หลายคนที่ชอบอ่านงานเขียนของ Hermann Hesse น่าจะไม่พลาดเล่ม Wandering เป็นงานเขียนเล่มบางๆ แต่มีเนื้อหาที่เข้มข้น เล่มนี้ผู้เขียนตั้งใจชวนผู้อ่านให้ออกไปเดินทางไปพร้อมกันๆ ชวนไปสำรวจทิวทัศน์และธรรมชาติในระหว่างการเดินทาง โดยมีเส้นทางที่นำไปสู่การกลับบ้านของผู้อ่านเอง…
ความน่าสนใจของ Wandering คือการเดินทางเพื่อใคร่ครวญต่อสภาพแวดล้อมที่อยู่รอบๆตัว การนิยามตัวเองเป็นนักสำรวจที่รอนแรมเพื่อค้นหาเส้นทางสู่การกลับบ้าน เป็นงานเขียนที่มีความลึกซึ้ง และมีความซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกนึกคิดมากๆ อีกเล่มหนึ่ง เป็นการเดินทางเพื่อการถอดเปลือกภายนอก เพื่อค้นหาสิ่งที่เป็นสารัตถะสำคัญที่อยู่ข้างใน ผมอ่านเล่มนี้แล้วนึกถึงวิถีชีวิตของความเป็น Ghuraba คือการมองชีวิตของนักเดินทางอย่างคนแปลกหน้า
Once again I love deeply everything at home, because I have to leave it. Tomorrow I will love other roofs, other cottages. I won’t leave my heart behind me, as they say in love letters. No, I am going to carry it with me over the mountains, because I need it, always. I am a nomad, not a farmer.
และมีอีกบทหนึ่งที่ผมชอบเป็นพิเศษคือบทต้นไม้ การเปรียบเปรยชีวิตของคนเราผ่านต้นไม้ มีการถอดบทเรียน และเรียนรู้จากชีวิตของต้นไม้ จริงๆอ่านบทนี้แล้วผมนึกถึงบางอายัตในอัลกุรอานที่เปรียบชีวิตกับต้นไม้เช่นเดียวกัน เป็นsymbol ที่เข้าใจง่ายที่เดียวครับ
“Then a tree has something to say to us: Be still! Be still! Look at me! Life is not easy, life is not difficult. Those are childish thoughts. Let God speak within you, and your thoughts will grow silent. You are anxious because your path leads away from mother and home”
เอาเข้าจริงเราต่างเป็นนักเดินทางที่รอนแรมเพื่อเดินทางกลับบ้าน บ้านที่แท้จริง ที่ที่ไม่ได้อยู่ที่นี้ เพราะที่นี้คือทางผ่านต่างหาก…
I am a nomad and not a farmer, a man who searches and not a man who keeps.
เมื่ออ่านเล่มนี้จบ ผมจบด้วยประโยค إِنَّا لِلَّٰهِ وَإِنَّا إِلَيْهِ رَاجِعُونَ ในตอนท้าย…
หมายเหตุ: เล่มนี้ผมตั้งใจอ่านฉบับภาษาอังกฤษเพื่อเพิ่มอรรถรสของถ้อยคำอยู่ในวรรณกรรมและบทกวีครับ ❤️
-ริฎวาน ศอลิห์วงศ์สกุล-
เพราะเราต่างเป็นนักเดินทางที่รอนแรมหาทางกลับบ้าน รีวิวหนังสือ Wandering ของ Hermann Hesse โดยริฎวาน ศอลิห์วงศ์สกุล
ความน่าสนใจของ Wandering คือการเดินทางเพื่อใคร่ครวญต่อสภาพแวดล้อมที่อยู่รอบๆตัว การนิยามตัวเองเป็นนักสำรวจที่รอนแรมเพื่อค้นหาเส้นทางสู่การกลับบ้าน เป็นงานเขียนที่มีความลึกซึ้ง และมีความซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกนึกคิดมากๆ อีกเล่มหนึ่ง เป็นการเดินทางเพื่อการถอดเปลือกภายนอก เพื่อค้นหาสิ่งที่เป็นสารัตถะสำคัญที่อยู่ข้างใน ผมอ่านเล่มนี้แล้วนึกถึงวิถีชีวิตของความเป็น Ghuraba คือการมองชีวิตของนักเดินทางอย่างคนแปลกหน้า
Once again I love deeply everything at home, because I have to leave it. Tomorrow I will love other roofs, other cottages. I won’t leave my heart behind me, as they say in love letters. No, I am going to carry it with me over the mountains, because I need it, always. I am a nomad, not a farmer.
และมีอีกบทหนึ่งที่ผมชอบเป็นพิเศษคือบทต้นไม้ การเปรียบเปรยชีวิตของคนเราผ่านต้นไม้ มีการถอดบทเรียน และเรียนรู้จากชีวิตของต้นไม้ จริงๆอ่านบทนี้แล้วผมนึกถึงบางอายัตในอัลกุรอานที่เปรียบชีวิตกับต้นไม้เช่นเดียวกัน เป็นsymbol ที่เข้าใจง่ายที่เดียวครับ
“Then a tree has something to say to us: Be still! Be still! Look at me! Life is not easy, life is not difficult. Those are childish thoughts. Let God speak within you, and your thoughts will grow silent. You are anxious because your path leads away from mother and home”
เอาเข้าจริงเราต่างเป็นนักเดินทางที่รอนแรมเพื่อเดินทางกลับบ้าน บ้านที่แท้จริง ที่ที่ไม่ได้อยู่ที่นี้ เพราะที่นี้คือทางผ่านต่างหาก…
I am a nomad and not a farmer, a man who searches and not a man who keeps.
เมื่ออ่านเล่มนี้จบ ผมจบด้วยประโยค إِنَّا لِلَّٰهِ وَإِنَّا إِلَيْهِ رَاجِعُونَ ในตอนท้าย…
หมายเหตุ: เล่มนี้ผมตั้งใจอ่านฉบับภาษาอังกฤษเพื่อเพิ่มอรรถรสของถ้อยคำอยู่ในวรรณกรรมและบทกวีครับ ❤️
-ริฎวาน ศอลิห์วงศ์สกุล-