นำบทความ how to โสดหรือหาแฟนยังมีสุขมาฝากชาว pantip ชาวธรรมะถ้าพยายามและยังโสดอยู่อย่างเดิมฝึกใจให้ปล่อยวางและจะมีสุขค่

สุดท้ายถ้าพยายามและยังโสดอยู่อย่างเดิมฝึกใจให้ปล่อยวางและจะมีสุขค่ะ
ธรรมชาติของสังคมโดยเฉพาะสังคมแบบไทยๆ มักจะปลูกฝังความคิดให้ลูกหลาน เอาแต่เชื่อๆๆๆและเชื่อตามๆกัน โดยไม่ให้ลูกหลานตัดสินใจคิดอะไรด้วยตนเอง ใครไม่เชื่อผู้ใหญ่มักจะโดนประนามว่าเป็นเด็กดื้อ หัวแข็ง เป็นเด็กแย่ไร้มารยาท ไม่เคารพผู้ใหญ่. ทำให้คนไทยมีระบบสมองเหมือนโดนฝังชิพทางความคิด

อย่างเรื่องโสดไม่ดีแต่งงานจึงดี. เพราะมีผู้ใหญ่ชอบสอนประมาณว่า ถ้าไม่แต่งงานจะลำบากจะไม่มี คนเป็นที่พักกายพักใจให้เรา คอยคุ้มครองเราในอนาคต บางทีกระแสสังคมที่ทีมาหลายปีตามสื่อ หรือตามเพลงต่างๆบางทีก็มีการส่งสารกดดัน สร้างโปรมแกรมให้คนโสดคิดว่าต้องรีบแต่งงานถึงจะดี

เช่น เพลงเป็นโสดทำไม
คนโสดได้ยินเพลงนี้ทำให้นึกถึงเรื่องการแต่งงาน คนโสดบางคน พอเห็นเพื่อนฝูงญาติพี่น้องส่วนใหญ่ มีแฟนแต่งงาน จูงลูกจูงหลาน มาอวดคนอื่น ก็มีความรู้สึกว่าพวกเขา ช่างดูมีความสุข สมกับคำว่าจุดสุดยอดของชึวิตคือการเเต่งงานเสียจริงๆ อิจฉาพวกเขาจุงเบย ทำไมเราไม่มีแฟนอย่างเขาบ้างนะ

ผู้เขียนอยากบอกว่า ความเชื่อเราโดนฝังชิพเอาไว้ในสมอง ใช่จะทำให้เรามีความสุขเสมอไป
เมื่อยึดมั่นในสิ่งใด ก็เป็นทุกข์เพราะสิ่งนั้น ฉะนั้น พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า...กัน
สพ.เพ ธม.มานาลํ อภินิเวสาย" แปลว่า "สิ่งทั้งปวงไม่ควรเข้าไปยึดมั่นถือมั่น" นี้เป็นหลักธรรมชั้นหกสูงขั้นวิปัสสนาในพระพุทธศาสนา

แต่สำหรับเราปุถุชนนั้น ยังยึดมั่นถือมั่นอยู่ เพราะยังมีกิเลสอยู่ จะปล่อยวางให้เด็ดขาดนั้นยังทำไม่ได้ เพราะฉะนั้น ใครจะยึดมั่นในเรื่องอะไรก็ยึดเถิด แต่อย่ายึดให้มากเกินไป เพราะสิ่งทั้งปวงในโลกนี้มันไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน มันเป็นทุกข์ มันตกอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ ต้องพังสลายไปในที่สุด และไม่มีอะไรเป็นของเราที่แท้จริงเลย เห็นได้ชัดเมื่อคนเราตาย เราต้องทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไว้หมดสิ้นแล้วจากโลกนี้ไป นำไปได้แต่บุญและบาปติดตัวไปได้เท่านั้น นอกนั้นต้องทิ้งไว้ทั้งสิ้น มอบให้โลกเขาไป แม้แต่ร่างกาย เพราะได้ยืมของโลกเขามาใช้ชั่วคราว

วิธีการในการปล่อยวางมีหลายอย่าง สำหรับคนเราที่ยังไม่อาจปล่อยวางทุกอย่างได้ ก็ควรใช้การปล่อยวางแบบง่าย ๆ ไปก่อน คือ รู้จัดปิดหูปิดตาและปิดปากเสียบ้าง เหมือนอย่างรูปปริศนาธรรมเป็นรูปลิง 3 ตัว โดยตัวหนึ่งปิดหู ตัวหนึ่งปิดตา อีกตัวหนึ่งปิดปาก ตามหลักพระพุทธศาสนา ถือว่าคนเราบางคราวแม้ไม่ใบ้ก็ทำเหมือนเป็นใบ้เสียบ้าง แม้ไม่หนวกก็ทำเหมือนหนวกเสียบ้าง แม้ไม่บอดก็ทำเป็นบอดเสียบ้าง ถ้าทำเป็นคนรู้เห็นไปหมดแล้ว ก็เท่ากับไปแส่หาความทุกข์ไม่หยุดหย่อน

อย่างสมมติว่า เราเห็นคนรักหรือลูกหลานไปทำบางสิ่งบางอย่างอันไม่น่าพอใจ บางครั้งเราก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเสียบ้าง เพราะถ้ารู้เห็นมากมันก็วุ่นวาย และทำให้เครียดมาก เช่น ในบางครั้งบางคนแม้ตนไม่รู้ ไม่เห็น ไม่ได้ยิน แต่ได้พยายามสืบเสาะให้มันเห็นจนได้ แล้วในที่สุดก็มานั่งทุกข์นอนทุกข์ เพราะไม่มีอุบายรักษาใจหรือปล่อยวางไม่เป็น

เพราะฉะนั้น อุบายในการคลายเครียดเช่นนี้ ท่านจึงกล่าวเป็นกลอนไว้ว่า...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่