สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
ผมจะสอนอย่างนึง ความสำเร็จ มี plan period ครับ ก็คือ ช่วงระยะเวลาของแผน แล้วมันยาวเป็นหนังสือเล่มนึง เขียนไม่จบเลยแบบละเอียด สรุปให้ได้แค่นี้
คนเราจะมีแผนความสำเร็จ สั้น กลาง ยาว เสมอ!! คนที่ไม่มีสักแผนเลย ก็คือ คนเรื่อยๆ ไปวันๆ ไม่มีวันรู้หรอกอะไรสำเร็จไม่สำเร็จ ใช้แค่ดวง ถึงจุดนึงชีวิตมันจะสับสน เราก็แค่หาหลักการพิสูจน์ว่าเราคิดไม่ผิดมาตอบ
1. 1-2 ปี แผนระยะสั้น อยากเก่งขึ้น อยากลดน้ำหนัก ย้ายสายงาน ฝึกภาษา ประมาณนี้ สั้นเก็บผลไม่นาน
ก็จะรู้สึกว่า ประสบความสำเร็จแล้ว เงินเดือนเราแบบโห 25000 - 30000 กินใช้ได้เหลือแล้วนะครับ หุ่นดี
ถือว่า แผนระยะสั้นสำเร็จ 100% ชีวิตมันจะรู้สึกดีในช่วงนั้น
บางคนก็พอใจแค่ตรงเนี้ย แล้วหยุดเลย ทำแค่นี้แหละก็พอใจแล้ว ไม่ผิดเลยครับ รักษาความคงที่นี้ต่อไปให้ได้
แต่มันมีกับดัก พอวันนี้เราพอ แต่วันต่อไปในอนาคตอาจจะไม่พอก็ได้ เดี๋ยวจะเห็นเองตอนมันสายไป
2. 10-15 ปี แผนระยะกลาง มีอะไรที่คนมักคิดจะทำ แล้วเหมาะสมกับช่วงเวลาประมาณนี้
ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ แต่งงาน มีลูก หางานมั่นคง
เอาแค่ 3-4 ข้อนี้พอ เป็นตัวอย่างที่ง่าย สำหรับคนที่จะมองอะไรยืดยาว ก็จะเห็นแล้ว
หางานไม่ได้ ก็เสี่ยงตกงาน
ผ่อนรถ 8 ปี ส่งเดือนละ 10K
ผ่อนบ้าน 15 ปี ส่งเดดือละ 15K
แต่งงานมีลูก เลี้ยงลูกไปจนถึงเรียนจบอีกเดือนละ 10K
เงินที่ต้องหาก็ 35K แล้วนะครับ
ถ้าไม่เตรียมความพร้อมอะไรเลย ไม่แบ่งเบาภาระ ทำทุกอย่างทีเดียว ไม่ชาเล้นชีวิต ไม่พัฒนาขึ้นไปอีก เหนื่อยแน่ 100%
เสี่ยง 50% 50% แล้วครับ เพราะปํญหาง่ายๆ เงินไม่พอ ทำไม่ทัน พัฒนาตัวเองยากแล้ว
3. แผนระยะยาว ไม่ต้องคิดอะไรเยอะ มีสิ่งเดียวที่ต้องทำ ใช้ชีวิต แก่ ให้คุ้มค่า ระยะเวลา 20-30 ปีครับ
มีอะไรต้องคิด เงินเกษียณไงครับ ^^ แค่นี้ครับ แก่แล้วยังจะอยากเสี่ยงทำธุรกิจ ยังอยากหาเรื่องใช้เงินเกินตัวอีกไหม
ถ้าแก่แล้วอยากใช้เงินเดือน
10-20K บ้านพักคนชรา บ้านตัวเอง อะไรก็ได้ ตัวเลขจะมีแค่โซนนี้
ถ้าเป็นข้าราชการ ก็กินบำนาญ
ถ้าเป็นเอกชน ก็ต้องออมปันผล
แล้วถ้าถึงเวลา ไม่มีเงินเกษียณ แพ้ 100% ครับ ไม่ได้เอาชนะอะไรเลย เราพลาดย่ามใจเกินไป มักจะลงเอยที่มันไม่พอเกษียณได้จริงๆ
มันถึงเป็นที่มาของคำว่า ชนะแค่ครั้งเดียว ก็ทำเป็นพูดไป ไม่ได้ชนะในเกมส์ระยะยาวครับ แล้วรู้จัก สิ่งที่ต้องจ่าย
- เวลาคือสิ่งที่ ทุกคนต้องจ่าย
- อยากชนะ ก็ต้องเสี่ยงเครียด เป็นสิ่งปกติที่ต้องตอบแทนครับ เช่น
- คุณจะเป็นนักธุรกิจโดยไม่เครียด ไม่บริหารจัดการอะไรเลยหรอ??
- จะลงทุนแล้วหุ้นล่วงไม่เครียดหรอ
- อาชีพไม่ได้เงินเดือนไม่อัพ ตกงาน ไม่เครียดหรอ
- ไม่มีทางหนี ไม่ว่าคุณจะเลือกหนีไปทางไหน เครียดมากพ้นหรอก
รู้จักคนที่ล้มเหลวมาก่อน ว่าเพราะอะไร จะได้ไม่ต้องทำตาม คนส่วนมากที่ล้มเหลวคืออะไร ผมสปอยให้เลย เป็นเรื่องๆ
1. คนชอบคิดแบบก้าวกระโดดมักแพ้ หรือ ตกบันไดตาย เช่น พวกที่โพสว่า อยากเอาเงิน 1000-2000 ไปเกษียณยังไงดีให้รวยไว พวกนี้ 100% แพ้ครับ มันคืออะไร
ให้นึกถึง เหวลึกที่ชื่อว่า ความล้มเหลว ขวางทางเราอยู่
แผนสั้น คือ ปัจจุบันที่ยืนอยู่ ถ้ายืนเฉย ก็สำเร็จ ไม่เจ็บตัว แต่ไม่ไปไหน
แผนยาว คือ ฝั่งที่เราไปไม่ได้ ติดเหวลึก ไปไม่ได้
แล้วคนโง่ชอบทำอะไร วิ่ง เขย่ง ก้าว แล้ว กระโดด ผลเป็นไง ขาไม่แข็ง ร่างกายไม่ฟิต มือไม่ถึง ก็ตกลงไปตายไงครับ ^^ ทีนี้มองออกยัง อะไรสำคัญ
แผนระยะกลางไง มัน คือ การสร้างสะพาน หรือ หาทางอ้อม ไม่ใช่การฝืนกระโดดไงครับ
แผนระยะกลาง ถ้าขยันทำไปเรื่อยๆ มันจะส่งผลให้เกิดแผนระยะยาวเอง โดยเริ่มมาจากแผนระยะสั้น
2. คนที่จำสำเร็จระยะยาว ต้องรู้จัก EQ มากกว่า IQ เหมือนนักวิ่ง มาราธอน
EQ คือ capacity ของอารมณ์ มันคือถังน้ำครับ คนไทยน้อยคนจะรู้จักสิ่งนี้ว่า บริหารยังไง ก็เพราะ ไม่มีหลักสูตรอะไรสอนเลยสักอย่างไงครับ สอนกันแต่ IQ ต้องฉลาด ต้องอัจฉริยะ ต้องเก่ง ต้องแบบ
เคยสังเกตุเปล่า พวกเด็กฉลาด สติแตกง่าย ทนกับแรงกดดันไม่ได้ อีโก้สูง ก็เพราะมันขาดการฝึก EQ แล้วเวลามันทำข้อสอบ มันจะร่ก ถ้าไม่มี EQ ความรู้คือแตกกระเจิงหมดเลย ไม่มั่นใจในคำตอบ
คนปกติ IQ จะสูง EQ ต่ำ เป็นแค่บางคน EQ สูง แต่ IQ ต่ำ เก่งแต่ไม่ทน ทนแต่โง่ไปหน่อย เช่น
หลายคนที่เรียนจบป.ตรีได้ เก่งนะ สมองดี แต่จะสู้ชีวิตไม่เป็น ทนแรงกดดันจากการทำงานไม่ไหว
แต่ลองไปดูคนทำงานแรงงานดู ทนจัดเลย แต่จะคิดไม่ออกว่าต้องพัฒนายังไง เห็นมะ คนส่วนมากจึงฉลาด แต่เปราะบางทางอารมณ์
พวกหัวร้อนก็จะ EQ ต่ำ แถมไม่ฉลาดด้วย IQ ก็ต่ำ มันแทบจะชัดเจนมาก
คนชนะ จะมีทั้ง IQ และ EQ ในระดับตัวเลขที่เท่ากัน เกือบจะเป๊ะ แล้วคนที่เหนือมิติคือคนที่ ดันทั้ง IQ EQ ไปได้ทั้งคู่อีก คนที่รู้หลักนี้เขารู้จักเรื่องแบบนี้กัน
- IQ หาได้จากการรอ่าน, EQ ได้จากการฝึก
- การไม่โยนตัวเองลงไปในสังคม TOXIC แต่ไม่ได้หลบหนีไปตลอด
- ยอมฝึกตนด้วยการ กดดันตัวเองเล่นดูบ้าง ก็ยอมโดนกดดัน หรือ presure มาบ้าง เพื่อขยาย ถังน้ำให้ใหญ่ขึ้น ก็จะสามารถทนได้มากขึ้น ถึงเวลาต้องสู้ก็ต้องสู้
- เข้าใจโลกให้มากขึ้น
- ปล่อยวางให้เป็น
- คูลดาวให้เป็น
ที่สำคัญ ต้องห้ามทำข้ามสเต็บ เพราะคนชอบข้ามเสต็บ เช่น หนีไปคูลดาวให้เป็น มันก็เอาเงินไปซื้อความสุข ไปเที่ยว แล้วสุดท้ายกลับมาเครียดไงครับ เพราะเงินมันหมด มันจะติดลูปไปเรื่อยๆ
ถังน้ำ มันไม่ได้ถูกขยายอัพเกรด คนที่ทำได้ จะเริ่มไม่รู้สึก อึดอัดทางใจ เที่ยวน้อยลง เรียบง่ายขึ้น เพราะถังน้ำใหญ่ขึ้น จัดการอารมณ์ได้ดี เติมความสุขเป็น แบบนี้คือ step
เชื่อผม คนไทย 80% ทำไม่เป็น พอบอกเครียด มันก็วิ่งหนีแล้วครับ ^^ เชื่อดิเป็นหลายคน พยายามไปใช้เงินทั้งนั้นแหละ ไปเทียวหาความสุขโว้ย ไม่อยากทำงาน อยากถูกหวยย เห็นยัง ข้ามเสต็บ ก็จะกลับมาลูปชีวิตเดิมทุกครั้ง
มันก็เหมือนกับคนฝึก มาราธอน นักวิ่งมาราธอน ต้อง วิ่งไว แต่ก็ต้องวิ่งเก่ง หายใจเป็นด้วย IQ อย่างเดียวไปไม่ถึงเส้นชัย และ มี EQ ก็จะอึดถึกไปถึงเป้าหมายครับ เห็นยัง มันเหมือนกันเป๊ะ
3. หลักการไม่สำคัญเท่าวินัย
วินัย หายาก หลักการแค่ search google ก็เจอแล้ว คนที่ทำได้ต้องมีระดับวินัย สูงมากครับ ถ้าขาดวินัย
- ก็ขี้เกียจทำไง ก็ไม่ทำอีก
- ท้อ ใจฝ่อ EQ ต่ำ วินัยก็ขาดแล้ว ก็ไม่ทำอีก
4. แผนที่ดี ต้อง combo ครับ และ ต้องออกแบบมาด้วยตัวเอง และ การออกแบบเริ่มจาก ระยะยาว และ ลงมาสั้น โดยมีที่ปรึกษาที่ฉลาด ไม่ใช่พวกไลฟ์โค้ชขายฝัน
แต่มี 5 step ผมจะเรียกว่า
1. Open mind
2. brainstorm
3. deep-down
4. simulate plan and cut the branch
5. result
คนไทยก็ไม่รู้จักอีก มันคืออะไร
1. เปิดใจ open mind คือ ลองเปิดใจทำความเข้าใจสิ่งที่ตัวเอง อยากได้และอยากทำ บางคนไม่เปิดใจเลยเพราะกลัว นี่แหละปัญหา ตายตั้งแต่ด่านแรกก็ไม่กล้าไปด่านต่อไป
- บ้าน 1
- รถ 1
- เงิน 3 ล้าน
- แมว 1
- ผัว 1
ไม่ต้องสนใจว่าอะไรยากหรือง่าย เปิดใจรับฟังความต้องการตัวเอง ฟังเสียงหัวใจไปก่อน
2. brainstorm คิดถึงความเป็นไปได้ทั้งหมด ระดมสมอง รวมถึงการ รวบรวมข้อมูลทั้งหมด ที่ทำให้เกิดสิ่งใน open mind เช่น
บ้าน -> สร้างเอง ปลูก ใช้เงิน เช่า ซื้อโครงการ บ้านสามี พ่อแม่
รถยนต์ -> ได้มายังไง
เงิน 3 ล้าน -> ถูกหวย ทำงาน ขโมย โกง บลาๆ
ผัว -> อ่อย มาเองตามธรรมชาติ จ้างเพื่อนหา เล่นแอป
นี่คือ การระดมสมอง และ ความรู้
3. deep-down คือ การเรียงเส้นทาง ทีละเส้น ลงไปทีละ plan เช่น
บ้าน -> สร้างเอง -> ใช้เงิน -> หาเงิน -> ทำงาน .... จนกว่าจะจบ
ผัว -> แต่งสวย -> อ่อย -> คุย -> คุยแบบไหน -> รักยังไง -> บริหารความรักยังไง
ขั้นตอนนี้จะเกิด decision tree หรือ แผนภาพความเป็นไปได้ และ การตัดสินใจ ครับ มันจะมีเป็น 50 กว่าเส้นทางด้วยซ้ำ ตามจำนวนข้อมูล
4. simulate plan คือ การใช้มโน ให้ใช้ ตัวเลขจะตอบคำถามได้ไว
อันนี้ทำสำเร็จ ยากง่ายแค่ไหน เป็นไปได้ไหม ผิดศีลธรรมไหม อันนี้ไม่ชอบเลย ใจไม่ได้
ถ้าเป็นเรื่องต้องเก็บเงินผ่อนรถ มันรู้ตัวเลขตายตัวอยู่แล้ว อะไรทำได้ไม่ได้ เสร็จปีไหน ได้ยอดเท่าไหร่
ให้ cut the branch คือ ตัดกิ่ง ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง หรือ สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เส้นทางไหน เกี่ยวกับสิ่งที่ไม่ชอบ เกินฝัน เช่น ไม่อยาก อ่อย ก็ตัดทิ้งให้หมดอะไรที่เกียวกับอ่อย
อะไรที่ เพ้อเจ้อเช่น หวังถูกหวย % ต่ำมาก คุณก็พึ่งแผนนี้ไม่ได้
ลงทุนแบบนี้ก็เสี่ยงไป เอาทางนี้ดีกว่า แววได้เงินทุนต้นหายน้อย
มันแทบจะใช้ได้หมด แค่เราไม่คิดว่ามันจะได้ open mind ไง เปิดใจรับกับสิ่งที่ไม่น่าเชื่อว่าจะได้
แล้วมันจะเหลือแค่ไม่กี่เส้นทางที่ น่าสนใจหวะ แปลว่า มันเป็นสิ่งที่เราชอบครับ เพราะเราตัดสิ่งที่ไม่ชอบออกไปหมดแล้ว
แต่ถ้าคนไม่ฉลาด จะ cut the root ก็คือ ไม่คิดเลยแต่แรก ตัดทุกอย่างไปหหมด ทุกความเป็นไปได้ ตัดตัวเอง ล้มเลิกแล้ว พอเหนื่อย
5. result คือ ดูที่ผลปลายทางเลยครับ อะไรที่คุณชอบ หรือ อยากได้ผลลัพธ์นี้หวะ เลือกชีวิตแบบนี้
คุณ pick the root path มาเป็นแผนชีวิตได้เลย เอาที่ชอบ แล้วเป็นไปได้สูงสุด
แล้วคุณจะเห็นว่า แผนมันจะ combo เอง เช่น
อยากแก่ รวย ก็ต้อง เก็บเงิน มีบ้าน หาบ้าน ก็ต้อง มีเงิน มีเงินก็ต้อง งานดี งานดี ก็ต้องขยันเรียน??
เห็นยังไง แค่เนี้ยแหละแล้วแบ่งมันออกมาเป็น
แผนสั้น ไปตั้งใจเรียน
แผนกลาง หาบ้าน
แผนยาว แบ่งเงินเก็บ
เห็นไหมคับ แผนที่ดี จะ combo ของมันเอง
แล้วที่สำคัญ
ห้ามข้าม step แต่ถ้าเก่งเท่าผม จะรู้ทางลัด หรือ shortest path มันมีสิ่งที่ สามารถทำพร้อมกันได้ multi tasking ครับ ไม่เสียเวลาแต่ทำไปพร้อมกันเลยประหยัดเวลา สำเร็จพร้อมกัน เก็บผลพร้อมกัน
คนแบบผมไม่ต้องใช้ อารรมณ์ตัดสินใจทำ แค่คิดก็พอ ถ้าคนปกติแว๊บแรกต้องเครียดชัว เจอประจำ คนมาขิงช่วงแรกอะใช่ แต่พักหลังมันไม่มีอะไร
คนแบบนี้ ใช้ชีวิตตึง ตลกอะ ไม่ต้องมาคิดแทนเรา ถ้ายังคิดได้น้อยกว่า เป็นเรื่องที่คนปกติชอบพูดในช่วงฝึก อย่าไปใส่ใจ
คนแบบผมฝึกจน EQ มันสูงจนไม่เครียดง่าย แล้วคิดแบบนี้ได้ เหมือนดูหนังเรื่องนึง แล้วก็ใช้ชีวิตสบายมากด้วย แบบเครียดน้อยมาก เพราะทุกอย่างมันอยู่ในสิ่งที่ ยอมลงทุนเสียเวลาคิดไปแล้ว
แล้วผลของพัฒนาการ มันจะลงเอยด้วย เงินเดือน ชีวิตที่ดี้ดี นั่นแหละจุดที่คุณเหลือกินเหลือใช้มากกว่าเดิม มันไม่เครียด ไม่กังวล
เหนื่อยปวดหัวเครียดครั้งเดียว ย่อมดีกว่าเครียดทั้งชีวิต ตามแก้ปัญหาในอนาคตไม่จบไม่สิ้น นี่แหละ คนปกติที่เขายังไม่รู้ว่าพลาดอะไร แล้วดันไปบอกให้คนอื่นเชื่อว่า ชีวิตก็แค่ต้องใช้ นี่แหละ
คือ 1 ในความเป็นไปได้ที่คนจะไม่รู้ตัวว่า ตัวเองกำลังล้มเหลว และ ไม่เพียงพอใช้ชีวิตไปยันแก่
คนเราจะมีแผนความสำเร็จ สั้น กลาง ยาว เสมอ!! คนที่ไม่มีสักแผนเลย ก็คือ คนเรื่อยๆ ไปวันๆ ไม่มีวันรู้หรอกอะไรสำเร็จไม่สำเร็จ ใช้แค่ดวง ถึงจุดนึงชีวิตมันจะสับสน เราก็แค่หาหลักการพิสูจน์ว่าเราคิดไม่ผิดมาตอบ
1. 1-2 ปี แผนระยะสั้น อยากเก่งขึ้น อยากลดน้ำหนัก ย้ายสายงาน ฝึกภาษา ประมาณนี้ สั้นเก็บผลไม่นาน
ก็จะรู้สึกว่า ประสบความสำเร็จแล้ว เงินเดือนเราแบบโห 25000 - 30000 กินใช้ได้เหลือแล้วนะครับ หุ่นดี
ถือว่า แผนระยะสั้นสำเร็จ 100% ชีวิตมันจะรู้สึกดีในช่วงนั้น
บางคนก็พอใจแค่ตรงเนี้ย แล้วหยุดเลย ทำแค่นี้แหละก็พอใจแล้ว ไม่ผิดเลยครับ รักษาความคงที่นี้ต่อไปให้ได้
แต่มันมีกับดัก พอวันนี้เราพอ แต่วันต่อไปในอนาคตอาจจะไม่พอก็ได้ เดี๋ยวจะเห็นเองตอนมันสายไป
2. 10-15 ปี แผนระยะกลาง มีอะไรที่คนมักคิดจะทำ แล้วเหมาะสมกับช่วงเวลาประมาณนี้
ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ แต่งงาน มีลูก หางานมั่นคง
เอาแค่ 3-4 ข้อนี้พอ เป็นตัวอย่างที่ง่าย สำหรับคนที่จะมองอะไรยืดยาว ก็จะเห็นแล้ว
หางานไม่ได้ ก็เสี่ยงตกงาน
ผ่อนรถ 8 ปี ส่งเดือนละ 10K
ผ่อนบ้าน 15 ปี ส่งเดดือละ 15K
แต่งงานมีลูก เลี้ยงลูกไปจนถึงเรียนจบอีกเดือนละ 10K
เงินที่ต้องหาก็ 35K แล้วนะครับ
ถ้าไม่เตรียมความพร้อมอะไรเลย ไม่แบ่งเบาภาระ ทำทุกอย่างทีเดียว ไม่ชาเล้นชีวิต ไม่พัฒนาขึ้นไปอีก เหนื่อยแน่ 100%
เสี่ยง 50% 50% แล้วครับ เพราะปํญหาง่ายๆ เงินไม่พอ ทำไม่ทัน พัฒนาตัวเองยากแล้ว
3. แผนระยะยาว ไม่ต้องคิดอะไรเยอะ มีสิ่งเดียวที่ต้องทำ ใช้ชีวิต แก่ ให้คุ้มค่า ระยะเวลา 20-30 ปีครับ
มีอะไรต้องคิด เงินเกษียณไงครับ ^^ แค่นี้ครับ แก่แล้วยังจะอยากเสี่ยงทำธุรกิจ ยังอยากหาเรื่องใช้เงินเกินตัวอีกไหม
ถ้าแก่แล้วอยากใช้เงินเดือน
10-20K บ้านพักคนชรา บ้านตัวเอง อะไรก็ได้ ตัวเลขจะมีแค่โซนนี้
ถ้าเป็นข้าราชการ ก็กินบำนาญ
ถ้าเป็นเอกชน ก็ต้องออมปันผล
แล้วถ้าถึงเวลา ไม่มีเงินเกษียณ แพ้ 100% ครับ ไม่ได้เอาชนะอะไรเลย เราพลาดย่ามใจเกินไป มักจะลงเอยที่มันไม่พอเกษียณได้จริงๆ
มันถึงเป็นที่มาของคำว่า ชนะแค่ครั้งเดียว ก็ทำเป็นพูดไป ไม่ได้ชนะในเกมส์ระยะยาวครับ แล้วรู้จัก สิ่งที่ต้องจ่าย
- เวลาคือสิ่งที่ ทุกคนต้องจ่าย
- อยากชนะ ก็ต้องเสี่ยงเครียด เป็นสิ่งปกติที่ต้องตอบแทนครับ เช่น
- คุณจะเป็นนักธุรกิจโดยไม่เครียด ไม่บริหารจัดการอะไรเลยหรอ??
- จะลงทุนแล้วหุ้นล่วงไม่เครียดหรอ
- อาชีพไม่ได้เงินเดือนไม่อัพ ตกงาน ไม่เครียดหรอ
- ไม่มีทางหนี ไม่ว่าคุณจะเลือกหนีไปทางไหน เครียดมากพ้นหรอก
รู้จักคนที่ล้มเหลวมาก่อน ว่าเพราะอะไร จะได้ไม่ต้องทำตาม คนส่วนมากที่ล้มเหลวคืออะไร ผมสปอยให้เลย เป็นเรื่องๆ
1. คนชอบคิดแบบก้าวกระโดดมักแพ้ หรือ ตกบันไดตาย เช่น พวกที่โพสว่า อยากเอาเงิน 1000-2000 ไปเกษียณยังไงดีให้รวยไว พวกนี้ 100% แพ้ครับ มันคืออะไร
ให้นึกถึง เหวลึกที่ชื่อว่า ความล้มเหลว ขวางทางเราอยู่
แผนสั้น คือ ปัจจุบันที่ยืนอยู่ ถ้ายืนเฉย ก็สำเร็จ ไม่เจ็บตัว แต่ไม่ไปไหน
แผนยาว คือ ฝั่งที่เราไปไม่ได้ ติดเหวลึก ไปไม่ได้
แล้วคนโง่ชอบทำอะไร วิ่ง เขย่ง ก้าว แล้ว กระโดด ผลเป็นไง ขาไม่แข็ง ร่างกายไม่ฟิต มือไม่ถึง ก็ตกลงไปตายไงครับ ^^ ทีนี้มองออกยัง อะไรสำคัญ
แผนระยะกลางไง มัน คือ การสร้างสะพาน หรือ หาทางอ้อม ไม่ใช่การฝืนกระโดดไงครับ
แผนระยะกลาง ถ้าขยันทำไปเรื่อยๆ มันจะส่งผลให้เกิดแผนระยะยาวเอง โดยเริ่มมาจากแผนระยะสั้น
2. คนที่จำสำเร็จระยะยาว ต้องรู้จัก EQ มากกว่า IQ เหมือนนักวิ่ง มาราธอน
EQ คือ capacity ของอารมณ์ มันคือถังน้ำครับ คนไทยน้อยคนจะรู้จักสิ่งนี้ว่า บริหารยังไง ก็เพราะ ไม่มีหลักสูตรอะไรสอนเลยสักอย่างไงครับ สอนกันแต่ IQ ต้องฉลาด ต้องอัจฉริยะ ต้องเก่ง ต้องแบบ
เคยสังเกตุเปล่า พวกเด็กฉลาด สติแตกง่าย ทนกับแรงกดดันไม่ได้ อีโก้สูง ก็เพราะมันขาดการฝึก EQ แล้วเวลามันทำข้อสอบ มันจะร่ก ถ้าไม่มี EQ ความรู้คือแตกกระเจิงหมดเลย ไม่มั่นใจในคำตอบ
คนปกติ IQ จะสูง EQ ต่ำ เป็นแค่บางคน EQ สูง แต่ IQ ต่ำ เก่งแต่ไม่ทน ทนแต่โง่ไปหน่อย เช่น
หลายคนที่เรียนจบป.ตรีได้ เก่งนะ สมองดี แต่จะสู้ชีวิตไม่เป็น ทนแรงกดดันจากการทำงานไม่ไหว
แต่ลองไปดูคนทำงานแรงงานดู ทนจัดเลย แต่จะคิดไม่ออกว่าต้องพัฒนายังไง เห็นมะ คนส่วนมากจึงฉลาด แต่เปราะบางทางอารมณ์
พวกหัวร้อนก็จะ EQ ต่ำ แถมไม่ฉลาดด้วย IQ ก็ต่ำ มันแทบจะชัดเจนมาก
คนชนะ จะมีทั้ง IQ และ EQ ในระดับตัวเลขที่เท่ากัน เกือบจะเป๊ะ แล้วคนที่เหนือมิติคือคนที่ ดันทั้ง IQ EQ ไปได้ทั้งคู่อีก คนที่รู้หลักนี้เขารู้จักเรื่องแบบนี้กัน
- IQ หาได้จากการรอ่าน, EQ ได้จากการฝึก
- การไม่โยนตัวเองลงไปในสังคม TOXIC แต่ไม่ได้หลบหนีไปตลอด
- ยอมฝึกตนด้วยการ กดดันตัวเองเล่นดูบ้าง ก็ยอมโดนกดดัน หรือ presure มาบ้าง เพื่อขยาย ถังน้ำให้ใหญ่ขึ้น ก็จะสามารถทนได้มากขึ้น ถึงเวลาต้องสู้ก็ต้องสู้
- เข้าใจโลกให้มากขึ้น
- ปล่อยวางให้เป็น
- คูลดาวให้เป็น
ที่สำคัญ ต้องห้ามทำข้ามสเต็บ เพราะคนชอบข้ามเสต็บ เช่น หนีไปคูลดาวให้เป็น มันก็เอาเงินไปซื้อความสุข ไปเที่ยว แล้วสุดท้ายกลับมาเครียดไงครับ เพราะเงินมันหมด มันจะติดลูปไปเรื่อยๆ
ถังน้ำ มันไม่ได้ถูกขยายอัพเกรด คนที่ทำได้ จะเริ่มไม่รู้สึก อึดอัดทางใจ เที่ยวน้อยลง เรียบง่ายขึ้น เพราะถังน้ำใหญ่ขึ้น จัดการอารมณ์ได้ดี เติมความสุขเป็น แบบนี้คือ step
เชื่อผม คนไทย 80% ทำไม่เป็น พอบอกเครียด มันก็วิ่งหนีแล้วครับ ^^ เชื่อดิเป็นหลายคน พยายามไปใช้เงินทั้งนั้นแหละ ไปเทียวหาความสุขโว้ย ไม่อยากทำงาน อยากถูกหวยย เห็นยัง ข้ามเสต็บ ก็จะกลับมาลูปชีวิตเดิมทุกครั้ง
มันก็เหมือนกับคนฝึก มาราธอน นักวิ่งมาราธอน ต้อง วิ่งไว แต่ก็ต้องวิ่งเก่ง หายใจเป็นด้วย IQ อย่างเดียวไปไม่ถึงเส้นชัย และ มี EQ ก็จะอึดถึกไปถึงเป้าหมายครับ เห็นยัง มันเหมือนกันเป๊ะ
3. หลักการไม่สำคัญเท่าวินัย
วินัย หายาก หลักการแค่ search google ก็เจอแล้ว คนที่ทำได้ต้องมีระดับวินัย สูงมากครับ ถ้าขาดวินัย
- ก็ขี้เกียจทำไง ก็ไม่ทำอีก
- ท้อ ใจฝ่อ EQ ต่ำ วินัยก็ขาดแล้ว ก็ไม่ทำอีก
4. แผนที่ดี ต้อง combo ครับ และ ต้องออกแบบมาด้วยตัวเอง และ การออกแบบเริ่มจาก ระยะยาว และ ลงมาสั้น โดยมีที่ปรึกษาที่ฉลาด ไม่ใช่พวกไลฟ์โค้ชขายฝัน
แต่มี 5 step ผมจะเรียกว่า
1. Open mind
2. brainstorm
3. deep-down
4. simulate plan and cut the branch
5. result
คนไทยก็ไม่รู้จักอีก มันคืออะไร
1. เปิดใจ open mind คือ ลองเปิดใจทำความเข้าใจสิ่งที่ตัวเอง อยากได้และอยากทำ บางคนไม่เปิดใจเลยเพราะกลัว นี่แหละปัญหา ตายตั้งแต่ด่านแรกก็ไม่กล้าไปด่านต่อไป
- บ้าน 1
- รถ 1
- เงิน 3 ล้าน
- แมว 1
- ผัว 1
ไม่ต้องสนใจว่าอะไรยากหรือง่าย เปิดใจรับฟังความต้องการตัวเอง ฟังเสียงหัวใจไปก่อน
2. brainstorm คิดถึงความเป็นไปได้ทั้งหมด ระดมสมอง รวมถึงการ รวบรวมข้อมูลทั้งหมด ที่ทำให้เกิดสิ่งใน open mind เช่น
บ้าน -> สร้างเอง ปลูก ใช้เงิน เช่า ซื้อโครงการ บ้านสามี พ่อแม่
รถยนต์ -> ได้มายังไง
เงิน 3 ล้าน -> ถูกหวย ทำงาน ขโมย โกง บลาๆ
ผัว -> อ่อย มาเองตามธรรมชาติ จ้างเพื่อนหา เล่นแอป
นี่คือ การระดมสมอง และ ความรู้
3. deep-down คือ การเรียงเส้นทาง ทีละเส้น ลงไปทีละ plan เช่น
บ้าน -> สร้างเอง -> ใช้เงิน -> หาเงิน -> ทำงาน .... จนกว่าจะจบ
ผัว -> แต่งสวย -> อ่อย -> คุย -> คุยแบบไหน -> รักยังไง -> บริหารความรักยังไง
ขั้นตอนนี้จะเกิด decision tree หรือ แผนภาพความเป็นไปได้ และ การตัดสินใจ ครับ มันจะมีเป็น 50 กว่าเส้นทางด้วยซ้ำ ตามจำนวนข้อมูล
4. simulate plan คือ การใช้มโน ให้ใช้ ตัวเลขจะตอบคำถามได้ไว
อันนี้ทำสำเร็จ ยากง่ายแค่ไหน เป็นไปได้ไหม ผิดศีลธรรมไหม อันนี้ไม่ชอบเลย ใจไม่ได้
ถ้าเป็นเรื่องต้องเก็บเงินผ่อนรถ มันรู้ตัวเลขตายตัวอยู่แล้ว อะไรทำได้ไม่ได้ เสร็จปีไหน ได้ยอดเท่าไหร่
ให้ cut the branch คือ ตัดกิ่ง ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง หรือ สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เส้นทางไหน เกี่ยวกับสิ่งที่ไม่ชอบ เกินฝัน เช่น ไม่อยาก อ่อย ก็ตัดทิ้งให้หมดอะไรที่เกียวกับอ่อย
อะไรที่ เพ้อเจ้อเช่น หวังถูกหวย % ต่ำมาก คุณก็พึ่งแผนนี้ไม่ได้
ลงทุนแบบนี้ก็เสี่ยงไป เอาทางนี้ดีกว่า แววได้เงินทุนต้นหายน้อย
มันแทบจะใช้ได้หมด แค่เราไม่คิดว่ามันจะได้ open mind ไง เปิดใจรับกับสิ่งที่ไม่น่าเชื่อว่าจะได้
แล้วมันจะเหลือแค่ไม่กี่เส้นทางที่ น่าสนใจหวะ แปลว่า มันเป็นสิ่งที่เราชอบครับ เพราะเราตัดสิ่งที่ไม่ชอบออกไปหมดแล้ว
แต่ถ้าคนไม่ฉลาด จะ cut the root ก็คือ ไม่คิดเลยแต่แรก ตัดทุกอย่างไปหหมด ทุกความเป็นไปได้ ตัดตัวเอง ล้มเลิกแล้ว พอเหนื่อย
5. result คือ ดูที่ผลปลายทางเลยครับ อะไรที่คุณชอบ หรือ อยากได้ผลลัพธ์นี้หวะ เลือกชีวิตแบบนี้
คุณ pick the root path มาเป็นแผนชีวิตได้เลย เอาที่ชอบ แล้วเป็นไปได้สูงสุด
แล้วคุณจะเห็นว่า แผนมันจะ combo เอง เช่น
อยากแก่ รวย ก็ต้อง เก็บเงิน มีบ้าน หาบ้าน ก็ต้อง มีเงิน มีเงินก็ต้อง งานดี งานดี ก็ต้องขยันเรียน??
เห็นยังไง แค่เนี้ยแหละแล้วแบ่งมันออกมาเป็น
แผนสั้น ไปตั้งใจเรียน
แผนกลาง หาบ้าน
แผนยาว แบ่งเงินเก็บ
เห็นไหมคับ แผนที่ดี จะ combo ของมันเอง
แล้วที่สำคัญ
ห้ามข้าม step แต่ถ้าเก่งเท่าผม จะรู้ทางลัด หรือ shortest path มันมีสิ่งที่ สามารถทำพร้อมกันได้ multi tasking ครับ ไม่เสียเวลาแต่ทำไปพร้อมกันเลยประหยัดเวลา สำเร็จพร้อมกัน เก็บผลพร้อมกัน
คนแบบผมไม่ต้องใช้ อารรมณ์ตัดสินใจทำ แค่คิดก็พอ ถ้าคนปกติแว๊บแรกต้องเครียดชัว เจอประจำ คนมาขิงช่วงแรกอะใช่ แต่พักหลังมันไม่มีอะไร
คนแบบนี้ ใช้ชีวิตตึง ตลกอะ ไม่ต้องมาคิดแทนเรา ถ้ายังคิดได้น้อยกว่า เป็นเรื่องที่คนปกติชอบพูดในช่วงฝึก อย่าไปใส่ใจ
คนแบบผมฝึกจน EQ มันสูงจนไม่เครียดง่าย แล้วคิดแบบนี้ได้ เหมือนดูหนังเรื่องนึง แล้วก็ใช้ชีวิตสบายมากด้วย แบบเครียดน้อยมาก เพราะทุกอย่างมันอยู่ในสิ่งที่ ยอมลงทุนเสียเวลาคิดไปแล้ว
แล้วผลของพัฒนาการ มันจะลงเอยด้วย เงินเดือน ชีวิตที่ดี้ดี นั่นแหละจุดที่คุณเหลือกินเหลือใช้มากกว่าเดิม มันไม่เครียด ไม่กังวล
เหนื่อยปวดหัวเครียดครั้งเดียว ย่อมดีกว่าเครียดทั้งชีวิต ตามแก้ปัญหาในอนาคตไม่จบไม่สิ้น นี่แหละ คนปกติที่เขายังไม่รู้ว่าพลาดอะไร แล้วดันไปบอกให้คนอื่นเชื่อว่า ชีวิตก็แค่ต้องใช้ นี่แหละ
คือ 1 ในความเป็นไปได้ที่คนจะไม่รู้ตัวว่า ตัวเองกำลังล้มเหลว และ ไม่เพียงพอใช้ชีวิตไปยันแก่
แสดงความคิดเห็น
ไม่ได้อยากเติบโตในสายงาน แค่พอมี พอกิน พอเก็บ แปลว่าไม่ประสบความสำเร็จรึเปล่าคะ
ทำกลางๆ ไม่ให้แย่มาก แต่ก็ไม่ได้ดีมาก
แค่พอมี พอกิน พอเก็บ
ความสุขคือการได้อยู่ไปวันๆ ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ
ไม่ต้องกดดันมาก ไม่เครียดมาก ทำเท่าที่ไหว
แปลว่าไม่ประสบความสำเร็จรึเปล่าคะ