ขอพื้นที่ระบายความอึดอัดนะคะ เรื่องมีอยู่ว่า เราเป็นลูกคนที่ 2 มีพี่ชาย 1 คน ห่างกัน 5 ปี ตั้งแต่เล็กจนโตความทรงจำที่เรามีเกี่ยวกับแม่มันไม่ค่อยดี(พ่อไปทำงานต่างประเทศ) เช่น
1.ตอนเด็กๆ ประมาณ ประถม เราชอบตื่นสาย ชอบการนอน ไม่ค่อยออกไปเล่นกับเพื่อนๆ ช่วงนั้นเป็นช่วงสงกรานต์พอดี แต่แม่ก็มาลากเราขึ้นจากที่นอนเพื่อพาไปทำสวน(เก็บมะเขือเทศ) เราลุกขึ้นมาแบบงัวเงียไม่อยากตื่น บังคับเรารีบๆกินข้าว จะได้รีบไปทำงาน เราก็กินไปด้วยบ่นไปด้วย แม่ก็ทุบหลัง เราถึงกับน้ำกินข้าวด้วยน้ำตา กลับกัน พี่ชายขออกไปเล่นน้ำสงกรานต์แม่ก็ให้ไป ส่วนเรายังเด็กแม่ให้ไปช่วยทำงาน ผ่านมา เกือบ 30 ปี แต่จำฝังใจมากค่ะ
2.ตอนเด็กๆ เราเดินไปเรียน รร ห่างบ้านประมาณ 1 กิโลเมตร เราขอแม่ซื้อจักรยาน แม่ก็ซื้อให้ค่ะ แต่ซื้อคันใหญ่มากกกก เราอยู่ประมาณ ป.1 ป.2 ตัวเล็กๆ สูงไม่ถึง 130 แต่แม่ซื้อจักรยานแบบผู้ใหญ่ ซึ่งถ้าเรานั่งบนอาน ขาเราก็ไม่ถึงพื้น ขนาดปรับอานลงมาจนสุดขาเราก็ไม่ถึง จะปั่นได้คือต้องไม่นั่งบนอ่าน มันทรมานมาก พอนึกภาพออกไหมคะ เราฝังใจมากว่าแม่ซื้อจักรยานเพื่อให้พี่ชายไม่ใช่ให้เรา เพราะพี่ชายนั่งปั่นได้พอดีเพราะเขาโตกว่าเรา ***พอโตมาเราเลยตัดสินใจถามแม่ แม่ก็บอกว่า ซื้อเผื่อเราโต ... แต่ในความเป็นจริงจักรยานพังก่อนเราจะโตอีกค่ะ สุดท้ายไม่เคยได้ปั่นแบบดีๆเลย
3.แม่พูดเสมอว่าทำงานส่งเราเรียนลำบากมากเลยบ่นเราด่าเราอยากให้เราได้ดี (เพราะพี่ชายไม่เรียน) พอจบ ม.ปลาย เราจะไปเรียนต่อ ปวส. แม่ไม่ให้ บอกเราว่าไปเรียนทำไม ปวส. จะไปเอาผัวหรอ คือเราแบบ กูมันแย่ขนาดนั้นเลยหรอว่า ตอนเรียนไม่มีแฟนค่ะ อยู่กลุ่มทอม แต่ไม่ใช่ทอมนะคะ เขาคงเห็นคนแถวบ้านแล้วเอามาตัดสินเรา เราเลยไปสมัครครูEng สอบได้ ไม่ให้เรียน แม่พูดว่า เรียนทำไมครู เรียนไปให้ได้อะไร (ถ้าได้เรียนนะ ตอนนี้ขึ้นชำนาญการพิเศษไปแล้ว55) สุดท้ายให้เราเรียน ป ตรี สาขาที่เขาอยากให้เรียน เรียนเอกชน(เราสมัคร ม รัฐ ไม่ทัน เพราะเราไม่ได้อยากเรียน) ระหว่างเรียนเรากู้ กยศ. ค่าเทอม+ค่าใช้จ่าย รายเดือน เราได้เงินไปเรียน วันละ 100 เราตั้งใจและบอกแม่ว่าจะเอาเกียรตินิยมมาให้ได้ พอเรียนจบเราก็ได้ค่ะ
4.จบมา แม่ก็คอยพูดตลอดว่าส่งเราเรียนลำบากกว่าจะหาเงินได้แต่ละบาท ถ้าไม่เลี้ยงดูพ่อแม่อย่าฝันว่าจะได้สมบัติ แต่ความเป็นจริง ค่าเทอมแกก็ไม่เคยได้จ่าย ค่ากินรายวันเดือนนึงไม่ถึง3 พัน เพราะเรากู้เงินเรียน แล้วนั่งรถเมล์ไปกลับบ้านทุกวัน ที่แกลำบาก เพราะช่วงที่เราเรียนแกกู้เงินมาซื้อที่ด้วย แกบอกซื้อมาให้เราแหละ(แต่พอเราเรียนจบแกบอกถ้าไม่เลี้ยงแก แกจะไม่ยกให้)
5.เรียนจบ ทำงาน 4 ปี เลิกงานดึกขี่ จยย. กลับที่พัก เกือบถูกฉุดไปข่มขื่น เลยตัดสินใจเก็บเงินได้ 6 หมื่น แม่ออกให้อีก 1.4 แสน ดาวรถ พอเราสอบบรรจุได้ 1 ปี เราก็กู้เงินธนาคารมาปิด กยศ. กับปิดงวดรถคืนให้พ่อแม่อีก 2 แสน แล้วก็โอนเงินไว้ให้ใช้อีก 1 แสน(เงินที่กู้ธนาคารมานั่นแหละ) ด้วยความที่ว่าเราเงินเดือนน้อย อยากคืนให้เขาบ้าง
6.พอแต่งงาน เราได้สินสอดไม่เยอะ แม่เกือบไม่ให้แต่งเพราะสินสอดน้อย พูดในวันสู่ขอว่า เลี้ยงมาตั้งเท่าไรจะมาให้แค่นี้ (เราก็คิดในใจไม่กล้าพูดว่าฝ่ายชายพ่อแม่เขาก็เลี้ยงมาไหม) การจัดงานเราขอแบบเรียบง่าย แค่ครอบครัวจะได้มีเงินเก็บไว้ แต่พ่อแม่ไม่ยอม จัดใหญ่โตเชิญแขกหลายร้อย อาหารก็ไม่พอเลี้ยงแขก เพราะถูกห่อไปเยอะมาก สุดท้ายเงินสินสอดก็ไม่เหลือ เลี้ยงแขกหมด แล้ววันงานเรามัวแต่รับแขก ข้าวไม่ได้กินยันค่ำ คือเหนื่อยมาก
7.ปีถัดมาเพื่อนเราแต่งงาน แม่ก็ถามว่าได้สินสอดเท่าไร เราบอก เท่านี้... (มากกว่าเราครึ่งนึง) แม่ก็พูดมาว่า อิจฉาเค้ามั้ยล่ะ เค้าได้เยอะกว่า เราคือแบบ...... ถามแม่ตรงนั้นเลยนะ ว่าเพื่ออะไร พูดเพื่ออะไร พูดแล้วได้อะไร อยากให้ลูกรู้สึกยังไงที่พูดมาแบบนี้ แม่ก็ว่า ก็แค่ถามดู ของตัวเองได้น้อยจะอิจฉาเพื่อน เรานี่คิดเลยนะ เป็นแม่ประสาอะไรวะอยากให้ลูกไปอิจฉาคนอื่น
8.พอเรามีลูก เราให้แม่ช่วยเลี้ยง 2 ปี เพราะต้องไปบรรจุ ตจว. ไปคนเดียว แฟนอยู่อีกจังหวัด เลยเอาลูกไปด้วยไม่ได้ แต่กลับบ้านทุกวันหยุดตลอด 2 ปี เพื่อกลับมาเลี้ยงลูกเท่าที่จะทำได้ สุดท้ายก็ได้ย้ายกลับ เรากู้เงินอีกครั้ง ก็โอนให้แกค่าเลี้ยงลูก 1 แสน (กู้ทำบ้านแล้วเงินเหลือ)
9.ที่เราทำบ้าน เพราะความเห็นหลายๆอย่างไม่ตรงกัน เวลาเรามีเรื่องเครียด ไม่เคยขอคำปรึกษาได้ จะถูกซ้ำเติมตลอด ประมาณว่า เราทำเรื่องนี้ผิดแกก็จะพูดประมาณว่า กูบอกแล้ว...แต่คำพูดที่บอกคือ -แล้วแต่ ตัดสินใจเอง คิดเองไม่เป็นหรือ สรุปคือเราต้องแก้ปัญหาเองมาตลอด ไม่เคยมีคำปรึกษาที่ดี ตั้งแต่เด็กจนโตจะได้ยินแต่คำว่า กูทำให้ดูทำไมไม่ดู สอนไม่จำ (ที่จำได้คือด่าอย่างเดียวไม่เคยสอน) เคยถูกพ่อตี เอาพัดลมทุ่มใส่ขณะที่เราอุ้มลูกอยู่ในอกพัดลมถูกแขนลูกเราจนเขาร้องไห้ เพียงเพราะพ่อบ่นแม่เรื่องขายของแล้วเราบอกว่าจะบ่นอะไรกันนักหนา แค่นั้น เราเลยตัดสินใจแยกบ้าน พอเริ่มทำบ้าน ความคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ก็รุมเข้ามาในบ้านหลังนี้ บ้านที่เราแทบจะไม่มีสิทธิตัดสินใจอะไรเลย(เหมือนตอนแต่งงาน) เราก็ยอมๆไป เพราะเราก็รู้สึกผิดที่แยก (แกอยู่สองคนห่างบ้านเราประมาณ 100 เมตร)
10. ความเครียด คำพูดเชิง Toxic ก็ยังมีมาจนถึงปัจจุบัน ประมาณว่า กู้เงินมาทำบ้านเป็นหนี้ จะมีปัญญาส่งรอดไหม ที่กูจะถูกยึดไหม ทั้งๆที่เราทำประกัน ไว้ เป็นไรไปบ้านก็ได้ฟรี ตอนนี้ก็ใช้สวัสดิการช่วยเรื่องผ่าน ไม่ได้ลำบากเลย เวลาเขาลำบากเรื่องเงินเขาเอ่ยปาก เราก็ให้ ทั้งพ่อแม่ ทั้งพี่ชาย แต่พอเวลาเราลำบากบ้าง หันไปทางไหนทั้งแม่ ทั้งพี่ มีแต่หันหน้าหนี เราเตรียมเงินไว้สำหรับเลี้ยงลูก แต่เงินหมดไปกับการช่วยเหลือพวกเขา ส่วนแม่ มีเงินเท่าไรก็ประเคนให้ลูกชายคนโตไปจนหมด พอลำบากก็มาหาเรา เราให้จนเราไม่เหลืออะไรแล้ว
11.เรื่องที่ Toxic มากสำหรับเรา คือ เรื่องการเลี้ยงลูก เขาพูดเสมอว่าลูกมันก็เหมือนแม่ ทำอะไรกับพ่อแม่ไว้ เดี๋ยวลูกก็ทำกับ..... คือแบบ พูดเพื่ออะไร อยากให้เรารู้สึกยังไงหรอที่พูดแบบนี้ (ตอนเด็กเราดื้อค่ะ ) เราสาบานกับตัวเองไว้ว่าอะไรที่เราไม่ชอบ อะไรที่แม่ทำให้เราเสียใจ เราจะไม่ทำกับลูก เรากอด บอกรัก พูดเพราะ กับลูก เวลาคุย จะอธิบายเหตุผลไม่ใส่อารมณ์(ที่เราเจอมาตรงข้ามทุกอย่าง) เราไม่อยากให้ลูกเจอเหมือนเรา แต่เราก็ยังเจอคำพูดถากถาง พูดให้เจ็บช้ำใจที่ออกจากปากแม่อยู่ตลอด ขนาดแยกบ้านแล้ว บางครั้งที่เราติดงานสำคัญ ลูกไม่ได้ไป รร และเราเอาลูกมาทำงานด้วยไม่ได้ ขอฝากแม่ แกก็ทำหน้าตาแบบไม่เต็มใจ จนเรามานั่งคิด "มีอะไรก็ช่วย ช่วยจนตัวเองลำบาก แต่พอเราขอให้ช่วยบ้าง ทำไมมากยากเหลือเกิน"
ขอโทษที่ยาวนะคะ ตอนนี้อึดอัดมาก สะสมมานานมากจนลองประเมิน 2Q 9Q ไม่ผ่านแล้วค่ะ ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว
เหนื่อยกับการกระทำของแม่ ที่หาแต่เรื่องToxic มาใส่หัวเราให้มันเจ็บปวด
1.ตอนเด็กๆ ประมาณ ประถม เราชอบตื่นสาย ชอบการนอน ไม่ค่อยออกไปเล่นกับเพื่อนๆ ช่วงนั้นเป็นช่วงสงกรานต์พอดี แต่แม่ก็มาลากเราขึ้นจากที่นอนเพื่อพาไปทำสวน(เก็บมะเขือเทศ) เราลุกขึ้นมาแบบงัวเงียไม่อยากตื่น บังคับเรารีบๆกินข้าว จะได้รีบไปทำงาน เราก็กินไปด้วยบ่นไปด้วย แม่ก็ทุบหลัง เราถึงกับน้ำกินข้าวด้วยน้ำตา กลับกัน พี่ชายขออกไปเล่นน้ำสงกรานต์แม่ก็ให้ไป ส่วนเรายังเด็กแม่ให้ไปช่วยทำงาน ผ่านมา เกือบ 30 ปี แต่จำฝังใจมากค่ะ
2.ตอนเด็กๆ เราเดินไปเรียน รร ห่างบ้านประมาณ 1 กิโลเมตร เราขอแม่ซื้อจักรยาน แม่ก็ซื้อให้ค่ะ แต่ซื้อคันใหญ่มากกกก เราอยู่ประมาณ ป.1 ป.2 ตัวเล็กๆ สูงไม่ถึง 130 แต่แม่ซื้อจักรยานแบบผู้ใหญ่ ซึ่งถ้าเรานั่งบนอาน ขาเราก็ไม่ถึงพื้น ขนาดปรับอานลงมาจนสุดขาเราก็ไม่ถึง จะปั่นได้คือต้องไม่นั่งบนอ่าน มันทรมานมาก พอนึกภาพออกไหมคะ เราฝังใจมากว่าแม่ซื้อจักรยานเพื่อให้พี่ชายไม่ใช่ให้เรา เพราะพี่ชายนั่งปั่นได้พอดีเพราะเขาโตกว่าเรา ***พอโตมาเราเลยตัดสินใจถามแม่ แม่ก็บอกว่า ซื้อเผื่อเราโต ... แต่ในความเป็นจริงจักรยานพังก่อนเราจะโตอีกค่ะ สุดท้ายไม่เคยได้ปั่นแบบดีๆเลย
3.แม่พูดเสมอว่าทำงานส่งเราเรียนลำบากมากเลยบ่นเราด่าเราอยากให้เราได้ดี (เพราะพี่ชายไม่เรียน) พอจบ ม.ปลาย เราจะไปเรียนต่อ ปวส. แม่ไม่ให้ บอกเราว่าไปเรียนทำไม ปวส. จะไปเอาผัวหรอ คือเราแบบ กูมันแย่ขนาดนั้นเลยหรอว่า ตอนเรียนไม่มีแฟนค่ะ อยู่กลุ่มทอม แต่ไม่ใช่ทอมนะคะ เขาคงเห็นคนแถวบ้านแล้วเอามาตัดสินเรา เราเลยไปสมัครครูEng สอบได้ ไม่ให้เรียน แม่พูดว่า เรียนทำไมครู เรียนไปให้ได้อะไร (ถ้าได้เรียนนะ ตอนนี้ขึ้นชำนาญการพิเศษไปแล้ว55) สุดท้ายให้เราเรียน ป ตรี สาขาที่เขาอยากให้เรียน เรียนเอกชน(เราสมัคร ม รัฐ ไม่ทัน เพราะเราไม่ได้อยากเรียน) ระหว่างเรียนเรากู้ กยศ. ค่าเทอม+ค่าใช้จ่าย รายเดือน เราได้เงินไปเรียน วันละ 100 เราตั้งใจและบอกแม่ว่าจะเอาเกียรตินิยมมาให้ได้ พอเรียนจบเราก็ได้ค่ะ
4.จบมา แม่ก็คอยพูดตลอดว่าส่งเราเรียนลำบากกว่าจะหาเงินได้แต่ละบาท ถ้าไม่เลี้ยงดูพ่อแม่อย่าฝันว่าจะได้สมบัติ แต่ความเป็นจริง ค่าเทอมแกก็ไม่เคยได้จ่าย ค่ากินรายวันเดือนนึงไม่ถึง3 พัน เพราะเรากู้เงินเรียน แล้วนั่งรถเมล์ไปกลับบ้านทุกวัน ที่แกลำบาก เพราะช่วงที่เราเรียนแกกู้เงินมาซื้อที่ด้วย แกบอกซื้อมาให้เราแหละ(แต่พอเราเรียนจบแกบอกถ้าไม่เลี้ยงแก แกจะไม่ยกให้)
5.เรียนจบ ทำงาน 4 ปี เลิกงานดึกขี่ จยย. กลับที่พัก เกือบถูกฉุดไปข่มขื่น เลยตัดสินใจเก็บเงินได้ 6 หมื่น แม่ออกให้อีก 1.4 แสน ดาวรถ พอเราสอบบรรจุได้ 1 ปี เราก็กู้เงินธนาคารมาปิด กยศ. กับปิดงวดรถคืนให้พ่อแม่อีก 2 แสน แล้วก็โอนเงินไว้ให้ใช้อีก 1 แสน(เงินที่กู้ธนาคารมานั่นแหละ) ด้วยความที่ว่าเราเงินเดือนน้อย อยากคืนให้เขาบ้าง
6.พอแต่งงาน เราได้สินสอดไม่เยอะ แม่เกือบไม่ให้แต่งเพราะสินสอดน้อย พูดในวันสู่ขอว่า เลี้ยงมาตั้งเท่าไรจะมาให้แค่นี้ (เราก็คิดในใจไม่กล้าพูดว่าฝ่ายชายพ่อแม่เขาก็เลี้ยงมาไหม) การจัดงานเราขอแบบเรียบง่าย แค่ครอบครัวจะได้มีเงินเก็บไว้ แต่พ่อแม่ไม่ยอม จัดใหญ่โตเชิญแขกหลายร้อย อาหารก็ไม่พอเลี้ยงแขก เพราะถูกห่อไปเยอะมาก สุดท้ายเงินสินสอดก็ไม่เหลือ เลี้ยงแขกหมด แล้ววันงานเรามัวแต่รับแขก ข้าวไม่ได้กินยันค่ำ คือเหนื่อยมาก
7.ปีถัดมาเพื่อนเราแต่งงาน แม่ก็ถามว่าได้สินสอดเท่าไร เราบอก เท่านี้... (มากกว่าเราครึ่งนึง) แม่ก็พูดมาว่า อิจฉาเค้ามั้ยล่ะ เค้าได้เยอะกว่า เราคือแบบ...... ถามแม่ตรงนั้นเลยนะ ว่าเพื่ออะไร พูดเพื่ออะไร พูดแล้วได้อะไร อยากให้ลูกรู้สึกยังไงที่พูดมาแบบนี้ แม่ก็ว่า ก็แค่ถามดู ของตัวเองได้น้อยจะอิจฉาเพื่อน เรานี่คิดเลยนะ เป็นแม่ประสาอะไรวะอยากให้ลูกไปอิจฉาคนอื่น
8.พอเรามีลูก เราให้แม่ช่วยเลี้ยง 2 ปี เพราะต้องไปบรรจุ ตจว. ไปคนเดียว แฟนอยู่อีกจังหวัด เลยเอาลูกไปด้วยไม่ได้ แต่กลับบ้านทุกวันหยุดตลอด 2 ปี เพื่อกลับมาเลี้ยงลูกเท่าที่จะทำได้ สุดท้ายก็ได้ย้ายกลับ เรากู้เงินอีกครั้ง ก็โอนให้แกค่าเลี้ยงลูก 1 แสน (กู้ทำบ้านแล้วเงินเหลือ)
9.ที่เราทำบ้าน เพราะความเห็นหลายๆอย่างไม่ตรงกัน เวลาเรามีเรื่องเครียด ไม่เคยขอคำปรึกษาได้ จะถูกซ้ำเติมตลอด ประมาณว่า เราทำเรื่องนี้ผิดแกก็จะพูดประมาณว่า กูบอกแล้ว...แต่คำพูดที่บอกคือ -แล้วแต่ ตัดสินใจเอง คิดเองไม่เป็นหรือ สรุปคือเราต้องแก้ปัญหาเองมาตลอด ไม่เคยมีคำปรึกษาที่ดี ตั้งแต่เด็กจนโตจะได้ยินแต่คำว่า กูทำให้ดูทำไมไม่ดู สอนไม่จำ (ที่จำได้คือด่าอย่างเดียวไม่เคยสอน) เคยถูกพ่อตี เอาพัดลมทุ่มใส่ขณะที่เราอุ้มลูกอยู่ในอกพัดลมถูกแขนลูกเราจนเขาร้องไห้ เพียงเพราะพ่อบ่นแม่เรื่องขายของแล้วเราบอกว่าจะบ่นอะไรกันนักหนา แค่นั้น เราเลยตัดสินใจแยกบ้าน พอเริ่มทำบ้าน ความคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ก็รุมเข้ามาในบ้านหลังนี้ บ้านที่เราแทบจะไม่มีสิทธิตัดสินใจอะไรเลย(เหมือนตอนแต่งงาน) เราก็ยอมๆไป เพราะเราก็รู้สึกผิดที่แยก (แกอยู่สองคนห่างบ้านเราประมาณ 100 เมตร)
10. ความเครียด คำพูดเชิง Toxic ก็ยังมีมาจนถึงปัจจุบัน ประมาณว่า กู้เงินมาทำบ้านเป็นหนี้ จะมีปัญญาส่งรอดไหม ที่กูจะถูกยึดไหม ทั้งๆที่เราทำประกัน ไว้ เป็นไรไปบ้านก็ได้ฟรี ตอนนี้ก็ใช้สวัสดิการช่วยเรื่องผ่าน ไม่ได้ลำบากเลย เวลาเขาลำบากเรื่องเงินเขาเอ่ยปาก เราก็ให้ ทั้งพ่อแม่ ทั้งพี่ชาย แต่พอเวลาเราลำบากบ้าง หันไปทางไหนทั้งแม่ ทั้งพี่ มีแต่หันหน้าหนี เราเตรียมเงินไว้สำหรับเลี้ยงลูก แต่เงินหมดไปกับการช่วยเหลือพวกเขา ส่วนแม่ มีเงินเท่าไรก็ประเคนให้ลูกชายคนโตไปจนหมด พอลำบากก็มาหาเรา เราให้จนเราไม่เหลืออะไรแล้ว
11.เรื่องที่ Toxic มากสำหรับเรา คือ เรื่องการเลี้ยงลูก เขาพูดเสมอว่าลูกมันก็เหมือนแม่ ทำอะไรกับพ่อแม่ไว้ เดี๋ยวลูกก็ทำกับ..... คือแบบ พูดเพื่ออะไร อยากให้เรารู้สึกยังไงหรอที่พูดแบบนี้ (ตอนเด็กเราดื้อค่ะ ) เราสาบานกับตัวเองไว้ว่าอะไรที่เราไม่ชอบ อะไรที่แม่ทำให้เราเสียใจ เราจะไม่ทำกับลูก เรากอด บอกรัก พูดเพราะ กับลูก เวลาคุย จะอธิบายเหตุผลไม่ใส่อารมณ์(ที่เราเจอมาตรงข้ามทุกอย่าง) เราไม่อยากให้ลูกเจอเหมือนเรา แต่เราก็ยังเจอคำพูดถากถาง พูดให้เจ็บช้ำใจที่ออกจากปากแม่อยู่ตลอด ขนาดแยกบ้านแล้ว บางครั้งที่เราติดงานสำคัญ ลูกไม่ได้ไป รร และเราเอาลูกมาทำงานด้วยไม่ได้ ขอฝากแม่ แกก็ทำหน้าตาแบบไม่เต็มใจ จนเรามานั่งคิด "มีอะไรก็ช่วย ช่วยจนตัวเองลำบาก แต่พอเราขอให้ช่วยบ้าง ทำไมมากยากเหลือเกิน"
ขอโทษที่ยาวนะคะ ตอนนี้อึดอัดมาก สะสมมานานมากจนลองประเมิน 2Q 9Q ไม่ผ่านแล้วค่ะ ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว