ผมอายุ 20 กว่าๆแล้ว อยากเรียน ป.ตรีครั้งที่ 2 ในต่างประเทศ เพื่อทำตามความอยากแต่ก็คิดประเด็นคัดค้านตัวเองได้หลายประเด็น

สวัสดีครับ ปัจจุบันนี้ผมเรียนมหาวิทยาลัย ในปี 4 ครับ มีบางอย่างในใจที่ติดค้างมานาน แม้ตอนนี้จะควบคุมได้แล้วแต่ก็มีบ้างที่พอนึกแล้วเสียใจ 

โดยสรุปแล้ว ตั้งแต่ม.1 เป็นต้นมา ผมก็มีความรู้สึกอยากเรียนต่างประเทศ อยากได้ทุนเล่าเรียนหลวง เพื่อไปเรียนต่างประเทศ โดยเฉพาะ ไปเรียนในมหาวิทยาลัยที่คนมองว่ามีชื่อเสียง เช่น MIT Harvard Stanford Oxford Cambridge เพราะตั้งแต่เด็กมา ผมรู้สึกดีใจที่สอบได้ที่ 1 หรือสอบได้เป็นตัวแทนโรงเรียน ภูมิภาค ทำให้ทางบ้านภูมิใจได้ ถ้าวันหนึ่งผมสอบได้ทุนเล่าเรียนหลวง ได้ทุนเรียนต่อต่างประเทศ พ่อแม่ก็คงจะต้องภูมิใจอีกที่ผมสามารถเหนือกว่าผู้อื่นได้

แต่อะไรหลายๆอย่างในชีวิตเกิดขึ้น ซึ่งผมจะไม่พิมพ์ เพราะมองว่าไม่ใช่สาระสำคัญในกระทู้นี้ 
ตอนม.6 ผมไม่มีแม้แต่โอกาสไปสอบชิงทุน ผมยอมรับว่า เสียใจ และ โมโหตัวเอง (แต่พอมองย้อนกลับไป ถึงแม้ผมได้ไปเรียนต่อต่างประเทศในตอนนั้น ผมก็อาจจะไปฆ่าตัวตายที่ต่างประเทศอยู่ดี เพราะปัญหาที่มันคารังคาซังในชีวิต แล้วมันจะเป็นปัญหาใหญ่แน่ถ้าต้องไปเก็บศพของผมที่ต่างประเทศ รวมถึงถ้ารับทุนไปแล้ว ทางบ้านอาจจะต้องชดใช้คืนอีกด้วย)  ผมได้แต่เก็บความน้อยเนื้อต่ำใจในตัวเองไว้ มาเรียนป.ตรีในไทย ไม่ได้ทุนอะไรเลย ใช้เงินทางบ้าน ผมสงสารพ่อแม่ที่ต้องส่งเสียลูกที่เรียนอย่างไม่เต็มกำลัง โดยเฉพาะช่วงปี 1-2 ที่ผมได้แต่นึกเสียใจเรื่องในอดีตที่สอบทุนไม่ได้ ทำให้เกรดร่วง ติด F ติดปัญหาคารังคาซังมาจนถึงตอนปี 4 ตอนนี้ 

กว่าผมจะทำใจว่า จะก้าวต่อไป ก็ประมาณปี 3 แล้ว แต่ก็ยังว่า ถ้ามีโอกาสก็ยังอยากไปเรียนเมืองนอกอยู่ แน่นอนว่าไม่มีทุน เหตุผลที่อยากไป ก็คือ อยากให้เหมือนนักเรียนทุนที่ตัวเองเคยเปรียบเทียบด้วยในอดีต และความกลัว กลัวว่าพ่อแม่จะไม่ภูมิใจ กลัวว่าถ้าเรียนไม่เก่งจะเป็นภาระต่อสังคม  
แต่ทั้งนี้มันก็มีข้อขัดแย้งที่ผมคิดขึ้นได้

1. สถานการณ์โลกในตอนนี้ไม่นิ่งอย่างมาก ทั้งภัยธรรมชาติที่รุนแรงมากขึ้น ทั้งปัญหาระหว่างประเทศ เช่น สงครามในยูเครน สงครามในแถบฉนวนกาซา ซึ่งมีประเทศใหญ่ๆสนับสนุน (ซึ่งก็คือประเทศที่ผมอยากไปเรียนนั่นแหละ) การไปอยู่ต่างถิ่นอาจไม่ใช่สิ่งที่เราคุ้นเคย เกิดเหตุอะไรขึ้นมา เช่น การใช้ระเบิดกัมมันตรังสี อาจรับมือไม่ทัน
2. ในยุคที่เทคโนโลยีพัฒนาเร็ว ไม่มีมหาวิทยาลัยใดสอนความรู้ทัน โดยเฉพาะเรื่อง Artificial Intelligence หลายคนอาจไม่ได้เรียนป.ตรี หรือเรียนจบไม่ตรงสายงาน แต่มีความรู้ในด้านเหล่านี้ก็มีบริษัทที่จ้าง บางคนเรียนมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงแต่ขาดความรู้เรื่องเหล่านี้ก็ไม่มีงานทำได้ (อาจจะยกเว้น แพทย์ เภสัชกร ทันตะ วิศวกรรมบางสาย ฯลฯ ที่การเรียนป.ตรียังจำเป็น แต่สำหรับผมที่ไม่ได้มุ่งไปทางสายงานเหล่านั้น จึงถือว่า ไม่ไดเกี่ยวข้องกับผม)

สำหรับผมแล้ว ถ้ายึดคำถามที่ผมได้ถามไปแล้ว การไปเรียนต่างประเทศในตอนนี้ โดยเฉพาะไปเรียนป.ตรีอีกครั้งนั้นไม่เหมาะสมมาก และแน่นอนว่าไม่มีทุน ถ้าจะไปเรียนอาจต้องทำงานเก็บเงินหลายปี หรือ กู้เงินหลายล้าน แต่ถ้าจะต้องทำจริงๆผมก็ยอม จะ 10 ปี 20 ปี ผมจะอายุมากแค่ไหนผมไม่สนใจ ขอแค่เงินก็พอ
แต่เพียงเพราะแค่อยากเป็นเหมือนนักเรียนทุนเล่าเรียนหลวงที่ตัวเองเคยอิจฉาในอดีต มันคงเป็นเหตุผลที่ไม่เข้าท่าจริงๆ
คำถามสำหรับผมตอนนี้ คือ จะเอาสิ่งที่เหมาะสม หรือ สิ่งที่ถูกใจ 

กระทู้นี้ไม่มีคำถามที่เฉพาะเจาะจง อยากให้ผู้อ่านมาเเสดงความคิดเห็นต่อสิ่งที่ผมพิมพ์ด้วยครับ

ปล. 1 ผมเคยตั้งกระทู้ในลักษณะเดียวกันนี้ตอนม.ปลาย(ในบัญชี pantip อื่น ปัจจุบันนี้ผมลืมรหัสเข้าบัญชีแล้ว) ตอนนั้นมีคำตอบในลักษณะที่บอกว่า ให้ปล่อยวาง ให้ไปบวชสัก 1 เดือน ผมยอมรับว่าแม้ว่าทุกวันนี้ผมอาจจะยังไม่เคยบวชอย่างที่ความคิดเห็นนั้นแนะนำ แต่ผมก็ได้ไปเจอพระแล้ว ผมขอบคุณความคิดเห็นนั้นนะครับ ถ้าผมไม่ได้ความคิดเห็นนั้นผมอาจจะเเขวนคอตายไปแล้ว ผมเชื่อว่าชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน จะให้ทุกคนไปบวช หรือสั่งให้ปล่อยวาง คงจะทำไม่ได้ทุกคนหรอก ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ทำไม่ได้ และคิดว่าชาตินี้คงไม่สามารถทำได้
ปล. 2 ในกระทู้ที่ผ่านๆมา ผมไม่เคยบอกเลยว่า เหตุผลที่ผมยึดติดกับทุนต่างประเทศคืออะไร เพราะผมคิดว่าเหตุผลมันสิ้นคิดมาก (อยากเป็นเหมือนนักเรียนทุนเล่าเรียนหลวง ให้พ่อแม่ภูมิใจ อยากเอาชนะนักเรียนทุนเล่าเรียนหลวง อยากเป็น Top ของประเทศ เพราะกลัวว่าตัวเองจะเป็นภาระต่อสังคม ต่อทางบ้าน)  แต่ในกระทู้นี้ผมได้บอกแล้ว หวังว่าผู้ตอบกระทู้คงจะเข้าใจมากขึ้นนะครับ
ปล. 3 มีสิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะขอโทษหลายๆคนและขอโทษสังคมรวมถึงทางบ้าน ขอโทษที่ผมเกิดความเครียดในช่วงมัธยม รวมถึงมหาวิทยาลัยปี 1-2 จนทำหลายๆอย่างผิดพลาด ทั้งที่ผมตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่เป็นภาระให้สังคม แต่สุดท้ายก็สร้างปัญหาจนเพื่อน คนรอบข้าง ต้องมาเคลียร์ให้ ซึ่งถือว่าเป็นภาระต่อสังคม ผมจะต้องหาวิธีขอโทษนี้ให้ได้ แต่ก็ยังมีสิ่งหนึ่งที่ผมเคยได้ยินมา " Don't be sorry. Be better"
ปล. 4 กระทู้เก่าๆของผมจากบัญชีอื่น เผื่ออยากอ่านครับ (ตั้งกระทู้ตอนมัธยมแล้วครับ ปัจจุบันทัศนคติบางอย่างอาจจะเปลี่ยนไป)

https://m.pantip.com/topic/34447067
https://m.pantip.com/topic/35404696?

ปล.5 เห็นหลายคนพูดถึงจิตแพทย์ครับ ต้องบอกว่าผมไปหาตลอดช่วงม.ปลายนะครับ ได้กินยาด้วย แต่สุดท้ายก็ได้ข้อสรุปว่า ก็แค่คุย ทำแบบทดสอบเชาว์บางอย่าง แล้วกินยาในกรณีที่เกิดความเครียดเพื่อระงับความเครียด+ยานอนหลับ แต่จิตแพทย์ไม่เคยให้คำแนะนำผมได้เลยนะครับ ว่า อนาคตในแต่ละสายงานมี Career Path แบบไหน จะหาเงินจากไหนให้ได้เยอะๆ ถ้าเจอคนที่เก่งกว่า ทั้งความรู้ในการเรียน การงาน หล่อกว่า หน้าตาดีกว่า สูงกว่า สูง 190-200 ซม. มีแฟนสวยหน้าตาดี ผมควรจะทำอย่างไร ไฟอิจฉาสุมในใจผมแน่นอน ทำอย่างไรผมจึงจะเอาชนะพวกเขาได้ เห็นใครๆก็พูดให้ผมปล่อยวาง
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 8
น้องค่ะ เวิ่นเว้อเกินไปค่ะ จะทำอะไรก็ทำค่ะ คนเค้าเดินทางทั่วโลก มีเด็กไทยไปเรียนทั่วโลก หลายประเทศ แม้กระทั่งมี ประเทศพวก อียิปต์ ซาอุดิ การ์ต้า ยังมีนักเรียนไทยไปเรียน (ได้ทุน)  ขอแชร์ คห 2 ข้อนี้นะคะ

เวิ่นมากกกค่ะ ข้อ 1 คนเค้าอยู่อาศัยกันทั่วโลกค่ะ พี่อยู่ประเทศที่ส่ง first aid support กาซ่าอันดับแรก (เนื่องจากประเทศเขารวย เลยต้องช่วยเหลือโดยปริยาย)  พี่มีเพื่อนที่อยู่ยุโรป ตวอ ใกล้ยูเครนค่ะ ทำงานที่นั่น คนไทยเนียแหละ อยู่มาตั้งแต่ก่อนเกิดสงครามค่ะ ตอนนี้เขาจะวางแผน renovate Ukraine กันแล้วค่ะ EU ต้องลงขันช่วยค่ะ

ข้อ 2 ไม่ต้องกังวลเรื่องอายุค่ะ ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องเงิน มี passion ในการเรียน ก็เรียนไปเลยค่ะ อยากเรียนต้องได้เรียน  ถ้าได้ภาษา เรียนแบบ distant programme มหาวิทยาลัย ตปท ไปเลยค่ะ  อยากมีโอกาสเยอะ ๆ เรียน สาย STEM ค่ะ Science, Technology, Engineering, Medical
Engineering มีโอกาศมากกว่าค่ะ มีเปอร์เซ็นต์มากกว่า IT เพราะในการทำงานจริง บริษัทกลาง ๆ ทั่วไปต้องการ operation resource มากกว่าค่ะ
เช่นว่า 1 operation พนักงาน 300 คน จะมี IT แค่ 2 คน และตำแหน่งอื่น 280 คนค่ะ  หรืออาจจะจ้าง IT แบบ remote-help desk อยู่ประเทศอื่นไปเลย ซึ่งบริษัทใหญ่ ๆ ฝั่งอเมริกาทำอยู่แล้วค่ะ

ในมุมมองผู้ว่าจ้างงาน (เอกชน) คนที่มาเรียนตอนเลยวัยเรียนแล้ว ไม่ได้ถูกลดคะแนนหรืออะไรค่ะ ไม่ได้เป็นจุดด้อยอะไรเลย กลับกันจะได้คะแนนเพิ่มด้วย เพราะถือว่าไม่ย่อท้อ มี passion ในการเรียน มี target & achieve target ทำงานไปด้วยแต่ก็ยังมีความตั้งมั่นและตั้งใจอยากลงเรียนและสามารถเรียนจบหลักสูตรได้ ....อะไรประมาณนี้  ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องไม่มีปัญหาเรื่องเงินนะคะ

แต่การ "อยากเรียน" โดยเฉพาะ อยากเรียน ตปท แล้วไม่เข้าใจสถานะทางการเงินของคน support ตัวเอง (ในขณะที่ไม่สามารถ support ตัวเองได้) นั่นแหละ conflict ที่แท้จริง คนอยากเรียนและมีศักยภาพในการเรียนมีเยอะแยะ แต่ถ้าครอบครัวสถานะการเงินไม่เพียงพอ ก็ต้องเข้าใจค่ะ ไม่โทษโชคชะตานะคะ   ยกเว้นจะได้พวกทุนแบบ 100% หรือต้องมีบัดเจท รายเดือนบ้าง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่