สวัสดีครับ ผมอยากเล่าประสบการณ์การซื้อของเพราะอารมณ์ชั่ววูบ จริงๆผมเป็นคนคิดแล้วคิดอีกบ่อยครั้งเวลาจะซื้อของอะไร จะคิดซ้ำๆตลอดว่ามันจำเป็นจริงๆมั้ย แต่ครั้งนี้ผมพลาด ผมจะเล่าให้ฟังครับ
ผมได้ซื้อแอร์เคลื่อนที่มา 1 เครื่องราคาเต็มอยู่ที่ 8,999 บาท แต่ผมได้ส่วนลดมาในราคา 6,700 กว่าบาทครับ
สำหรับผมมันเป็นเงินที่เยอะมากหลักพัน เหตุผลที่ซื้อ ปัจจุบันผมอยู่หอพักครับผมเป็นพนักงานออฟฟิศ ห้องพักผมเป็นพัดลมไม่ใช่แอร์
(บางคนอาจจะสงสัยว่าทำไมไม่เลือกห้องแอร์ตั้งแต่แรก ต้องบอกก่อนว่าผมเป็นเด็กต่างจังหวัดเข้ามาหางานในกรุงเทพฯ ครับ
ตอนเซ็นสัญญาจองห้องสำหรับห้องแอร์ เงินวางประกันพร้อมเข้าอยู่มันเยอะมากๆหลักหมื่น ฐานะที่บ้านตอนนั้นเป็นช่วงโควิดก็จะลำบากพอสมควรครับ
เลยไม่อยากขอเงินพ่อแม่มาจ่าย ก็ต้องเป็นเงินเก็บของผมเอง เหตุผลนี้จึงเลือกห้องพัดลมครับ เพราะเงินประกันห้องมันถูกกว่า)
โอเคครับกลับมาตรงห้องพักผมเป็นห้องพัดลมไม่ใช่ห้องแอร์ อยู่มาแรกๆผมทนได้ครับไม่ได้ร้อนอะไรขนาดนั้น
แต่มันจะมีอยู่ช่วงเดือนถึงสองเดือนที่ร้อนมากๆ ร้อนจนผมนอนไม่ได้ ต้องเดินไปนั่งที่ระเบียงสักพัก (ระเบียงผมจะมีลมพัดมาหน่อยๆ)
แล้วก็กลับเข้ามานอนในห้อง ผมทำแบบนี้บ่อยครั้งครับ
ผมเคยเอาเรื่องนี้ ที่ผมร้อนจนนอนไม่ได้ไปเล่าให้เพื่อนๆฟัง เพื่อนผมเคยบอกว่า "เราทำงานเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เวลาพักผ่อนเราก็ควรนอนพักผ่อนให้เต็มที่ ให้นอนสบายๆ หน่อย" อะไรประมาณนี้ มันเลยแนะนำให้เปลี่ยนห้องหรือย้ายหอไปห้องแอร์
ผมจึงไปติดต่อกับป้าหอพักว่ามีห้องแอร์ว่างอยู่มั้ย สรุปคือห้องแอร์เต็มหมดแล้ว ผมเลยคิดหนักอีกว่าถ้าจะย้ายหอก็ต้องขนของย้ายไปย้ายมาอีก
ตอนย้ายเข้ามาหอพักนี้ทีแรก ที่บ้านได้ยืมรถกระบะของลุง แล้ววานให้ลูกเขยลุงขับมาให้ เพราะลุงและพ่อผมเขาดู GPS ไม่เป็น
เลยวานให้ลูกเขยลุงขับมาให้ ทีนี้ถ้าผมจะย้ายหอผมก็ต้องบอกพ่อผม ให้พ่อผมไปยืมรถกระบะลุงมาขนของและก็ต้องขอให้ลูกเขยลุงมาขับให้
ผมมองว่ามันยุ่งยากและที่สำคัญเลยผมเกรงใจเขามากๆ (ณ ตอนนั้นผมไม่ได้นึกถึงรถรับจ้าง รถขนของ รับขนย้าย เลยสักนิด)
ผมก็ได้แต่ทนนอนร้อนต่อไปแต่แค่บางวันเท่านั้นแหละ วันไหนที่เราทำงานมาเหนื่อยมากๆเราก็นอนหลับสนิท ไม่รู้สึกตัวว่าร้อน
แต่วันไหนที่เรานอนไม่หลับนี่สิ นอนพลิกไปพลิกมา พลิกแล้วพลิกอีก รู้สึกได้เลยว่าร้อนจนเหงื่อขาออกผ้าปูที่นอนเปียก จนผมทนไม่ไหวแล้วจริงๆ
นึกถึงคำที่เพื่อนผมพูด
ผมจึงลองศึกษาแอร์เคลื่อนที่ ผมศึกษาเยอะพอสมควร จำได้ว่าเคยถอดใจไม่เอาเพราะศึกษาจนรู้ข้อเสียมันเยอะ
แต่ทุกครั้งที่ผมเลิกงาน กลับมานอน พอร้อนจนนอนไม่ไหว มันก็ลืมข้อเสียของแอร์เคลื่อนที่ตลอดทุกครั้ง จนตัดสินใจไปซื้อแอร์เคลื่อนที่มา
เพราะอารมณ์ชั่ววูบจริงๆ ในช่วงระหว่างที่รอจัดส่งสินค้าเราก็ไม่ได้คิดอะไร แต่พอมาถึงวันที่พนักงานโทรมาถามว่าหอเราอยู่ที่ไหนซอยไหน
เพื่อที่จะมาส่งของ เรากลับคิดว่าเราทำอะไรลงไป เราไปนึกถึงข้อเสียของมันที่เราเคยไปศึกษา เคยไปดูรีวิวมา เราเริ่มรู้สึกเสียดายเงิน 6,700 ของเรา
มันไม่ใช่น้อยๆสำหรับเรา เรากลับคิดว่าถ้าเราย้ายหอไปอยู่ห้องแอร์ มันน่าจะคุ้มกว่ามั้ย ทั้งค่าไฟที่อาจจะเท่ากันหรืออาจจะแพงกว่านิดหน่อยก็ตาม
ได้แอร์ที่เย็นทั่วห้องอีกต่างหาก
และนี่คือเรื่องที่ผมอยากนำมาเล่าให้เพื่อนๆฟังกันครับ ผมจึงอยากรู้ว่าเพื่อนๆ เคยซื้อของเพราะอารมณ์ชั่ววูบกันหรือเปล่า
ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบนะครับ
เพื่อนๆ เคยซื้อของอะไรไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบแล้วก็มารู้สึกเสียดายเงินภายหลังหรือเปล่าครับ
ผมได้ซื้อแอร์เคลื่อนที่มา 1 เครื่องราคาเต็มอยู่ที่ 8,999 บาท แต่ผมได้ส่วนลดมาในราคา 6,700 กว่าบาทครับ
สำหรับผมมันเป็นเงินที่เยอะมากหลักพัน เหตุผลที่ซื้อ ปัจจุบันผมอยู่หอพักครับผมเป็นพนักงานออฟฟิศ ห้องพักผมเป็นพัดลมไม่ใช่แอร์
(บางคนอาจจะสงสัยว่าทำไมไม่เลือกห้องแอร์ตั้งแต่แรก ต้องบอกก่อนว่าผมเป็นเด็กต่างจังหวัดเข้ามาหางานในกรุงเทพฯ ครับ
ตอนเซ็นสัญญาจองห้องสำหรับห้องแอร์ เงินวางประกันพร้อมเข้าอยู่มันเยอะมากๆหลักหมื่น ฐานะที่บ้านตอนนั้นเป็นช่วงโควิดก็จะลำบากพอสมควรครับ
เลยไม่อยากขอเงินพ่อแม่มาจ่าย ก็ต้องเป็นเงินเก็บของผมเอง เหตุผลนี้จึงเลือกห้องพัดลมครับ เพราะเงินประกันห้องมันถูกกว่า)
โอเคครับกลับมาตรงห้องพักผมเป็นห้องพัดลมไม่ใช่ห้องแอร์ อยู่มาแรกๆผมทนได้ครับไม่ได้ร้อนอะไรขนาดนั้น
แต่มันจะมีอยู่ช่วงเดือนถึงสองเดือนที่ร้อนมากๆ ร้อนจนผมนอนไม่ได้ ต้องเดินไปนั่งที่ระเบียงสักพัก (ระเบียงผมจะมีลมพัดมาหน่อยๆ)
แล้วก็กลับเข้ามานอนในห้อง ผมทำแบบนี้บ่อยครั้งครับ
ผมเคยเอาเรื่องนี้ ที่ผมร้อนจนนอนไม่ได้ไปเล่าให้เพื่อนๆฟัง เพื่อนผมเคยบอกว่า "เราทำงานเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เวลาพักผ่อนเราก็ควรนอนพักผ่อนให้เต็มที่ ให้นอนสบายๆ หน่อย" อะไรประมาณนี้ มันเลยแนะนำให้เปลี่ยนห้องหรือย้ายหอไปห้องแอร์
ผมจึงไปติดต่อกับป้าหอพักว่ามีห้องแอร์ว่างอยู่มั้ย สรุปคือห้องแอร์เต็มหมดแล้ว ผมเลยคิดหนักอีกว่าถ้าจะย้ายหอก็ต้องขนของย้ายไปย้ายมาอีก
ตอนย้ายเข้ามาหอพักนี้ทีแรก ที่บ้านได้ยืมรถกระบะของลุง แล้ววานให้ลูกเขยลุงขับมาให้ เพราะลุงและพ่อผมเขาดู GPS ไม่เป็น
เลยวานให้ลูกเขยลุงขับมาให้ ทีนี้ถ้าผมจะย้ายหอผมก็ต้องบอกพ่อผม ให้พ่อผมไปยืมรถกระบะลุงมาขนของและก็ต้องขอให้ลูกเขยลุงมาขับให้
ผมมองว่ามันยุ่งยากและที่สำคัญเลยผมเกรงใจเขามากๆ (ณ ตอนนั้นผมไม่ได้นึกถึงรถรับจ้าง รถขนของ รับขนย้าย เลยสักนิด)
ผมก็ได้แต่ทนนอนร้อนต่อไปแต่แค่บางวันเท่านั้นแหละ วันไหนที่เราทำงานมาเหนื่อยมากๆเราก็นอนหลับสนิท ไม่รู้สึกตัวว่าร้อน
แต่วันไหนที่เรานอนไม่หลับนี่สิ นอนพลิกไปพลิกมา พลิกแล้วพลิกอีก รู้สึกได้เลยว่าร้อนจนเหงื่อขาออกผ้าปูที่นอนเปียก จนผมทนไม่ไหวแล้วจริงๆ
นึกถึงคำที่เพื่อนผมพูด
ผมจึงลองศึกษาแอร์เคลื่อนที่ ผมศึกษาเยอะพอสมควร จำได้ว่าเคยถอดใจไม่เอาเพราะศึกษาจนรู้ข้อเสียมันเยอะ
แต่ทุกครั้งที่ผมเลิกงาน กลับมานอน พอร้อนจนนอนไม่ไหว มันก็ลืมข้อเสียของแอร์เคลื่อนที่ตลอดทุกครั้ง จนตัดสินใจไปซื้อแอร์เคลื่อนที่มา
เพราะอารมณ์ชั่ววูบจริงๆ ในช่วงระหว่างที่รอจัดส่งสินค้าเราก็ไม่ได้คิดอะไร แต่พอมาถึงวันที่พนักงานโทรมาถามว่าหอเราอยู่ที่ไหนซอยไหน
เพื่อที่จะมาส่งของ เรากลับคิดว่าเราทำอะไรลงไป เราไปนึกถึงข้อเสียของมันที่เราเคยไปศึกษา เคยไปดูรีวิวมา เราเริ่มรู้สึกเสียดายเงิน 6,700 ของเรา
มันไม่ใช่น้อยๆสำหรับเรา เรากลับคิดว่าถ้าเราย้ายหอไปอยู่ห้องแอร์ มันน่าจะคุ้มกว่ามั้ย ทั้งค่าไฟที่อาจจะเท่ากันหรืออาจจะแพงกว่านิดหน่อยก็ตาม
ได้แอร์ที่เย็นทั่วห้องอีกต่างหาก
และนี่คือเรื่องที่ผมอยากนำมาเล่าให้เพื่อนๆฟังกันครับ ผมจึงอยากรู้ว่าเพื่อนๆ เคยซื้อของเพราะอารมณ์ชั่ววูบกันหรือเปล่า
ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบนะครับ