คู่มือกล้องดิจิทัลเก่า ฉบับมาตรฐาน เพื่อการใช้งานได้จริง



1. กล้องเก่า ที่วางขายก่อน 2014 คือ เก่ามาก
แบตต้องถอดมาชาร์จด้วยแท่นชาร์จ จะชาร์จตรงเหมือนมือถือสมัยนี้ไม่ได้
รุ่นใหม่ๆ ที่ออกมาหลังปี  2018 ยังทำได้ไม่กี่รุ่น และแต่ละรุ่นแพงหลายหมื่นแม้เป็นมือสอง
รุ่นเก่ามากๆ เสียบสายชาร์จตรงกับหัวชาร์จ กล้องอาจพัง
หลายรุ่น แบตนาฬิกาภายในเสื่อมหมด ถอดแบตมาชาร์จ ค่าที่ตั้งไว้จะหายหมด

แบตกล้องมีอายุ 7-10 ปี
แบตแท้รุ่นเก่า อาจไม่มีขาย หรือขายพร้อมแท่นชาร์จที่แพงมาก หรือหายาก ให้ใช้แบตเทียบแท่นชาร์จเทียบ

2. กล้องเก่ากว่าปี 2014 ไม่สามารถโอนภาพจากกล้องไปมือถือหรือคอมพ์ได้โดยตรง
ต้องถอดการ์ดหน่วยความจำมาเสียบเข้าตัวอ่าน (card reader) แล้วเสียบตัวอ่านเข้ามือถือหรือคอมพ์
ถ้าไม่เก่ามาก หรือเป็นของเก่ารุ่นท้อป อาจสามารถโอนภาพโดยตรง ผ่านสาย usb ทำได้หลายรุ่น แต่ช้ามาก ! ขอบอก
รุ่นใหม่ๆ ที่ไม่ใช่รุ่นท้อป ก็มีไม่กี่รุ่นที่สามารถโอนภาพผ่าน bluetooth หรือ wifi ได้

3.กล้องเก่ากว่าปี 2010 อาจต้องใช้การ์ดเม็มขนาดไม่เกิน 2 GB ซึ่งทำให้ใช้การ์ดรุ่นใหม่ไม่ได้ บางยี่ห้อ ต้องใช้เม็มการ์ดแบบพิสดาร ไม่ใช่มาตรฐาน SD หรือ CF ของยุคนี้ ซึ่งการ์ดที่ว่า ราคาแพงมาก และหายาก และอาจพังแล้ว อย่างเช่นการ์ด xD, การ์ด MS 
โปรดอย่าไล่เบี้ยเสียเวลาถามหาของจากผู้ขาย

4. กล้องเก่า ที่วางขายก่อน 2014 ที่มีอาการเลนส์ติดค้าง โค้ทลอกขึ้นราฝ้าเต็ม ม่านรับแสงติดขัด ขั้วแบตเป็นสนิม จอเสีย แฟลชไหม้ บอร์ดพัง ปลาสติกตัวกล้องแตก ฝาปิดแบตหัก ยางเหนียว  หนังหุ้มขึ้นรา เปิดไม่ติด ใช้งานไม่ได้ ฯลฯ ใช้ได้เดี๋ยวเดียวพัง เป็นเรื่องปกติ พบได้ประจำ ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่ประการใด โดยเฉพาะกล้องคอมแพ็ครุ่นล่างๆ
โปรดอย่าไล่เบี้ยเสียเวลาถามหาประกันจากผู้ขาย หรือ อารมณ์เสีย
ถ้าโชคดี ช่างซ่อมหาอะไหล่ได้หรือซ่อมได้ ค่าซ่อม 1,500-10,000

5. อย่าใช้กล้องดิจิทัลเก่าแบบเดียวกับที่ใช้งานกล้องฟิล์มเก่า รวมทั้งอย่าใช้กล้องฟิล์มเก่าแบบเดียวกับใช้กล้องดิจิทัลเก่า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่