1. พระเจ้าในพระคัมภีร์เดิมและพระคัมภีร์ใหม่ของศาสนาคริสต์ เป็นพระเจ้าองค์เดียวกัน
พระองค์เป็นพระเจ้าผู้ประเสริฐ (พระเจ้าผู้สูงสุด : God) โดยมีพระนามว่า "พระยาห์เวห์"
โดยพระเจ้าได้มาเกิดเป็นมนุษย์ในสถานะพระบุตร มีพระนามว่า "พระเยซูคริสต์"
ดังนั้นบุคลิกและลักษณะท่าทีของพระเจ้าในพระคัมภีร์เดิม (พระบิดาในสวรรค์)
จึงเหมือนกับพระเจ้าในพระคัมภีร์ใหม่ (พระเยซูคริสต์) ทุกประการ
2. พระคัมภีร์ใหม่ส่วนใหญ่เป็นเรื่องราวของพระเยซูคริสต์และเรื่องที่เกี่ยวข้อง ซึ่งบันทึกโดยสาวกของพระองค์
โดยมีอัครสาวกของพระเยซูคริสต์ที่อยู่ใกล้ชิดกับพระองค์ 2 คน คือ มัทธิวและยอห์น
ได้ทำการบันทึกเรื่องราวของพระเยซูคริสต์อย่างละเอียด
ทำให้มนุษย์ได้เห็นลักษณะที่แท้จริงของพระเจ้าผ่านทางพระเยซูคริสต์
3. พระเยซูคริสต์ได้ตรัสว่า พระองค์มาจากสวรรค์ และเป็นบุตรของพระเจ้า
ซึ่งพระเจ้าได้ส่งพระองค์มาเกิดเป็นมนุษย์เพื่อไถ่บาปให้แก่มนุษย์ทั้งโลก แล้วจะนำคนชอบธรรมไปสวรรค์
โดยที่พระองค์จะต้องถูกตรึงตายบนไม้กางเขนเพื่อรับบาปแทนมนุษย์
4. พระเยซูคริสต์ทรงเต็มเปี่ยมด้วยความเมตตาต่อมนุษย์ พระองค์ได้ให้ความรักแก่ทุกคนที่อยู่รอบข้าง
พระองค์ไม่เคยโกรธใครเลย ไม่ว่าใครจะทำไม่ดีต่อพระองค์มากเพียงใด พระองค์มีแต่ให้อภัย
แต่พระองค์ยังคงลงโทษผู้ที่กระทำผิดบาปโดยที่ไม่ได้สำนึกผิด
เพื่อหวังให้เขาได้สำนึกผิดในภายหลัง
5. พระเยซูคริสต์ได้ตรัสเป็นความนัย สรุปได้ดังนี้
(1) พระบุตรมีความเท่าเทียมกับพระบิดาในสวรรค์ทุกประการ
(2) พระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณของพระเจ้า เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
(3) ผู้ที่จะได้ไปสวรรค์ไม่เพียงแค่เชื่อและศรัทธาพระเจ้า แต่จะต้องเดินในทางชอบธรรมของพระเจ้าอย่างมั่นคง
ประกอบด้วย วางใจพระเจ้า ไม่ทำบาป และมุ่งทำความดี ซึ่งสรุปได้ว่า "วางใจพระเจ้า และรักทุกคน"
(4) วางใจพระเจ้า หมายถึง เชื่อมั่นในพระเจ้า โดยเชื่อว่าพระประสงค์ของพระเจ้าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
ซึ่งแสดงออกด้วยการทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าด้วยความชื่นชมยินดี
สรุป (ตามความเชื่อ)
1. พระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ประเสริฐที่สถิตอยู่ในสวรรค์ แล้วพระองค์ได้มาเกิดเป็นมนุษย์ในสถานะพระบุตร
2. พระเยซูคริสต์ได้สำแดงพระองค์ให้มนุษย์ได้เห็นและสัมผัสกับลักษณะของพระองค์ผ่านทางอัครสาวกทั้ง 12 คน
3. พระเยซูคริสต์ทรงเต็มเปี่ยมด้วยความเมตตาต่อมนุษย์
ในพระองค์ไม่มีความโกรธเลย
4. ข้อความในคัมภีร์ไบเบิลที่แสดงลักษณะของพระเจ้าแตกต่างจากลักษณะของพระเยซูคริสต์
ข้อความนั้นย่อมเป็นเท็จ
โดยที่ข้อความดังกล่าวถูกเขียนขึ้นโดยไม่ได้รับการดลใจจากพระเจ้า
5. ผู้ที่จะได้ไปสวรรค์จะต้องเดินในทางชอบธรรมของพระเจ้าอย่างมั่นคง หมายถึง
วางใจพระเจ้า และรักทุกคน
ผู้ใดแสวงหาพระเจ้าผู้ประเสริฐ ผู้นั้นจะพบพระองค์
หากท่านสนใจการพิสูจน์ว่าพระเจ้าผู้ประเสริฐมีจริงหรือไม่
สามารถศึกษาได้จากลิงค์นี้ครับ
https://pantip.com/topic/36323199/comment34 และ 34-2
หากท่านสนใจที่จะศึกษาทางของพระเยซูคริสต์ในเบื้องต้น ซึ่งพระองค์มีความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
โดยพระองค์รักมนุษย์ทุกคนมาก และผมเชื่อว่าเป็นทางที่มีความสุขอย่างแท้จริง
สามารถศึกษาได้จากลิงค์นี้ครับ
https://pantip.com/topic/36545170/comment1 และ 2
ขอพระเจ้าผู้ประเสริฐประทานสันติสุขให้แก่ท่าน
ในความรักของพระเยซูคริสต์ ผู้เป็นพระเจ้าผู้ประเสริฐ
พระเจ้าในพระคัมภีร์เดิมและพระคัมภีร์ใหม่ของศาสนาคริสต์
พระองค์เป็นพระเจ้าผู้ประเสริฐ (พระเจ้าผู้สูงสุด : God) โดยมีพระนามว่า "พระยาห์เวห์"
โดยพระเจ้าได้มาเกิดเป็นมนุษย์ในสถานะพระบุตร มีพระนามว่า "พระเยซูคริสต์"
ดังนั้นบุคลิกและลักษณะท่าทีของพระเจ้าในพระคัมภีร์เดิม (พระบิดาในสวรรค์)
จึงเหมือนกับพระเจ้าในพระคัมภีร์ใหม่ (พระเยซูคริสต์) ทุกประการ
2. พระคัมภีร์ใหม่ส่วนใหญ่เป็นเรื่องราวของพระเยซูคริสต์และเรื่องที่เกี่ยวข้อง ซึ่งบันทึกโดยสาวกของพระองค์
โดยมีอัครสาวกของพระเยซูคริสต์ที่อยู่ใกล้ชิดกับพระองค์ 2 คน คือ มัทธิวและยอห์น
ได้ทำการบันทึกเรื่องราวของพระเยซูคริสต์อย่างละเอียด
ทำให้มนุษย์ได้เห็นลักษณะที่แท้จริงของพระเจ้าผ่านทางพระเยซูคริสต์
3. พระเยซูคริสต์ได้ตรัสว่า พระองค์มาจากสวรรค์ และเป็นบุตรของพระเจ้า
ซึ่งพระเจ้าได้ส่งพระองค์มาเกิดเป็นมนุษย์เพื่อไถ่บาปให้แก่มนุษย์ทั้งโลก แล้วจะนำคนชอบธรรมไปสวรรค์
โดยที่พระองค์จะต้องถูกตรึงตายบนไม้กางเขนเพื่อรับบาปแทนมนุษย์
4. พระเยซูคริสต์ทรงเต็มเปี่ยมด้วยความเมตตาต่อมนุษย์ พระองค์ได้ให้ความรักแก่ทุกคนที่อยู่รอบข้าง
พระองค์ไม่เคยโกรธใครเลย ไม่ว่าใครจะทำไม่ดีต่อพระองค์มากเพียงใด พระองค์มีแต่ให้อภัย
แต่พระองค์ยังคงลงโทษผู้ที่กระทำผิดบาปโดยที่ไม่ได้สำนึกผิด เพื่อหวังให้เขาได้สำนึกผิดในภายหลัง
5. พระเยซูคริสต์ได้ตรัสเป็นความนัย สรุปได้ดังนี้
(1) พระบุตรมีความเท่าเทียมกับพระบิดาในสวรรค์ทุกประการ
(2) พระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณของพระเจ้า เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
(3) ผู้ที่จะได้ไปสวรรค์ไม่เพียงแค่เชื่อและศรัทธาพระเจ้า แต่จะต้องเดินในทางชอบธรรมของพระเจ้าอย่างมั่นคง
ประกอบด้วย วางใจพระเจ้า ไม่ทำบาป และมุ่งทำความดี ซึ่งสรุปได้ว่า "วางใจพระเจ้า และรักทุกคน"
(4) วางใจพระเจ้า หมายถึง เชื่อมั่นในพระเจ้า โดยเชื่อว่าพระประสงค์ของพระเจ้าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
ซึ่งแสดงออกด้วยการทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าด้วยความชื่นชมยินดี
สรุป (ตามความเชื่อ)
1. พระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ประเสริฐที่สถิตอยู่ในสวรรค์ แล้วพระองค์ได้มาเกิดเป็นมนุษย์ในสถานะพระบุตร
2. พระเยซูคริสต์ได้สำแดงพระองค์ให้มนุษย์ได้เห็นและสัมผัสกับลักษณะของพระองค์ผ่านทางอัครสาวกทั้ง 12 คน
3. พระเยซูคริสต์ทรงเต็มเปี่ยมด้วยความเมตตาต่อมนุษย์ ในพระองค์ไม่มีความโกรธเลย
4. ข้อความในคัมภีร์ไบเบิลที่แสดงลักษณะของพระเจ้าแตกต่างจากลักษณะของพระเยซูคริสต์ ข้อความนั้นย่อมเป็นเท็จ
โดยที่ข้อความดังกล่าวถูกเขียนขึ้นโดยไม่ได้รับการดลใจจากพระเจ้า
5. ผู้ที่จะได้ไปสวรรค์จะต้องเดินในทางชอบธรรมของพระเจ้าอย่างมั่นคง หมายถึง วางใจพระเจ้า และรักทุกคน
ผู้ใดแสวงหาพระเจ้าผู้ประเสริฐ ผู้นั้นจะพบพระองค์
หากท่านสนใจการพิสูจน์ว่าพระเจ้าผู้ประเสริฐมีจริงหรือไม่
สามารถศึกษาได้จากลิงค์นี้ครับ https://pantip.com/topic/36323199/comment34 และ 34-2
หากท่านสนใจที่จะศึกษาทางของพระเยซูคริสต์ในเบื้องต้น ซึ่งพระองค์มีความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
โดยพระองค์รักมนุษย์ทุกคนมาก และผมเชื่อว่าเป็นทางที่มีความสุขอย่างแท้จริง
สามารถศึกษาได้จากลิงค์นี้ครับ https://pantip.com/topic/36545170/comment1 และ 2
ขอพระเจ้าผู้ประเสริฐประทานสันติสุขให้แก่ท่าน
ในความรักของพระเยซูคริสต์ ผู้เป็นพระเจ้าผู้ประเสริฐ