เลิกกับแฟนที่คบมา 10 ปี

วันนี้ผมอายุ 38 ครับ แฟนอายุ 36  เมื่อวานผมขอเลิกกับแฟน เกี่บวกับเรื่องเงินครับ  เรืองของเรื่องคือ ผมขอแฟนไว้ก่อนที่จะใช้ชีวิตวันแรกว่าขออยู่สามอย่าง เรื่องตืดหนี้(เพราะบ้านผมเคยเป็นหนี้นอกระบบต้องขายสวยขายบ้านขนของหนีมันเป็นปมในใจผม) สองการพนัน สามคือมีคนอื่น  ถ้ามีสามเรื่องนี้ผมขอเลิก

ก่อนจะผูกข้อมือกันสิบปีก่อนที่บ้าบ้นก็ตกลงเคลียบัตรเครดิตให้ไป 80000 ซึ่งเราก็ใช้ชีวิตมาด้วยดี มีทะเลาะกันดีกันตามครอบครัวปกติ เลี้ยงหมาด้วยกัน เค้าอยู่ที่บ้านผม เราก็ใช้ชีวิตมาเรื่อยๆ ไม่ได้มีการเติบโตอะไร พอมีใช้บ้างขัดสนบ้าง แต่ก็ผ่านมาเรื่อยๆ จนเมื่อปีที่แล้ว  ผมคิดจะออกจากงานประจำเพราะผมเหนื่อยที่ต้องทำงานเนื่องจากทุกวัน ผมจะต้องทำงานเป็นพนักงานในช่วงกลางวัน กลางคืนผมทำงานหารายได้เสริมจนเที่ยงคืนแบบนี้เกือบทุกวัน  มีแต่คนบอกผมแม่กระทั่งพ่อแม่ว่าทำงานเหมือนคนบ้า  พักบ้างนะผมก็อยากจะสร้างครอบครัวให้ดี ผมก็ยิ่งขยันทำงานไปอีก  จนที่บอกวันที่ผมอยากออกจากงานเพราะร่างกายไม่ไหว  แฟนผมร้องไห้บอกมีหนี้บัตรเครดิต กับหนี้รถหนี้ต่างๆ หลายแสนบาท  สุดท้ายผมก็ฮึบตัดสินใจทำงานต่อพร้อมจัดแจงหนี้ให้เค้าในระบบโดนกู้มาจากตำแหน่งงานผม แล้วเคลียหนี้ให้เค้า ยกเว้นรถ กับบัตรยูเมะอีกไม่กี่บาทเพราะผมดูแล้วว่าเราจะค่อยๆทำจ่ายได้แบบไม่ยาก  ผมก็เคลียให้แฟนจนเค้าดีขึ้นพร้อมคำขอจากผมว่า อย่าไปตืดหนี้บัตรอีกนะ

จากนั้นผมก็ต้องทำงานมากขึ้นเพราะผมไม่อยากให้ใครลำบากแฟนผมลำบาก พ่อแม่ลำบาก ผมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในบ้านเกือบร้อยเปอเซ็น ไม่ได้ให้ใครอยู่อย่างอัตคัต จากที่ทำงานทั้งวันทั้งคืนเรื่อยๆพักหลังผมเริ่มเหนื่อย แต่มันมีแรงใจที่จะมีอนาคตที่ดี  เพราะผมเริ่มศึกษาการเงินเริ่มมีเงินสำรองเงินเก็บ เริ่มแบ่งให้ครอบครัวใช้จ่าย  แต่ผมไม่เคยทำอะไรเพื่อตัวเองเลยแม้กระทั่งรองเท้า มือถือใหม่ อะไรใหม่ๆ ของดีๆ  ผมจะมีความคืดเสมอว่าเดี๋ยวเตรียมไว้ให้คนยั้น คนนี้  จนเมื่อสองเดือนที่แล้วผมขับรถไปเห็นแฟนเล่นหวยในแอปออนไลน์ ผมก็บอกว่าไม่ได้เราไม่ชอบเราคุยกันแล้ว บาทสองบาทก็ไม่ได้ ถ้ายังเล่นจะไม่มีเราอยู่  ผมก็ไปทำงาน ตจว สัปดาห์นึง ผมก็รู้สึกแปลกๆ ไปดูปรากฏว่าแฟนแอบไปเล่น หลักพัน  ผมก็เลยบอกถ้าไมาหยุดเราก็แยกกันไม่มีผม ผมก็ออกจากบ้านมาอยู่ข้างนอกสองวัน พร้อมเค้ามาขอโทษซึ่งผมก็โอเค ว่าอย่ากลับไปอีก
เราก็เริ่มดำเนินชีวิตใหม่เช่นเหมือนเดิม ผมก็ยังทำงานเหมือนคนบ้าเหมือนเดิม จนเมื่อวันที่ 21 มีนา  ผมทำงานตั้งแต่หกโมงเช้า มานับจ็อบเสริมจนเลิกประมาณ ห้าทุ่ม  เค้าก็โทรมาหา  บอกมีเรื่องอยากคุยด้วย  ผมก็ขับรถกลับพร้อมช็อค ในใจคืดว่าอย่าเป็นอย่างที่คิดเลยไม่งั้นเราจะต้องแยกกันแน่

พอถึงบ้านเค้าก็นั่งคุยกับผมบอกเค้ากลับไปใช้บัตรเครดิต วงเงินก็เต็มจำนวนทุกใบ  แต่ผมไม่ได้ถามยอด  แต่คราวนี้เค้าบอกเค้าจะไปคุยกับครอบครัวเค้าเอง ให้บ้านเค้าช่วย เพียงแต่ขอโอกาสว่าอยู่กับเค้าอย่าเลิกกับเค้าได้ไหม ซึ่งผมตอบไปว่าผมขอเวลาคิดผมไม่แน่ใจ ผมก็ใช้เวลานั่งคืดทั้งคืนไม่ได้นอน  จนตอนเช้าผมขอเค้าเลิกกับหน้าพ่อแม่ผม  ผมรู้สึกไปต่อไม่ได้  ผมอยากให้มันเป็นความฝัน  ผมหมดแรงจากที่ผมพยายามมาหลายปี  ผมใช้กำลังกายกำลังใจที่มีทำแต่งานไม่เคยฟุ่มเฟือย ไม่เคยนอกลู่นอกทาง  ใครมีปัญหาผมพร้อมจะซับพอตทุกคน  สุดท้ายมันก็คงเป็นข้อเสียจากผมด้วยว่าใครมีปัญหา ผมก็จะเข้าไปแก้ให้  ผมไม่อยากให้คนของผมลำบาก

สุดท้ายผมกับเค้าเลิกกัน ณ ตอนนี้ผมกำลังจะต้องเอาค฿่ชีวิตผมออกจากบ้าน  ผมกำลังจะพาเค้าไปหาบ้านเช่าพร้อมจัดการให้ตอนบ่ายนี้  มันไม่เหมือนกันความรักตอนวัยรุ่นเลย  ตอนนั้นผมจะคิดแต่ว่า เลิกกับแฟนแล้วผมจะอยู่ไม่ได้

แต่กลับกันตอนนี้  วันที่เลิกกันเป็นวันเสาที่ผมมีงาน  ผมยืนตากแดดทำงาน อยู่ดีๆก็ร้องไห้ ต่อหน้าคนอื่น ผมกลัวว่าเค้าจะอยู่ไม่ได้ ต่อไปเค้าจะใช้ชีวิตยังไง  เค้าจะไหวไหม  เป็นการเลิกกันที่ผมรู้สึกว่าต้องไล่คู่ชีวิตออกไปจากบ้าน  สิบปีมันนานจริงๆ มันผู้พันธ์เหลือเกิน

ทุกคนที่พอจะรู้เรื่อง ครอบครัวแฟนก็เข้าใจ ปมบอกว่ากลับไปทำชีวิตให้ดีขึ้นนะ ไปมีชีวิตที่มีความสุข มีชีวิตที่ดี เค้าก็ยังยืนยันว่าเค้าจะไปตั้งใจทำงานแล้วถ้าเค้าพร้อมเค้าจะขอมาจีบผมอีกครั้งได้ไหม  ผมบอกไปว่าตอนนี้ไม่ได้รักแล้ว  แต่อยากให้เธอมีชีวิตที่ดี อยากเห็นเธอเติบโตได้ อนาคตจะเป็นอย่างไร  ถ้าเราพร้อมได้กลับมาเจอกันใหม่  ในปีสองปี  หรือสิบปีข้างหน้าเราไปกันได้ก็ให้เป็นเรื่องอนาคต

หลายคนเดินมาบอกผมว่า  ช่วยกลับไปดูแลตัวเองได้ไหม  ผมเลยเข้าใจว่าความผิดส่วนใหญ่ก็อาจจะ้ป็นจากผมที่ติดนนิสัยจะดูแลคนอื่นจนมากเกินไป แล้วก็ไม่สนใจดูแลตัวเองเลย  ตัวแฟนก็เข้าใจเหตุผลที่แยกกัน  สุดท้ายนี้ที่ผมวางไว้ก็แค่ ช่วยย้ายของให้เค้า  จัดการดูแลค่าบ้านเช่าให้เพื่อให้เค้าได้เริ่มต้นชีวิต  ดูแลค่ารถอีกสักสามเดือนเพื่อให้เค้าลืมตาอ้าปาก   ในใจจริงๆผมคงไม่ได้คืดจะกลับมาแล้ว ผมหวังว่าในอนาคตเค้าจะมีชีวิตที่ดี ไม่ลำบาก  และตอนนี้ผมก็ต้องนั่งเข้มแข็งต่อหน้าทุกคนเพื่อจะให้ทุกคนได้เริ่มใหม่ 

และตัวผมเองยังไม่ได้คิดว่าหลังจากส่งเค้าเดินหน้าไปแล้ว ผมจะทำอย่างไรต่อ ตอนนี้ในหัวผมมีแต่เค้าจะเป็นอย่างไรถ้าไม่มีเรา  ที่บ้านเค้าเป็นจังหว่ะที่จะขายที่ทางผมก็หวังว่าเค้าจะได้เคลียหนี้จากที่ทางตรงนั้น เพราะผมก็ไปปลูกผลไม้ สุดท้ายหวังว่าเค้าจะมีชีวิตที่ดี

ที่เล่ามาผมยังไม่รู้ว่าจะอยู่ต่อไปแบบไหน ยังคงเป็นห่วงหวังว่าเค้าจะมีชีวิตที่ดี  ถ้ามีชีวิตคู่ อย่าทำแบบผม ที่คอยดูแลคนอื่นจนมากไป  บทเรียนที่ได้มาคือต้องรู้จักรักตัวเองด้วย อย่ารักคนอื่นอย่างเดียว การที่ต้องยอมเป็นคนเห็นแก่ตัว ไล่คนที่คบกันกว่าสิบปีออกจากชีวิต  มันทรมาณจริงๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่