สวัสดีครับ หลังจากกระทู้ที่แล้วผมสัญญาว่าจะมาวิเคราะห์เรื่องมหาเวทผนึกมารต่อในแง่ของประวัติศาสตร์และศาสนา วันนี้ก็ได้นำมาเล่าให้สมใจอยากเสียที
ก่อนจะเริ่ม ผมจะต้องขอกล่าวนำก่อนเลยว่า ข้อมูลมันเยอะมากๆ (เรียกได้ว่ายอมใจที่อาจารย์เก็บรายละเอียดมาแบบแทบครบรส) อาจเกิดความผิดพลาดได้มาก และผมอาจเขียนให้จบภายในกระทู้เดียวไม่ได้ เพราะฉะนั้นผมจะแยกเขียนเป็น 2 ช่วงนะครับ ช่วงแรกจะเป็นวิเคราะห์ด้านประวัติศาสตร์และศาสนา และช่วงที่สองอาจจะเป็นเรื่องของบุคคลสำคัญแห่งยุคกับความเชื่อมโยงระหว่างตัวมหาเวทผนึกมาร กับเกร็ดอีกเล็กๆ น้อยๆ นะครับ
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปดูข้อมูลของยุคเฮอันคร่าวๆตามประวัติศาสตร์กันก่อนว่า มีความสำคัญกับญี่ปุ่นมากน้อยแค่ไหน
ยุคสมัยเฮอัน (平安時代 / heian jidai) = ระหว่าง ค.ศ 794 - 1185
ยุคเฮอันนับว่าเป็นการเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ที่สำคัญของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ หลังจากได้มีการย้ายเมืองหลวงเดิมจากนารา มายัง "เฮอันเกียว" (ปัจจุบันตั้งอยู่ในเกียวโต) อันเนื่องมาจากชาวบ้านเริ่มประสบปัญหาโรคระบาดและภาวะข้าวยากหมากแพง จึงต้องมีการตั้งเมืองใหม่ให้ถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ย ยุคนี้นับว่ามีการเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่างเกิดขึ้นภายในประเทศญี่ปุ่น การปกครอง ศิลปะวัฒนธรรมเฟื่องฟู เรียกได้ว่าเป็น "ยุคทองของญี่ปุ่น" ที่แท้จริง ได้แก่
- ด้านการเมือง ได้นำระบอบการปกครองแบบราชวงค์ถังของจีนมาใช้ แต่อำนาจไม่ได้อยู่ที่องค์จักรพรรดิ กลับไปตกอยู่ที่ตระกูลขุนนางฟูจิวาระ แทน
- ด้านภาษา มีการคิดค้นตัวอักษรฮิรากานะขึ้นมาใช้เป็นครั้งแรก การแต่งกวี กาพย์กลอน เริ่มเป็นที่นิยม นักปราชญ์ นักกวีที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่ก็อยู่ในยุคนี้
- ด้านวัฒนธรรม มีการรับวัฒนธรรมหลายส่วนมาจากจีนช่วงราชวงค์ถังมาประยุกต์ใช้ เช่น การบันทึกข้อมูลต่างๆ ลงในกระดาษ ก็นำเข้ามาจากจีน
- ด้านวรรณกรรม เกิดนวนิยายเรื่องยาวขึ้นเป็นครั้งแรกของโลก (ตัวอย่างเช่น ตำนานเก็นจิ)
- ด้านวิชาการ กำเนิดหนังสือคู่มือการจัดสวนเล่มแรกของโลก รวมไปถึง ตำรางานสถาปัตย์ สูตรอาหาร เป็นต้น
แต่ที่กล่าวมาข้างต้นอาจดูไม่สำคัญเท่าสิ่งที่เราจะพูดในเนื้อหาหลักๆนี้
ด้านศาสนา และความเชื่อในยุคเฮอัน
มีการกำเนิดศาสนาพุทธ 2 นิกายใหม่ในยุคเฮอัน คือ นิกายเท็นได (Tendai) ก่อตั้งโดยพระอาจารย์ไซโช มีศูนย์กลางอยู่ที่เขาฮิเอ
และนิกายชินงอน (Shingon) ก่อตั้งโดยพระอาจารย์คูไค มีศูนย์กลางอยู่ที่เขาโคยะ
(ซ้าย) พระอาจารย์ไซโจ และ (ขวา) พระอาจารย์คูไค
โดยทั้ง 2 นิกายนี้ ได้รับการอุปถัมถ์เป็นอย่างดีจากทางราชการ เพราะต้องการให้ไปช่วยคานอำนาจพวกกลุ่มพระสงฆ์ 6 นิกายเดิม เพราะกลุ่มพระสงฆ์ 6 นิกายก่อนนั้น ทำตัวเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองจนเกินเหตุ ทำให้ชาวบ้านหมดศรัทธากับศาสนา
เราจะขอพูดถึงนิกายชินงอนเป็นหลัก เพราะมีรายละเอียดที่น่าสนใจและเกี่ยวข้องกับ มหาเวทผนึกมาร ค่อนข้างมาก
ตำนานพื้นบ้านเขาโคยะ
นิกายชินงอนก่อตั้งโดยพระอาจารย์คูไค ซึ่งเป็นศาสนาพุทธสายวัชรยานที่รับมาจากจีน เน้นการปฏิบัติสวดมนต์ ฝึกสมาธิ และประกอบพิธีกรรม หลังจากที่ท่านได้เดินทางไปศึกษาศาสนาพุทธที่จีนเป็นเวลาหลายปี ก่อนเดินทางกลับ ท่านได้เสี่ยงทายโยน 'วัชระ' ขึ้นบนท้องฟ้าเพื่อหาทำเลสร้างวัด วัชระกลับลอยข้ามทะเลมาตกลงที่เทือกเขาโคยะแห่งนี้ ต่อมาจึงเรียกวัชระนี้ว่า “วัชระเหินหาว” เป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ชิ้นสำคัญของชาติ
แต่ในตอนนั้นท่านยังไม่รู้ว่าวัชระลอยไปอยู่ที่ไหน ท่านจึงออกธุดงค์ในญี่ปุ่นต่อมาเรื่อยๆ จนในที่สุดก็มาถึงเขาโคยะ ระหว่างที่ท่านกำลังธุดงค์แถวนั้น ท่านก็ได้พบ นายพรานกับสุนัขสีขาวและดำคู่หนึ่งเดินผ่านมา เมื่อทราบเรื่อง นายพรานจึงนิมนต์ให้สุนัขสองตัวนั้นนำทางท่านไปยังทำเลที่สร้างวัด
เมื่อมาถึง ท่านก็ยังได้พบกับเทพีอารักษ์ประจำถิ่นนามว่า มิอุ เมียวจิน ทั้งสองได้สนทนากัน เทพีจึงได้มอบที่ดินบริเวณนั้นให้สำหรับสร้างวัด
และท่านก็ได้สังเกตเห็นว่า วัชระที่ท่านเคยโยนเสี่ยงทายได้ลอยมาตกลงบนต้นสนบริเวณนั้นพอดี (ต่อมาต้นสนนั้นถูกเรียกว่า ต้นซังโกะ / ต้นตรีวัชระ)
ชาวบ้านแถวนั้นเชื่อว่า นายพรานและเทพีที่ท่านคูไคได้พบในตอนนั้น เป็นเทพเจ้าดั้งเดิมของชินโตที่จำแลงกายมา นั่นคือ คาริบะ เมียวจิน (นายพราน) และ มิอุ เมียวจิน (มีความเชื่ออีกว่าเทพ 2 องค์นี้ก็เป็นนิรมาณกายของพระไวโรจนะ)
(ภาพวาดจตุรเทพแห่งเขาโคยะ มีสุนัขสีขาวและดำสองตัวหมอบอยู่)
(เกียวคุเคน ชิคิกามิของเมกุมิ อาจได้รับแรงบัลดาจใจมาจากตรงนี้?)
ในปัจจุบันหากเราไปเที่ยวชมบริเวณศาลเจ้านิอุสึฮิเมะ จินจะ ที่เขาโคยะ อาจจะได้พบเห็นน้องหมาสองตัวที่มีสีขาวและดำที่นั่นด้วย
น้องหมาตัวสีดำจะเรียกว่า ไดคิ โก (Daiki-gō) และตัวสีขาวจะเรียกว่า ซุสุฮิเมะ โก (Suzuhime-gō)
จากเรื่องเล่าแล้วก็ยิ่งสื่อให้เห็นว่า ศาสนาพุทธและลัทธิชินโตเริ่มจะมีการผสมผสานกันอย่างดีในยุคนี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะการเข้ามาของนิกายชินงอน
(โปรดรอติดตาม)
(JUJUTSU KAISEN) มหาเวทผนึกมาร กับประวัติศาสตร์ และศาสนาในยุคเฮอัน