JJNY : 5in1 ก้าวไกล อย่าด่วนสรุป│ก้าวไกลอัดโยกย้ายตร.ไม่ถูกต้อง│ณัฐพงษ์ฉะดีอี│กกร.แนะรัฐเร่งงบ│รัสเซียเร่งหาตัวคนบงการ

ก้าวไกลสู้เต็มที่! อย่าด่วนสรุปถูกยุบพรรค หลังสงกรานต์ ยื่นชี้แจงศาล ควบแถลงคดี
https://www.khaosod.co.th/politics/news_8170694
 
 
ก้าวไกล ลั่นสู้เต็มที่ หลังศาลรธน.ให้เวลาแก้ต่าง 15 วัน ขออย่าด่วนสรุปผล จ่อยื่นชี้แจงควบคู่แถลงต่อสาธารณะ หลังสงกรานต์ เผยประชุมสามัญพรรคเสาร์นี้ หารือสส. สมาชิกพรรค
 
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 3 เม.ย.2567 ที่รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงศาลรัฐธรรมนูญ ให้เวลา 15 วัน หลังรับคำร้องจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นยุบพรรคก้าวไกล กรณีมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าล้มล้างการปกครอง ว่า ศาลให้เวลา 15 วัน ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ซึ่งเป็นกระบวนการปกติ ที่เริ่มต้นหลังจากศาลรับคำร้อง ก็เปิดโอกาสให้ผู้ที่ถูกกล่าวหายื่นชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา
จริงๆ เราได้เตรียมการมาพอสมควรก่อนหน้านี้แล้วในการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ดังนั้น เมื่อเราได้รับเรื่องอย่างเป็นทางการจากศาลธรรมนูญ ทางฝ่ายกฎหมายของพรรค รวมถึงแกนนำพรรคที่เกี่ยวข้อง จะต้องทำเอกสารให้ดีที่สุด หากดูจากระยะเวลา คงเป็นหลังสงกรานต์ เราคงถือโอกาสนี้ ในเวลาใกล้เคียงกัน แถลงต่อสู้คดีต่อสาธารณะด้วย ไม่ใช่แค่ยื่นต่อสู้ในศาลอย่างเดียว
 
ส่วนการชี้แจงนั้น ขอรอแถลงทีเดียว เนื่องจากเป็นเรื่องของกฎหมาย แง่มุมกฎหมายที่ต้องต่อสู้กัน ซึ่งไม่ได้กระทบต่อการทำงานของพรรคก้าวไกล ทุกอย่างต้องเดินหน้า ซึ่งหลังจากอภิปรายตามมาตรา 152 เสร็จ เราจะประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรคในวันเสาร์ที่ 6 เม.ย.นี้ ซึ่งประชุมทุกปีอยู่แล้ว เป็นโอกาสที่เราจะได้พูดคุยกับสส.และตัวแทนของสมาชิกพรรคทั่วประเทศ
 
นายชัยธวัช กล่าวว่า ตอนนี้เดินหน้าสู้คดีอย่างเต็มที่ เราคิดว่าอย่าพึ่งสรุปว่า คดีนี้ผลจะเป็นอย่างไร เรายังเห็นว่ายังมีข้อโต้แย้งในทางกฎหมาย ประกอบกับข้อเท็จจริงที่จะมาเป็นเหตุผลในเรื่องของกฎหมายด้วย ว่าทำไม แม้ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 สั่งให้การกระทำที่ศาลเห็นว่า พวกเรากระทำการล้มล้างการปกครองและสั่งยุติการกระทำนั้น
 
ไม่ว่าจะสั่งไปแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่า เมื่อร้องให้ยุบพรรค ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 92 จะต้องดำเนินการตัดสินว่า ข้อเท็จจริงเพียงพอแล้วและตัดสินยุบพรรคโดยอัตโนมัติ มันมีแง่มุมทางกฎหมายและข้อเท็จจริงที่จะต้องต่อสู้กันอยู่ ซึ่งเราเห็นว่าศาลมีดุลยพินิจที่จะพิจารณา



ก้าวไกล อัด แต่งตั้งโยกย้ายตร.ไม่ถูกต้อง นายกฯ โต้ ไม่เคยครอบงำ เย้ย จิ้งจกทักก็อย่าเป็นจิ้งจกเลย
https://www.matichon.co.th/politics/news_4508167

ก้าวไกล ถล่มนายกฯ แต่งตั้งโยกย้ายตร.ไม่ถูกต้อง เหมือนซุกปัญหาใต้พรม ปฏิรูปตำรวจ “เศรษฐา” ติง กก.อย่าพูดเท็จ ลั่นไม่เคยชี้นำแต่งตั้งโยกย้าย เหน็บอย่าฟังเสียงจิ้งจกทักตั๋วตร.
 
เมื่อวันที่ 3 เมษายน ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มี นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯคนที่ 1 เป็นประธานการประชุม พิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 152 ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน
 
เวลา 16.45 น. นางสาวศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ยุคนี้เป็นยุคตกต่ำของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จากสมรภูมิแย่งชิงผบ.ตร. ของนายตำรวจเบอร์ 1 และเบอร์ 2 เป็นศึกช้างชนช้าง เกิดความวุ่นวายในตร. เพราะการแต่งตั้งผบ.ตร.ของนายกรัฐมนตรีทำไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ ทราบว่ามีโทรศัพท์ลึกลับมาสั่งการในวันแต่งตั้งผบ.ตร. นายกฯยังพูดในที่ประชุมพรรคเพื่อไทยวันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 เรื่องการแต่งตั้งตำรวจระดับผกก.มีคนสมหวังและผิดหวัง ไม่รู้นายกฯทราบก่อนที่จะมีการลงนามแต่งตั้งผกก.ในวันที่ 1 ธันวาคม 2566 ได้อย่างไร สะท้อนเรื่องตั๋ว ทราบว่า ระดับรองผกก.ขึ้นเป็นผกก. ใช้เงิน 10 ล้านบาท สารวัตรเป็นรองผกก. ใช้ 1.5 ล้านบาท เงินที่จ่ายไป จะไปได้คืนจากส่วย ส่วนที่นายกฯสั่งเด้ง 2 นายตำรวจใหญ่มาช่วยราชการ อาจเป็นแค่การกวาดปัญหาไว้ใต้พรม ไม่รู้เป็นการฟอกขาวสตช.หรือไม่ แม้นายกฯ ใช้อำนาจเด้ง 2 นายตำรวจใหญ่มาช่วยราชการก็ไม่ได้ช่วยให้เกิดการปฏิรูปตำรวจ ซ้ำยังใช้อำนาจประธานก.ตร. สั่งตำรวจหยุดให้ข่าว ทั้งที่เป็นเรื่องวิกฤติศรัทธาของประชาชนต่อตำรวจ รัฐบาลปล่อยให้ปัญหาตำรวจคาราคาซัง ไม่ตั้งใจแก้ปัญหาระบบตั๋วตำรวจ อย่าให้ใครปรามาสนายกฯได้ว่า เป็นแค่เหรียญอีกด้านของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี หรือแก้ปัญหาแบบฉบับบ้านจันทร์ส่องหล้า กางหลักฐานตำรวจรับส่วยกลางสภาฯ
 
ขณะที่ นายจรยุทธ จตุพรประสิทธิ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล อภิปรายพุ่งเป้าเรื่องส่วยรถบรรทุก ชื่อ G PASS จ่ายผ่านสะดวก ให้มีการใช้รถบรรทุกเชื้อเพลิงนอกเวลาที่กำหนด เป็นห่วงจะย้อนรอยอุบัติเหตุรถแก๊สระเบิดปี 2533 ถ.เพชรบุรี ทั้งนี้นายจรยุทธเปิดหลักฐานเป็นซองเอกสารที่ระบุชื่อสถานีตำรวจหลายแห่งทั่วประเทศทั้งในกทม.และต่างจังหวัด พร้อมระบุที่ตั้งบริษัทขนส่งที่มีการจ่ายเงินให้ตำรวจ ตลอดจนรายละเอียดช่องทางสื่อสารระหว่างบริษัทกับสถานีตำรวจ ทั้งเบอร์โทรศัพท์ หมายเลขบัญชีธนาคาร ตนจึงลองแอดไลน์และโอนเงินเข้าไป ปรากฏว่า ชื่อบัญชีธนาคารตรงกับชื่อไลน์ ทำให้เข้าใจว่า เป็นบัญชีตรง ไม่มีบัญชีม้ามาเกี่ยวข้อง หลังจากนี้จะนำหลักฐานฝากประธานสภาฯส่งไปยังนายกรัฐมนตรี ให้ดำเนินการอย่างเต็มที่
 
จากนั้นเวลา 17.45 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และรมว.คลัง ชี้แจงถึงปัญหาการแต่งตั้ง ผบ.ตร.ว่า หน้าที่การแต่งตั้งโยกย้ายเป็นไปตามที่ประชุมก.ตร. แม้นายกฯจะเป็นประธานก.ตร. แต่ไม่เคยครอบงำ สั่งการทางตรงหรือทางอ้อมในการแต่งตั้งโยกย้าย และในการทำหน้าที่ประธานก.ตร.ได้ให้กรรมการอภิปรายอย่างทั่วถึง ยึดหลักนิติธรรม การกล่าวหาตนชี้นำ สั่งการเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เป็นเท็จ ส่วนการแต่งตั้งโยกย้ายระดับผู้บัญชาการ ระดับภาคเป็นไปตามกฎหมาย ไม่เคยชี้นำ เพราะรู้ดีว่าหากได้ตำรวจดี ประชาชนจะอยู่เย็นเป็นสุข ขณะนี้มีปัญหาในสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้นิ่งเฉย แก้ไขทันที มีการตั้งกรรมการตรวจสอบ ขอยืนยันในฐานะประธานก.ตร. และในนามนายกฯ จะเร่งรีบแก้ไข กอบกู้ภาพลักษณ์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนหน้าได้เดินทางไปสำนักงานตำรวจไซเบอร์ และกวดขันเพื่อแก้ปัญหายาเสพติด ขอให้เชื่อมั่นในตน ถ้าพบว่าลูกน้องใครเกี่ยวข้อง จะได้ดำเนินการให้ถูกต้อง หากมีหลักฐานขอให้ส่งมา จะดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย จิ้งจกทักก็อย่าเป็นจิ้งจกเลย ขอให้เอาหลักฐานมาเลยดีกว่า พร้อมจะดำเนินการทุกอย่างตามกฎหมาย



ณัฐพงษ์ ฉะ ดีอี 200 วันไร้ผลงาน ข้องใจครม.ตัดงบระบบเปิดเผยจัดซื้อจัดจ้าง ทั้งที่จะลดทุจริต
https://www.matichon.co.th/politics/news_4507720

‘ณัฐพงษ์’ สับ ‘ดีอี’ 200 วันไร้ผลงาน จี้รัฐบาล หยุดให้งบฯ พัฒนาแอพพ์หน่วยงานซํ้าซ้อน เหน็บเจ้ากระทรวง เปิดอีเวนต์ เยอะกว่าทํางาน
 
เมื่อวันที่ 3 เมษายน ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มี นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 152 ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน
 
เวลา 13.35 น. นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า เป็นเวลา 200 วัน ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล (ดีอี) ได้บริหารประเทศ ซึ่งลงมือเปิดงาน มากกว่าทําในสิ่งที่ต้องทํา โดยนับตั้งแต่แถลงนโยบาย บอกว่าจะทํารัฐบาลดิจิทัล สร้างรัฐโปร่งใส ทําระบบคลาวด์
นายณัฐพงษ์กล่าวว่า นโยบายที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงดีอี มีอยู่ 10 อย่าง ซึ่งตนให้คะแนนสอบตก เพราะ 3 ใน 10 นโยบาย เป็นเรื่องที่ไม่ได้ลงมือทําอะไรเลยในช่วง 200 วัน อาทิ การจัดสรรคลื่นวงจรดาวเทียม หรือการใช้เทคโนโลยีปราบทุจริต รวมถึงการส่งเสริมอุตสาหกรรมอีสปอร์ต ประชาชนกําลังเสียโอกาส หากวันนี้เรามีรัฐมนตรีที่เข้าใจเรื่องดิจิทัล ก็จะได้เนื้อหนังมากกว่านี้
 
นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ตนอยากให้รัฐมนตรีแสดงวิสัยทัศน์ ว่าการใช้บล็อกเชน เพื่อลดการใช้ดุลพินิจภาครัฐ จะทําอย่างไร หรือเป็นแค่คีย์เวิร์ดที่พูดลอยๆ เหมือนกรณีดิจิทัลวอลเล็ต ทั้งนี้ การใช้บล็อกเชนเหมาะสมกับงานบางอย่าง ไม่เช่นนั้นจะเป็นการเพิ่มต้นทุน และความซับซ้อนของระบบ โดยไม่จําเป็น
 
นายณัฐพงษ์กล่าวว่า รัฐยังไม่มีความโปร่งใส เพราะยังขาดความจริงใจ ดูจาก 3 โครงการเหล่านี้ ได้แก่ ระบบอีคอนแทรค, ระบบราคาก่อสร้างอิเล็กทรอนิกส์, ระบบเปิดเผยการจัดซื้อจัดจ้าง ที่กรมบัญชีกลางตั้งคําขอในงบฯ 67 แต่สํานักงบประมาณ และ ครม.ตัดออก ตั้งแต่ในชั้น พ.ร.บ.งบฯ จึงขอถามนายเศรษฐาว่า ตัดโครงการเหล่านี้ทําไม ทั้งที่แถลงว่าจะลดปัญหาทุจริต
 
ส.ส.ก้าวไกลกล่าวอีกว่า จากการที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางไปต่างประเทศ เจราผู้ให้บริการคลาวด์มาตั้งศูนย์ข้อมูลในประเทศไทย ครม.จึงต้องให้ความชัดเจน เรื่องการจัดซื้อระบบคลาวด์ ว่าจะทําแบบใด จะทําแบบตลาดกึ่งเสรี หรือให้นายหน้าผู้รับเหมาจัดการ และจะบังคับใช้มาตราฐานของระบบคลาวด์หน่วยงานเมื่อไหร่ นอกจากนี้ การดึงดูดต่างชาติ ให้มาลงทุนศูนย์ข้อมูล จะมีนโยบายให้จดจัดตั้งนิติบุคคลในประเทศไทยหรือไม่ เพราะในปัจจุบัน บริษัทเอกชนที่เช่าบริการระบบคลาวด์ รวมมูลค่า 13,000 ล้านบาท เป็นหัวบิลจากต่างประเทศ ทําให้เงินไหลออกทุกปี ดังนั้น ต้องมีการป้องกันในส่วนนี้
 
นายณัฐพงษ์กล่าวอีกว่า ตนอยากให้ ครม.ตอบในสภาให้ชัดว่าจะสั่งให้สํานักงบประมาน ไม่พิจารณาจัดสรรงบ ในการพัฒนาแอพพ์ภาครัฐ ที่ซํ้าซ้อนทุกกรณี และเปลี่ยนให้พัฒนาเพื่อเชื่อมในแอพพ์เดียว นอกจากนี้ เรื่องดิจิทัลไอดี ที่เคยบอกว่าจะผลักดัน ก็ยังไม่มีความชัดเจน จึงอยากให้รัฐมนตรี เคาะทิศทางที่ชัดเจน



กกร. แนะรัฐเร่งงบประมาณ ลดดอกเบี้ย รับมือเศรษฐกิจเสี่ยงโตต่ำ
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/394242

คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. หารือกันในวันนี้ เห็นตรงกัน เศรษฐกิจไทยเผชิญความเสี่ยงสูง แนะรัฐใช้มาตรการการคลัง การเงิน กระตุ้นเพิ่ม

โดยที่ประชุม กกร. เห็นตรงกันว่า เศรษฐกิจในขณะนี้ มีความเสี่ยงสูง การส่งออกฟื้นตัวได้ช้าและไม่ทั่วถึง อุปสงค์ภายในประเทศยังอ่อนแอ ขณะที่ปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์มีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้นในระยะข้างหน้า ดังนั้นเศรษฐกิจไทย จึงต้องการแรงกระตุ้นเพิ่มเติม ทั้งจากนโยบายการคลัง ในการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ รวมทั้งมาตรการกระตุ้นอื่นๆ และนโยบายการเงิน ในรูปของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อช่วยลดภาระทางการเงินให้กับภาคครัวเรือนและธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว พร้อมหนุนรัฐออกมาตรการเก็บ VAT ซื้อสินค้านำเข้าออนไลน์ที่ไม่เกิน 1,500 บาท เพื่อสกัดสินค้าถูกทุ่มตลาด

ขณะที่ใกล้เทศกาลสงกรานต์ อธิบดีกรมการค้าภายใน นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม ลงพื้นที่ตรวจสอบราคาสินค้า ที่ ตลาดเวิลด์มาร์เก็ต เขตทวีวัฒนา สั่งคุมเข้มราคา ต้องติดป้ายแสดงราคาให้ชัดเจน ห้ามฉวยโอกาสขึ้นราคาเด็ดขาด และต้องมีสินค้าเพียงพอ พร้อมเตรียมจัดกิจกรรมเสริมในพื้นที่จัดงานสงกรานต์ทั่วประเทศ นำผลไม้ไทยที่กำลังทยอยสู่ตลาด ไปให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกได้ลองชิมรสชาติผลไม้ไทย ซึ่งจะเป็นอีกช่องทางหนึ่ง ในการระบายผลผลิตออกสู่ตลาด ป้องกันราคาผลผลิตในปีนี้ตกต่ำด้วย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่