ที่เห็นเขมรเคลม หนักๆในช่วงหลังโควิด
1.ชุดไทย
2.มวยไทย
3.อาหารไทย เริ่มมีบ้างแล้ว แต่ไม่เยอะ
***ดักทางสำหรับคนไทยโลกสวยก่อน
โยนคำว่า วัฒนธรรมร่วม ทิ้งไป เพราะทุกอย่างถูกพัฒนา
ให้โมเดิร์นขึ้น หลังการสถาปนารัฐชาติแบบสมัยใหม่
***ไม่ใช่มรดกวัฒนธรรมแบบรัฐจารีต
เวลาคนไทยหรือฝรั่ง ที่ไม่ได้ศึกษา พูดแบบกำปั้นทุบดินว่าวัฒนธรรมร่วม มันไม่แฟร์กับไทย
เหมือนคนขโมยเงินจากอีกคนไป แล้วพวกนี้มันบอกให้ประนีประนอมด้วยการแบ่งเงินให้คนขโมย
ชุดไทย
ชุดไทยบางสไตล์ที่เห็นๆว่าอลังคือพระพันปีทรงจ้าง ดีไซเนอร์ฝรั่งมาพัฒนาให้ปังมากขึ้น
ส่วนเรื่องกระแสการแต่งชุดไทย
เรายังจำได้10-15 ปีก่อน เราบ่นว่าอยากให้คนไทย
ใส่ชุดไทยให้มากขึ้น เหมือนที่ญี่ปุ่นใส่กันตามสถานที่สำคัญ จนมาถึงละครบุพเพสันนิวาส1 เริ่มมีกระแสแต่ยังจุดไม่ติด พอหลังโควิด ภาคหนังโรง กับภาคล่าสุด
ทำให้เกิดการเช่าชุดไทยเที่ยววัดอรุณ
สักพักเริ่มลามมาเป็นกิจกรรมของนักท่องเที่ยว
ฝรั่ง คนดำ คนจีน คนญี่ปุ่น
ใส่กันฉ่ำ จนเราไม่อยากเชื่อสายตา ว่าจะมีวันนี้


มวยไทย
มวยไทยเราก็มีประวัติศาสตร์การจัดเวทีชก มีดราม่าเซียนมวย มีการถูกท้าทายจากศิลปะการต่อสู้ชนิดอื่น
ในทศวรรษที่60-90 นักมวยคนไทย สร้างชื่อด้วยกาชกมวยสากล จนกระทั่งเวทีระดับโลกแบบk1 สร้างชื่อให้บัวขาว รวมถึงการสร้างหนังแบบ ต้มยำกุ้ง ช่วยโปรโมท
จนการมาถึงของ one championship ก็ยกระดับวงการมวยในไทยไปอีก

อาหารไทย
จากสถิติในปี 2018
ร้านอาหารไทย ในอเมริกามีมากเป็นอันดับ4
รองจาก ร้านอาหารจีน เม็กซิกัน อิตาเลี่ยน
ซึ่งผู้สนใจตั้งข้อสังเกตว่า 3 ชาติที่มาเปิดร้านอาหาร
ล้วนมีจำนวนผู้อพยพมาก แต่สำหรับคนไทยในอเมริกา
ก็ไม่ได้มากเท่าชาติอื่น แต่กลับมีร้านอาหารไทยเยอะ
(ร้านอาหารไทย ต่อคนไทย 1:57
ร้านอาหารเม็กซิกัน : ต่อคนเม็กซิกัน 1: 678)
เลยมีการหาข้อมูลเจอว่า การที่ร้านอาหารไทยเยอะมาจากนโยบายของรัฐบาลทักษิณ ตอนปี2002 ที่ส่งเสริมผู้ประกอบการร้านอาหารในอเมริกา
ซึ่งผลลัพธ์ก็ทำให้อาหารไทยขึ้นแท่นอาหารที่ป๊อบปูล่า
ในระดับเดียวกับอาหารญี่ปุ่น (แต่อาจจะสู้จีนไม่ได้ เพราะความที่จีนมีชุมชนอยู่ทั่วโลก)

ทั้งหมดที่พูดมา
คือ soft power ของไทย ที่ไม่ได้เพิ่งสร้างในปีสองปี
แต่ใช้เวลาสร้างรากฐาน ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง
โปรโมท เป็นเวลา 20-30 ปี ใช้ทั้งงบประมาณ และความคิดสร้างสรรค์
..........................................................................
ถ้าคุณเป็นคนเขมร
เมื่อหันไปมองประเทศเพื่อนบ้านของคุณ ที่sexy เหลือเกินในเรื่องอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
และกำลังใช้งบประมาณจำนวนมากโปรโมท soft power โปรโมเทศกาลเชิงวัฒนธรรมต่างๆ
มีเวทีให้ศิลปะการต่อสู้ที่มีมาตรฐานระดับโลก
มีค่ายมวยที่มีครูมวยคนไทยทำงานอยู่ทั่วโลก
มีเวทีนางงามระดับโลกที่ผู้หญิงจากนานาชาติสวมชุดไทยที่ออกแบบให้แข่งกันสวยที่สุด
มีละครพีเรียด ที่ทำให้ต่างชาติแห่กันมาวัดอรุณ วัดมหาธาตุ แล้วเช่าชุดไทยคอสเพลย์ ถ่ายคลิปอวดกันในติ๊กต๊อก
ถ้าคุณเป็นคนเขมร คุณจะทำอะไร ระหว่าง
A.ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับวัฒนธรรมตัวเอง แล้วหาทาง
พัฒนาให้เป็นที่รู้จักบ้าง
หรือ
B. เกาะกระแสไปกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยอ้างวัฒนธรรมร่วมแบบมึนๆ
ข้อA อาจะใช้เวลา 20ปี และอาจจะไม่มีวันได้อะไรเลย
แต่ข้อ B คือได้ผลลัพธ์แทบจะ ทันที แม้จะดูขี้โกง มีกระแสด้านลบ แต่อย่างน้อยก็มีอะไรให้ทำเป็นรูปเป็นร่าง เป็นชิ้นเป็นอัน และบางครั้งก็ทำเงินได้ด้วย
กับประเทศที่
1. มีประชากรแค่ 16 ล้านคน และไม่ค่อยมีการลงทุนในอุตสาหกรรมหนักหรือเทคโนโลยี
2. ภูมิปัญญาที่เป็นรากเหง้าของประเทศถูกทำลายไปในช่วงเขมรแดง
3.โครงสร้างพื้นฐานยังไม่ครอบคลุมมากพอที่จะรองรับการท่องเที่ยว
ช้อยส์B เลยกลายมาเป็นวิธีการแบบนึง ที่เราเชื่อว่า ทางรัฐบาลกัมพูชาเองก็อาจตะส่งเสริมให้ไปทางนั้น
แม้แต่นายทุนแบบจีนเองที่ทำกำไรในกัมพูชาก็ส่งเสริม

ตอนนี้ เขมรใช้วิธีโพสภาพชุดไทยแล้วติดธงเขมรไปในปริมาณมหาศาล เพื่อสร้างความเข้าใจผิดให้ต่างชาติมองว่า เป็นชุดเขมร ต่างชาติที่ไม่ได้มาศึกษาเชิงลึก ส่วนใหญ่ก็จะประนีประนอมด้วยคำพูดที่ว่า "วัฒนธรรมร่วม"

แต่อย่างที่พูดไปแล้ว ชุดไทยที่พระพันปีทรงพัฒนาใหม่ ไม่ได้อยู่ในนิยามว่า วัฒนธรรมร่วมแต่อย่างใด
คนไทยบางคนนี่ก็เหลือเกิน ชอบยื่นของให้เขาเคลม
"ลิซ่าแห่งกัมพูชา" ขนาดนั้น?
อันนี้ล่าสุดที่น่าสนใจ คือหนังที่ใส่สไบทั้งเรื่อง



เอาจริงๆในเรื่องของสไบ เราอาจจะพอหยวนๆได้
เพราะเขมรเคยอยู่ใต้การปกครองของไทย มีบางช่วงเวลา เจ้านายไทยก็เอาสไบไปเผยแพร่
แต่มันหยวนไม่ได้เพราะเขมรมันเคลมว่าไทยไปลอกของมัน แทนที่จะอธิบายคนในชาติว่าได้รับอิทธิพลจากผู้ปกครองไทย (แต่เข้าใจละนะ ว่าไม่อยากพูดถึงช่วงเวลาใต้อำนาจไทย)
แถม*****
เรื่องนายแบบชาวพม่า ไป่ทาคน
ที่ไปรับจ๊อบแสดงหนังที่เขมร

ไป่ทาคนเป็นกระแสในบ้านเรา ช่วงปี2021
และหายไปเพราะความวุ่นวายทางการเมืองพม่า
และมีข่าวอีกครั้ง ตอนที่มาไทยกลางปี 2023ปีที่แล้ว
คิดว่าน่าจะมาหางานในในไทย
ทว่า ในช่วงปี 2022 เกิดดาวรุ่งพุ่งแรง
อาโป ณัฐวิญญ์ อดีตนักแสดงละครช่องสาม
ที่กลายเป็นที่รู้จักระดับโลกเพราะซีรีย์วาย
ตอนนี้ติดลมบน ดังไกลไปอินเตอร์
จนได้รับเชิญจากกระทรวงพาณิชย์
ช่วยโปรโมทสินค้าไทย

ด้วยความที่รูปร่างหน้าตาคล้ายกัน
คิดว่าทับไลน์กัน เลยเดาว่าไป่ทาคนเลยต้องไปรับจ๊อบ
ที่กัมพูชาแทน (เดา)
ที่ยกเรื่อง อาโป กับ ไป่ทาคน มา
เพราะด้วยความที่ทั้งคู่หน้าตาเหมือนกันมาก
คนมองผ่านๆนึกว่าคนเดียวกัน
ถ้าสมมุติว่า หนังเรื่อง shine ที่เป็นโปรเจคร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ปล่อยออกมา เขมรอาจจะเคลมแบบมึนๆได้ ว่านั่นว่าโน่นเป็นของเขมร แล้วก็อ้างหนังเขมรที่ไป่ทาคนแสดง หน้าตาคล้ายๆอาโปอยู่แล้วด้วย
มันมั่วได้อยู่แล้ว ระวังไว้เลย
Soft power ไม่ได้หล่นมาจากฟ้า ไม่ได้นั่งรอให้ใครมาเสิร์ฟโอกาสถึงปาก คนไทยเราต้องลงเงินลงแรงไม่รู้เท่าไหร่ พอเห็นคนเขมรเคลมเอาง่ายๆก็รู้สึกโกรธเป็นเรื่องปกติ (ถึงเราจะเข้าใจว่าประเทศแบบกัมพูชามันไม่มีเรี่ยวแรงจะมาพัฒนาของๆตัวเองเลยต้องเกาะไทย แต่ก็หงุดหงิดอยู่ดี)
ถ้าคุณเป็นเขมร คุณจะเคลมวัฒนธรรมไทยเพื่อเกาะกระแส soft power มั้ย?
1.ชุดไทย
2.มวยไทย
3.อาหารไทย เริ่มมีบ้างแล้ว แต่ไม่เยอะ
***ดักทางสำหรับคนไทยโลกสวยก่อน
โยนคำว่า วัฒนธรรมร่วม ทิ้งไป เพราะทุกอย่างถูกพัฒนา
ให้โมเดิร์นขึ้น หลังการสถาปนารัฐชาติแบบสมัยใหม่
***ไม่ใช่มรดกวัฒนธรรมแบบรัฐจารีต
เวลาคนไทยหรือฝรั่ง ที่ไม่ได้ศึกษา พูดแบบกำปั้นทุบดินว่าวัฒนธรรมร่วม มันไม่แฟร์กับไทย
เหมือนคนขโมยเงินจากอีกคนไป แล้วพวกนี้มันบอกให้ประนีประนอมด้วยการแบ่งเงินให้คนขโมย
ชุดไทย
ชุดไทยบางสไตล์ที่เห็นๆว่าอลังคือพระพันปีทรงจ้าง ดีไซเนอร์ฝรั่งมาพัฒนาให้ปังมากขึ้น
ส่วนเรื่องกระแสการแต่งชุดไทย
เรายังจำได้10-15 ปีก่อน เราบ่นว่าอยากให้คนไทย
ใส่ชุดไทยให้มากขึ้น เหมือนที่ญี่ปุ่นใส่กันตามสถานที่สำคัญ จนมาถึงละครบุพเพสันนิวาส1 เริ่มมีกระแสแต่ยังจุดไม่ติด พอหลังโควิด ภาคหนังโรง กับภาคล่าสุด
ทำให้เกิดการเช่าชุดไทยเที่ยววัดอรุณ
สักพักเริ่มลามมาเป็นกิจกรรมของนักท่องเที่ยว
ฝรั่ง คนดำ คนจีน คนญี่ปุ่น
ใส่กันฉ่ำ จนเราไม่อยากเชื่อสายตา ว่าจะมีวันนี้
มวยไทย
มวยไทยเราก็มีประวัติศาสตร์การจัดเวทีชก มีดราม่าเซียนมวย มีการถูกท้าทายจากศิลปะการต่อสู้ชนิดอื่น
ในทศวรรษที่60-90 นักมวยคนไทย สร้างชื่อด้วยกาชกมวยสากล จนกระทั่งเวทีระดับโลกแบบk1 สร้างชื่อให้บัวขาว รวมถึงการสร้างหนังแบบ ต้มยำกุ้ง ช่วยโปรโมท
จนการมาถึงของ one championship ก็ยกระดับวงการมวยในไทยไปอีก
อาหารไทย
จากสถิติในปี 2018
ร้านอาหารไทย ในอเมริกามีมากเป็นอันดับ4
รองจาก ร้านอาหารจีน เม็กซิกัน อิตาเลี่ยน
ซึ่งผู้สนใจตั้งข้อสังเกตว่า 3 ชาติที่มาเปิดร้านอาหาร
ล้วนมีจำนวนผู้อพยพมาก แต่สำหรับคนไทยในอเมริกา
ก็ไม่ได้มากเท่าชาติอื่น แต่กลับมีร้านอาหารไทยเยอะ
(ร้านอาหารไทย ต่อคนไทย 1:57
ร้านอาหารเม็กซิกัน : ต่อคนเม็กซิกัน 1: 678)
เลยมีการหาข้อมูลเจอว่า การที่ร้านอาหารไทยเยอะมาจากนโยบายของรัฐบาลทักษิณ ตอนปี2002 ที่ส่งเสริมผู้ประกอบการร้านอาหารในอเมริกา
ซึ่งผลลัพธ์ก็ทำให้อาหารไทยขึ้นแท่นอาหารที่ป๊อบปูล่า
ในระดับเดียวกับอาหารญี่ปุ่น (แต่อาจจะสู้จีนไม่ได้ เพราะความที่จีนมีชุมชนอยู่ทั่วโลก)
ทั้งหมดที่พูดมา
คือ soft power ของไทย ที่ไม่ได้เพิ่งสร้างในปีสองปี
แต่ใช้เวลาสร้างรากฐาน ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง
โปรโมท เป็นเวลา 20-30 ปี ใช้ทั้งงบประมาณ และความคิดสร้างสรรค์
..........................................................................
ถ้าคุณเป็นคนเขมร
เมื่อหันไปมองประเทศเพื่อนบ้านของคุณ ที่sexy เหลือเกินในเรื่องอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
และกำลังใช้งบประมาณจำนวนมากโปรโมท soft power โปรโมเทศกาลเชิงวัฒนธรรมต่างๆ
มีเวทีให้ศิลปะการต่อสู้ที่มีมาตรฐานระดับโลก
มีค่ายมวยที่มีครูมวยคนไทยทำงานอยู่ทั่วโลก
มีเวทีนางงามระดับโลกที่ผู้หญิงจากนานาชาติสวมชุดไทยที่ออกแบบให้แข่งกันสวยที่สุด
มีละครพีเรียด ที่ทำให้ต่างชาติแห่กันมาวัดอรุณ วัดมหาธาตุ แล้วเช่าชุดไทยคอสเพลย์ ถ่ายคลิปอวดกันในติ๊กต๊อก
ถ้าคุณเป็นคนเขมร คุณจะทำอะไร ระหว่าง
A.ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับวัฒนธรรมตัวเอง แล้วหาทาง
พัฒนาให้เป็นที่รู้จักบ้าง
หรือ
B. เกาะกระแสไปกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยอ้างวัฒนธรรมร่วมแบบมึนๆ
ข้อA อาจะใช้เวลา 20ปี และอาจจะไม่มีวันได้อะไรเลย
แต่ข้อ B คือได้ผลลัพธ์แทบจะ ทันที แม้จะดูขี้โกง มีกระแสด้านลบ แต่อย่างน้อยก็มีอะไรให้ทำเป็นรูปเป็นร่าง เป็นชิ้นเป็นอัน และบางครั้งก็ทำเงินได้ด้วย
กับประเทศที่
1. มีประชากรแค่ 16 ล้านคน และไม่ค่อยมีการลงทุนในอุตสาหกรรมหนักหรือเทคโนโลยี
2. ภูมิปัญญาที่เป็นรากเหง้าของประเทศถูกทำลายไปในช่วงเขมรแดง
3.โครงสร้างพื้นฐานยังไม่ครอบคลุมมากพอที่จะรองรับการท่องเที่ยว
ช้อยส์B เลยกลายมาเป็นวิธีการแบบนึง ที่เราเชื่อว่า ทางรัฐบาลกัมพูชาเองก็อาจตะส่งเสริมให้ไปทางนั้น
แม้แต่นายทุนแบบจีนเองที่ทำกำไรในกัมพูชาก็ส่งเสริม
ตอนนี้ เขมรใช้วิธีโพสภาพชุดไทยแล้วติดธงเขมรไปในปริมาณมหาศาล เพื่อสร้างความเข้าใจผิดให้ต่างชาติมองว่า เป็นชุดเขมร ต่างชาติที่ไม่ได้มาศึกษาเชิงลึก ส่วนใหญ่ก็จะประนีประนอมด้วยคำพูดที่ว่า "วัฒนธรรมร่วม"
แต่อย่างที่พูดไปแล้ว ชุดไทยที่พระพันปีทรงพัฒนาใหม่ ไม่ได้อยู่ในนิยามว่า วัฒนธรรมร่วมแต่อย่างใด
คนไทยบางคนนี่ก็เหลือเกิน ชอบยื่นของให้เขาเคลม
"ลิซ่าแห่งกัมพูชา" ขนาดนั้น?
เอาจริงๆในเรื่องของสไบ เราอาจจะพอหยวนๆได้
เพราะเขมรเคยอยู่ใต้การปกครองของไทย มีบางช่วงเวลา เจ้านายไทยก็เอาสไบไปเผยแพร่
แต่มันหยวนไม่ได้เพราะเขมรมันเคลมว่าไทยไปลอกของมัน แทนที่จะอธิบายคนในชาติว่าได้รับอิทธิพลจากผู้ปกครองไทย (แต่เข้าใจละนะ ว่าไม่อยากพูดถึงช่วงเวลาใต้อำนาจไทย)
แถม*****
เรื่องนายแบบชาวพม่า ไป่ทาคน
ที่ไปรับจ๊อบแสดงหนังที่เขมร
ไป่ทาคนเป็นกระแสในบ้านเรา ช่วงปี2021
และหายไปเพราะความวุ่นวายทางการเมืองพม่า
และมีข่าวอีกครั้ง ตอนที่มาไทยกลางปี 2023ปีที่แล้ว
คิดว่าน่าจะมาหางานในในไทย
ทว่า ในช่วงปี 2022 เกิดดาวรุ่งพุ่งแรง
อาโป ณัฐวิญญ์ อดีตนักแสดงละครช่องสาม
ที่กลายเป็นที่รู้จักระดับโลกเพราะซีรีย์วาย
ตอนนี้ติดลมบน ดังไกลไปอินเตอร์
จนได้รับเชิญจากกระทรวงพาณิชย์
ช่วยโปรโมทสินค้าไทย
ด้วยความที่รูปร่างหน้าตาคล้ายกัน
คิดว่าทับไลน์กัน เลยเดาว่าไป่ทาคนเลยต้องไปรับจ๊อบ
ที่กัมพูชาแทน (เดา)
ที่ยกเรื่อง อาโป กับ ไป่ทาคน มา
เพราะด้วยความที่ทั้งคู่หน้าตาเหมือนกันมาก
คนมองผ่านๆนึกว่าคนเดียวกัน
ถ้าสมมุติว่า หนังเรื่อง shine ที่เป็นโปรเจคร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ปล่อยออกมา เขมรอาจจะเคลมแบบมึนๆได้ ว่านั่นว่าโน่นเป็นของเขมร แล้วก็อ้างหนังเขมรที่ไป่ทาคนแสดง หน้าตาคล้ายๆอาโปอยู่แล้วด้วย
มันมั่วได้อยู่แล้ว ระวังไว้เลย
Soft power ไม่ได้หล่นมาจากฟ้า ไม่ได้นั่งรอให้ใครมาเสิร์ฟโอกาสถึงปาก คนไทยเราต้องลงเงินลงแรงไม่รู้เท่าไหร่ พอเห็นคนเขมรเคลมเอาง่ายๆก็รู้สึกโกรธเป็นเรื่องปกติ (ถึงเราจะเข้าใจว่าประเทศแบบกัมพูชามันไม่มีเรี่ยวแรงจะมาพัฒนาของๆตัวเองเลยต้องเกาะไทย แต่ก็หงุดหงิดอยู่ดี)