“โรม” ฉุนรัฐไม่จัดการคดีตากใบ ซัด “ภูมิธรรม” ไร้วุฒิภาวะ
https://tna.mcot.net/politics-1430752
รัฐสภา 8 ต.ค.- “โรม” ฉุน รัฐไม่จัดการปัญหา “ตากใบ” ซัด “ภูมิธรรม” ไร้วุฒิภาวะ
นาย
รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงการจัดการคดีตากใบของรัฐบาล ว่า ถ้าเราจะคลี่ปมความขัดแย้ง มันไม่ใช่แค่พูดแบบที่นาย
ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมพูด ที่นั่งอยู่บนหอคอยแล้วมองลงมา เราใช้วิธีการแบบนี้มาได้ตลอด แบบที่ตอบตนในสภามาโดยตลอด ปัญหาก็คาราคาซังต่อไป ตอนนี้ถึงเวลาที่เราต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในพื้นที่ ว่าถ้าคุณอยู่ภายใต้กฎหมายของประเทศไทย จะไม่มีกรณี 2 มาตรฐาน คุณจะได้รับความเป็นธรรมและความสำคัญ ตนเข้าใจดีว่าประเทศไทยมีปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า แต่เราต้องไม่ทำให้ประชาชนรู้สึกว่าปัญหาไหนสำคัญกว่ากันหรือเลือกปฏิบัติ
นาย
รังสิมันต์ ย้ำว่า การตอบคำถามเรื่องคดีนี้ เป็นการตอบที่พรรคเพื่อไทยอยากเห็น ให้จบลงที่ พล.อ.
พิศาล วัฒนวงศ์คีรี สส.บัญชีรายชื่อ รับจบไปเท่านั้น ซึ่งเรื่องคดีความ ใครจะรับผิดอย่างไรก็ต้องดำเนินการ แต่สิ่งที่มันต้องตอบให้ชัด ตกลงแล้วรัฐบาลไม่ได้มีหน้าที่อะไรเลยใช่หรือไม่ รัฐบาลมีความจำเป็นที่จะต้องใช้โอกาสนี้ในการสร้างความเชื่อมั่น และเราต้องไม่ลืมว่าเรื่องนี้จะมองแค่รัฐบาลนี้ไม่ได้ มันต้องมองย้อนกลับไปสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย เรารู้ว่าพรรคเพื่อไทยมีความเป็นมาอย่างไร ตอนเลือกตั้ง นางสาว
แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็ชูข้อความบนบอร์ดเองว่าพรรคเพื่อไทยมีความเป็นมาอย่างไร
“
ผมถามว่าในวันที่เกิดเหตุการณ์ตากใบ จุดเริ่มต้นมันเริ่มตั้งแต่ตอนเช้าของวันที่ 25 ต.ค. 2547 คุณทักษิณให้สัมภาษณ์เองว่าตีกอล์ฟอยู่ ผมเข้าใจดีว่าวันนั้นเป็นวันหยุด คุณทักษิณมีสิทธิ์ที่จะตีกอล์ฟ แต่เราต่างรู้ดีว่าเหตุการณ์ตากใบเกิดขึ้นหลังจากการปล้นปืน กรือเซะ มีความละเอียดอ่อนอย่างไร เมื่อเริ่มมีการชุมนุม คุณจะพักการตีกอล์ฟมาติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดไม่ได้เลยหรือ มากไปกว่านั้น ถ้าคุณรู้ว่าเรื่องนี้มันกินระยะเวลายาวนาน เมื่อมีการชุมนุม ควบคุมฝูงชนที่ค่อนข้างรุนแรง มีการประทะกัน และมีคนตาย คุณจะไม่สามารถทำหน้าที่อย่างใกล้ชิด เพื่อติดตามเรื่องนี้เลยใช่หรือไม่” นาย
รังสิมันต์ ตั้งคำถาม
นาย
รังสิมันต์ กล่าวยังมีอารมณ์ว่า จากตอนเช้าจนถึงตี 1 ช่วงเวลาที่เกิดเหตุ นาย
ทักษิณ มีเวลาตั้งมากมายที่จะเข้าไปแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด จึงเป็นคำถามที่คาใจของสังคม ว่ารัฐบาลตั้งแต่พรรคไทยรักไทยไม่เคยให้ความสำคัญกับคนในพื้นที่ แล้ววันนี้ เขาก็กำลังรู้สึกแบบนั้นอีกแล้วกับรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่นำโดยจากเดิมที่เป็นพ่อ วันนี้เป็นลูกสาว ตนถึงคิดว่ามีความจำเป็น ถ้าต้องการดับไฟใต้ ต้องคลี่คลายปมนี้ เราพยายามพูดเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา พูดเพื่อแสดงออกถึงอารมณ์ความรู้สึกของคนที่เขารู้สึก แต่สิ่งที่ได้รับคำตอบคือไม่ได้รับคำตอบ
“
มันกลายเป็นว่าท่านต้องการที่จะโชว์ถึงวุฒิภาวะ พยายามทำตัวว่าใจเย็นจังเลย แต่เรื่องนี้ไม่มีคำตอบอะไรให้กับสังคมเลย การตอบของรัฐมนตรีอย่างมีวุฒิภาวะที่ดีที่สุด คือการตอบแบบมีเนื้อหาสาระ ปัญหาคือนายภูมิธรรมเป็นบุคคลที่ไม่มีวุฒิภาวะอะไรเลย ในการที่จะเป็นรองนายกฯและดูแลความมั่นคง ไม่น่าเชื่อว่าตัวท่านเองจะเคยผ่านเหตุการณ์ที่รุนแรงมาก่อน แล้วปล่อยให้เรื่องนี้เงียบหายไป” นาย
รังสิมันต์ กล่าว.-319 -สำนักข่าวไทย
‘โรม’ ถาม พรรคไหน แกนนำรัฐบาล หลังสะพัด ‘อนุทิน-เนวิน’ เข้าพบ ‘ทักษิณ’
https://www.matichon.co.th/politics/news_4834307
‘โรม’ ถามพรรคไหน แกนนำรัฐบาล หลังสะพัด ‘อนุทิน-เนวิน’ เข้าพบ ‘ทักษิณ’
เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ที่รัฐสภา นาย
รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวที่นาย
เนวิน ชิดชอบ ประธานบริหารสโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ด และนาย
อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เข้าพบนาย
ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่บ้านจันทร์สองหล้า ว่า ตอนนี้เราเองก็ยังไม่รู้ว่าเรื่องนี้มีข้อเท็จจริงอย่างไร แต่หากเป็นความจริง มันก็คงสะท้อนการเมืองหลายอย่าง อย่างแรก ก่อนหน้านี้ นาย
เนวินเคยพูดในทำนองว่าอยากให้นาย
อนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งในวันนี้เป็นช่วงเวลาที่นายกรัฐมนตรี ชื่อ นางสาว
แพทองธาร ชินวัตร การพูดในทำนองนี้ยอมรับว่ามันอาจจะสะท้อนถึงความไม่เป็นเอกภาพทางการเมือง เราจะเห็นว่าบทบาทของพรรคภูมิใจไทยเป็นบทบาทที่ชี้นำหลายอย่างของการเมืองฝั่งรัฐบาลอยู่มาก
“
จนตอนนี้เราเริ่มไม่แน่ใจว่าใครคือพรรคการเมืองที่เป็นแกนนำ แล้วที่เหลือเป็นอาจเป็นพรรคร่วม เราบอกได้ว่าตอนนี้พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคแกนนำตัวจริง เพราะการตัดสินใจหลายๆ อย่าง การพลิกไปพลิกมาที่เราเห็นของฝั่งรัฐบาล ล้วนถูกชี้นำโดยพรรคภูมิใจไทยทั้งสิ้น ถ้าเรามองในประวัติศาสตร์อาจจะพบว่าคุณเนวินกับคุณทักษิณ ก็เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขและมีความขัดแย้งกันมา วันนี้ก็ต้องกลับมาร่วมกันอีก อาจจะด้วยเหตุผลทางการเมือง เขาถึงบอกว่าประวัติศาสตร์อาจจะซ้ำรอยกันได้ เราก็ไม่รู้ว่าจะซ้ำรอยไหน รอยร่วมทุกข์ร่วมสุขหรือรอยที่มันจบแล้วครับนาย เราก็ไม่ทราบ” นาย
รังสิมันต์ กล่าว
นาย
รังสิมันต์ กล่าวต่อว่า เราจะเห็นว่าบทบาทของพรรคภูมิใจไทยในวันนี้ชี้นำทางการเมือง เช่น รัฐธรรมนูญ เหล่านี้ล้วนเกิดจากพรรคภูมิใจไทยทั้งสิ้น ดังนั้น เสถียรภาพทางการเมืองของรัฐบาลที่มันไม่แน่นอน ต้องยอมรับว่ามันเกิดจากการที่พรรคร่วมรัฐบาลไม่สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างแท้จริง ต่อให้มีนาย
ทักษิณเป็นกาวใจ ก็อาจจะไม่แก้ปัญหาอะไร สุดท้าย ความฝันของนาย
เนวิน จะเป็นจริงหรือไม่ก็คงต้องติดตามก็ดูต่อไป
เมื่อถามว่าหลังจากมีการพบกัน ได้มีกระแสนายกฯคนละครึ่ง นาย
รังสิมันต์ หัวเราะ พร้อมกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีแบ่งคนละครึ่ง แบบนี้มันไม่สมควร เพราะสำคัญที่สุดคือประโยชน์ของประชาชน การที่เราต้องมาแบ่งคนละครึ่ง ตนคิดว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิด การเมืองที่เราอยากเห็นคือการเมืองที่มีเสถียรภาพ มันไม่ใช่เก้าอี้ดนตรี ที่จะมาผลัดกันนั่งผลัดกันเล่น การเมืองที่เราอยากเห็นคือการเมืองที่ตรงไปตรงมา การผลัดกันในลักษณะนี้ แม้อยู่ในฝั่งพรรคร่วมเดียวกัน ไม่มีทางที่การเมืองจะมีเสถียรภาพได้ ถ้าคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติ อย่าทำให้ตำแหน่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีเป็นเก้าอี้ดนตรี
เมื่อถามว่าการพบกันครั้งนี้ เป็นการดีลแผนทางการเมืองหรือไม่ เพราะล่าสุด นาย
เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐก็ไปยื่นร้องสอบน.ส.
แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีแต่งตั้งนาย
ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และ นพ.
สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เนื่องจากมีคดีทางการเมือง ซึ่งอาจจะซ้ำรอยจริยธรรมเหมือนนายเศรษฐา นาย
รังสิมันต์ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้คิดไปไกลถึงขนาดนั้น และยังไม่เคยเห็นกรณีที่นายกรัฐมนตรี จะต้องพ้นจากตำแหน่งเพราะตั้งที่ปรึกษา ตนไม่ทราบว่าผลของการร้องจะเป็นอย่างไร ส่วนจุดยืนของตนและพรรคประชาชน ไม่สนับสนุนการทำนิติสงคราม เรามองว่าวิถีทางการเมืองก็ปล่อยให้มันดำเนินการไปโดยวิธีการทางการเมือง
“
ในช่วงเวลาที่ผ่านมาแล้วพบว่าการใช้นิติสงครามทำให้การเมืองไม่ไปไหน เราเอง ในฐานะพรรคประชาชนก็เป็นเหยื่อ หลายพรรคการเมืองก็เป็นเหยื่อ จริงๆพรรคการเมืองที่เป็นเหยื่อควรจะร่วมมือกันในการแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้แล้ว แต่แน่นอน พอถึงสถานการณ์จริง หลายคนก็อาจจะมองว่าจากนี้เป็นตาของผม จังหวะนี้เป็นความซวยของเอ็ง กลายเป็นว่าการเมืองหาทางออกไม่ได้” นาย
รังสิมันต์ กล่าว
นาย
รังสิมันต์ กล่าวว่า นาย
ณัฐวุฒิเอง เป็นอดีตนักสู้ผ่านมาหลายสมรภูมิ วันนี้เรารอคอยในเรื่องความยุติธรรมจากรัฐบาลนี้มากมายหลายเรื่อง เช่น การนิรโทษกรรม
“
ผมเองก็หวังว่าพี่เต้น จะใช้โอกาสนี้ในการที่ได้นั่งเป็นที่ปรึกษาช่วยแนะนำนายกฯ หน่อย ว่าเรื่องนิรโทษกรรม มันควรจะมีทางออกได้แล้ว มีคนจำนวนมากเห็นคุณณัฐวุฒิเป็นไอดอล คาดหวังว่ารัฐบาลนี้จะสร้างความเปลี่ยนแปลงในเรื่องยุติธรรมได้ รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลมา 1 ปีกว่าแล้ว ควรจะมีคำตอบให้ประชาชน อย่าให้ต้องสับสนมึนงง” นายรังสิมันต์ กล่าว
ส่วนจะเป็นการตั้งตำแหน่งต่างตอบแทนหรือไม่ นาย
รังสิมันต์ ระบุว่า ตนยังไม่อยากวิเคราะห์ขนาดนั้น เอาเป็นว่าตั้งมาแล้ว ตนก็รอคอยว่านาย
ณัฐวุฒิจะใช้ความรู้ความสามารถในการแนะนำรัฐบาลไปในทางที่ถูกต้อง
‘อมรัตน์’ อัดน่าผิดหวัง ‘ณัฐวุฒิ’ เคยพูดยุติงานเพื่อไทย แต่ล่าสุด ‘อุ๊งอิ๊ง’ เซ็นนั่งที่ปรึกษานายกฯ
https://ch3plus.com/news/political/morning/419835
เมื่อวันที่ 7 ต.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า เมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา นางสาว
แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในคำคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 348/2567 เรื่อง แต่งตั้งที่ปรึกษาของนายกรัฐนตรี เพิ่มเติมตามที่ได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 319/2567 เรื่อง แต่งตั้งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินและการขับเคลื่อนงานของรัฐบาลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11(6) แห่งพระระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2535
จึงแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เพิ่มเติม เพื่อทำหน้าที่ในการให้คำปรึกษาและพิจารณาเสนอความเห็นหรือข้อเสนอแนะต่าง ๆ ตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย ดังนี้
1. นาย
ธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส
2. นาย
ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ซึ่งจากประกาศดังกล่าว ทำให้โลกออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์ท่าทีของนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ที่ก่อนหน้านี้เคยประกาศยุติบทบาท ไม่ร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย หลังจากที่พรรคเพื่อไทยพลิกขั้วไปจับมือกับพรรคสองลุง รวมไทยสร้างชาติและพลังประชาชน เมื่อปี 2566
ด้านนาง
อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล แกนนำพรรคก้าวไกล โพสต์วิจารณ์ว่า
“
ออกไปแก้ขวยนิดนึง ปรับชื่อตำแหน่งใหม่คนยังไม่ทันลืมก็รอไม่ไหวซะแล้ว”
“
ช่วยงานพรรคพวกแบบไม่ให้ย้อนแย้งกับที่เคยลั่นปากไปแล้วยังมีช่องทางมากมาย ให้คำปรึกษาเบื้องหลังไม่รับตำแหน่งที่เป็นทางการก็ได้”
“
ไม่ได้อยากจะแซะอะไร แค่น่าผิดหวัง อยากให้แวดวงการเมืองช่วยกันสร้างตัวอย่างที่ดีเรื่องการรักษาคำพูด รักษาเกียรติรักษาศักดิ์ศรีบ้าง
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ :
https://youtu.be/W_3ohnwT_-I
JJNY : “โรม” ฉุนรัฐไม่จัดการคดีตากใบ│‘โรม’ถามพรรคไหนแกนนำ│‘อมรัตน์’ อัดน่าผิดหวัง ‘ณัฐวุฒิ’│‘คณะศิษย์หลวงตาบัว’ ค้านรบ.
https://tna.mcot.net/politics-1430752
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงการจัดการคดีตากใบของรัฐบาล ว่า ถ้าเราจะคลี่ปมความขัดแย้ง มันไม่ใช่แค่พูดแบบที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมพูด ที่นั่งอยู่บนหอคอยแล้วมองลงมา เราใช้วิธีการแบบนี้มาได้ตลอด แบบที่ตอบตนในสภามาโดยตลอด ปัญหาก็คาราคาซังต่อไป ตอนนี้ถึงเวลาที่เราต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในพื้นที่ ว่าถ้าคุณอยู่ภายใต้กฎหมายของประเทศไทย จะไม่มีกรณี 2 มาตรฐาน คุณจะได้รับความเป็นธรรมและความสำคัญ ตนเข้าใจดีว่าประเทศไทยมีปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า แต่เราต้องไม่ทำให้ประชาชนรู้สึกว่าปัญหาไหนสำคัญกว่ากันหรือเลือกปฏิบัติ
นายรังสิมันต์ ย้ำว่า การตอบคำถามเรื่องคดีนี้ เป็นการตอบที่พรรคเพื่อไทยอยากเห็น ให้จบลงที่ พล.อ.พิศาล วัฒนวงศ์คีรี สส.บัญชีรายชื่อ รับจบไปเท่านั้น ซึ่งเรื่องคดีความ ใครจะรับผิดอย่างไรก็ต้องดำเนินการ แต่สิ่งที่มันต้องตอบให้ชัด ตกลงแล้วรัฐบาลไม่ได้มีหน้าที่อะไรเลยใช่หรือไม่ รัฐบาลมีความจำเป็นที่จะต้องใช้โอกาสนี้ในการสร้างความเชื่อมั่น และเราต้องไม่ลืมว่าเรื่องนี้จะมองแค่รัฐบาลนี้ไม่ได้ มันต้องมองย้อนกลับไปสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย เรารู้ว่าพรรคเพื่อไทยมีความเป็นมาอย่างไร ตอนเลือกตั้ง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็ชูข้อความบนบอร์ดเองว่าพรรคเพื่อไทยมีความเป็นมาอย่างไร
“ผมถามว่าในวันที่เกิดเหตุการณ์ตากใบ จุดเริ่มต้นมันเริ่มตั้งแต่ตอนเช้าของวันที่ 25 ต.ค. 2547 คุณทักษิณให้สัมภาษณ์เองว่าตีกอล์ฟอยู่ ผมเข้าใจดีว่าวันนั้นเป็นวันหยุด คุณทักษิณมีสิทธิ์ที่จะตีกอล์ฟ แต่เราต่างรู้ดีว่าเหตุการณ์ตากใบเกิดขึ้นหลังจากการปล้นปืน กรือเซะ มีความละเอียดอ่อนอย่างไร เมื่อเริ่มมีการชุมนุม คุณจะพักการตีกอล์ฟมาติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดไม่ได้เลยหรือ มากไปกว่านั้น ถ้าคุณรู้ว่าเรื่องนี้มันกินระยะเวลายาวนาน เมื่อมีการชุมนุม ควบคุมฝูงชนที่ค่อนข้างรุนแรง มีการประทะกัน และมีคนตาย คุณจะไม่สามารถทำหน้าที่อย่างใกล้ชิด เพื่อติดตามเรื่องนี้เลยใช่หรือไม่” นายรังสิมันต์ ตั้งคำถาม
นายรังสิมันต์ กล่าวยังมีอารมณ์ว่า จากตอนเช้าจนถึงตี 1 ช่วงเวลาที่เกิดเหตุ นายทักษิณ มีเวลาตั้งมากมายที่จะเข้าไปแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด จึงเป็นคำถามที่คาใจของสังคม ว่ารัฐบาลตั้งแต่พรรคไทยรักไทยไม่เคยให้ความสำคัญกับคนในพื้นที่ แล้ววันนี้ เขาก็กำลังรู้สึกแบบนั้นอีกแล้วกับรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่นำโดยจากเดิมที่เป็นพ่อ วันนี้เป็นลูกสาว ตนถึงคิดว่ามีความจำเป็น ถ้าต้องการดับไฟใต้ ต้องคลี่คลายปมนี้ เราพยายามพูดเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา พูดเพื่อแสดงออกถึงอารมณ์ความรู้สึกของคนที่เขารู้สึก แต่สิ่งที่ได้รับคำตอบคือไม่ได้รับคำตอบ
“มันกลายเป็นว่าท่านต้องการที่จะโชว์ถึงวุฒิภาวะ พยายามทำตัวว่าใจเย็นจังเลย แต่เรื่องนี้ไม่มีคำตอบอะไรให้กับสังคมเลย การตอบของรัฐมนตรีอย่างมีวุฒิภาวะที่ดีที่สุด คือการตอบแบบมีเนื้อหาสาระ ปัญหาคือนายภูมิธรรมเป็นบุคคลที่ไม่มีวุฒิภาวะอะไรเลย ในการที่จะเป็นรองนายกฯและดูแลความมั่นคง ไม่น่าเชื่อว่าตัวท่านเองจะเคยผ่านเหตุการณ์ที่รุนแรงมาก่อน แล้วปล่อยให้เรื่องนี้เงียบหายไป” นายรังสิมันต์ กล่าว.-319 -สำนักข่าวไทย
‘โรม’ ถาม พรรคไหน แกนนำรัฐบาล หลังสะพัด ‘อนุทิน-เนวิน’ เข้าพบ ‘ทักษิณ’
https://www.matichon.co.th/politics/news_4834307
‘โรม’ ถามพรรคไหน แกนนำรัฐบาล หลังสะพัด ‘อนุทิน-เนวิน’ เข้าพบ ‘ทักษิณ’
เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวที่นายเนวิน ชิดชอบ ประธานบริหารสโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ด และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เข้าพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่บ้านจันทร์สองหล้า ว่า ตอนนี้เราเองก็ยังไม่รู้ว่าเรื่องนี้มีข้อเท็จจริงอย่างไร แต่หากเป็นความจริง มันก็คงสะท้อนการเมืองหลายอย่าง อย่างแรก ก่อนหน้านี้ นายเนวินเคยพูดในทำนองว่าอยากให้นายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งในวันนี้เป็นช่วงเวลาที่นายกรัฐมนตรี ชื่อ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร การพูดในทำนองนี้ยอมรับว่ามันอาจจะสะท้อนถึงความไม่เป็นเอกภาพทางการเมือง เราจะเห็นว่าบทบาทของพรรคภูมิใจไทยเป็นบทบาทที่ชี้นำหลายอย่างของการเมืองฝั่งรัฐบาลอยู่มาก
“จนตอนนี้เราเริ่มไม่แน่ใจว่าใครคือพรรคการเมืองที่เป็นแกนนำ แล้วที่เหลือเป็นอาจเป็นพรรคร่วม เราบอกได้ว่าตอนนี้พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคแกนนำตัวจริง เพราะการตัดสินใจหลายๆ อย่าง การพลิกไปพลิกมาที่เราเห็นของฝั่งรัฐบาล ล้วนถูกชี้นำโดยพรรคภูมิใจไทยทั้งสิ้น ถ้าเรามองในประวัติศาสตร์อาจจะพบว่าคุณเนวินกับคุณทักษิณ ก็เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขและมีความขัดแย้งกันมา วันนี้ก็ต้องกลับมาร่วมกันอีก อาจจะด้วยเหตุผลทางการเมือง เขาถึงบอกว่าประวัติศาสตร์อาจจะซ้ำรอยกันได้ เราก็ไม่รู้ว่าจะซ้ำรอยไหน รอยร่วมทุกข์ร่วมสุขหรือรอยที่มันจบแล้วครับนาย เราก็ไม่ทราบ” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า เราจะเห็นว่าบทบาทของพรรคภูมิใจไทยในวันนี้ชี้นำทางการเมือง เช่น รัฐธรรมนูญ เหล่านี้ล้วนเกิดจากพรรคภูมิใจไทยทั้งสิ้น ดังนั้น เสถียรภาพทางการเมืองของรัฐบาลที่มันไม่แน่นอน ต้องยอมรับว่ามันเกิดจากการที่พรรคร่วมรัฐบาลไม่สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างแท้จริง ต่อให้มีนายทักษิณเป็นกาวใจ ก็อาจจะไม่แก้ปัญหาอะไร สุดท้าย ความฝันของนายเนวิน จะเป็นจริงหรือไม่ก็คงต้องติดตามก็ดูต่อไป
เมื่อถามว่าหลังจากมีการพบกัน ได้มีกระแสนายกฯคนละครึ่ง นายรังสิมันต์ หัวเราะ พร้อมกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีแบ่งคนละครึ่ง แบบนี้มันไม่สมควร เพราะสำคัญที่สุดคือประโยชน์ของประชาชน การที่เราต้องมาแบ่งคนละครึ่ง ตนคิดว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิด การเมืองที่เราอยากเห็นคือการเมืองที่มีเสถียรภาพ มันไม่ใช่เก้าอี้ดนตรี ที่จะมาผลัดกันนั่งผลัดกันเล่น การเมืองที่เราอยากเห็นคือการเมืองที่ตรงไปตรงมา การผลัดกันในลักษณะนี้ แม้อยู่ในฝั่งพรรคร่วมเดียวกัน ไม่มีทางที่การเมืองจะมีเสถียรภาพได้ ถ้าคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติ อย่าทำให้ตำแหน่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีเป็นเก้าอี้ดนตรี
เมื่อถามว่าการพบกันครั้งนี้ เป็นการดีลแผนทางการเมืองหรือไม่ เพราะล่าสุด นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐก็ไปยื่นร้องสอบน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีแต่งตั้งนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เนื่องจากมีคดีทางการเมือง ซึ่งอาจจะซ้ำรอยจริยธรรมเหมือนนายเศรษฐา นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้คิดไปไกลถึงขนาดนั้น และยังไม่เคยเห็นกรณีที่นายกรัฐมนตรี จะต้องพ้นจากตำแหน่งเพราะตั้งที่ปรึกษา ตนไม่ทราบว่าผลของการร้องจะเป็นอย่างไร ส่วนจุดยืนของตนและพรรคประชาชน ไม่สนับสนุนการทำนิติสงคราม เรามองว่าวิถีทางการเมืองก็ปล่อยให้มันดำเนินการไปโดยวิธีการทางการเมือง
“ในช่วงเวลาที่ผ่านมาแล้วพบว่าการใช้นิติสงครามทำให้การเมืองไม่ไปไหน เราเอง ในฐานะพรรคประชาชนก็เป็นเหยื่อ หลายพรรคการเมืองก็เป็นเหยื่อ จริงๆพรรคการเมืองที่เป็นเหยื่อควรจะร่วมมือกันในการแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้แล้ว แต่แน่นอน พอถึงสถานการณ์จริง หลายคนก็อาจจะมองว่าจากนี้เป็นตาของผม จังหวะนี้เป็นความซวยของเอ็ง กลายเป็นว่าการเมืองหาทางออกไม่ได้” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า นายณัฐวุฒิเอง เป็นอดีตนักสู้ผ่านมาหลายสมรภูมิ วันนี้เรารอคอยในเรื่องความยุติธรรมจากรัฐบาลนี้มากมายหลายเรื่อง เช่น การนิรโทษกรรม
“ผมเองก็หวังว่าพี่เต้น จะใช้โอกาสนี้ในการที่ได้นั่งเป็นที่ปรึกษาช่วยแนะนำนายกฯ หน่อย ว่าเรื่องนิรโทษกรรม มันควรจะมีทางออกได้แล้ว มีคนจำนวนมากเห็นคุณณัฐวุฒิเป็นไอดอล คาดหวังว่ารัฐบาลนี้จะสร้างความเปลี่ยนแปลงในเรื่องยุติธรรมได้ รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลมา 1 ปีกว่าแล้ว ควรจะมีคำตอบให้ประชาชน อย่าให้ต้องสับสนมึนงง” นายรังสิมันต์ กล่าว
ส่วนจะเป็นการตั้งตำแหน่งต่างตอบแทนหรือไม่ นายรังสิมันต์ ระบุว่า ตนยังไม่อยากวิเคราะห์ขนาดนั้น เอาเป็นว่าตั้งมาแล้ว ตนก็รอคอยว่านายณัฐวุฒิจะใช้ความรู้ความสามารถในการแนะนำรัฐบาลไปในทางที่ถูกต้อง
‘อมรัตน์’ อัดน่าผิดหวัง ‘ณัฐวุฒิ’ เคยพูดยุติงานเพื่อไทย แต่ล่าสุด ‘อุ๊งอิ๊ง’ เซ็นนั่งที่ปรึกษานายกฯ
https://ch3plus.com/news/political/morning/419835
เมื่อวันที่ 7 ต.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า เมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในคำคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 348/2567 เรื่อง แต่งตั้งที่ปรึกษาของนายกรัฐนตรี เพิ่มเติมตามที่ได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 319/2567 เรื่อง แต่งตั้งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินและการขับเคลื่อนงานของรัฐบาลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11(6) แห่งพระระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2535
จึงแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เพิ่มเติม เพื่อทำหน้าที่ในการให้คำปรึกษาและพิจารณาเสนอความเห็นหรือข้อเสนอแนะต่าง ๆ ตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย ดังนี้
1. นายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส
2. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ซึ่งจากประกาศดังกล่าว ทำให้โลกออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์ท่าทีของนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ที่ก่อนหน้านี้เคยประกาศยุติบทบาท ไม่ร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย หลังจากที่พรรคเพื่อไทยพลิกขั้วไปจับมือกับพรรคสองลุง รวมไทยสร้างชาติและพลังประชาชน เมื่อปี 2566
ด้านนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล แกนนำพรรคก้าวไกล โพสต์วิจารณ์ว่า
“ออกไปแก้ขวยนิดนึง ปรับชื่อตำแหน่งใหม่คนยังไม่ทันลืมก็รอไม่ไหวซะแล้ว”
“ช่วยงานพรรคพวกแบบไม่ให้ย้อนแย้งกับที่เคยลั่นปากไปแล้วยังมีช่องทางมากมาย ให้คำปรึกษาเบื้องหลังไม่รับตำแหน่งที่เป็นทางการก็ได้”
“ไม่ได้อยากจะแซะอะไร แค่น่าผิดหวัง อยากให้แวดวงการเมืองช่วยกันสร้างตัวอย่างที่ดีเรื่องการรักษาคำพูด รักษาเกียรติรักษาศักดิ์ศรีบ้าง
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/W_3ohnwT_-I