สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 16
https://www.facebook.com/photo?fbid=10159961071546724
Thitivimol Lom Siripanyo
อัพเดตครบรอบ 10 ปี การหายไปของเที่ยวบิน MH370
วันก่อน ผมได้รับการติดต่อขอสัมภาษณ์จากสำนักข่าวสำนักหนึ่ง เกี่ยวกับการครบรอบ 10 ปีการหายไปของ MH370 จึงขอนำเรื่องราวที่ให้สัมภาษณ์ไป มาบันทึกไว้เผื่อใครสนใจนะครับ
~ ก่อนอื่น เรามาตัดทฤษฎีที่เป็นไปไม่ได้ออกไปก่อน ~
ที่ผ่านมามีคนเขียนหนังสือเกี่ยวกับ MH370 เป็นร้อยเล่ม เสนอทฤษฎีต่างๆนาๆ รวมทั้งมีสารคดีที่ออกมาสร้างความฮือฮา ซึ่งเราจะใช้วิธีตัดทฤษฎีที่เป็นไปไม่ได้ออกทีละอัน ให้เหลือเฉพาะสิ่งที่เป็นไปได้
ที่ว่าเครื่องถูกยิงตกที่อ่าวไทยตอนล่างนั้น เป็นไปไม่ได้ครับ เพราะไม่มีทางที่จะไม่มีการค้นพบเศษชิ้นส่วนและคราบน้ำมันบนผิวทะเล เพราะตอนบินผ่านบริเวณนั้น เครื่องยังมีน้ำมันอยู่สี่สิบกว่าตัน หรือห้าหมื่นกว่าลิตร เศษชิ้นส่วนและคราบน้ำมันย่อมลอยกระจัดกระจายเป็นบริเวณกว้าง ซึ่งอ่าวไทยตอนล่างนั้นมีทั้งเรือพลุกพล่าน และเครื่องบินๆผ่านมากมาย
อย่างตอนเครื่อง Air France 447 ตกที่กลางมหาสมุทรแอตแลนติก ก็มีชิ้นส่วนลอยขึ้นมาบนผิวน้ำมากมาย โดยชิ้นส่วนเครื่องบินนั้นมักถูกออกแบบให้มีโครงสร้างเหมือนรังผึ้ง เพื่อลดน้ำหนักให้มากที่สุด เพราะเครื่องบินยิ่งหนัก ก็จะยิ่งกินน้ำมันมาก
ที่ว่าเครื่องถูกไฮแจ็คไปลงในเอเชียกลางนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะรอดพ้นการตรวจจับด้วยเรดาร์ทางทหารของแต่ละประเทศที่จะต้องบินผ่าน หรือการที่ผู้ก่อการร้ายลงไปบังคับเครื่องจากห้องอุปกรณ์ electronics ใต้ครัวหน้าอย่างในสารคดี ก็เป็นไปไม่ได้ในทางเทคนิค
หรือถ้าเครื่องลำใหญ่หนักสองร้อยกว่าตันอย่างนี้ไปตกอยู่บนแผ่นดิน ก็จะต้องพบชิ้นส่วนกระจัดกระจายเหมือนเครื่องมาเลเซียอีกลำที่ถูกยิงตกแถวพรมแดนรัสเซีย-ยูเครน
หรือที่ว่าอาจเกิดปัญหาทางเทคนิคเช่นไฟไหม้บนเครื่องจนไฟฟ้าดับหมด แล้วนักบินพยายามนำเครื่องกลับไปลงที่มาเลเซีย ก็ไม่ปรากฏว่านักบินได้พยายามทำสิ่งนั้นแต่อย่างใด หรือที่บางคนว่าอาจเกิดการสูญเสียความดันในห้องโดยสารอย่างรวดเร็วจนหมดสติกันทั้งลำ ถ้าเป็นตามนั้น เครื่องก็จะต้องบินไปตามเส้นทางที่นักบินโปรแกรมไว้ในคอมพิวเตอร์ แล้วหลังจากปักกิ่ง ก็จะบินต่อไปตรงๆ จนน้ำมันหมด ไปตกอยู่แถวโน้น
~ แล้วเครื่อง MH370 นั้นบินไปทางไหนกันแน่? ~
มีข้อมูลน่าสนใจล่าสุดที่ผม กัปตันลม อดีตกัปตัน 777 ได้ติดตามศึกษามาเล่าสู่กันฟัง โดยจะขอเทียบเวลาของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเวลาบ้านเรานะครับ
เวลา 2341 ของวันที่ 7 มีนาคม 2014 ตามเวลาไทย เครื่อง B777-200ER ของสายการบินมาเลเซีย เที่ยวบินที่ MH370 บินขึ้นจากท่าอากาศยานเซปังชานกรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยจุดหมายปลายทางตามตารางบินคือปักกิ่ง
ในรูปบน เส้นสีเขียวจากจุด A ไปจุด B คือเส้นทางการบินที่พล็อตขึ้นจากสัญญาณบอกตำแหน่งของเครื่องบินตามปกติ แต่ความผิดปกติเริ่มขึ้นเมื่อระบบสื่อสารของเครื่องบินหยุดทำงานเมื่อเวลา 0021 ของวันที่ 8 มีนาคม ที่จุด B
เส้นสีน้ำเงินจาก B ไป C เป็นเส้นทางบินที่สถานีเรดาร์ของมาเลเซียจับตำแหน่งของเครื่อง MH370 ไว้ได้ โดยแทนที่เครื่องจะบินต่อไปทางตะวันออกเฉียงเหนือตามเส้นทางปกติไปยังปักกิ่ง เครื่องกลับเลี้ยวซ้าย บินวกกลับมาทางตะวันตกเฉียงใต้ ไปยังเกาะปีนัง บ้านของกัปตันของเที่ยวบิน ซึ่งคอนเฟิร์มได้อีกทางว่าเครื่องบินไปทางนั้นจริงๆ เพราะมีข้อมูลว่า โทรศัพท์มือถือของนักบินผู้ช่วยได้ต่อเชื่อมกับสถานีเครือข่ายที่ปีนังเมื่อเวลา 0052
พอผ่านปีนังก็เลี้ยวขวาไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ โดยในระหว่างทางมีการเปลี่ยนระยะสูงขึ้นลง จากนั้นเครื่องได้บินออกนอกระยะตรวจจับของสถานีเรดาร์มาเลเซียเมื่อเวลา 0122 ที่จุด C
ที่จุด D มีการเปิดระบบ SATCOM (Satellite Communications) บนเครื่อง MH370 กลับขึ้นมาเมื่อเวลา 0125 ทำให้ดาวเทียม INMARSAT ติดต่อกับเครื่อง MH370 ได้ โดยจะมีการ ‘Handshake’ (หรือที่เรียกว่าสัญญาณ ping) กันทุก 1 ชั่วโมง โดยเริ่ม Handshake กันครั้งแรกเมื่อเวลา 0241 ที่จุดใดจุดหนึ่งบนเส้นโค้งที่ 2 ในภาพ ซึ่งดาวเทียมจะรู้ระยะห่างของเครื่องบินจากตัวดาวเทียมเอง รวมทั้งจะรู้ระยะสูงและการเปลี่ยนแปลงระยะสูงของเครื่องบิน แต่ไม่รู้ว่าอยู่ในทิศทางไหน ในเบื้องต้นจึงบอกได้แต่เพียงว่าตำแหน่งของเครื่องอยู่บนจุดใดจุดหนึ่งบนเส้นโค้งที่มีระยะห่างจากดาวเทียมเท่าๆกัน ดังที่พล็อตลงบนภาพ
แต่เมื่อเราทราบตำแหน่งล่าสุดของเครื่องจากข้อมูลเรดาร์ และจากการวิเคระห์สัญญาณดาวเทียมดังกล่าว เราสรุปได้ว่าเครื่องอยู่บนจุดใดจุดหนึ่งทางทิศใต้ของดาวเทียม เหนือมหาสมุทรอินเดีย โดยเส้นโค้งที่ 2 ถึง 7 คือระยะห่างจากดาวเทียมที่มีการ Handshake กันในชั่วโมงถัดๆไป
ก่อนหน้านี้ ตามสมมติฐานว่าเกิดความผิดพลาดขึ้นบนเครื่อง นักบินน่าจะหมดสติ เครื่องบินออกนอกทิศทางไปเองด้วยสาเหตุใดก็แล้วแต่ ไม่มีใครควบคุม น่าจะบินไปตรงๆจนน้ำมันหมดแล้วตกลงในมหาสมุทร จึงนำข้อมูลสมรรถนะของเครื่อง 777-200ER จากโบอิ้งมาคำนวณตำแหน่งที่เป็นไปได้ของเครื่อง ตามที่เห็นเป็นแรเงาสีเทาในภาพ แล้วออกทำการค้นหากันในบริเวณเส้นโค้งสุดท้ายที่เครื่องติดต่อกับดาวเทียมแถวเส้นโค้งที่ 7 มีพื้นที่ค้นหากว้างถึงราว 120,000 ตารางกิโลเมตร มีศูนย์กลางห่างจากชายฝั่งตะวันตกของออสเตรเลียราวสองพันกิโลเมตร แต่ก็ไม่พบเครื่องบินที่หายไป
ในเวลาที่ผ่านมา มีการค้นพบชิ้นส่วนของเครื่องบินบนเกาะและชายฝั่งทวีป Africa หลายชิ้นที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว ว่าเป็นชิ้นส่วนของเครื่อง MH370 จริง โดยศาสตราจารย์ด้านสมุทรศาสตร์ของมหาวิทยาลัย Western Australia ได้ใช้ความรู้ด้านกระแสน้ำในมหาสมุทรอินเดียมาคำนวณหาบริเวณเครื่องตกได้ ตามกรอบสีเหลืองในภาพล่าง ซึ่งสอดคล้องกับการคำนวณด้วยสัญญาณดาวเทียมและข้อมูลสมรรถนะของโบอิ้งที่เล่ามาข้างต้น
~ เทคนิคใหม่ในการถอดรหัสเส้นทางการบินของ MH370 ~
ทีนี้ เมื่อปี 2021 ได้มีการเสนอให้ใช้ข้อมูล WSPR (Weak Signal Propagation Reporter) ที่บันทึกการรบกวนสัญญาณวิทยุสมัครเล่น ที่อาจเกิดจากเครื่องบินลำใหญ่บินผ่านแนวสัญญาณเอาไว้ กล่าวคือสัญญาณวิทยุสมัครเล่นนั้นเปรียบดั่งตาข่ายขนาดยักษ์ ที่เมื่อเครื่องบินๆผ่านก็จะทำให้ตาข่ายนั้นถูกรบกวน ซึ่งสามารถไปไล่ย้อนดูข้อมูลการรบกวนสัญญาณที่ตำแหน่งใด ณ เวลาใดที่มีการบันทึกไว้ในฐานข้อมูลได้
นี่นับเป็นเทคนิคใหม่ในการจับตำแหน่งเครื่องบิน แต่ได้มีการทดลองหลายครั้งแล้วว่าใช้ได้ผลจริง ดังที่ผมเคยโพสท์ไว้เมื่อปีก่อน ซึ่งคุณริชาร์ด กอดฟรีย์ วิศวกรอากาศยานชาวอังกฤษ ได้นำข้อมูลการรบกวนสัญญาณวิทยุในวัน เวลา และบริเวณที่คาดว่าเครื่อง MH370 จะบินผ่าน ได้ข้อมูลตำแหน่งเครื่องในเวลาต่างๆถึงสามร้อยกว่าจุด นำมาพล็อตเป็นเส้นทางการบินของ MH370 ได้ตามเส้นสีแดงในภาพบน ซึ่งตำแหน่งของเครื่องที่คำนวณได้จากข้อมูล WSPR นี้ ตรงกับข้อมูลการ Handshake กับดาวเทียม ณ จุด E, F, G, H, I และ J ที่ล้วนอยู่บนเส้นโค้งที่ 2 ถึง 7 ทั้งสิ้น
เส้นทางบินที่คำนวณด้วยข้อมูล WSPR บอกเราว่า เครื่องมีการบินเปลี่ยนทิศทางไปมาหลายครั้ง ไม่ได้บินไปตรงๆ ซึ่งเมื่อรวมกับข้อมูลระยะสูงของเครื่องบินที่ได้จากดาวเทียมแล้ว เราสรุปได้ว่า มีคนควบคุมเครื่องอยู่ตลอดทาง โดยการบังคับเลี้ยวไปทางตะวันออกเฉียงใต้หลังจากจุด H ทำให้ตำแหน่งของเครื่องจากเส้นโค้งที่ 5 ไปเส้นที่ 6 และ 7 แตกต่างจากเส้นทางของเครื่องที่คาดไว้เดิมก่อนการค้นหาครั้งก่อนว่าเครื่องน่าจะบินไปตรงๆมาก ส่งผลให้การค้นหาครั้งก่อนล้มเหลว
จากการวิเคราะห์ข้อมูล เครื่อง MH370 ที่เติมน้ำมันมาพอที่จะบินได้ประมาณ 7 ชั่วโมงครึ่ง น่าจะน้ำมันหมดลงในเวลาประมาณ 0717 โดยข้อมูลจากดาวเทียมบอกว่าที่เวลา 0719 ตรงจุด J นั้น เครื่องกำลังดิ่งลงหามหาสมุทรด้วย vertical speed ประมาณ 15,000 ฟุตต่อนาที ซึ่งการคำนวณด้วย WSPR นี้ จุดที่เครื่องตกลงสู่มหาสมุทรน่าจะอยู่แถวๆ 29.128 องศาใต้ 99.934 องศาตะวันออก ซึ่งห่างจากจุดกึ่งกลางการค้นหาเดิมมาทางตะวันออกเฉียงเหนือถึงราว 630 กิโลเมตร ซึ่งถ้าลากเส้นตรงจากกรุงเทพฯไปทิศทางเดียวกัน ก็จะเลยนครพนมเข้าไปในลาวโน่นเลย ของหายแถวสะหวันนะเขตในลาว ไปหาแถวกรุงเทพฯ จะเจอได้ยังไง
พิกัดดังกล่าวคือจุด WSPR ที่วงไว้ด้วยสีฟ้าตามรูปล่าง ส่วนกรอบสีเหลืองในรูปล่างนั้นคือบริเวณที่เป็นไปได้ว่าเครื่องจะตก เมื่อคำนวณย้อนจากการพบชิ้นส่วนของเครื่องด้วยข้อมูลกระแสน้ำโดยมหาวิทยาลัย Western Australia ซึ่งจะเห็นว่า การคำนวณตำแหน่งของเครื่องด้วย WSPR นั้น สอดคล้องกับทั้งการวิเคราะห์ด้วยข้อมูลสมรรถนะของโบอิ้ง ข้อมูลจากดาวเทียม INMARSAT และข้อมูลทางสมุทรศาสตร์ โดยผู้คำนวณมั่นใจว่า หากค้นหาที่พิกัดนี้ น่าจะใช้พื้นที่การค้นหาเพียงภายในรัศมี 30 กิโลเมตรเท่านั้น ซึ่งเล็กกว่าพื้นที่ค้นหาเดิมมาก
~ เหลือทฤษฎีที่เป็นไปได้มากที่สุด เพียงทฤษฎีเดียว ~
ทั้งการเปลี่ยนเส้นทางบินไปมา ทั้งมีการไต่ระดับ ลดระดับที่ไม่ได้บรรยายไว้เพราะเดี่ยวจะยาวเกินไป อีกทั้งการเปิดระบบ SATCOM บนเครื่องกลับขึ้นมา ไม่ต้องสงสัยเลยว่า มีผู้ควบคุมเครื่องบินลำนี้อยู่ตลอด คำถามคือ คนที่บินเครื่องอยู่นั้นคือใคร?
ถ้าสมมุติว่าเป็นไฮแจ็คเกอร์ เขาย่อมต้องมีข้อเรียกร้อง ข้อต่อรอง มีจุดมุ่งหมาย ไม่ใช่ไฮแจ็คเครื่องบินไปบินลงน้ำเฉยๆ เรื่องนี้จึงไม่น่าเป็นไปได้ โดยเฉพาะในยุคหลัง 9/11 นั้น ระบบป้องกันการถูกไฮแจ็คนั้นรัดกุมสุดๆ เป็นไปไม่ได้ที่ใครจะพังประตู cockpit เข้าไป ทั้งประตูแน่นหนาระดับกันกระสุนแถมมีกล้องส่องดูหน้าประตูด้านครัวว่าใครอยู่หน้าประตูอีกต่างหาก หรือถ้าพบว่ามีความพยายามไฮแจ็คเครื่องเกิดขึ้นด้านนอก cockpit จริง นักบินก็ย่อมจะรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
สำหรับนักบินประจำเครื่อง ตราบใดที่ไม่มีหลักฐานแน่ชัด เราย่อมสรุปไม่ได้ว่าใครเป็นคนทำ แต่เรามีข้อมูลจากข่าวที่ออกมา ว่ากัปตันของเที่ยวบินนี้ มีการพล็อตเส้นทางการบินนำเครื่องไปลงทะเลในมหาสมุทรอินเดียตอนใต้ เหมือนเส้นทางของ MH370 ใน Flight Simulator บนคอมพิวเตอร์ของเขา
ข่าวบอกอีกว่า กัปตันเป็นคอการเมือง สนับสนุนผู้นำฝ่ายค้าน ณ เวลานั้น (แต่กุมอำนาจอยู่ในเวลานี้) ซึ่งกำลังถูกตัดสินคดีที่ผู้สนับสนุนเชื่อว่าเป็นการกลั่นแกล้ง ในวันก่อนหน้าเที่ยวบินนั้นพอดี ซึ่งมีผู้วิเคราะห์ว่า การเปิดระบบ SATCOM ขึ้นมาอีกครั้งนั้น ทำเพื่ออะไร มีการใช้โทรศัพท์ผ่านดาวเทียม เพื่อต่อรองอะไรกับใครอย่างไรหรือเปล่า ซึ่งถ้าเป็นจริง ผู้ที่ถูกติดต่อจากใครบนเครื่องย่อมรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
คนที่ชอบศึกษาประวัติศาสตร์การบินจะรู้ว่า ผลการสอบสวนอุบัติเหตุที่สรุปว่าเป็นการตั้งใจนำเครื่องลงสู่พื้นของนักบินนั้นเกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้ว เช่น SilkAir 185, EgyptAir 990, Germanwings 9525 และ China Eastern 5735 ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานนี้ ที่เห็นข่าวภาพวงจรปิดบินปักหัวลงมาตรงๆ ซึ่งผมได้ศึกษาข้อมูลเชิงลึกของแต่ละไฟลท์ว่ามีอะไรเป็นแรงจูงใจให้กระทำการ แต่ขอไม่กล่าวถึงในที่นี้
ทั้งนี้ ผมไม่มีเจตนาฟันธงว่าใครเป็นผู้ควบคุมเครื่อง MH370 เพียงแต่นำข้อมูลที่มีอยู่มาเล่าให้ฟัง เราย่อมไม่สามารถสรุปอะไรได้ จนกว่าจะพบซากเครื่องบิน และกล่องบันทึกข้อมูล
~ มีข้อมูลใหม่ๆอย่างนี้แล้ว การค้นหาครั้งใหม่จะเกิดขึ้นหรือไม่? ~
ก่อนอื่นอาจจะมีคนถามว่า ถึงเจอกล่องดำที่จมทะเลอยู่นานขนาดนี้ จะยังอ่านข้อมูลได้อยู่หรือ?
ลักษณะการฉีกขาดของชิ้นส่วนเครื่องที่พบ ทำให้เราทราบว่าเครื่องตกกระแทกน้ำอย่างแรง ซากเครื่องน่าจะเป็นชิ้นส่วนขนาดไม่ใหญ่ การค้นหาถ้าไม่เริ่มที่พิกัดที่ใกล้เคียงจริงๆจะทำได้ยาก
(มีต่อด้านล่าง)
Thitivimol Lom Siripanyo
อัพเดตครบรอบ 10 ปี การหายไปของเที่ยวบิน MH370
วันก่อน ผมได้รับการติดต่อขอสัมภาษณ์จากสำนักข่าวสำนักหนึ่ง เกี่ยวกับการครบรอบ 10 ปีการหายไปของ MH370 จึงขอนำเรื่องราวที่ให้สัมภาษณ์ไป มาบันทึกไว้เผื่อใครสนใจนะครับ
~ ก่อนอื่น เรามาตัดทฤษฎีที่เป็นไปไม่ได้ออกไปก่อน ~
ที่ผ่านมามีคนเขียนหนังสือเกี่ยวกับ MH370 เป็นร้อยเล่ม เสนอทฤษฎีต่างๆนาๆ รวมทั้งมีสารคดีที่ออกมาสร้างความฮือฮา ซึ่งเราจะใช้วิธีตัดทฤษฎีที่เป็นไปไม่ได้ออกทีละอัน ให้เหลือเฉพาะสิ่งที่เป็นไปได้
ที่ว่าเครื่องถูกยิงตกที่อ่าวไทยตอนล่างนั้น เป็นไปไม่ได้ครับ เพราะไม่มีทางที่จะไม่มีการค้นพบเศษชิ้นส่วนและคราบน้ำมันบนผิวทะเล เพราะตอนบินผ่านบริเวณนั้น เครื่องยังมีน้ำมันอยู่สี่สิบกว่าตัน หรือห้าหมื่นกว่าลิตร เศษชิ้นส่วนและคราบน้ำมันย่อมลอยกระจัดกระจายเป็นบริเวณกว้าง ซึ่งอ่าวไทยตอนล่างนั้นมีทั้งเรือพลุกพล่าน และเครื่องบินๆผ่านมากมาย
อย่างตอนเครื่อง Air France 447 ตกที่กลางมหาสมุทรแอตแลนติก ก็มีชิ้นส่วนลอยขึ้นมาบนผิวน้ำมากมาย โดยชิ้นส่วนเครื่องบินนั้นมักถูกออกแบบให้มีโครงสร้างเหมือนรังผึ้ง เพื่อลดน้ำหนักให้มากที่สุด เพราะเครื่องบินยิ่งหนัก ก็จะยิ่งกินน้ำมันมาก
ที่ว่าเครื่องถูกไฮแจ็คไปลงในเอเชียกลางนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะรอดพ้นการตรวจจับด้วยเรดาร์ทางทหารของแต่ละประเทศที่จะต้องบินผ่าน หรือการที่ผู้ก่อการร้ายลงไปบังคับเครื่องจากห้องอุปกรณ์ electronics ใต้ครัวหน้าอย่างในสารคดี ก็เป็นไปไม่ได้ในทางเทคนิค
หรือถ้าเครื่องลำใหญ่หนักสองร้อยกว่าตันอย่างนี้ไปตกอยู่บนแผ่นดิน ก็จะต้องพบชิ้นส่วนกระจัดกระจายเหมือนเครื่องมาเลเซียอีกลำที่ถูกยิงตกแถวพรมแดนรัสเซีย-ยูเครน
หรือที่ว่าอาจเกิดปัญหาทางเทคนิคเช่นไฟไหม้บนเครื่องจนไฟฟ้าดับหมด แล้วนักบินพยายามนำเครื่องกลับไปลงที่มาเลเซีย ก็ไม่ปรากฏว่านักบินได้พยายามทำสิ่งนั้นแต่อย่างใด หรือที่บางคนว่าอาจเกิดการสูญเสียความดันในห้องโดยสารอย่างรวดเร็วจนหมดสติกันทั้งลำ ถ้าเป็นตามนั้น เครื่องก็จะต้องบินไปตามเส้นทางที่นักบินโปรแกรมไว้ในคอมพิวเตอร์ แล้วหลังจากปักกิ่ง ก็จะบินต่อไปตรงๆ จนน้ำมันหมด ไปตกอยู่แถวโน้น
~ แล้วเครื่อง MH370 นั้นบินไปทางไหนกันแน่? ~
มีข้อมูลน่าสนใจล่าสุดที่ผม กัปตันลม อดีตกัปตัน 777 ได้ติดตามศึกษามาเล่าสู่กันฟัง โดยจะขอเทียบเวลาของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเวลาบ้านเรานะครับ
เวลา 2341 ของวันที่ 7 มีนาคม 2014 ตามเวลาไทย เครื่อง B777-200ER ของสายการบินมาเลเซีย เที่ยวบินที่ MH370 บินขึ้นจากท่าอากาศยานเซปังชานกรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยจุดหมายปลายทางตามตารางบินคือปักกิ่ง
ในรูปบน เส้นสีเขียวจากจุด A ไปจุด B คือเส้นทางการบินที่พล็อตขึ้นจากสัญญาณบอกตำแหน่งของเครื่องบินตามปกติ แต่ความผิดปกติเริ่มขึ้นเมื่อระบบสื่อสารของเครื่องบินหยุดทำงานเมื่อเวลา 0021 ของวันที่ 8 มีนาคม ที่จุด B
เส้นสีน้ำเงินจาก B ไป C เป็นเส้นทางบินที่สถานีเรดาร์ของมาเลเซียจับตำแหน่งของเครื่อง MH370 ไว้ได้ โดยแทนที่เครื่องจะบินต่อไปทางตะวันออกเฉียงเหนือตามเส้นทางปกติไปยังปักกิ่ง เครื่องกลับเลี้ยวซ้าย บินวกกลับมาทางตะวันตกเฉียงใต้ ไปยังเกาะปีนัง บ้านของกัปตันของเที่ยวบิน ซึ่งคอนเฟิร์มได้อีกทางว่าเครื่องบินไปทางนั้นจริงๆ เพราะมีข้อมูลว่า โทรศัพท์มือถือของนักบินผู้ช่วยได้ต่อเชื่อมกับสถานีเครือข่ายที่ปีนังเมื่อเวลา 0052
พอผ่านปีนังก็เลี้ยวขวาไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ โดยในระหว่างทางมีการเปลี่ยนระยะสูงขึ้นลง จากนั้นเครื่องได้บินออกนอกระยะตรวจจับของสถานีเรดาร์มาเลเซียเมื่อเวลา 0122 ที่จุด C
ที่จุด D มีการเปิดระบบ SATCOM (Satellite Communications) บนเครื่อง MH370 กลับขึ้นมาเมื่อเวลา 0125 ทำให้ดาวเทียม INMARSAT ติดต่อกับเครื่อง MH370 ได้ โดยจะมีการ ‘Handshake’ (หรือที่เรียกว่าสัญญาณ ping) กันทุก 1 ชั่วโมง โดยเริ่ม Handshake กันครั้งแรกเมื่อเวลา 0241 ที่จุดใดจุดหนึ่งบนเส้นโค้งที่ 2 ในภาพ ซึ่งดาวเทียมจะรู้ระยะห่างของเครื่องบินจากตัวดาวเทียมเอง รวมทั้งจะรู้ระยะสูงและการเปลี่ยนแปลงระยะสูงของเครื่องบิน แต่ไม่รู้ว่าอยู่ในทิศทางไหน ในเบื้องต้นจึงบอกได้แต่เพียงว่าตำแหน่งของเครื่องอยู่บนจุดใดจุดหนึ่งบนเส้นโค้งที่มีระยะห่างจากดาวเทียมเท่าๆกัน ดังที่พล็อตลงบนภาพ
แต่เมื่อเราทราบตำแหน่งล่าสุดของเครื่องจากข้อมูลเรดาร์ และจากการวิเคระห์สัญญาณดาวเทียมดังกล่าว เราสรุปได้ว่าเครื่องอยู่บนจุดใดจุดหนึ่งทางทิศใต้ของดาวเทียม เหนือมหาสมุทรอินเดีย โดยเส้นโค้งที่ 2 ถึง 7 คือระยะห่างจากดาวเทียมที่มีการ Handshake กันในชั่วโมงถัดๆไป
ก่อนหน้านี้ ตามสมมติฐานว่าเกิดความผิดพลาดขึ้นบนเครื่อง นักบินน่าจะหมดสติ เครื่องบินออกนอกทิศทางไปเองด้วยสาเหตุใดก็แล้วแต่ ไม่มีใครควบคุม น่าจะบินไปตรงๆจนน้ำมันหมดแล้วตกลงในมหาสมุทร จึงนำข้อมูลสมรรถนะของเครื่อง 777-200ER จากโบอิ้งมาคำนวณตำแหน่งที่เป็นไปได้ของเครื่อง ตามที่เห็นเป็นแรเงาสีเทาในภาพ แล้วออกทำการค้นหากันในบริเวณเส้นโค้งสุดท้ายที่เครื่องติดต่อกับดาวเทียมแถวเส้นโค้งที่ 7 มีพื้นที่ค้นหากว้างถึงราว 120,000 ตารางกิโลเมตร มีศูนย์กลางห่างจากชายฝั่งตะวันตกของออสเตรเลียราวสองพันกิโลเมตร แต่ก็ไม่พบเครื่องบินที่หายไป
ในเวลาที่ผ่านมา มีการค้นพบชิ้นส่วนของเครื่องบินบนเกาะและชายฝั่งทวีป Africa หลายชิ้นที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว ว่าเป็นชิ้นส่วนของเครื่อง MH370 จริง โดยศาสตราจารย์ด้านสมุทรศาสตร์ของมหาวิทยาลัย Western Australia ได้ใช้ความรู้ด้านกระแสน้ำในมหาสมุทรอินเดียมาคำนวณหาบริเวณเครื่องตกได้ ตามกรอบสีเหลืองในภาพล่าง ซึ่งสอดคล้องกับการคำนวณด้วยสัญญาณดาวเทียมและข้อมูลสมรรถนะของโบอิ้งที่เล่ามาข้างต้น
~ เทคนิคใหม่ในการถอดรหัสเส้นทางการบินของ MH370 ~
ทีนี้ เมื่อปี 2021 ได้มีการเสนอให้ใช้ข้อมูล WSPR (Weak Signal Propagation Reporter) ที่บันทึกการรบกวนสัญญาณวิทยุสมัครเล่น ที่อาจเกิดจากเครื่องบินลำใหญ่บินผ่านแนวสัญญาณเอาไว้ กล่าวคือสัญญาณวิทยุสมัครเล่นนั้นเปรียบดั่งตาข่ายขนาดยักษ์ ที่เมื่อเครื่องบินๆผ่านก็จะทำให้ตาข่ายนั้นถูกรบกวน ซึ่งสามารถไปไล่ย้อนดูข้อมูลการรบกวนสัญญาณที่ตำแหน่งใด ณ เวลาใดที่มีการบันทึกไว้ในฐานข้อมูลได้
นี่นับเป็นเทคนิคใหม่ในการจับตำแหน่งเครื่องบิน แต่ได้มีการทดลองหลายครั้งแล้วว่าใช้ได้ผลจริง ดังที่ผมเคยโพสท์ไว้เมื่อปีก่อน ซึ่งคุณริชาร์ด กอดฟรีย์ วิศวกรอากาศยานชาวอังกฤษ ได้นำข้อมูลการรบกวนสัญญาณวิทยุในวัน เวลา และบริเวณที่คาดว่าเครื่อง MH370 จะบินผ่าน ได้ข้อมูลตำแหน่งเครื่องในเวลาต่างๆถึงสามร้อยกว่าจุด นำมาพล็อตเป็นเส้นทางการบินของ MH370 ได้ตามเส้นสีแดงในภาพบน ซึ่งตำแหน่งของเครื่องที่คำนวณได้จากข้อมูล WSPR นี้ ตรงกับข้อมูลการ Handshake กับดาวเทียม ณ จุด E, F, G, H, I และ J ที่ล้วนอยู่บนเส้นโค้งที่ 2 ถึง 7 ทั้งสิ้น
เส้นทางบินที่คำนวณด้วยข้อมูล WSPR บอกเราว่า เครื่องมีการบินเปลี่ยนทิศทางไปมาหลายครั้ง ไม่ได้บินไปตรงๆ ซึ่งเมื่อรวมกับข้อมูลระยะสูงของเครื่องบินที่ได้จากดาวเทียมแล้ว เราสรุปได้ว่า มีคนควบคุมเครื่องอยู่ตลอดทาง โดยการบังคับเลี้ยวไปทางตะวันออกเฉียงใต้หลังจากจุด H ทำให้ตำแหน่งของเครื่องจากเส้นโค้งที่ 5 ไปเส้นที่ 6 และ 7 แตกต่างจากเส้นทางของเครื่องที่คาดไว้เดิมก่อนการค้นหาครั้งก่อนว่าเครื่องน่าจะบินไปตรงๆมาก ส่งผลให้การค้นหาครั้งก่อนล้มเหลว
จากการวิเคราะห์ข้อมูล เครื่อง MH370 ที่เติมน้ำมันมาพอที่จะบินได้ประมาณ 7 ชั่วโมงครึ่ง น่าจะน้ำมันหมดลงในเวลาประมาณ 0717 โดยข้อมูลจากดาวเทียมบอกว่าที่เวลา 0719 ตรงจุด J นั้น เครื่องกำลังดิ่งลงหามหาสมุทรด้วย vertical speed ประมาณ 15,000 ฟุตต่อนาที ซึ่งการคำนวณด้วย WSPR นี้ จุดที่เครื่องตกลงสู่มหาสมุทรน่าจะอยู่แถวๆ 29.128 องศาใต้ 99.934 องศาตะวันออก ซึ่งห่างจากจุดกึ่งกลางการค้นหาเดิมมาทางตะวันออกเฉียงเหนือถึงราว 630 กิโลเมตร ซึ่งถ้าลากเส้นตรงจากกรุงเทพฯไปทิศทางเดียวกัน ก็จะเลยนครพนมเข้าไปในลาวโน่นเลย ของหายแถวสะหวันนะเขตในลาว ไปหาแถวกรุงเทพฯ จะเจอได้ยังไง
พิกัดดังกล่าวคือจุด WSPR ที่วงไว้ด้วยสีฟ้าตามรูปล่าง ส่วนกรอบสีเหลืองในรูปล่างนั้นคือบริเวณที่เป็นไปได้ว่าเครื่องจะตก เมื่อคำนวณย้อนจากการพบชิ้นส่วนของเครื่องด้วยข้อมูลกระแสน้ำโดยมหาวิทยาลัย Western Australia ซึ่งจะเห็นว่า การคำนวณตำแหน่งของเครื่องด้วย WSPR นั้น สอดคล้องกับทั้งการวิเคราะห์ด้วยข้อมูลสมรรถนะของโบอิ้ง ข้อมูลจากดาวเทียม INMARSAT และข้อมูลทางสมุทรศาสตร์ โดยผู้คำนวณมั่นใจว่า หากค้นหาที่พิกัดนี้ น่าจะใช้พื้นที่การค้นหาเพียงภายในรัศมี 30 กิโลเมตรเท่านั้น ซึ่งเล็กกว่าพื้นที่ค้นหาเดิมมาก
~ เหลือทฤษฎีที่เป็นไปได้มากที่สุด เพียงทฤษฎีเดียว ~
ทั้งการเปลี่ยนเส้นทางบินไปมา ทั้งมีการไต่ระดับ ลดระดับที่ไม่ได้บรรยายไว้เพราะเดี่ยวจะยาวเกินไป อีกทั้งการเปิดระบบ SATCOM บนเครื่องกลับขึ้นมา ไม่ต้องสงสัยเลยว่า มีผู้ควบคุมเครื่องบินลำนี้อยู่ตลอด คำถามคือ คนที่บินเครื่องอยู่นั้นคือใคร?
ถ้าสมมุติว่าเป็นไฮแจ็คเกอร์ เขาย่อมต้องมีข้อเรียกร้อง ข้อต่อรอง มีจุดมุ่งหมาย ไม่ใช่ไฮแจ็คเครื่องบินไปบินลงน้ำเฉยๆ เรื่องนี้จึงไม่น่าเป็นไปได้ โดยเฉพาะในยุคหลัง 9/11 นั้น ระบบป้องกันการถูกไฮแจ็คนั้นรัดกุมสุดๆ เป็นไปไม่ได้ที่ใครจะพังประตู cockpit เข้าไป ทั้งประตูแน่นหนาระดับกันกระสุนแถมมีกล้องส่องดูหน้าประตูด้านครัวว่าใครอยู่หน้าประตูอีกต่างหาก หรือถ้าพบว่ามีความพยายามไฮแจ็คเครื่องเกิดขึ้นด้านนอก cockpit จริง นักบินก็ย่อมจะรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
สำหรับนักบินประจำเครื่อง ตราบใดที่ไม่มีหลักฐานแน่ชัด เราย่อมสรุปไม่ได้ว่าใครเป็นคนทำ แต่เรามีข้อมูลจากข่าวที่ออกมา ว่ากัปตันของเที่ยวบินนี้ มีการพล็อตเส้นทางการบินนำเครื่องไปลงทะเลในมหาสมุทรอินเดียตอนใต้ เหมือนเส้นทางของ MH370 ใน Flight Simulator บนคอมพิวเตอร์ของเขา
ข่าวบอกอีกว่า กัปตันเป็นคอการเมือง สนับสนุนผู้นำฝ่ายค้าน ณ เวลานั้น (แต่กุมอำนาจอยู่ในเวลานี้) ซึ่งกำลังถูกตัดสินคดีที่ผู้สนับสนุนเชื่อว่าเป็นการกลั่นแกล้ง ในวันก่อนหน้าเที่ยวบินนั้นพอดี ซึ่งมีผู้วิเคราะห์ว่า การเปิดระบบ SATCOM ขึ้นมาอีกครั้งนั้น ทำเพื่ออะไร มีการใช้โทรศัพท์ผ่านดาวเทียม เพื่อต่อรองอะไรกับใครอย่างไรหรือเปล่า ซึ่งถ้าเป็นจริง ผู้ที่ถูกติดต่อจากใครบนเครื่องย่อมรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
คนที่ชอบศึกษาประวัติศาสตร์การบินจะรู้ว่า ผลการสอบสวนอุบัติเหตุที่สรุปว่าเป็นการตั้งใจนำเครื่องลงสู่พื้นของนักบินนั้นเกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้ว เช่น SilkAir 185, EgyptAir 990, Germanwings 9525 และ China Eastern 5735 ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานนี้ ที่เห็นข่าวภาพวงจรปิดบินปักหัวลงมาตรงๆ ซึ่งผมได้ศึกษาข้อมูลเชิงลึกของแต่ละไฟลท์ว่ามีอะไรเป็นแรงจูงใจให้กระทำการ แต่ขอไม่กล่าวถึงในที่นี้
ทั้งนี้ ผมไม่มีเจตนาฟันธงว่าใครเป็นผู้ควบคุมเครื่อง MH370 เพียงแต่นำข้อมูลที่มีอยู่มาเล่าให้ฟัง เราย่อมไม่สามารถสรุปอะไรได้ จนกว่าจะพบซากเครื่องบิน และกล่องบันทึกข้อมูล
~ มีข้อมูลใหม่ๆอย่างนี้แล้ว การค้นหาครั้งใหม่จะเกิดขึ้นหรือไม่? ~
ก่อนอื่นอาจจะมีคนถามว่า ถึงเจอกล่องดำที่จมทะเลอยู่นานขนาดนี้ จะยังอ่านข้อมูลได้อยู่หรือ?
ลักษณะการฉีกขาดของชิ้นส่วนเครื่องที่พบ ทำให้เราทราบว่าเครื่องตกกระแทกน้ำอย่างแรง ซากเครื่องน่าจะเป็นชิ้นส่วนขนาดไม่ใหญ่ การค้นหาถ้าไม่เริ่มที่พิกัดที่ใกล้เคียงจริงๆจะทำได้ยาก
(มีต่อด้านล่าง)
ความคิดเห็นที่ 3
จำละเอียดไม่ได้นะครับ แต่หลักๆ ไม่น่าจะเกี่ยวกับ Russia ที่เกี่ยวกับ Russia จะเป็น MH17 ที่โดนยิงตกมากกว่า
เท่าที่จำได้ MH370 มันมีการ สันนิษฐาน ไป 3 แนวทางหลัก *** ย้ำว่า "สันนิษฐาน" ยังไม่มีหลักฐาน จะๆจังๆ ซักทาง
1.นักบินฆ่าตัวตาย โดยทางการมาเลเซีย ได้ตรวจพบ เครื่องเล่นเกมส์ จำลองการบิน Flight Simulator ในบ้านนักบิน ที่มีการบันทึกเส้นทางใว้ในเครื่อง คล้ายกับการบินจริงของ MH370 คือ ขึ้นเหนือ และเลี้ยวซ้ายออกไปมหาสมุทรอินเดีย
* เรื่องนี้ยังเถียงกันอยู่นะครับ ว่าที่เจอ "เซฟเกมส์" อันนี้ มันของจริงไหม? มันมีเหตุการณ์ที่ไม่สอดคล้อง จนไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นของนักบินจริงๆ
** คนรอบข้างนักบิน ไม่มีซักคนเดียวที่สังเกตุเห็นนักบินผิดปกติไป หรือซึมเศร้า หรือจะฆ่าตัวตาย
2.จีน ปฏิบัติการ ฆ่า-ชิง เทคโนโลยี จาก พนักงานบริษัท "ชิป" ชาวใต้หวัน บนเครื่อง
ปกปิดโดยการ "ร่อนลง" ในมหาสมุทรอินเดีย
3.สหรัฐ ปฏิบัติการ ฆ่า-ชิง-ยับยั้ง การแลกเปลียน เทคโนโลยี "ชิป" จาก ชาวใต้หวัน-จีน บนเครื่อง
โดยเอาเครื่องไปลงที่ฐานทัพ ไกล้ เกาะ Diego Garcia
อย่างไร ก็อย่าเพิ่งปักใจเชื่อด้านใดครับ
เรื่องจริงที่รู้แน่ๆ คือ มีการจงใจปกปิดการส่งสัญญานจากบนเครื่อง จริง "เอาง่ายๆ คือ เครื่องส่งบนเครื่อง ถูกปิดด้วยมือ"
บินไปทาง มหาสมุทรอินเดีย จริง
พบเจอเศษซากน้อย มาก แสดงว่า ไม่ได้กระแทกน้ำโดย ต้องมีการ ค่อยๆ ร่อนลงผิวน้ำ และบินจนน้ำมันหมด จริง
หลายปีต่อมา มีการแบน "ชิป" กันจริง
มาฝั่งข่าวลือ ฝั่งสมคบคิดกันบ้าง ให้พอมีรสชาติ
มีข่าวลือว่า มีบุคคล 1-2 บนเครื่อง ตรวจสอบแล้วว่าใช้พาสปอร์ตปลอม และไม่มีญาติมาแสดงตัว
มีข่าวลือว่า เรด้าทางการทหารของออสเตเลีย "เห็น" ตำแหน่งเครื่อง ในมหาสุทรอินเดีย
มีข่าวลือว่า เรด้าทางการทหารของมาเลย์ เห็นเครื่อง ปริศนา บินไปตามเส้นทางที่คาดว่า MH370 บิน แต่ดันเห็นเป็น 2 จุด ใหญ่ 1 จุด เล็ก 1 จุด
มีข่าวลือว่า เรด้าทางการทหารของสหรัฐที่ Diego Garcia ต้องเห็นเครื่องบินเครื่องอะไรก็ตามที่บินไปทางนั้นแน่ๆ แต่สหรัฐ ไม่เคยให้ความเห็นเรื่องนี้
*** ใว้หน่อยว่า เรด้าทางการทหาร ไม่มีใครยอมให้ข้อมูลกันง่ายๆ เพราะมันจะแสดงขีดความสามารถของประเทศนั้นๆ ไปในตัว
เท่าที่จำได้ MH370 มันมีการ สันนิษฐาน ไป 3 แนวทางหลัก *** ย้ำว่า "สันนิษฐาน" ยังไม่มีหลักฐาน จะๆจังๆ ซักทาง
1.นักบินฆ่าตัวตาย โดยทางการมาเลเซีย ได้ตรวจพบ เครื่องเล่นเกมส์ จำลองการบิน Flight Simulator ในบ้านนักบิน ที่มีการบันทึกเส้นทางใว้ในเครื่อง คล้ายกับการบินจริงของ MH370 คือ ขึ้นเหนือ และเลี้ยวซ้ายออกไปมหาสมุทรอินเดีย
* เรื่องนี้ยังเถียงกันอยู่นะครับ ว่าที่เจอ "เซฟเกมส์" อันนี้ มันของจริงไหม? มันมีเหตุการณ์ที่ไม่สอดคล้อง จนไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นของนักบินจริงๆ
** คนรอบข้างนักบิน ไม่มีซักคนเดียวที่สังเกตุเห็นนักบินผิดปกติไป หรือซึมเศร้า หรือจะฆ่าตัวตาย
2.จีน ปฏิบัติการ ฆ่า-ชิง เทคโนโลยี จาก พนักงานบริษัท "ชิป" ชาวใต้หวัน บนเครื่อง
ปกปิดโดยการ "ร่อนลง" ในมหาสมุทรอินเดีย
3.สหรัฐ ปฏิบัติการ ฆ่า-ชิง-ยับยั้ง การแลกเปลียน เทคโนโลยี "ชิป" จาก ชาวใต้หวัน-จีน บนเครื่อง
โดยเอาเครื่องไปลงที่ฐานทัพ ไกล้ เกาะ Diego Garcia
อย่างไร ก็อย่าเพิ่งปักใจเชื่อด้านใดครับ
เรื่องจริงที่รู้แน่ๆ คือ มีการจงใจปกปิดการส่งสัญญานจากบนเครื่อง จริง "เอาง่ายๆ คือ เครื่องส่งบนเครื่อง ถูกปิดด้วยมือ"
บินไปทาง มหาสมุทรอินเดีย จริง
พบเจอเศษซากน้อย มาก แสดงว่า ไม่ได้กระแทกน้ำโดย ต้องมีการ ค่อยๆ ร่อนลงผิวน้ำ และบินจนน้ำมันหมด จริง
หลายปีต่อมา มีการแบน "ชิป" กันจริง
มาฝั่งข่าวลือ ฝั่งสมคบคิดกันบ้าง ให้พอมีรสชาติ
มีข่าวลือว่า มีบุคคล 1-2 บนเครื่อง ตรวจสอบแล้วว่าใช้พาสปอร์ตปลอม และไม่มีญาติมาแสดงตัว
มีข่าวลือว่า เรด้าทางการทหารของออสเตเลีย "เห็น" ตำแหน่งเครื่อง ในมหาสุทรอินเดีย
มีข่าวลือว่า เรด้าทางการทหารของมาเลย์ เห็นเครื่อง ปริศนา บินไปตามเส้นทางที่คาดว่า MH370 บิน แต่ดันเห็นเป็น 2 จุด ใหญ่ 1 จุด เล็ก 1 จุด
มีข่าวลือว่า เรด้าทางการทหารของสหรัฐที่ Diego Garcia ต้องเห็นเครื่องบินเครื่องอะไรก็ตามที่บินไปทางนั้นแน่ๆ แต่สหรัฐ ไม่เคยให้ความเห็นเรื่องนี้
*** ใว้หน่อยว่า เรด้าทางการทหาร ไม่มีใครยอมให้ข้อมูลกันง่ายๆ เพราะมันจะแสดงขีดความสามารถของประเทศนั้นๆ ไปในตัว
แสดงความคิดเห็น
วันนี้เราดูNetflix เป็นสารคดีเครื่องบินMH370สูญหาย เลยมีข้อสงสัยอยากจะถามค่ะ
และทำไมต้องเป็นที่มาเลเซีย
2.วัตถุประสงค์ของคนที่ทำ เจาะจงให้เกิดความเสียหายแก่ใคร/ประเทศใดเป็นพิเศษ
3.เทคโนโลยีทันสมัยขนาดไหน ที่สามารถทำให้เครื่องบินลำเบ้อเร่อ หายไปพร้อมกับคนอีก200กว่าคน โดยไม่เหลือร่องรอยใดๆหริอคราบน้ำมันให้เห็น
4.ถ้ารัสเซียเป็นผู้ลงมือ จะทำเพื่อวัตถุประสงค์อะไร
5. หรือสารคดีเรื่องนี้เป็นของอเมริกาก็เลยต้องการ
โจมตีรัสเซีย
6.หรืออเมริกาเป็นผู้ลงมือทำซะเอง ( แต่จะทำเพื่ออะไร )
คำถามอาจจะบ้าๆบอๆต้องขออภัยนะคะ🙏
แต่ดูจบแล้วสงสัยจริงๆค่ะ
ขอบคุณมากๆค่ะ
ปล tagหุ้น ด้วย เพราะน่าจะได้ความเห็นที่หลากหลาย