ทริปเที่ยวมณฑลหูเป่ย 10 วัน 9 คืน (Day 7)

Day 1: Wuhan => https://pantip.com/topic/42412219
Day 2 (Part 1/2): Xiangyang Gulongzhong Scenic Area => https://pantip.com/topic/42419256
Day 2 (Part 2/2): Xiangyang Gulongzhong Scenic Area => https://pantip.com/topic/42420886
Day 3 (Part 1/3): Wudang Shan ทิวเขาบู๊ตึ๊ง เมือง Shiyan => https://pantip.com/topic/42427545
Day 3 (Part 2/3): Wudang Shan ทิวเขาบู๊ตึ๊ง เมือง Shiyan => https://pantip.com/topic/42429563
Day 3 (Part 3/3): Wudang Shan ทิวเขาบู๊ตึ๊ง เมือง Shiyan => https://pantip.com/topic/42431317
Day 4: Wudang Shan ทิวเขาบู๊ตึ๊ง เมือง Shiyan => https://pantip.com/topic/42437930
Day 5: สุสานท่านกวนอู เมือง Dangyang และเขื่อนซันเสียต้าป้า เมือง Yichang => https://pantip.com/topic/42447690
Day 6: Yunlongdifeng รอยแยกหยุนหลง และ Qīxīng Zhài Scenic Area => https://pantip.com/topic/42622113

วันศุกร์ที่ 17 พฤศจิกายน 2566 (Day 7) ٩(๑❛ᴗ❛๑)۶
วันที่ 7 เรายังอยู่กันที่เอินซือ วันนี้ออกตัวจากโรงแรมตั้งแต่ 7 โมงเช้า (๐^^)๐ โปรแกรมวันนี้ช่วงเช้าจะไปล่องเรือที่แม่น้ำ Qingjiang ชิงเจียง เพื่อชมความงามของแกรนแครนยอนเมืองจีนกันต่อ และช่วงบ่ายเราจะไปป่าหิน Suobuya
 
นั่งรถประมาณ 2 ชั่วโมงถึง 2 ชั่วโมงครึ่ง เราก็ถึงจุดลงเรือกันค่ะ บริเวณที่มาล่องเรือคือ 清江蝴蝶崖風景區 Qīngjiāng húdié yá fēngjǐng qū (Qingjiang Butterfly Cliff Scenic Area) หุบเขาผีเสื้อชินเจียง เรือไม่ได้ดีมาก แต่วิวที่เห็นระหว่างทางคือสวยจับใจค่ะ ระหว่างที่ล่องเรือ เราก็เดินออกมาถ่ายรูปกันที่หัวเรือซึ่งลมแรงมากๆ หนาว แต่ให้ความสดชื่น รู้สึกอากาศดีต้องสูดให้เต็มปอด มีน้ำ มีเขา ท้องฟ้าใส บรรยากาศดีที่สู้ดดด...


เข้าๆออกๆมาที่หัวเรือถ่ายรูปกลับเข้ามาหลบลมหนาวได้สักพักเรือก็แล่นเข้าไปใกล้น้ำตกแห่งหนึ่งสวยดี 

จากนั้นเรือมุ่งหน้าไปยังหุบเขาผีเสื้อ ซึ่งเรือจะจอดแล้วให้ลงไปเดินเล่นและถ่ายรูปได้ หรือใครจะอยู่รอบนเรือก็ได้ ทั้งนี้เรือจะแล่นไปอีกท่าเพื่อรับคนที่ลงไปเดินเล่นค่ะ เพราะทางเดินมีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดคนละจุด สำหรับคณะเรามีคนลงจากเรือเพื่อเดินเพียง 3 คนรวมจขกท. เพราะคนอื่นๆคงเมื่อยขามากแล้วจากเมื่อวานนี้ เหลือสามคนที่ยังสู้ไม่ถอย p(^_^)q

ถึงหุบเขาผีเสื้อแล้ว ภูเขาเป็นภูเขาหินซึ่งมีลักษณะคล้ายปีกผีเสื้อ ตรงกลางมีน้ำตกด้วย รูปแรกนี้ถ่ายตรงที่ยังไม่ใช่ photo spot ส่วนรูปที่ 2 คือจุดถ่ายรูปนักท่องเที่ยว

จากรูปด้านบนจะเห็นเลข 318 บนป้ายด้านซ้ายซึ่งเป็นหมายเลขเส้นทางหลวงสายที่ยาวที่สุดของจีน มีความยาวประมาณ 5,476 กิโลเมตร เริ่มต้นที่เมืองเซี่ยงไฮ้แล้วยาวไปทางตะวันตกผ่านมณฑลเจ้อเจียง อานฮุย หูเป่ย์ เมืองฉงชิ่ง มณฑลเสฉวนแล้วไปจบที่เมืองจางมู่ ในเขตปกครองตนเองทิเบต (ติดชายแดนเนปาลด้วย) เหมือนคนจีนจะชอบป้ายนี้กัน มีหลายที่เลยค่ะ 

เส้นทางที่เดินมีให้เลือกแบบทางธรรมดา หรือทางที่ผ่านสะพานพื้นกระจกซึ่งจะสั้นกว่าเส้นทางแรก แน่นอนเราต้องเลือกเส้นที่สั้นกว่าค่ะ เพราะต้องการประหยัดพลังงานและถนอมขาและเข่าซึ่งผ่านการใช้งานมาอย่างหนักหน่วงเมื่อวานนี้

สูงวัยหนึ่งเดียวของเราที่ใจสู้ร่วมมาเดินด้วยขอถ่ายภาพหน่อยกับสะพานกระจก

ใกล้ๆจะสุดสะพานเราจะเจอกับน้ำตกที่อยู่ตรงกลางตัวผีเสื้อ มีภาพระยะไกลและใกล้ให้ชมกันค่า


ก่อนจากสะพานหันกลับไปถ่ายรูปอีกครั้ง แสงค่อนข้างมืด

และสูงวัยขอโพสท่าแข่งกับคนจีนบ้าง แหม ปลาโลมาลอดใต้ขาพอดิบพอดีเชียว

จากสะพานก็ยังมีทางเดินกระจกให้เดินต่อ คุ้มค่าราคาที่จ่ายไป ทางเดินยาวดี (จำไม่ได้แล้วว่าต้องเสียกี่หยวน)

เก็บวิวอีกภาพ

เดินต่อมาจะถึงจุดที่ขึ้นเรือเพื่อนั่งเรือกลับค่ะ บริเวณนี้มีน้ำตกเล็กๆ และมีสิ่งปลูกสร้างที่เหมือนจมอยู่ใต้น้ำไม่รู้ว่าเป็นเพราะช่วงนี้น้ำขึ้นหรือว่าจมอยู่แบบนี้ตลอด น้ำสีเขียวสดใสมาก


และแล้วเรือก็ออกเพื่อเดินทางกลับไปยังท่าที่เราลงกันมาตอนเช้าค่ะ ตอนเรือออก มองกลับไปก็เห็นผาขนาดใหญ่ ซึ่งบนผามีรูๆด้วยในบางจุด คุณไกด์อธิบายว่าเป็นหลุมฝังศพนะค่ะ คือคนสมัยก่อนที่มีเงินเค้าเชื่อว่าฝังศพไว้ในภูเขาแล้วจะดี ก็เลยทำกัน (อันนี้จขกท.เคยอ่านเจอในนิยายแนวขุดสุสานเช่นกัน)

ระหว่างเรือแล่นกลับก็เห็นทางเดินกระจกที่เราเดินผ่านกันมาเมื่อกี๊นี้ เป็นทางที่สร้างยื่นออกมาจากริมผา (อีกแล้ว)

พอขึ้นรถแล้วก็ตรงไปกินข้าวเที่ยงกันเลยค่ะ วันนี้อาหารอร่อยกว่าเมื่อวาน แต่ที่นี่เค้าเสิร์ฟเป็ดทอดมาพร้อมหัวเป็ดเลยค่ะ ไม่รู้ว่าอร่อยไหม อาจจะเป็นส่วนที่เด็ดสุดในจานก็ได้ แต่ชาวคณะไม่มีคนแทะหัวเป็ดเป็น เลยขอผ่านกันทุกคน น้ำแกงผักเสฉวนและปลาผัดต้นหอมญี่ปุ่น (ภาษาจีนแต้จิ๋วเรียกปักชัง) ถูกปากจขกท.ยิ่งนัก ส่วนอันที่เป็นใบไม้สามเหลี่ยมเหมือนจะเป็นข้าวเหนียวปรุงรสหวาน ของขึ้นชื่อของพื้นที่แถบนี้ค่ะ แต่ไม่ค่อยถูกปากชาวคณะเรา


หลังจากท้องอิ่มเรามุ่งหน้าไปกันที่ 恩施梭布埡石林景區 Ēnshī suō bù yā shílín jǐngqū (Enshi Suobuya Stone Forest Scenic Area) หรือป่าหินซัวบูย่า อีกหนึ่งความน่าอัศจรรย์ของธรรมชาติที่น่าไปชม เราถึงป่าหินกันตอนประมาณบ่ายสามโมงครึ่ง เมื่อมาถึงต้องนั่งรถของอุทยานเข้าไปค่ะ ครั้งนี้เป็นรถขนาดเล็กไม่ใช่รถบัสขนาดใหญ่เหมือนอุทยานอื่นๆ

เมื่อถึงป่าหินก็พบกับความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ ซึ่งเกิดจากการกัดเซาะของน้ำทะเล เข้าใจว่าเมื่อนานมาแล้วบริเวณนี้เป็นทะเลมาก่อน เมื่อน้ำแห้งไปก็เหลือเป็นป่าหินตรงนี้ ที่หินมีร่องคล้ายคลื่นเซาะ และบางจุดมีฟอสซิลสัตว์ทะเลให้เห็น (อันนี้จขกท.ดูไม่เป็นค่ะ เลยไม่ทราบว่าของจริงหรือเค้าประดิษฐ์ขึ้นมาให้เราได้รู้ว่าตรงนี้เคยเป็นทะเลมาก่อน) จากตรงนี้ให้ภาพเล่าเรื่องละกันค่ะ


อันนี้รอยฟอสซิลที่เห็น อาจเคยเป็นปลา

ทางเดินบันไดทำดีเดินง่ายและกลมกลืนไปกับธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีซอกเล็กซอกน้อยให้เดินถ่ายรูป

วิวจากมุมสูง จะเห็นป่าหินเป็นแท่งและเป็นคลื่น

บางทีก็ต้องเดินข้ามบ่อน้ำ

จุดถ่ายรูป โชว์พลังยกหินค่ะ

นอกจากนี้ยังมีหินรูปร่างแปลกตา และหินที่ให้เราใช้จินตนาการเพิ่มเพื่อมองให้เป็นรูปร่าง

หินรูปกบ (มองออกกันไหมคะ) ทางซ้ายที่ทำท่าเตรียมจะกระโดด

หินรูปกด Like

อีกครั้งกับวิวจากมุมสูง

จากนั้นเจอบันไดลงยาวๆลงไปดูกันว่าเจออะไร

รูปนี้ถ่ายโดยมองขึ้นไปข้างบน รอบๆเป็นชั้นหิน ภาพนี้มีป้ายเขียนชื่อไว้ว่า Watching sky in the well แปลตรงตัวได้ว่ามองท้องฟ้าในบ่อน้ำ

เดินต่อมาเราจะเจอซอกยาวๆที่เป็น Highlight ของป่าหินนี้ ซึ่งจริงๆช่วงที่มีมอสเยอะๆจะสวยกว่านี้

ป้าย 318 มาอีกแล้วถ่ายรูปกันซะหน่อย

มองไปด้านบนสวยดี

จริงๆแล้วมันต้องถ่ายมุมนี้ ตามป้ายเขียนชื่อไว้ว่า Eagle stretching wings พญาอินทรีย์กางปีก
ไปต่อที่ Comment นะคะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่