด
ตั้งท้องใกล้คลอดแต่แฟนไม่ค่อยจะสนใจ
คือเอาจริงๆอันนี้เป็นท้องแรกของเรา ถามว่าเกิดจากความผิดพลาดไหมก็ไม่ได้เกิดจากความผิดพลาด
คือส่วนตัวอยากมีลูกอยู่แล้ว ก็ปล่อยไปตามธรรมชาติ เพราะตัวเองก็จะอายุ 30 แล้ว
ตอนแรกที่รู้ว่าตัวเองท้องก็รู้สึกตกใจ มันก็กังวลว่าเราจะเลี้ยงลูกได้ไหม
แต่พอเริ่มอุ้มท้องลูกไปเรื่อยเรื่อยเราก็รู้สึกความผูกพัน
เราก็คอยดูแลบำรุงทุกอย่าง ทั้งเรื่องการกินเรื่องอาหารเสริม อุปกรณ์ตัวช่วยต่างๆ
เราก็เป็นคนซื้อจัดการเองหมด รวมถึงของในอนาคตที่ลูกต้องใช้
แต่ส่วนแฟนดูไม่ค่อยจะสนใจเท่าไหร่ แทบไม่เคยจะซื้อของอะไรให้เลย
ถ้าไม่บอกก็คือไม่ซื้อ คือในหลายหลายเรื่องเราต้องถามความคิดเห็นจากเขา
อย่างเช่นเรื่องเสื้อผ้าลูก หรือของใช้ในอนาคตของลูก เราก็ต้องเป็นฝ่ายถาม
แต่ก็ยังดีที่เขายังดูแล ถึงแม้ว่าจะเป็นการดูแลที่ไม่ได้ใส่ใจมาก
ตั้งแต่เราตั้งท้องมาแรกๆ เรารู้สึกว่าเขาได้อยากที่จะลูก แต่มันเหมือนเพราะเขามีส่วนทำให้แต่มันเหมือนเพราะเขามีส่วนทำให้เด็กต้องเกิดมา
ก็เลยต้องจำใจที่ต้องเราผิดชอบ
เรื่องลูกเขาก็คือไม่ได้ใส่ใจมากมายขนาดนั้น แต่อย่างเรื่องรถก็คือสรรหาอุปกรณ์ตลอดเวลา
ถ้าถามว่าระหว่างเรื่องรถกับเรื่องลูกเค้าเสียตังค์กับเรื่องไหนมากกว่าตอบได้เลยว่า เขา ติ เสียตังค์กับเรื่องรถมากกว่า
ไม่ว่าอุปกรณ์จะแพงแค่ไหนก็ยอมที่จะจ่าย แต่พอเป็นอุปกรณ์ลูกอันนั้นก็บอกว่าแพงเกินไป อันนี้ก็บอกว่าเกินความจำเป็นอันนี้ก็บอกว่าเกินความจำเป็นไม่ต้องใช้ก็ได้
ที่เราคิดแบบนี้เพราะว่าเราจะอัพเดทเรื่องลูกตลอดในพวกโซเชียลใน stories ไอจี แล้วก็มีการแท็กเขา
แต่เหมือนเขาไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่ามีลูก ถ้าเป็นเรื่องลูกเค้าจะไม่รี่พาย stories หรืออะไรเลย
แต่ถ้าเป็นเรื่องอย่างอื่นที่เราแท็กไปเค้าจะรีพาย
ตอนแรกเราก็ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่พอมองเห็นครอบครัวอื่นที่พ่อเขาดูดีใจกับการมีลูก เราก็รู้สึกน้อยใจ
อาจจะเป็นเพราะตามประสาคนท้อง
คือตอนแรกเรากะว่าจะเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่ด้วยความที่ครอบครัวแฟนก็ดี โชคดีที่เราครอบครัวแสนดี
ครอบครัวแฟนคือซัพพอร์ตแทบจะทุกอย่าง เราก็เลยมองข้ามข้อเสียนั้นไป
ในอนาคตถ้าลูกคลอดออกมา เราก็ไม่รู้ว่าเค้าจะช่วยเลี้ยงไหม
แต่ส่วนตัวเราก็วางแผนว่าในอนาคตถ้ามันเกิดมีปัญหาอะไรขึ้นมา เราก็เตรียมพร้อมที่จะเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว
ส่วนตัวไม่ได้จดทะเบียนสมรส และเราไม่คิดที่จะจด เพราะว่าถ้าเกิดมีปัญหาจริงๆ เราก็ไม่คิดที่จะให้เขาช่วยอยู่แล้ว
คิดว่าถ้าได้เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวจริงๆเราก็จะตัดเค้าออกไปจากชีวิตเลย เพราะเราไม่อยากมีปัญหาที่จะมาขึ้นโรงขึ้นศาล
หรือฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายที่มันจะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะเราคิดว่าต่างคนต่างอยู่น่าจะดีที่สุด