JJNY : คนเพื่อไทยสุจริต!| “สมคิด”ลั่น“ตู่” ตั้ง“พีระพันธุ์”เป็น“นายกฯน้อย”|“ณัฐพงษ์”แถลงค้าน สว.|‘กกร.’ยื่นหนังสือถึงตู่

คนเพื่อไทยสุจริต! ยกเคสจีทูจีภาค 2 ‘ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์’ ไม่ผิด จี้แก้กม.ให้ยุติธรรม
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7423858
 
 
คนเพื่อไทยสุจริต ชุมสาย ยกเคสจีทูจีภาค 2 ‘ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์-เยาวภา’ ไม่ผิด ย้ำต้องแก้ กม.ให้ยุติธรรม บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยมากกว่านี้

เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.2565 นายชุมสาย ศรียาภัย รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า หลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. มีมติตีตกข้อกล่าวหาคดีระบายข้าวจีทูจีภาคสอง และกรณีศาลปกครองสั่งไม่ต้องจ่ายชดเชยคดีจำนำข้าว 3.5 หมื่นล้านบาทก่อนหน้านี้ เป็นบทพิสูจน์ถึงความสุจริตและความจริงของนายทักษิณ ชินวัตร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ที่ได้คิดค้นนโยบายขึ้นมา โดยยึดถือเอาประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง หวังยกระดับรายได้ของเกษตรกรให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเท่านั้น
 
เรื่องนี้เชื่อว่าเป็นการกลั่นแกล้งกันในทางการเมือง สร้างเหตุหาความชอบธรรมในการทำรัฐประหาร เป็นคดีใบสั่ง ผลที่สุดเวลาและความถูกต้องเป็นข้อพิสูจน์ว่า การป้ายสีทางการเมืองต่างๆ ที่เกิดขึ้น ไม่สามารถเอาผิดกับอดีตนายกฯ ทั้งสองและส.ส.ของพรรคเพื่อไทยได้
 
นายชุมสาย กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีศาลอุทธรณ์ภาค 5 ตัดสินให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จ่ายค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยให้กับนายสุรพล เกียรติไชยากร ผู้สมัคร ส.ส.เขต 8 เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย จำนวน 62 ล้านบาท กรณีแจกใบส้มโดยมิชอบ ก็เป็นเครื่องยืนยันถึงความบริสุทธิ์ และไม่ได้ทำผิดตามกฎหมายการเลือกตั้งเช่นกัน
 
ทั้ง 2 กรณีเป็นบทพิสูจน์ว่าทั้งอดีตนายกฯ และ ส.ส.ของพรรคทำงานเพื่อประชาชนด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ได้ทำผิดกฎหมายตามที่ถูกกล่าวหา และที่ผ่านมาเราได้ต่อสู้และเรียกร้องความถูกต้องกลับคืนมาอย่างสมเกียรติสมศักดิ์ศรี
 
สำหรับกฎหมายลูก เช่น พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2560 พ.ร.ป.ว่าด้วยการปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 ที่คณะผู้ยกร่างในอดีต ได้ออกแบบให้มีอำนาจมากเกินไป และเคยมีการตีความขยายอำนาจตนเองด้วย และที่สร้างปัญหาให้กับพรรคการเมือง และ ส.ส.ที่ทำงานเพื่อประชาชน คงต้องถูกแก้ไขให้มีความเป็นประชาธิปไตยและมีความยุติธรรมอย่างแท้จริง
  


“สมคิด” ลั่น “บิ๊กตู่” ตั้ง “พีระพันธุ์” เป็น “นายกฯน้อย” ผิดมารยาทการเมือง ชี้ ใช้อำนาจเกินเลย
https://siamrath.co.th/n/409076

วันที่ 21 ธ.ค. 65 ที่รัฐสภา นายสมคิด เชื้อคง พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน กล่าวถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แต่งตั้งนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ว่า ตนมองว่า เป็นเรื่องไม่มีมารยาททางการเมือง เนื่องจากคนเป็นเลขาฯ ก็เหมือน “นายกฯน้อย” คนหนึ่ง ที่สำคัญเป็นการแต่งตั้งคนที่เป็นนักการเมืองอีกพรรคหนึ่ง ในขณะที่ นายกฯเป็นนายกฯในนามพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ย้ำว่าตนไม่ทราบระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ว่าลักษณะนี้จะเข้าข่ายการครอบงำพรรคการเมืองหรือไม่
 
อีกประเด็นที่นายสมคิดแคลงใจคือ ใกล้ถึงเวลาเลือกตั้ง และอายุสภาฯเหลืออีกแค่ไม่ถึง 4 เดือน การแต่งตั้งลักษณะนี้เป็นเรื่องที่เอาเปรียบ เพราะคนเป็นเลขาฯนายกฯ สามารถอนุมัติได้หลายเรื่องแทนนายกฯ ย้ำว่า ไม่ใช่เป็นนายกแล้วจะทำอะไรก็ได้ ใช้อำนาจจนเกินเลย


 
“ณัฐพงษ์” แถลงค้าน สว. ยื้อประชามิตแก้รธน.
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_469238/

“ณัฐพงษ์” แถลงค้าน สว. ยื้อญัตติเสนอ ครม.ทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ มองยืดอีก 45 วันเป็นการเตะถ่วงทางการเมือง
 
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.พรรคก้าวไกล แถลงค้านกรณีส.ว.ขอเวลาศึกษาการทำประชามติจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ อีก 45 วัน และยังไม่เคาะส่ง คณะรัฐมนตรีโดยนายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ผลการลงมติของสมาชิกวุฒิสภาเมื่อวานนี้ได้มีการอภิปรายของนายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา พูดในที่ประชุมวุฒิสภาบิดเบือนว่าตนในฐานะผู้เสนอญัตติเสนอมาถูกต้องหรือไม่ ซึ่งมีการลงมติขอเวลาศึกษาอีก 45 วัน ตนมองว่าก่อนหน้านี้ได้ไปชี้แจงในฐานะผู้ยื่นมติไป และได้ตอบข้อชี้แจงเสร็จสิ้นหมดแล้ว
 
ซึ่งเมื่อวันจันทร์-อังคารที่ผ่านมาสมาชิกวุฒิสภา ควรลงมติให้เรียบร้อยแล้ว แต่กรรมาธิการชุดนี้มีการตั้งข้อสงสัยด้วยความหวาดระแวงว่าพรรคก้าวไกลเสนอญัตตินี้เพื่อต้องการแตะเนื้อหาหมวดหนึ่งหมวดใดหรือไม่ ซึ่งตนได้ปฏิเสธ และชี้แจงข้อเท็จจริงแล้วว่าที่มาที่ไปของญัตตินี้สืบเนื่องจากคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้เกี่ยวข้องกับกรอบเนื้อหาการแก้ไข เพราะกรอบการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้นต้องไปว่ากันอีกกระบวนการหนึ่ง คือ หลังจากการทำประชามติแล้วตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ 
 
และประชาชนส่วนใหญ่เห็นพ้องว่าต้องมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้ว รัฐสภาต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 และหมวด15/1 ก่อนอีกครั้ง กรอบการแก้ไขเพิ่มเติมจะแตะส่วนใดไม่ได้ คุณสมบัติของสสร.ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนจะเป็นอย่างไรอยู่ในขั้นตอนต่อไป ซึ่งตนได้ชี้แจงในคณะกรรมาธิการชุดนี้ ว่า พรรคก้าวไกลไม่ได้มีเจตนาแบบที่สมาชิกวุฒิสภามีข้อห่วงใย
 
และการตั้งข้อสังเกตมา นอกจากนี้มองว่าคณะรัฐมนตรีมีอำนาจเลือกวันเลือกตั้ง หากคิดว่าการทำประชามติพร้อมกับวันเลือกตั้งเป็นการประหยัดงบประมาณและเป็นการอำนวยความสะดวกของประชาชนตามข้อสังเกตของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก็สามารถทำได้ โดยหยิบร่างพ.ร.บ.ประชามติที่พรรคก้าวไกลเสนอตราเป็นพระราชกำหนดได้เลย และเชื่อว่าหากใช้การตราเป็นพ.ร.ก.แบบนี้ของฝ่ายบริหารที่สร้างแต่ประโยชน์ให้กับประชาชนคงไม่มีใครออกมาค้านหรือวิพากษ์วิจารณ์
 
ดังนั้นตนยืนยันว่าสิ่งที่นายสมชาย ได้อภิปรายไว้ในที่ประชุมวุฒิสภา เป็นคำกล่าวเท็จที่บอกว่าตนเสนอญัตติยังไม่มีความมั่นใจ ว่าถูกต้องหรือไม่ โดยตนยืนยันว่าถูกต้องและมองว่าการขอขยายเวลาออกไป 45 วันเป็นแค่การเตะถ่วงทางการเมือง ไม่จำเป็นต้องศึกษาเพิ่มเติม เพราะได้ชี้แจงแบ่างชัดเจนแล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่