ก็เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดกับน้องเรานะคะ แต่มันกระทบถึงเราด้วยเพราะเราก็อยู่ในเหตุการณ์
เรื่องมันเกิดขึ้นตรงที่ว่า น้องสาวเราสามารถสอบเข้าโรงเรียนหญิงประจำจังหวัดได้ ซึ่งเราก็เรียนอยู่เหมือนกัน แล้วจำนวนคนที่สอบถ้าจำไม่ผิดน่าจะไม่ต่ำกว่า500คน และน้องสาวเราสอบได้ลำดับที่64ใน96คน ที่คะแนนผ่านเกณฑ์(มีการแบ่งกลุ่มค่ะคือ ผ่านในเขต, ผ่านนอกเขต, ความสามารถพิเศษในเขย, ความสามารถพิเศษนอกเขต, รับเข้าให้เต็มจำนวน, มีเงื่อนไขและตัวสำรองค่ะ กรณีน้องสาวเราเป็น"ผ่านในเขต" ค่ะ)และเหมือนว่า จะมีเด็กรุ่นเดียวกันแถวบ้านสอบได้ลำดับดีกว่าและเป็นในเขต เดิมคุณตาคุณยายจะเข้างวดเรื่องเรียนอยู่แล้วแต่ก็ไม่ตลอดเวลา แต่พอเรื่องเรียนเข้ามาทีไรก็จะเปลี่ยนไปทันที ซึ่งในเหตุการณ์นี้ทำให้น้องสาวเราจากที่ดีใจที่สอบผ่าน กลับเป็นต้องหลั่งน้ำตาเลยค่ะ
เริ่มคือจากที่เกริ่นมา เรื่องการลงไม้ลงมือจะไม่มีแล้วนะ คือคุณตาคุณยายเวลาด่าเรากับน้องทีไรชอบลามไปถึงพ่อแม่เรา ซึ่งสถานการณ์เราคือพ่อแม่หย่าร้างกัน ต่างคนต่างมีคนใหม่ แต่ท่านก็ยังรักและไม่ลืมเรากับน้อง คอยทักมาถามโทรมาถามตลอด คอยให้กำลังใจ ส่งดงินให้น้าสาวเราจัดการและพวกท่านก็ไม่ได้ทำงานถึงขั้นรับราชการอะค่ะ แต่มีเงินที่สามารถส่งเราจบป.6ได้ ซึ่งไม่รู้ว่าคุณตาคุณยายจงเกลียดจงชังพ่อแม่เราหรือพยายามด้อยค่าเราเพื่อให้เราเรียนให้ดีกว่าเดิมนะ แต่ที่แน่ๆ ท่านพูดถึงพ่อแม่เราในสิ่งที่ คนเป็นลูกทุกคนต้องรู้อยู่แก่ใจและสัมผัสได้อ่ะค่ะ คือเนื้อหาที่คุณตา(คุณยายไม่ได้พูดด้วยนะ)คือประมาณว่า พ่อแม่จะมีเวลาให้เธอเหรอ ดีแต่ส่งเงินให้อย่างเดียว ซึ่งในส่วนของเราเรามองว่าถ้าพวกท่านไม่บกพร่องในเรื่องนี้มันก็โอเคแล้ว ในเมื่อท่านไม่สามารถทำได้อย่างน้อยท่านให้สิ่งสำคัญในการเลี้ยงดูเราในแต่ละวันมันดีมากแล้ว, ต่างคนก็ต่างมีคนใหม่ เขาก็มีครอบครัวของเขาแล้ว เขาไม่มีเวลามาให้พวกเธอหรอก ตรงส่วนนี้คือเป็นไปได้เราอยากจะเถียงออกมามาก แต่เรายังห่วงความปลอดภัยของร่ายกายเราอยู่ คือพ่อกับแม่เรา เวลาเราไปหาท่านทีไรท่านก็จะมาหาเราตลอด ถึงจะติดงานหรือมีเรื่องต้องทำ ท่านก็ไปลามา เพื่อมาหาเรากับน้อง, ถ้าเรียนไม่เก่งแบบนี้ วันหน้าจะอยู่ยังไง ซึ่งนับปัจจุบันเราจะเรียนอยู่ในระดับกลางๆแต่ก็ไม่ได้แย่ถึงขั้นติด0ติด ร.นะ น้องเราจะอารมณ์ไม่ค่อยมั่นคงเท่าไหร่จะดีมั่งกลางๆมั่งแต่ไม่เคยแย่นะ ซึ่งเราก็ไม่ค่อยเข้าใจว่า เท่านี้มันยังไม่พออีกเหรอ? จำเป็นต้องเก่งกว่านี้มั้ย? และพ่อแม่เราเกี่ยวอะไร?
จริงๆมีมากกว่านั้นค่ะ ส่วนใหญ่จะไปทางเปรียบเทียบกับคนอื่นและเรื่องของพ่อแม่เราเนี่ยแหละค่ะ
ขอโทษที่ต้องให้อ่านยาวด้วยนะคะ แต่ปกติเรื่องนี้เราแปปๆก็หายค่ะ แต่รู้สึกครั้งนี้มันเกินไปจริงๆ เขาพูดออกมาเพื่อให้เรารู้สึกเสียกำลังใจมาก ขนาดเราเล่นโทรศัพท์เพราะเป็นงานอดิเรกทำเวลาว่างอยู่แล้วก็บอกว่าเล่นเยอะจนเรียนไม่เก่งและปกติเราเป็นคนที่อ่อนไหวง่ายอยู่แล้ว แต่ทุกๆวันพยายามฝืนยิ้มทั้งๆที่ในใจแทบจะทรุดแต่เราเป็นคนที่จัดการอารมณ์ตัวเองได้อยู่แล้วค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ
มันยังไม่พอเหรอ?? และเรื่องนี้มันเกี่ยวอะไร??
เรื่องมันเกิดขึ้นตรงที่ว่า น้องสาวเราสามารถสอบเข้าโรงเรียนหญิงประจำจังหวัดได้ ซึ่งเราก็เรียนอยู่เหมือนกัน แล้วจำนวนคนที่สอบถ้าจำไม่ผิดน่าจะไม่ต่ำกว่า500คน และน้องสาวเราสอบได้ลำดับที่64ใน96คน ที่คะแนนผ่านเกณฑ์(มีการแบ่งกลุ่มค่ะคือ ผ่านในเขต, ผ่านนอกเขต, ความสามารถพิเศษในเขย, ความสามารถพิเศษนอกเขต, รับเข้าให้เต็มจำนวน, มีเงื่อนไขและตัวสำรองค่ะ กรณีน้องสาวเราเป็น"ผ่านในเขต" ค่ะ)และเหมือนว่า จะมีเด็กรุ่นเดียวกันแถวบ้านสอบได้ลำดับดีกว่าและเป็นในเขต เดิมคุณตาคุณยายจะเข้างวดเรื่องเรียนอยู่แล้วแต่ก็ไม่ตลอดเวลา แต่พอเรื่องเรียนเข้ามาทีไรก็จะเปลี่ยนไปทันที ซึ่งในเหตุการณ์นี้ทำให้น้องสาวเราจากที่ดีใจที่สอบผ่าน กลับเป็นต้องหลั่งน้ำตาเลยค่ะ
เริ่มคือจากที่เกริ่นมา เรื่องการลงไม้ลงมือจะไม่มีแล้วนะ คือคุณตาคุณยายเวลาด่าเรากับน้องทีไรชอบลามไปถึงพ่อแม่เรา ซึ่งสถานการณ์เราคือพ่อแม่หย่าร้างกัน ต่างคนต่างมีคนใหม่ แต่ท่านก็ยังรักและไม่ลืมเรากับน้อง คอยทักมาถามโทรมาถามตลอด คอยให้กำลังใจ ส่งดงินให้น้าสาวเราจัดการและพวกท่านก็ไม่ได้ทำงานถึงขั้นรับราชการอะค่ะ แต่มีเงินที่สามารถส่งเราจบป.6ได้ ซึ่งไม่รู้ว่าคุณตาคุณยายจงเกลียดจงชังพ่อแม่เราหรือพยายามด้อยค่าเราเพื่อให้เราเรียนให้ดีกว่าเดิมนะ แต่ที่แน่ๆ ท่านพูดถึงพ่อแม่เราในสิ่งที่ คนเป็นลูกทุกคนต้องรู้อยู่แก่ใจและสัมผัสได้อ่ะค่ะ คือเนื้อหาที่คุณตา(คุณยายไม่ได้พูดด้วยนะ)คือประมาณว่า พ่อแม่จะมีเวลาให้เธอเหรอ ดีแต่ส่งเงินให้อย่างเดียว ซึ่งในส่วนของเราเรามองว่าถ้าพวกท่านไม่บกพร่องในเรื่องนี้มันก็โอเคแล้ว ในเมื่อท่านไม่สามารถทำได้อย่างน้อยท่านให้สิ่งสำคัญในการเลี้ยงดูเราในแต่ละวันมันดีมากแล้ว, ต่างคนก็ต่างมีคนใหม่ เขาก็มีครอบครัวของเขาแล้ว เขาไม่มีเวลามาให้พวกเธอหรอก ตรงส่วนนี้คือเป็นไปได้เราอยากจะเถียงออกมามาก แต่เรายังห่วงความปลอดภัยของร่ายกายเราอยู่ คือพ่อกับแม่เรา เวลาเราไปหาท่านทีไรท่านก็จะมาหาเราตลอด ถึงจะติดงานหรือมีเรื่องต้องทำ ท่านก็ไปลามา เพื่อมาหาเรากับน้อง, ถ้าเรียนไม่เก่งแบบนี้ วันหน้าจะอยู่ยังไง ซึ่งนับปัจจุบันเราจะเรียนอยู่ในระดับกลางๆแต่ก็ไม่ได้แย่ถึงขั้นติด0ติด ร.นะ น้องเราจะอารมณ์ไม่ค่อยมั่นคงเท่าไหร่จะดีมั่งกลางๆมั่งแต่ไม่เคยแย่นะ ซึ่งเราก็ไม่ค่อยเข้าใจว่า เท่านี้มันยังไม่พออีกเหรอ? จำเป็นต้องเก่งกว่านี้มั้ย? และพ่อแม่เราเกี่ยวอะไร?
จริงๆมีมากกว่านั้นค่ะ ส่วนใหญ่จะไปทางเปรียบเทียบกับคนอื่นและเรื่องของพ่อแม่เราเนี่ยแหละค่ะ
ขอโทษที่ต้องให้อ่านยาวด้วยนะคะ แต่ปกติเรื่องนี้เราแปปๆก็หายค่ะ แต่รู้สึกครั้งนี้มันเกินไปจริงๆ เขาพูดออกมาเพื่อให้เรารู้สึกเสียกำลังใจมาก ขนาดเราเล่นโทรศัพท์เพราะเป็นงานอดิเรกทำเวลาว่างอยู่แล้วก็บอกว่าเล่นเยอะจนเรียนไม่เก่งและปกติเราเป็นคนที่อ่อนไหวง่ายอยู่แล้ว แต่ทุกๆวันพยายามฝืนยิ้มทั้งๆที่ในใจแทบจะทรุดแต่เราเป็นคนที่จัดการอารมณ์ตัวเองได้อยู่แล้วค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ