เราเป็นพุทธมามกะ ดำเนินชีวิตตามหลักบุญกริยาวัตถุ๓ เราพิจารณาตัวเราแล้วก็ไม่ได้เคร่งอะไรนะ แค่เดินตามมรรคไปเรื่อยๆก็เท่านั้น แต่ชาวบ้านที่นี่มองว่าเราเคร่ง จนถึงขั้นไม่มาคบหากับเรา
แต่เรามองว่าดีนะ! เพราะแรกเริ่มเดิมทีเราก็ไม่ได้คิดจะสมาคมคบหากับคนที่นี่อยู่แล้ว

คือตอนเรามาอยู่ที่นี่ใหม่ๆน่ะ ชาวบ้านที่นี่ก็มาตีสนิทพูดคุยสมาคมด้วยนะ แต่พอเขาเห็นว่าการดำเนินชีวิต,ความคิดของเรากับพวกเขามันต่างกันเกินไป เขาก็หมดกำลังใจที่จะคบหาสมาคมด้วย
ในความคิดของพวกเขาคงคิด...ไอ้นี่มันเลวจนเกินกำลังจะเยียวยาแล้ว...

เนื่องจากเราไม่มีทุนที่จะทำการเกษตร พื้นที่ส่วนใหญ่ของบ้านเราจึงถูกทิ้งให้เป็นป่า
และเราก็เป็นคนรักสัตว์ด้วย ที่บ้านนี่นก,กา,หมา,แมว,มดแมลงก็เข้ามาอาศัยเยี่ยมเยียนพักผ่อนกันอยู่เยอะ

ชาวบ้านที่นี่กับเรามาตรแม้นจะเหมือนน้ำบ่อกับน้ำคลองคืออยู่ใกล้กันแต่ไม่ยุ่งเกี่ยวกันก็จริง แต่พวกเขาก็มักจะเข้ามาล่าสัตว์ในบ้านเราบ้าง
อย่าตอนนี้หน้าร้อนน่ะ ชาวบ้านเข้ามาหาไข่มดแดงประจำเลย
เราเองก็เคยเดินไปอธิบายดีๆนะ ยิ้มแย้มแจ่มใส บอกกับเหล่าชาวบ้านที่นี่ว่าที่นี่เป็นเขตอภัยทานนะ ห้ามล่าสัตว์
ถ้าเป็นเราถูกเตือนแบบนี้ ก็จะจากไปด้วยดี แม้ว่าจะถูกเตือนด้วยวิธีที่รุนแรง เป็นเราก็คงจากไปเงียบๆ
แต่ชาวบ้านที่นี่ไม่นะ! แม้ว่าเราจะกล่าวเตือนด้วยอัธยาศัยอันดี แต่พวกเขากลับตอบกับเราด้วยคำพูดที่รุนแรง!

มาช่วงหลังๆนี่เราไม่ใคร่ได้ไปตักเตือนแล้ว คือเรามองว่าการไปมีปากเสียงกันแม้ว่าเราจะกล่าวเหตุผลด้วยคำสุภาพก็ตามทีเถอะ มันก็ดูไม่งามอยู่ดีนะ
แลัวเราก็เกรงว่าเรื่องมันอาจจะรุนแรงเกินกว่าการมีปากเสียงกันก็เป็นได้
ทีนี้เราอยากจะถามเพื่อนๆว่าถ้าเราไม่เข้าไปห้ามปรามตักเตือนคนที่เข้ามาล่าสัตว์ในบ้านเราเนี่ย จะถือว่าเราปล่อยปละละเลยในกิจที่ต้องคุ้มครองรักษาสัตว์บริวารในบ้านหรือไม่?

ขอบคุณสำหรับธรรมทานที่เพื่อนๆจะให้ล่วงหน้า เดี๋ยวจะกลับมาอ่าน จะกลับมาตอบทุกคอมเม้นต์นร๊าาาาาาาา.
ถ้าเราไม่เข้าไปห้ามปราม แบบนี้จะเรียกว่าปล่อยวางหรือปล่อยปละละเลย?
แต่เรามองว่าดีนะ! เพราะแรกเริ่มเดิมทีเราก็ไม่ได้คิดจะสมาคมคบหากับคนที่นี่อยู่แล้ว
คือตอนเรามาอยู่ที่นี่ใหม่ๆน่ะ ชาวบ้านที่นี่ก็มาตีสนิทพูดคุยสมาคมด้วยนะ แต่พอเขาเห็นว่าการดำเนินชีวิต,ความคิดของเรากับพวกเขามันต่างกันเกินไป เขาก็หมดกำลังใจที่จะคบหาสมาคมด้วย
ในความคิดของพวกเขาคงคิด...ไอ้นี่มันเลวจนเกินกำลังจะเยียวยาแล้ว...
เนื่องจากเราไม่มีทุนที่จะทำการเกษตร พื้นที่ส่วนใหญ่ของบ้านเราจึงถูกทิ้งให้เป็นป่า
และเราก็เป็นคนรักสัตว์ด้วย ที่บ้านนี่นก,กา,หมา,แมว,มดแมลงก็เข้ามาอาศัยเยี่ยมเยียนพักผ่อนกันอยู่เยอะ
ชาวบ้านที่นี่กับเรามาตรแม้นจะเหมือนน้ำบ่อกับน้ำคลองคืออยู่ใกล้กันแต่ไม่ยุ่งเกี่ยวกันก็จริง แต่พวกเขาก็มักจะเข้ามาล่าสัตว์ในบ้านเราบ้าง
อย่าตอนนี้หน้าร้อนน่ะ ชาวบ้านเข้ามาหาไข่มดแดงประจำเลย
เราเองก็เคยเดินไปอธิบายดีๆนะ ยิ้มแย้มแจ่มใส บอกกับเหล่าชาวบ้านที่นี่ว่าที่นี่เป็นเขตอภัยทานนะ ห้ามล่าสัตว์
ถ้าเป็นเราถูกเตือนแบบนี้ ก็จะจากไปด้วยดี แม้ว่าจะถูกเตือนด้วยวิธีที่รุนแรง เป็นเราก็คงจากไปเงียบๆ
แต่ชาวบ้านที่นี่ไม่นะ! แม้ว่าเราจะกล่าวเตือนด้วยอัธยาศัยอันดี แต่พวกเขากลับตอบกับเราด้วยคำพูดที่รุนแรง!
มาช่วงหลังๆนี่เราไม่ใคร่ได้ไปตักเตือนแล้ว คือเรามองว่าการไปมีปากเสียงกันแม้ว่าเราจะกล่าวเหตุผลด้วยคำสุภาพก็ตามทีเถอะ มันก็ดูไม่งามอยู่ดีนะ
แลัวเราก็เกรงว่าเรื่องมันอาจจะรุนแรงเกินกว่าการมีปากเสียงกันก็เป็นได้
ทีนี้เราอยากจะถามเพื่อนๆว่าถ้าเราไม่เข้าไปห้ามปรามตักเตือนคนที่เข้ามาล่าสัตว์ในบ้านเราเนี่ย จะถือว่าเราปล่อยปละละเลยในกิจที่ต้องคุ้มครองรักษาสัตว์บริวารในบ้านหรือไม่?
ขอบคุณสำหรับธรรมทานที่เพื่อนๆจะให้ล่วงหน้า เดี๋ยวจะกลับมาอ่าน จะกลับมาตอบทุกคอมเม้นต์นร๊าาาาาาาา.