JJNY : 5in1 พิธาเบิร์ธเดย์ก้าวไกล│ณัฐวุฒิเอาใจช่วยก้าวไกล│ณัฐวุฒิย้ำจุดยืนนิรโทษ│จี้ลดภาษีนำเข้า│“ไวกิง”ร้องนาโตคุ้มครอง

พิธา โพสต์ เบิร์ธเดย์ ก้าวไกล เผยภูมิใจมาก 4 ปีมาไกลขนาดนี้ ขอร่วมกันก้าวต่อไป
https://www.khaosod.co.th/politics/news_8138934
 
 
สุขสันต์วันเกิดก้าวไกล! “พิธา” โพสต์ Happy Birthday พรรค บอกภูมิใจมาก ชี้ ระยะเวลา 4 ปี เรามาไกลกันขนาดนี้ ขอร่วมกันก้าวต่อไป
 
เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2567 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์ภาพถ่ายคู่กับเพื่อนสมาชิกพรรคก้าวไกลลงบนอินสตาแกรม ‘pita.ig’ พร้อมระบุข้อความว่า “Happy Birthday #ก้าวไกล
 
เรา ก้าวมาไกลมากแล้วจริงๆ นะครับ เทียบกับระยะเวลาเพียง 4 ปี เพราะพวกคุณทุกคนจนทำให้พวกเรามาได้ไกลกันขนาดนี้ ผมภูมิใจมากๆ ที่ได้เดินทางมากับทุกคน ก้าวต่อไปด้วยกันครับ #letskeepmoving” นายพิธา ระบุ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2563 ที่ผ่านมานั้น ต่อมาวันที่ 14 มี.ค. 2563 นายพิธา ในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้นำทีมกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ที่เพิ่งได้รับการรับรองจากที่ประชุมใหญ่วิสามัญ พร้อมด้วย สส. มาสมัครสมาชิกพรรคอย่างเป็นทางการ ณ ที่ทำการพรรคก้าวไกล โดยมี สส. ทั้งสิ้น 55 คน ในวันก่อตั้ง

https://www.instagram.com/p/C4fEN_ErADp/



ณัฐวุฒิ เอาใจช่วย ก้าวไกล ยกบทเรียนไทยรักไทย-อนาคตใหม่ ลั่นไม่ควรมียุบพรรค
https://www.khaosod.co.th/politics/news_8138888

‘ณัฐวุฒิ’ เอาใจช่วย ‘ก้าวไกล’ หวังไม่ให้มีพรรคถูกยุบอีก เชื่อแกนนำพรรคหาวิธีรับมือได้ ชี้ ยุบไปก็ไม่มีฝ่ายใดชนะ ยกบทเรียน ‘ไทยรักไทย-พลังประชาชน-อนาคตใหม่’
 
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 14 มี.ค. 2567 ที่รัฐสภา นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติเอกฉันท์ ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ยุบพรรคก้าวไกล
 
โดยนายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เรื่องยุบพรรคไม่ได้นำไปสู่การแก้ปัญหาอะไรเลย และไม่ได้นำไปสู่ชัยชนะของฝ่ายไหนด้วย อย่างไรก็ตาม ฝ่ายที่อาจรู้สึกว่าได้ประโยชน์จากการมีพรรคใดถูกยุบก็พิสูจน์มาแล้วว่าไม่ใช่จะได้ประโยชน์จริง ตั้งแต่ยุคพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน หรือกระทั่งอนาคตใหม่
 
แม้ฝ่ายที่ถูกยุบจะได้แรงสนับสนุนจากประชาชนเพิ่ม แต่ก็บอบช้ำไม่ใช่น้อยในการทำงานการเมือง ฉะนั้น ส่วนตัวเอาใจช่วย และหวังใจว่าจะไม่มีการตัดสินยุบพรรคการเมืองไหนๆ ขึ้นมาอีก” นายณัฐวุฒิ กล่าว
 
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า แต่ถ้าประเมินตามข้อเท็จจริงของหลายๆ ฝ่าย สถานการณ์ของพรรคก้าวไกลอยู่ในช่วงที่ล่อแหลมมาก สำหรับการเผชิญคำพิพากษาต่างๆ ก็เชื่อว่าแกนนำ กรรมการบริหาร และสมาชิกพรรคก้าวไกล คงกำหนดวิธีการรับมือ และคงมีแนวทางที่จะเดินหน้าต่อไป
 
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ดังนั้น คิดว่าเรื่องยุบพรรคไม่ควรจะมีขึ้นอีกแล้ว และควรมีการพิจารณาในชั้นของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมถึงชั้นของการพูดถึงตัวบทกฎหมายด้วยว่า การเขียนกฎหมายให้อำนาจยุบพรรคการเมือง อย่างเช่นที่เคยเป็นมา ควรจะยุติได้เสียที



ณัฐวุฒิ ย้ำจุดยืนนิรโทษกรรม รวม 112 ขอไม่ออกตัว นับคดีทักษิณ-ยิ่งลักษณ์หรือไม่
https://www.matichon.co.th/politics/news_4472268

’ณัฐวุฒิ‘ ยืนยัน นิรโทษกรรม ต้องไม่ปล่อยมือใคร รวมทุกคดี แม้ ม.112 ชี้ ต้องเน้นคนวัยหนุ่มสาว เหตุเป็นอนาคตของชาติ หวั่นสร้างความขัดแย้ง ปัดตอบ คดี “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” นับหรือไม่
 
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 14 มีนาคม 2567 ที่รัฐสภา นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ อดีตแกนนํากลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการเข้าร่วมประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม มีความคาดหวังอย่างไรบ้างว่า เรื่องนี้ตนได้แสดงความเห็นไปหลายครั้งแล้ว เพียงแต่วันนี้ที่มาร่วมในเวทีนี้ เพราะทาง นายนิกร จำนง ประธานคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาข้อมูล และสถิติคดีความผิด อันเนื่องมาจากแรงจูงใจทางการเมือง ได้ประสานไปว่า มีความจำเป็นที่จะต้องได้รับข้อมูล และความคิดเห็นจากกลุ่มมวลชนที่เคยเคลื่อนไหวในสถานการณ์ต่อสู้ที่ผ่านมา ซึ่งคนเสื้อแดงก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น ตนก็ตอบรับ และได้รับทราบอีกครั้งว่า กมธ.ชุดใหญ่ ประสงค์ที่จะให้เรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมวงใหญ่ในคราวเดียวกัน จึงตอบรับเข้าร่วม และเป็นครั้งแรกที่ตนได้มาอาคารรัฐสภา ในการประชุมอย่างเป็นทางการ
 
นายณัฐวุฒิกล่าวย้ำถึงหลักคิดและจุดยืนต่อประเด็นนิรโทษกรรมที่ยังเหมือนเดิม ว่าความเคลื่อนไหวอันเกิดขึ้นจากกลุ่มมวลชนต่างๆ ตั้งแต่ก่อนรัฐประหารปี’49 จนถึงปัจจุบัน ตนเชื่อและยอมรับว่า ทางคนเสื้อแดงและกลุ่มมวลชน แม้จะเห็นต่าง แต่ล้วนมีแรงจูงใจทางการเมือง ตามหลักการ เหตุผล  หรือข้อเท็จจริงจากที่ตัวเองสัมผัส และยอมรับ
 
ดังนั้น หากคณะกรรมาธิการฯชุดนี้ หรือสภาชุดนี้ ประสงค์ที่จะทำให้ความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมาคลี่คลายลง และหาข้อยุติร่วมกัน ที่จะตั้งต้นกันใหม่ เดินหน้านำพาบ้านเมืองไปในทิศทางที่ทุกฝ่ายที่แม้จะเห็นต่าง แต่อยู่ร่วมกันได้ ตนคิดว่าการนิรโทษกรรมควรหมายรวมถึงทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย ทุกคดีความ ทุกข้อกล่าวหา ในที่นี้ ตนก็เสนอให้มีการยกเว้นข้อกล่าวหาที่เกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชั่น และคดีความที่ถึงแก่ชีวิต ซึ่งตนได้แสดงจุดยืนนี้มาตลอด
 
นายณัฐวุฒิกล่าวย้ำว่า ก็พูดกันให้ชัดไปเลย ว่าประเด็นที่ยังมีความเห็นต่างอยู่ในคณะกรรมาธิการฯ คือข้อกล่าวหาอันเกี่ยวกับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ส่วนตัวตนเห็นว่า เงื่อนไขทางการเมืองในปัจจุบันของประเทศเป็นเงื่อนไขที่ไม่เคยเกิดขึ้น อย่างน้อยที่สุดก็ในช่วง 20 ปีที่สู้กันมา ดังนั้น หากอยากคลี่คลายความขัดแย้ง ก็ควรจะขยายพื้นที่ของการนิรโทษกรรมให้ครอบคลุมถึงความผิด หรือข้อกล่าวหาในมาตราดังกล่าวด้วย
 
ทั้งนี้ ตนไม่ได้หมายความว่า จะสนับสนุนให้ใครทำอะไรก็ได้ โดยที่ไม่ต้องรับผิดทางกฎหมาย แต่ประเด็นของตนคือ กลุ่มบุคคลจำนวนมากที่ต้องคดีความดังกล่าวอยู่นั้น เป็นเยาวชน คนหนุ่มสาว ซึ่งแน่นอนว่า พวกเขาและเธอเหล่านั้น ต่างต้องเติบโตเป็นอนาคตของประเทศ
 
อย่างไรก็ตาม หากต้องมีการนิรโทษกรรมคดีความที่มีแรงจูงใจทางการเมืองอื่นๆ และยังคงงดเว้นข้อกล่าวหาในมาตราดังกล่าวไว้เพียงลำพัง ก็จะกลายเป็นว่า สังคมนี้กำลังมีคู่ขัดแย้งคนเดียวคือ คนหนุ่มสาว และผู้ต้องหาในคดีมาตรา 112 ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ตนเห็นว่า จะไม่ส่งผลดี ต่อบุคคล องค์กร หรือสถาบันใดเลย ที่ตนตั้งใจมาวันนี้ เพื่อที่จะนำข้อเสนอนี้ ส่งต่อไปยังคณะกรรมมาธิการฯ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง เพื่อที่จะได้นำไปพิจารณาและหาข้อสรุปร่วมกันต่อไป
 
นายณัฐวุฒิกล่าวอีกว่า ในสังคมไทยที่เราสู้กันมา มันถึงเวลาที่จะให้ทุกฝ่ายตั้งหลัก และยุติ เพื่อเริ่มต้นกันใหม่ได้แล้ว แน่นอนว่า การนิรโทษกรรมคงไม่ได้ทำให้ความขัดแย้งหายไปทั้งหมดร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ทุกฝ่ายต้องเปิดใจให้กันจริงๆ มันถึงจะบรรเทาเบาบางลงได้บ้าง การที่สังคมเราจะจากความขัดแย้ง ไม่ได้อยู่ที่คุณยอมรับผม หรือผมยอมรับคุณ แต่ต้องอยู่ที่เราต่างยอมรับกันและกัน
 
เราต้องยอมรับว่า ในสังคมที่เรามีอายุต่างกัน เราเชื่อไม่เหมือนกัน เราสนับสนุนแนวทางทางการเมืองที่ไม่ตรงกัน แต่เราไม่ใช่ศัตรู ไม่ใช่คนมุ่งร้าย ทำลายบ้านเมือง ไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นอาชญากร หรือเป็นผู้ร้ายชนิดที่อยู่ร่วมกันในสังคมไม่ได้ ผมปรารถนาที่จะเห็นสิ่งนั้น และไม่อยากให้ใคร หรือใช้วิธีคิดแบบไหนไปบอกว่า คนหนุ่มคนสาวอีกเป็นจำนวนมากกว่าพันคนเป็นอาชญากร หรือเป็นคนที่สังคมไม่สามารถให้โอกาสได้” นายณัฐวุฒิกล่าวว่า
 
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า อดีตที่ผ่านมา สังคมไทยเราเห็นมาหลายเหตุการณ์แล้วว่า บุคคลที่เคยมีความคิดเห็นไม่ว่าจะเหมือนหรือต่างกับรัฐในทางการเมือง เขาเหล่านั้น ก็เติบโตมาเป็นบุคลากรคุณภาพของประเทศและสังคม และมีการขับเคลื่อนเรื่องต่างๆ ของสังคมไทยอยู่ในปัจจุบัน ตนคิดว่าถ้าจะจับมือกันทุกฝ่าย เราต้องไม่ยอมปล่อยมือใครเลย จับมือเด็กไปด้วย จับมือคนหนุ่มคนสาวในยุคปัจจุบันไปด้วย แม้ว่าบางเรื่องราวที่เกิดขึ้น ตนก็พูดคำว่าเห็นด้วยไม่ได้เหมือนกัน แต่สังคมนี้จะมีที่อยู่กับทุกคน ก็ต่อเมื่อสังคมเปิดหัวใจให้กว้างพอ
 
เมื่อถามว่า หากจะผลักดันการนิรโทษกรรมคดีมาตรา 112 อาจกระทบต่อฝ่ายที่ไม่สบายใจในเรื่องดังกล่าว จนทำให้การมีกรรมไม่สำเร็จเหมือนในอดีตหรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ขอความกรุณาอย่าให้เกิดความคิดเช่นนั้นเลย นี่เป็นขั้นตอนของการปรึกษาหารือกัน ขึ้นชื่อว่า การหารือเรื่องความขัดแย้ง คนคิดไม่เหมือนกันอยู่แล้ว เอาว่าตั้งเสาเข็มความคิดให้ตรงกันซะก่อนว่า จะต้องช่วยกันทำให้เรื่องนี้เดินหน้าไปให้ได้ เพราะความคิดแบบตนก็เป็นความคิดเห็นหนึ่ง อาจจะมีความคิดเห็นอื่นๆ และจบที่ข้อสรุปร่วมกันว่า ต้องมีเงื่อนไข มีหลักเกณฑ์ มีกระบวนการ ในการพิจารณาในแต่ละเรื่อง เพื่อให้บรรลุตามสิ่งที่เราเสนอกันไป ก็อาจเป็นไปได้ สิ่งที่ตนเสนอไม่ได้คาดคั้นว่า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามนี้ ตนยืนยันว่า เป็นเพียงความคิดเห็นหนึ่ง และจะนำข้อเสนอนี้ไปจนสุดทางเช่นเดียวกัน
 
ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า คดีความของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อาจเข้าข่ายคดีทางการเมือง เนื่องจากกระบวนการยุติธรรมที่บกพร่อง ภายหลังการรัฐประหารนั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เนื่องจากเป็นเรื่องข้อกฎหมาย และมีข้อกล่าวหาจากการบริหารราชการแผ่นดิน ถ้าตนจะบอกว่า เรื่องนี้เกี่ยวกับการเมืองแน่ๆ ก็กลายเป็นว่า ตนพยายามที่จะตีไพ่ให้กัน ถ้าตนจะบอกว่า อย่างไรก็ไม่ใช่การเมือง ก็กลายเป็นว่า ตนจะมาสกัดขัดขวางใดๆ กันอีก ดังนั้น ตนคิดว่าให้เป็นเรื่องของฝ่ายที่เกี่ยวข้องเขาพิจารณากัน ส่วนตนเสนอในเรื่องกลุ่มก้อนเคลื่อนไหวทางการเมือง ตั้งแต่ปี’48 จนถึงปัจจุบัน ส่วนประเด็นอื่นๆ ก็คิดว่าต้องให้ฝ่ายที่เขาทำงานกันอยู่ เป็นคนพิจารณา


 
เอกชน จี้รัฐลดภาษีนำเข้าสินค้าแบรนด์เนม หนุนไทยเป็นช้อปปิ้งพาราไดซ์
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/391358

จี้รัฐลดภาษีนำเข้าสินค้าแบรนด์เนม หนุนไทยช้อปปิ้งพาราไดซ์

นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา หรือ CPN กล่าวว่า การบริโภคฟื้นตัวแล้ว โดยได้รับแรงกระตุ้นจากภาคท่องเที่ยว ทำให้ค้าปลีกกลับมาเติบโตดีกว่าก่อนโควิด โดยมาตรการภาครัฐ เช่น การให้ฟรีวีซ่า ส่งผลให้นักท่องเที่ยวเข้าไทยมากขึ้น โดยพาะชาวจีนและรัสเซีย ซึ่งในมุมของภาคเอกชน อยากให้ภาครัฐดำเนินการเปิดฟรีวีซ่ากับประเทศอื่นเพิ่มเติม รวมถึงมาตรการที่จะทำให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทาง เช่น ราคาห้องพักและอาหารที่เหมาะสม ขณะที่มาตรการอีซี่ อีรีซีท ส่งผลดีต่อการจับจ่ายของคนในประเทศ

โดยอยากให้ภาครัฐ ออกมาตรการกระตุ้นต่อเนื่อง เช่น อีซี่ อีรีซีท ปีละ 2-3 ครั้ง และขอให้รัฐลดกำแพงภาษีนำเข้าสินค้า โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าแฟชั่น เพื่อให้ไทยเป็นเป้าหมายแห่งการช้อปปิ้งของนักท่องเที่ยว หรือ ช้อปปิ้ง พาราไดซ์ เนื่องจากปัจจุบันภาษีสินค้ากลุ่มนี้ ของไทยสูงกว่าคู่แข่งอย่างสิงคโปร์ ฮ่องกง ถึง 30% ทำให้ไทยแข่งขันยาก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่