[CR] รีวิวประสบการณ์ปฏิบัติวิปัสสนา ตามแนวทางท่านอาจารย์โกเอ็นก้า ศูนย์วิปัสสนาธรรมตโปทา เขาใหญ่ 14 - 25 ก.พ. 67

สวัสดีทุกท่านที่เข้ามาอ่าน ตามชื่อหัวข้อเลยครับ เชื่อว่าหลายคนที่เข้ามาอ่านกำลังคิดว่าจะไปดีไหมนะ ขอตอบตรงนี้เลยว่าแนะนำให้รีบสมัครและจับจองวันอย่างด่วนเลยครับ เพราะเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ ยิ่งไปเร็วเท่าไหร่เราจะยิ่งห่างไกลจากความทุกข์มากเท่านั้น ทุกศาสนา ทุกเชื้อชาติไปได้หมด ทุกครั้งที่เราปฏิบัติเราจะได้รับประโยชน์มากมาย แต่จุดมุ่งหมายสูงสุดคือการชำระจิตให้บริสุทธิ์ และในระหว่างทางที่เราปฏิบัติ เราจะมีแต่ความรัก ความเมตตา ความปรารถนาดี มีความสุขจากข้างใน มีสติ มีสมาธิ เป็นพลังบวกที่เปี่ยมล้น และมีศิลปะในการใช้ชีวิต 

นั่งสมาธิแล้วได้อะไร แล้วไปตั้ง 10 วันเลยหรอ นั่งสมาธิวันละ 10 ชั่วโมง จะไหวไหม สำหรับเด็ก Gen Z อายุ 19 - 20 อย่างผม จะอยากหนีกลับบ้านไหมนะ 😀 มีผู้ปฏิบัติทั้งหมดเกือบ 100 คน เยอะมากๆ ในห้องปฏิบัติรวมมีแต่พี่ๆ ลุง ป้า น้า อา ตา ยาย อายุ 30 40 50 60 เกือบ 70 ก็มี เราอายุน้อยสุดในศูนย์อีกแล้ว ฮ่า เวลาเดินไปห้องอาหารหรือห้องปฏิบัติรวม พี่ๆธรรมบริกรก็จะชอบยิ้มๆให้ ไม่รู้ว่ายิ้มด้วยความเอ็นดูหรือว่าอะไร แต่เราก็ยิ้มกลับ ฮ่า ทุกคนใจดีมาก อาจารย์พูดคุยสนุก ไม่เครียด ให้ลืมบรรยากาศตอนไปเข้าค่ายธรรมะได้เลย คนละเรื่อง ไม่มีการสวดมนต์ ไหว้พระ มีแต่ปฏิบัติ ปฏิบัติ แล้วก็ปฏิบัติ เรียนปฏิบัติ เรียนปฏิบัติ สงสัยสอบถามอาจารย์ได้ทุกวัน คำสอนต่างๆก็จะเน้นย้ำให้เราทุกวัน ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกังวลใดๆ 

หลักๆที่จะได้ปฏิบัติคือ ศีล สมาธิ ปัญญา ตามแนวทางท่านอาจารย์โกเอ็นก้า แต่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบวิธีบริสุทธิ์นี้ แล้วสืบทอดต่อๆกันมาจนถึงปัจจุบัน โชคดีมากที่เราจะได้ฝึกแบบเดียวกับสมัยพุทธกาลเมื่อ 2,500 ปีมาแล้ว 

พื้นฐานในการปฏิบัติวิปัสสนา คือ ศีล ศีลจะเป็นพื้นฐานในการพัฒนาสมาธิ และกระบวนการทำจิตให้บริสุทธิ์นั้นจะเกิดขึ้นจากปัญญา คือการรู้แจ้งเห็นจริง
 
กฎหลักๆของทุกศูนย์คือ การรักษาความเงียบ ห้ามพูดห้ามสื่อสารใดๆเลยกับผู้ปฏิบัติด้วยกัน ห้ามสัมผัสร่างกาย งดออกกำลังกาย งดของมึนเมา งดบุหรี่ เก็บโทรศัพท์ ห้ามเขียน ห้ามอ่านหนังสือ กฎระเบียบต่างๆก็เพื่อให้เราสามารถปฏิบัติได้ผลดีที่สุด แต่สามารถสอบถามอาจารย์และพี่ๆธรรมบริกรได้หากมีข้อสงสัย 
 
วันที่ 1 – 3 จะเป็นการฝึกสติ ฝึกสมาธิ เรียกว่าอานาปานสติ โดยการเพ่งความสนใจ สังเกตุลมหายใจที่ เข้า-ออก อย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องไปบังคับ เราแค่สังเกตเท่านั้นจะเป็นบริเวณสามเหลี่ยมใต้ช่องจมูก เหนือริมฝีปากบน วันแรกๆก็สังเกตไปบอกเลยว่าจิตฟุ้งมากสังเกตได้แป๊บเดียวความคิดต่างๆก็ลอยเข้ามา จิตวิ่งไปวิ่งมา เหมือนวิ่งไล่จับเด็กน้อย แต่ต้องมีสติรู้ตัวและดึงกลับมาที่ลมหายใจ สติหลุด ดึงกลับมาที่ลมหายใจ อยู่แบบนี้ทั้งวัน ช่วงแรกๆทรมานมากว่าทำไมต้องมานั่งสังเกตลมหายใจมันได้อะไร ก็สงสัยตลอดทุกชั่วโมง แต่ก็ปฏิบัติต่อจนถึงวันที่ 2 เริ่มมีความรู้สึก มีปฏิกิริยาทางร่างกายเหมือนคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่สั่นสะเทือนทั่วร่างกาย ตอนนั้นแอบตกใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมร่างกายเราทุกส่วนถึงมีเหมือนคลื่นสั่นสะเทือนอ่อนๆ เบาๆ แต่รู้สึกได้ พอเราฝึกจิตให้มีความละเอียดมากพอ ให้คมมากพอเราจะสามารถรับรู้ความรู้สึกในร่างกายเราได้ ไม่ว่าจะเป็นคัน เจ็บ ปวด ความรู้สึกทุกอย่าง แม้กระทั่งความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกก็เป็นความรู้สึก แต่ให้เรารู้ว่าทุกๆความรู้สึกนั้น เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เพราะมันคือกฎธรรมชาติ ธรรมะ = ธรรมชาติ นี่คือความสามารถของมนุษย์ทุกคน จงรีบปลุกมันขึ้นมาและใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด 
 
วันที่ 4 - 10 ก็ถึงคราวที่เราต้องปฏิบัติวิปัสสนาของจริงได้เริ่มขึ้นแล้ว อธิบายคำว่าวิปัสสนาง่ายๆคือ การสำรวจร่างกายตั้งแต่หัวจรดเท้า สำรวจวนไปแบบนี้เรื่อยๆ สำรวจเป็นส่วนๆ ค่อยๆไล่ไปเรื่อยๆ พอมีความรู้สึกเจ็บ คัน ปวด หรืออื่นๆก็ไม่ต้องสนใจเคลื่อนไปเรื่อยๆ เพราะเรารู้ว่าทุกความรู้สึก มันเกิดขึ้น ตั้งอยู่สักพัก และในที่สุดก็ดับไป เราต้องวางใจเป็นกลาง โดยไม่ต้องตอบโต้ใดๆทั้งนั้น อยากรู้ว่ามันจะคันมากแค่ไหน ไหนลองดูสิ มันอาจจะคัน คันมาก คันมากๆ แล้วเบาลง อ่อนกำลังลง จนไม่มีความรู้สึกเลย ยิ่งเราวางใจเป็นกลางมากเท่าไหร่ ไม่ตอบโต้มากเท่าไหร่ จิตเราก็จะเริ่มบริสุทธิ์มากขึ้นเท่านั้น อาจจะฟังดูแล้วสับสนหรือไม่เข้าใจแน่ๆ ว่ามันเคลื่อนความรู้สึกยังไง สำรวจร่างกายยังไง ยังคงแนะนำอีกครั้งว่าอยากให้สมัครและจับจองวันเวลาอย่างด่วนที่สุด ต้องประสบกับตัวเองเท่านั้นถึงจะเข้าใจ ว่าทุกส่วนในร่างกายมีความรู้สึกหมดแม้กระทั่งซอกเล็บ หู นิ้วมือ นิ้วเท้า ส่วนเล็กส่วนน้อยมีความรู้สึกหมด 

อานาปานสติเป็นเครื่องมือในการลับจิตให้คมเพื่อจะได้ปฏิบัติวิปัสสนา ในระหว่างชั่วโมงปฏิบัติเราสามารถสลับกันไปมาได้ ไม่ผิดอะไร 
 
และแล้วก็ครบ 10 วัน วันสุดท้ายอนุญาตให้เอาโทรศัพท์ได้ อาหารเช้าคือไม่หิวเลย 😀 รีบเก็บของ ทำความสะอาดห้องน้ำ ห้องนอน ต้องบอกเลยว่าห้องพักส่วนตัวคือดีมาก ห้องปฏิบัติรวมก็ดีมาก สวยมาก ห้องอาหารอยู่ได้เป็นชั่วโมง อาหารมังสวิรัติ ไม่มีเนื้อสัตว์ ไข่ แล้วอร่อยมากๆ ใส่ใจโภชนาการ มีถั่วแดง ถั่วลูกไก่ ข้าวบาร์เลย์ สลัดผัก ของหวาน ข้าวต้ม ก๋วยเตี๋ยว ผัด แกง ต้ม ขนมปัง เนยถั่ว เครื่องดื่มชง น้ำขิง และอื่นๆ มีหมดทุกอย่าง เรื่องอาหารไม่ต้องกังวลเลย สารอาหารครบ 5 หมู่แน่นอน แต่ที่สำคัญคือไม่มีเนื้อสัตว์อันนี้ชอบมากๆเป็นการส่วนตัว 
 
ศูนย์ปฏิบัติวิปัสสนาธรรมตโปทา เขาใหญ่ บรรยากาศร่มรื่น สะอาด สบายตา ดื่มด่ำบรรยากาศได้ทั้งวัน กลิ่นอายเหมือนอยู่ญี่ปุ่นเลย รายล้อมไปด้วยภูเขา สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่มีค่าใช้จ่าย ฟรี แต่เราสามารถบริจาคได้ในวันที่ 10 การบริจาคนั้นเราจะบริจาคให้ผู้ปฏิบัติรุ่นต่อๆไป เพราะสิ่งอำนวยความสะดวก อาหาร ต่างๆ มีผู้บริจาคก่อนหน้านั้นแล้ว เพื่อให้เราได้มาปฏิบัติ ถ้าเราเห็นประโยชน์ของการมาปฏิบัติครั้งนี้ เราสามารถบริจาคได้ให้กับรุ่นต่อๆไป ส่วนตัวก็จะคำนวณจากที่เรากิน เราใช้ และเผื่อรุ่นต่อๆไปด้วย อันนี้แล้วแต่จิตศรัทธา ไม่บังคับใดๆทั้งนั้นนะครับ 
 
ในช่วงสุดท้ายก่อนจะจบก็มีการปัจฉิมนิเทศ วีดีโอซึ้งๆ แนะนำว่ามีศูนย์ปฏิบัติกว่า 240 แห่งทั่วโลก และ 11 แห่งในประเทศไทย เริ่มต้นสอนครั้งแรกโดยมีคนปฏิบัติแค่ 10 กว่าคน หลังจากนั้นก็ขยายต่อไป จนมีศูนย์ปฏิบัติเยอะขนาดนี้ แล้วทุกศูนย์เป็นการบริจาคจากศิษย์เก่าทั้งหมด มันมีแต่ความรัก ความเมตตา ความยิ่งใหญ่นี้จนอาจทำให้น้ำตาซึมได้  
 
สำหรับใครที่มีความทุกข์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน หรือคนที่ไม่มีความทุกข์เลย ชีวิตมีความสุขอยู่แล้วยิ่งต้องไปเลย อย่ารอจนกว่าเราทุกข์แล้วค่อยไป ไปตั้งแต่มีความสุขนี่แหละเราจะได้รับประโยชน์สูงสุด แนะนำอยากให้ลองไป จะเปิดประสบการณ์การนั่งสมาธิของเราไปเลย เหมือนได้วิชาหนึ่งที่ยิ่งเราปฏิบัติไปเรื่อยๆ จิตเราก็ค่อยๆบริสุทธิ์ เพียงแค่เรามีสติ และวางใจเป็นกลาง โดยไม่ตอบโต้ความรู้สึกต่างๆ ไม่ว่าจะละเอียดอ่อน รุนแรง ความรู้สึกชอบ ไม่ชอบ ให้เราระลึกอยู่ในใจเสมอว่าทุกความรู้สึกย่อม เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ต้องไปเองจริงๆถึงจะเข้าใจ อยากแนะนำอย่างสุดหัวใจว่าอยากให้ลองไปและรีบสมัครเลยครับ Link
 
เรื่องที่น่าอัศจรรย์ น่าขำ หรือน่าประหลาดใจ หลังจากกลับมาคือ 
 》เราสอบผ่านทุกวิชา เย้ เพราะก่อนสอบคือเครียดมาก เป็นวิชาที่ยากมาก อ่านหนังสือวันละ 10 ชั่วโมงไม่เกินจริง ลุ้นมากๆ สอบเสร็จก็เหี่ยวเป็นผักต้มล่ะ ตอนนั้นก็คือฟ้า ดิน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต้องเข้าแล้ว 5555 
 》เราได้เงินคืนภาษีสักที หลังจากที่ยื่นและรอมานานมาก แต่หลังจากกลับมาก็เข้าไปเช็ค เอ้าอนุมัติแล้ว โอเคสบายใจ 5555 
 》เป็นช่วงจังหวะที่เราไปปฏิบัติ 10 วันพอดี คือ ตอนแรกพี่อีกคนจะไปด้วยเหมือนไปเที่ยวแถวๆนั้นก่อนที่จะเข้าศูนย์ แต่ดันตรงกับวันสอบสัมภาษณ์พอดี อดไปเลย T_T แต่โชคดีมากที่หลังจากกลับมานางได้งาน แล้วออกรถใหม่เฉย ตูนี่ งง เลย อยู่มาหลายปี ไม่ได้ทำงานสักที แต่พอคนน้องไป คนพี่ก็ได้งาน ทำไมมันต้องเป็นช่วงนี้ พอคิดดูแล้วก็แอบขำ บวกกับประหลาดใจ 5555 
 》ก่อนที่จะไปเราก็ได้ฝากงานพี่ไว้ ว่าทำอย่างงี้นะ ตอนไป 10 วัน ก็ลุ้นมากว่าจะมีปัญหาอะไรไหมนะ กลับมาคือโล่งเพราะพี่จัดการได้หมดทุกอย่าง ทุกอย่างราบลื่นมาก เพราะกว่าจะไปได้ 10 วันเราต้องวางแผนนู่นนี่ให้เสร็จ 55555 ก็ถือว่าเป็นจังหวะชีวิตแล้วกัน 
 
ยังไม่จบอีกหรอ 😀 อีกนิดเดียวจะจบแล้วครับ จากมารีวิวเป็นสปอยยับ เรียกว่าเล่าหมดเปลือก แต่ต้องไปเองจริงๆถึงจะเข้าใจ 
 
เราอาจจะคิดว่าร่างกายนี้เป็นของเรา แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เลยเป็นของธรรมชาติต่างหาก เพราะร่างกายเราประกอบด้วย ดิน น้ำ ลม ไฟ 
ดิน คือ กระดูก 
น้ำ คือ เลือด ของเหลวในร่างกาย 
ลม คือ อากาศ ลมหายใจ 
ไฟ คือ อุณหภูมิในร่างกายของเรา 
เราอย่าไปยึดติดมันมากกับคำว่า ฉัน หรือ ของฉัน มีเรื่องเล่าอยู่ว่า มีนาฬิกาอยู่ 2 เรือน นาฬิกาหนึ่งเป็นของเพื่อน กับ นาฬิกาหนึ่งเป็นของเรา เมื่อเราทำนาฬิกาของเราตกแตกเสียหาย เรามักจะตอบโต้ด้วยร้องไห้เสียใจ เป็นทุกข์ แต่ถ้านาฬิกาของเพื่อนตกแตกเสียหายเช่นเดียวกัน เรามักจะบอกเพื่อน หรือสอนเพื่อนว่าทำไมไม่ระวัง นาฬิกาซื้อมาแพง คราวหน้าระมัดระวังหน่อยนะเพื่อน ก็ใช่สิเพราะมันไม่ใช่ของเรา ฮ่า ความรู้สึกช่างต่างกันมาก ทั้งๆที่เป็นสถานการณ์เดียวกันเพราะคำว่าของฉัน หรือฉัน ถ้าหากเรายึดติดบางสิ่งบางอย่างน้องลงเราก็จะมีความสุขมากขึ้น แต่เข้าใจว่าเป็นเรื่องยาก พยายามไปด้วยกันนะครับ 
 
การรักษาโรคทางกาย จริงอยู่ว่าวิธีการนี้อาจรักษาโรคทางกายได้ แต่เป็นผลพลอยได้จากการชำระจิตให้บริสุทธิ์ เปรียบเทียบให้เห็นภาพ เช่น โรงงานน้ำตาล ผลิตภัณฑ์ก็คือน้ำตาล แต่ผลพลอยได้จากการผลิตน้ำตาลคือกากน้ำตาล ฉะนั้นอยากให้โฟกัสที่การชำระจิตให้บริสุทธิ์มากกว่า พอเรามีความสุขจากข้างใน เดี๋ยวมันจะออกมาข้างนอกเอง 
 
วิธีการปฏิบัตินั้นไม่มโน ไม่เพ้อฝัน ใดๆทั้งนั้น มีแค่ความความจริง ความจริงที่ปรากฎตรงหน้า ความจริงที่เกิดขึ้นในร่างกาย เราจึงไม่มีข้อกังขาใดๆกับวิธีนี้เลย เจ็บก็ให้รู้ว่าเจ็บเดี๋ยวมันก็หายไป คันก็ให้รู้ว่าคันเดี๋ยวมันก็หายไป ความรู้สึกอ่อนเบาสบายก็ให้รู้ว่าอ่อนเบาสบายเดี๋ยวมันก็หายไป เราต้องไม่ยึดติดกับความรู้สึกสบาย ไม่สบาย ชอบ ไม่ชอบ แล้วกิเลสเก่าๆของเราจะค่อยๆหลุดลอกขึ้นมาบนพื้นผิวของจิต อาจจะเกิดเป็นความรู้สึกที่หยาบ รุนแรง แต่เราระลึกอยู่ในใจเสมอว่า ทุกความรู้สึกย่อมเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ดังนั้นก็ไม่ต้องไปสนใจ ปรุงแต่ง หรือตอบโต้ใดๆ เราเพียงสังเกตด้วยใจเป็นกลางเท่านั้น

ขอขอบคุณที่ท่านที่เป็นส่วนร่วมในครั้งนี้ และขอบคุณหลายๆท่านไม่ว่าจะเป็น พี่หนูดีพี่โพ พี่ก๊อต จิรายุ พี่เอ๋ นิ้วกลม ที่ทำให้ผมตัดสินใจไปในครั้งนี้ ดูมาเป็นปีๆกว่าจะได้ไป จองล่วงหน้า 5 เดือน จนในที่สุดก็ได้ไป ไม่อาจจะบรรยายเป็นคำพูดได้หมด จนกว่าจะได้ประสบกับตัวเอง 
 
สุดท้ายหากพลาดส่วนไหนไปสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้เลยนะครับ เพราะรายละเอียดเยอะมากจริงๆ ขอบพระคุณทุกท่านที่อ่านจนจบ ขอให้ทุกท่านจงพบกับความสุขอันแท้จริง 
 
ศูนย์วิปัสสนากรรมฐานธรรมตโปทา เขาใหญ่ 
เลขที่ 204 ม.12 บ้านช้างใต้ ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 30450 
ดิดต่อ 06-5575-0604 และ line @Dhammatapoda 
Email : dhamma.tapoda@gmail.com 
สมัคร https://dhammatapoda.org/
ศูนย์อื่นๆ https://www.thaidhamma.net/

ชื่อสินค้า:   วิปัสสนากรรมฐาน
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่