พล.อ.ประวิตร ขนทัพพลังประชารัฐเข้าหารือนายกฯ สปป.ลาว ถกแก้ฝุ่น P.M 2.5 ชายแดน
ชมเวียงจันทน์โลจิสติกส์พาร์ค หวังพัฒนาเศรษฐกิจสองฝั่งโขง
วันนี้ (3 มี.ค. 67) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารพรรค และ สส.พลังประชารัฐภาคอีสาน เดินทางจากด่านชายแดนฝั่งไทยข้ามสะพานไทย-ลาว ไปยังทำเนียบรัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
พบปะนายสอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว หารือถึงความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยไทยได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความร่วมมือกับ สปป.ลาว ทุกภาคส่วนมาอย่างต่อเนื่อง แสดงความยินดีกับการทำหน้าที่ประธานอาเซียนของ สปป.ลาว ในปี 2567
พร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ ให้เจริญก้าวหน้าต่อไป
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่าการเดินทางมาเยือน สปป.ลาว เป็นโอกาสสำคัญที่จะได้ร่วมหารือ และแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นอันจะเป็นประโยชน์ร่วมกัน ในการพัฒนาความร่วมมือด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ให้ก้าวหน้าในอนาคต รองรับการพัฒนา และการส่งเสริมด้านเกษตรกรรม การสาธารณสุข การท่องเที่ยว และการค้าในภูมิภาค ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล พรรคพลังประชารัฐ มีนโยบายสำคัญในการดูแลรักษาป่าไม้ และสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ปัญหาฝุ่นควัน ซึ่งเป็นปัญหาเร่งด่วน ที่เราจะต้องร่วมมือกัน
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สปป.ลาวได้จัดทำบันทึกความเข้าใจ ร่วมกันเพื่อส่งเสริม และพัฒนาความร่วมมือในการจัดการ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ทั้งการป้องกันควบคุมมลพิษการบริหารจัดการ ทรัพยากรน้ำและการจัดการสภาพภูมิอากาศ ความร่วมมือ ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ประเทศไทย และ สปป.ลาว ต่างมุ่งเน้นยกระดับ การดำเนินการในการลดก๊าซเรือนกระจกโดยฝ่ายไทย ยินดีสนับสนุน และแลกเปลี่ยนเชิงนโยบายร่วมกัน อันจะเป็นประโยชน์ ให้ทั้งสองฝ่ายสามารถนำไปประยุกต์ใช้ ได้อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
นายสอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว ได้กล่าวยินดีต้อนรับคณะพรรคพลังประชารัฐ ระบุว่าสองประเทศอยู่ติดกัน มีความเป็นพี่เป็นน้องกัน ซึ่งปัจจุบันมีนักลงทุนชาวไทยมาลงทุนใน สปป.ลาวเป็นอันดับ 2 และยังคงเดินหน้าที่จะทำความร่วมมือฟื้นฟูเศรษฐกิจ การบริการ การท่องเที่ยว คมนาคม ของทั้งสองประเทศ
โดย สปป.ลาวมีแนวทางเช่นเดียวกับไทยที่จะพัฒนาสังคมสีเขียวให้เกิดขึ้น ทั้งนี้พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ได้บริหารราชการผ่านกลไกการทำงานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ซึ่งให้ความสำคัญในเรื่องนี้อย่างจริงจัง
อย่างไรก็ตามรัฐบาล สปป.ลาว พร้อมผลักดันให้เกิดขึ้นในทุกด้านอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งด้านการส่งออก และนำเข้าสินค้าเกษตร การควบคุมโรคระบาดในสัตว์ รวมถึงปัญหาหมอกควันที่ สปป.ลาวประสบปัญหาเช่นเดียวกับไทย ภาคการเกษตรยังมีการเผาเพื่อกำจัดวัชพืช ซึ่งถือว่าปัญหาดังกล่าวนับเป็นวาระสำคัญของทั้งสองประเทศในการลดปัญหา P.M 2.5 ที่เป็นทิศทางเดียวกัน และร่วมมือการแก้ไขปัญหาต่อไป
จากนั้น พล.อ.ประวิตร พร้อมคณะได้เดินทางไปเยี่ยมชมโครงการเวียงจันทน์โลจิสติกส์พาร์ค หรือ VLP พื้นที่ 3,000 ไร่ ตั้งอยู่ตรงข้ามกับสถานีท่าบกท่านาแล้ง นครหลวงเวียงจันทน์ ซึ่งโครงการดังกล่าวถือเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือทางด้านธุรกิจระหว่างไทย-ลาว-จีน โดยเฉพาะการทำอุตสาหกรรมในเขตปลอดภาษี หรือ ฟรีโซน ซึ่งจะทำให้ภาษีนำเข้าและส่งออกเหลือร้อยละ 0 จุดนี้มีการก่อสร้างศูนย์กลางโลจิสติกส์ การค้า การลงทุน การธนาคาร ไฟแนนซ์เชียล อุตสาหกรรมเบาในเขตฟรีโซน รวมไปถึงคลังน้ำมัน
โครงการนี้มีนักธุรกิจ ลาว จีน และไทย ร่วมลงทุน มูลค่าประมาณ 500 ล้านเหรียญดอลลาร์ เพื่อเชื่อมโยงระบบรางและโลจิสติกส์ ระหว่างไทย ลาว จีน และในกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงจุดแข็งของศูนย์กลางโลจิสติกส์แห่งนี้ คือ นักลงทุนที่เข้ามาทำอุตสาหกรรมเบา จะมาทำสินค้าเกษตรแปรรูป หรือบรรจุหีบห่อผลิตภัณฑ์จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษี คือ ภาษีนำเข้าและส่งออกในกลุ่มประเทศอาเซียนเหลือร้อยละ 0 ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการนำเข้าและส่งออกถูกลง
โครงการเวียงจันทน์โลจิสติกส์พาร์ค จะใช้เวลาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและอาคารสถานที่ ภายในระยะเวลา 1 ปี จึงจะสามารถเปิดให้นักลงทุนเข้ามาเช่าพื้นที่ ขณะนี้มีนักธุรกิจประมาณร้อยละ 40-50 สนใจที่จะทำอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการแปรรูปสินค้าเกษตรที่เหลือจะเป็นนักลงทุนญี่ปุ่น เกาหลี และสิงคโปร์
ล่าสุด พล.อ.ประวิตร และคณะสส ฝ่ายรัฐบาล เดินทางไปเยือน สปป ลาว ทางการ โดยนายกฯ สปป ลาว มาต้อนรับอบอุ่น!
ชมเวียงจันทน์โลจิสติกส์พาร์ค หวังพัฒนาเศรษฐกิจสองฝั่งโขง
วันนี้ (3 มี.ค. 67) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารพรรค และ สส.พลังประชารัฐภาคอีสาน เดินทางจากด่านชายแดนฝั่งไทยข้ามสะพานไทย-ลาว ไปยังทำเนียบรัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
พบปะนายสอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว หารือถึงความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยไทยได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความร่วมมือกับ สปป.ลาว ทุกภาคส่วนมาอย่างต่อเนื่อง แสดงความยินดีกับการทำหน้าที่ประธานอาเซียนของ สปป.ลาว ในปี 2567
พร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ ให้เจริญก้าวหน้าต่อไป
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่าการเดินทางมาเยือน สปป.ลาว เป็นโอกาสสำคัญที่จะได้ร่วมหารือ และแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นอันจะเป็นประโยชน์ร่วมกัน ในการพัฒนาความร่วมมือด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ให้ก้าวหน้าในอนาคต รองรับการพัฒนา และการส่งเสริมด้านเกษตรกรรม การสาธารณสุข การท่องเที่ยว และการค้าในภูมิภาค ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล พรรคพลังประชารัฐ มีนโยบายสำคัญในการดูแลรักษาป่าไม้ และสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ปัญหาฝุ่นควัน ซึ่งเป็นปัญหาเร่งด่วน ที่เราจะต้องร่วมมือกัน
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สปป.ลาวได้จัดทำบันทึกความเข้าใจ ร่วมกันเพื่อส่งเสริม และพัฒนาความร่วมมือในการจัดการ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ทั้งการป้องกันควบคุมมลพิษการบริหารจัดการ ทรัพยากรน้ำและการจัดการสภาพภูมิอากาศ ความร่วมมือ ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ประเทศไทย และ สปป.ลาว ต่างมุ่งเน้นยกระดับ การดำเนินการในการลดก๊าซเรือนกระจกโดยฝ่ายไทย ยินดีสนับสนุน และแลกเปลี่ยนเชิงนโยบายร่วมกัน อันจะเป็นประโยชน์ ให้ทั้งสองฝ่ายสามารถนำไปประยุกต์ใช้ ได้อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
นายสอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว ได้กล่าวยินดีต้อนรับคณะพรรคพลังประชารัฐ ระบุว่าสองประเทศอยู่ติดกัน มีความเป็นพี่เป็นน้องกัน ซึ่งปัจจุบันมีนักลงทุนชาวไทยมาลงทุนใน สปป.ลาวเป็นอันดับ 2 และยังคงเดินหน้าที่จะทำความร่วมมือฟื้นฟูเศรษฐกิจ การบริการ การท่องเที่ยว คมนาคม ของทั้งสองประเทศ
โดย สปป.ลาวมีแนวทางเช่นเดียวกับไทยที่จะพัฒนาสังคมสีเขียวให้เกิดขึ้น ทั้งนี้พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ได้บริหารราชการผ่านกลไกการทำงานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ซึ่งให้ความสำคัญในเรื่องนี้อย่างจริงจัง
อย่างไรก็ตามรัฐบาล สปป.ลาว พร้อมผลักดันให้เกิดขึ้นในทุกด้านอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งด้านการส่งออก และนำเข้าสินค้าเกษตร การควบคุมโรคระบาดในสัตว์ รวมถึงปัญหาหมอกควันที่ สปป.ลาวประสบปัญหาเช่นเดียวกับไทย ภาคการเกษตรยังมีการเผาเพื่อกำจัดวัชพืช ซึ่งถือว่าปัญหาดังกล่าวนับเป็นวาระสำคัญของทั้งสองประเทศในการลดปัญหา P.M 2.5 ที่เป็นทิศทางเดียวกัน และร่วมมือการแก้ไขปัญหาต่อไป
จากนั้น พล.อ.ประวิตร พร้อมคณะได้เดินทางไปเยี่ยมชมโครงการเวียงจันทน์โลจิสติกส์พาร์ค หรือ VLP พื้นที่ 3,000 ไร่ ตั้งอยู่ตรงข้ามกับสถานีท่าบกท่านาแล้ง นครหลวงเวียงจันทน์ ซึ่งโครงการดังกล่าวถือเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือทางด้านธุรกิจระหว่างไทย-ลาว-จีน โดยเฉพาะการทำอุตสาหกรรมในเขตปลอดภาษี หรือ ฟรีโซน ซึ่งจะทำให้ภาษีนำเข้าและส่งออกเหลือร้อยละ 0 จุดนี้มีการก่อสร้างศูนย์กลางโลจิสติกส์ การค้า การลงทุน การธนาคาร ไฟแนนซ์เชียล อุตสาหกรรมเบาในเขตฟรีโซน รวมไปถึงคลังน้ำมัน
โครงการนี้มีนักธุรกิจ ลาว จีน และไทย ร่วมลงทุน มูลค่าประมาณ 500 ล้านเหรียญดอลลาร์ เพื่อเชื่อมโยงระบบรางและโลจิสติกส์ ระหว่างไทย ลาว จีน และในกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงจุดแข็งของศูนย์กลางโลจิสติกส์แห่งนี้ คือ นักลงทุนที่เข้ามาทำอุตสาหกรรมเบา จะมาทำสินค้าเกษตรแปรรูป หรือบรรจุหีบห่อผลิตภัณฑ์จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษี คือ ภาษีนำเข้าและส่งออกในกลุ่มประเทศอาเซียนเหลือร้อยละ 0 ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการนำเข้าและส่งออกถูกลง
โครงการเวียงจันทน์โลจิสติกส์พาร์ค จะใช้เวลาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและอาคารสถานที่ ภายในระยะเวลา 1 ปี จึงจะสามารถเปิดให้นักลงทุนเข้ามาเช่าพื้นที่ ขณะนี้มีนักธุรกิจประมาณร้อยละ 40-50 สนใจที่จะทำอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการแปรรูปสินค้าเกษตรที่เหลือจะเป็นนักลงทุนญี่ปุ่น เกาหลี และสิงคโปร์