สวัสดีค่ะ พี่เป็นนักศึกษาปี 3 ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ คณะวิทยาศาสตร์ สาขาฟิสิกส์อุตสาหกรรมและอุปกรณ์การแพทย์นะคะ พี่เขียนกระทู้นี้ขึ้นมา เพราะตอนพี่จะเข้าสาขานี้แรกๆ ข้อมูลเกี่ยวกับสาขานี้มีไม่เยอะ แล้วก็ได้ยินน้องๆ บ่นมาเยอะว่า เลือกผิดเอก เพราะคิดว่าเหมือนกัน ก่อนอื่นพี่จะขอแนะนำก่อนนะคะ
1. สาขาฟิสิกส์อุตสาหกรรมและอุปกรณ์การแพทย์ (IMI) มี 3 เอก คือ
(1)อุปกรณ์การแพทย์ คือ การเรียนเกี่ยวเครื่องมือแพทย์ เริ่มใช้จริงๆ ปี 3
(2)ฟิสิกส์อุตสาหกรรม คือ การเรียนทุกอย่างเกี่ยวกับโรงงานเลย ไม่ว่าจะเป็น QC material PCB PCBA Electronic ส่วนใหญ่ไปทางไฟฟ้า มีทั้งแลปและทฤษฎี
(3)ฟิสิกส์ประยุกต์ คือ เรียนเนื้อหาเกี่ยวกับฟิสิกส์ทั้งหมด เช่น ควอนตัม เลเซอร์ ฟิสิกส์ยุคใหม่ เทอร์โม ไบโออิเล็กทรอนิคส์ เป็นต้น แลปเยอะกว่ามากๆ คำนวณเยอะ
2. การทำงาน
จะเหมือนหลายๆ เว็บ คือ ทำงานอุตสาหกรรมและอุปกรณ์การแพทย์โดยสามารถ วิเคราะห์ค้นคว้า วิจัย ออกแบบ พัฒนา ซ่อม สร้าง บำรุงรักษา และใช้เครื่องมือวัดควบคุมกระบวนการผลิตในโรงงาน อุตสาหกรรมและเครื่องมือแพทย์ตามสถานพยาบาล หน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน
-อุปกรณ์การแพทย์จะไปทางโรงพยาบาลซะส่วนใหญ่
-อุตสาหกรรม ไปทางโรงงาน บริษัทอิเล็กทรอนิกส์
-ประยุกต์ไปทางบริษัเลเซอร์ได้ค่ะ สามารถไปบริษัทที่จำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์ได้ค่ะ
3. หลักสูตรเปลี่ยนใหม่ ทุกๆ 4 ปี ซึ่งพี่ใช้หลักสูตรนหัส 63 การเรียนค่อนข้างจะแน่นมาก! แทบจะเรียนเต็ม 22 หน่วยกิตทุกเทอม ตัวต่อเยอะ หากพลาดตัวแรกตอนปี 1 อาจจะติดวิชาตัวต่ออีก วิชาส่วนใหญ่เปิดเป็นเทอม หาติดวิชาจะสามารถลงเรียนใหม่ได้ตอนเทอมเดียวกันปีถัดไป
4. ในปี 1 ทั้ง 3 เอก จะเรียนร่วมกัน และจะเริ่มมีวิชาภาคเพิ่มมาตามชั้นปี ลดเวลาเรียนร่วมน้อยลง
5. เนื่องจากเรียนวิชาแลป อาจจะต้องมีการเสียเงินซื้อเครื่องมือบ้าง และมีมินิโปรเจคในรายวิชาเรียน ซึ่งต้องเสียเงินเองในการซื้ออุปกรณ์โปรเจค เช่น เซนเซอร์หรือบอร์ด Arduino และขอแนะนำควรมีคอมหรือโน้ตบุ๊กไว้ เนื่องจากเรียนใช้โปรแกรม เวลาอาจารย์สั่งงานจะได้สามารถทำได้ที่บ้าน
6. เรื่องฝึกงานและการหางาน ช่วงฝึกงานจะมี 2 แบบด้วยกัน คือ ฝึกงานแบบสหกิจ และแบบปกติ ต่างกันที่ระยะเวลาการฝึก สหกิจจะฝึกที่ 6-12 เดือน ธรรมดาจะฝึกอยู่ 2-4 เดือนตามแล้วแต่ตกลง ส่วนใหญ่ฝึกรัฐบาลจะไม่ได้เบี้ยเลี้ยง แต่เอกชนจะได้ตามตกลง ในเรื่องของการหางานพี่คิดว่า เราสามารถสู้มหาวิทยาลัยอื่นๆ ได้ ในทางด้านวิชาการมอเราไม่ได้ด้อยไปกว่ามออื่นเลย ความรู้ความสามารถในด้านทฤษฎีและปฏิบัติ มหาลัยอัดให้เต็มที่ห้องแลปที่ค่อนข้างพร้อมและดีในการลงมือทำจริง ไม่ต้องกลัวว่าจะหางานยาก เพราะระหว่างที่น้องเรียนนั้นเหมือนเป็นการเทรนให้พร้อมเข้าทำงาน อยู่ที่ตัวน้องจะรับสิ่งที่มหาลัยให้ได้มากแค่ไหน
7. มจพ วิทยาเขตกรุงเทพ พื้นที่ค่อนข้างจำกัด ทำให้ไม่สามารถนำรถยนต์เข้ามาได้ แต่มอเตอร์ไซค์สามารถนำมาจอดในพื้นที่ได้ บริเวณโดยรอบมีหออยู่เยอะ แนะนำมาดูหอจริงก่อนตัดสินใจ
8. การเดินทาง มีป้ายรถเมล์ มีท่าเรือ มีMRT เดินทางมาค่อนข้างสะดวก
9. ไปไกลเลย กลับมาที่สาขา5555 คือในเรื่องสังคมของภาควิชา ค่อนข้างเป็นกันเอง อาจารย์ใจดีพร้อมด้วยศักยภาพ หากได้เพื่อนๆ ที่ช่วยกันเรียนจะดีมากๆ อยู่ที่เราเลือก แต่คิดว่าทุกคนที่เข้ามาสาขานี้ได้คือ มีความสามารถในตัวอยู่แล้ว อยู่ที่จะนำมาใช้หรือไม่ สามารถปรึกษารุ่นพี่ได้ทุกอย่าง คุยง่ายมากกก
10. ในหลักสูตรนั้นเป็นเสริมทักษะภาษาอังกฤษ จะมีบางรายวิชาที่ต้องเรียนเป็นภาษาอังกฤษ อยากบอกน้องๆว่า ไม่ต้องกลัว พี่เชื่อว่าทุกคนทำได้ การอ่านหนังสือจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะต้องอ่านหนังสือล่วงหน้านานมากๆ และเต็มที่กับมันมากกว่าเดิม
11. ห้องสมุดสามารถอ่านหนังสือ นั่งเล่น ดูหนัง มีห้องสำหรับติว มีสมาร์ทบอร์ดที่ไฮเทคมากๆ ช่วงสอบจะเปิดถึง 4 ทุ่ม จะเจอเพื่อนๆ มานั่งอ่านหนังสือกันเยอะมากๆ มีแรงใจในการกระตุ้นเรามากๆ
12. ไม่ต้องกังวลเรื่องการตัดช้อปมาก แถวมอมี บางสาขารุ่นพี่จะพาตัดให้เอง ไม่ต้องเครียดมาก เด็กๆ จะเครียดเรื่องช้อปตอนเข้า แล้วมาถามใน community เยอะมากกกกกกกก ใจร่มๆ นะลูก555
13. การแต่งกายคณะวิทยาศาสตร์ไม่ได้ซีเรียสมาก สามารถใส่ชุดไพรเวทมาได้ แต่คลุมช้อปมานิดนึงก็ไก็ หรือไม่ใส่ก็ได้ขอให้สุภาพเป็นพอ รองเท้าแตะจริงๆ อาจารย์เขาไม่ว่าหรอก แค่มันไม่ถูกกาลเทศะ อยู่ที่พิจารณาแต่ละคนนะ เดียวเรียนๆ ไปจะมีเสื้อคณะเสื้อนู้นนี่มาแจกให้ แถบตะไม่ค่อยใส่ชุด นศ. สีมทำได้ มีแค่ช่วงสอบที่ต้องถูกระเบียบ
สุดท้ายคือ ไม่มีที่ไหนถูกใจเรา 100% หรอก อยู่ที่เราจะปรับตัวได้แค่ไหน สู้ๆ สำหรับคนที่จะเข้าเรียน มจพ. พี่เป็นกำลังใจให้นะคะ อาจจะไม่ได้เขียนเรื่องที่น้องๆ อยากรู้ครบ น้องๆ สามารถพิมพ์มาถามได้ค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ หวังว่าจะมีประโยชน์ต่อการตัดสินใจเข้าศึกษา
IMI KMUTNB
1. สาขาฟิสิกส์อุตสาหกรรมและอุปกรณ์การแพทย์ (IMI) มี 3 เอก คือ
(1)อุปกรณ์การแพทย์ คือ การเรียนเกี่ยวเครื่องมือแพทย์ เริ่มใช้จริงๆ ปี 3
(2)ฟิสิกส์อุตสาหกรรม คือ การเรียนทุกอย่างเกี่ยวกับโรงงานเลย ไม่ว่าจะเป็น QC material PCB PCBA Electronic ส่วนใหญ่ไปทางไฟฟ้า มีทั้งแลปและทฤษฎี
(3)ฟิสิกส์ประยุกต์ คือ เรียนเนื้อหาเกี่ยวกับฟิสิกส์ทั้งหมด เช่น ควอนตัม เลเซอร์ ฟิสิกส์ยุคใหม่ เทอร์โม ไบโออิเล็กทรอนิคส์ เป็นต้น แลปเยอะกว่ามากๆ คำนวณเยอะ
2. การทำงาน
จะเหมือนหลายๆ เว็บ คือ ทำงานอุตสาหกรรมและอุปกรณ์การแพทย์โดยสามารถ วิเคราะห์ค้นคว้า วิจัย ออกแบบ พัฒนา ซ่อม สร้าง บำรุงรักษา และใช้เครื่องมือวัดควบคุมกระบวนการผลิตในโรงงาน อุตสาหกรรมและเครื่องมือแพทย์ตามสถานพยาบาล หน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน
-อุปกรณ์การแพทย์จะไปทางโรงพยาบาลซะส่วนใหญ่
-อุตสาหกรรม ไปทางโรงงาน บริษัทอิเล็กทรอนิกส์
-ประยุกต์ไปทางบริษัเลเซอร์ได้ค่ะ สามารถไปบริษัทที่จำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์ได้ค่ะ
3. หลักสูตรเปลี่ยนใหม่ ทุกๆ 4 ปี ซึ่งพี่ใช้หลักสูตรนหัส 63 การเรียนค่อนข้างจะแน่นมาก! แทบจะเรียนเต็ม 22 หน่วยกิตทุกเทอม ตัวต่อเยอะ หากพลาดตัวแรกตอนปี 1 อาจจะติดวิชาตัวต่ออีก วิชาส่วนใหญ่เปิดเป็นเทอม หาติดวิชาจะสามารถลงเรียนใหม่ได้ตอนเทอมเดียวกันปีถัดไป
4. ในปี 1 ทั้ง 3 เอก จะเรียนร่วมกัน และจะเริ่มมีวิชาภาคเพิ่มมาตามชั้นปี ลดเวลาเรียนร่วมน้อยลง
5. เนื่องจากเรียนวิชาแลป อาจจะต้องมีการเสียเงินซื้อเครื่องมือบ้าง และมีมินิโปรเจคในรายวิชาเรียน ซึ่งต้องเสียเงินเองในการซื้ออุปกรณ์โปรเจค เช่น เซนเซอร์หรือบอร์ด Arduino และขอแนะนำควรมีคอมหรือโน้ตบุ๊กไว้ เนื่องจากเรียนใช้โปรแกรม เวลาอาจารย์สั่งงานจะได้สามารถทำได้ที่บ้าน
6. เรื่องฝึกงานและการหางาน ช่วงฝึกงานจะมี 2 แบบด้วยกัน คือ ฝึกงานแบบสหกิจ และแบบปกติ ต่างกันที่ระยะเวลาการฝึก สหกิจจะฝึกที่ 6-12 เดือน ธรรมดาจะฝึกอยู่ 2-4 เดือนตามแล้วแต่ตกลง ส่วนใหญ่ฝึกรัฐบาลจะไม่ได้เบี้ยเลี้ยง แต่เอกชนจะได้ตามตกลง ในเรื่องของการหางานพี่คิดว่า เราสามารถสู้มหาวิทยาลัยอื่นๆ ได้ ในทางด้านวิชาการมอเราไม่ได้ด้อยไปกว่ามออื่นเลย ความรู้ความสามารถในด้านทฤษฎีและปฏิบัติ มหาลัยอัดให้เต็มที่ห้องแลปที่ค่อนข้างพร้อมและดีในการลงมือทำจริง ไม่ต้องกลัวว่าจะหางานยาก เพราะระหว่างที่น้องเรียนนั้นเหมือนเป็นการเทรนให้พร้อมเข้าทำงาน อยู่ที่ตัวน้องจะรับสิ่งที่มหาลัยให้ได้มากแค่ไหน
7. มจพ วิทยาเขตกรุงเทพ พื้นที่ค่อนข้างจำกัด ทำให้ไม่สามารถนำรถยนต์เข้ามาได้ แต่มอเตอร์ไซค์สามารถนำมาจอดในพื้นที่ได้ บริเวณโดยรอบมีหออยู่เยอะ แนะนำมาดูหอจริงก่อนตัดสินใจ
8. การเดินทาง มีป้ายรถเมล์ มีท่าเรือ มีMRT เดินทางมาค่อนข้างสะดวก
9. ไปไกลเลย กลับมาที่สาขา5555 คือในเรื่องสังคมของภาควิชา ค่อนข้างเป็นกันเอง อาจารย์ใจดีพร้อมด้วยศักยภาพ หากได้เพื่อนๆ ที่ช่วยกันเรียนจะดีมากๆ อยู่ที่เราเลือก แต่คิดว่าทุกคนที่เข้ามาสาขานี้ได้คือ มีความสามารถในตัวอยู่แล้ว อยู่ที่จะนำมาใช้หรือไม่ สามารถปรึกษารุ่นพี่ได้ทุกอย่าง คุยง่ายมากกก
10. ในหลักสูตรนั้นเป็นเสริมทักษะภาษาอังกฤษ จะมีบางรายวิชาที่ต้องเรียนเป็นภาษาอังกฤษ อยากบอกน้องๆว่า ไม่ต้องกลัว พี่เชื่อว่าทุกคนทำได้ การอ่านหนังสือจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะต้องอ่านหนังสือล่วงหน้านานมากๆ และเต็มที่กับมันมากกว่าเดิม
11. ห้องสมุดสามารถอ่านหนังสือ นั่งเล่น ดูหนัง มีห้องสำหรับติว มีสมาร์ทบอร์ดที่ไฮเทคมากๆ ช่วงสอบจะเปิดถึง 4 ทุ่ม จะเจอเพื่อนๆ มานั่งอ่านหนังสือกันเยอะมากๆ มีแรงใจในการกระตุ้นเรามากๆ
12. ไม่ต้องกังวลเรื่องการตัดช้อปมาก แถวมอมี บางสาขารุ่นพี่จะพาตัดให้เอง ไม่ต้องเครียดมาก เด็กๆ จะเครียดเรื่องช้อปตอนเข้า แล้วมาถามใน community เยอะมากกกกกกกก ใจร่มๆ นะลูก555
13. การแต่งกายคณะวิทยาศาสตร์ไม่ได้ซีเรียสมาก สามารถใส่ชุดไพรเวทมาได้ แต่คลุมช้อปมานิดนึงก็ไก็ หรือไม่ใส่ก็ได้ขอให้สุภาพเป็นพอ รองเท้าแตะจริงๆ อาจารย์เขาไม่ว่าหรอก แค่มันไม่ถูกกาลเทศะ อยู่ที่พิจารณาแต่ละคนนะ เดียวเรียนๆ ไปจะมีเสื้อคณะเสื้อนู้นนี่มาแจกให้ แถบตะไม่ค่อยใส่ชุด นศ. สีมทำได้ มีแค่ช่วงสอบที่ต้องถูกระเบียบ
สุดท้ายคือ ไม่มีที่ไหนถูกใจเรา 100% หรอก อยู่ที่เราจะปรับตัวได้แค่ไหน สู้ๆ สำหรับคนที่จะเข้าเรียน มจพ. พี่เป็นกำลังใจให้นะคะ อาจจะไม่ได้เขียนเรื่องที่น้องๆ อยากรู้ครบ น้องๆ สามารถพิมพ์มาถามได้ค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ หวังว่าจะมีประโยชน์ต่อการตัดสินใจเข้าศึกษา