เรื่อง : ประเพณีขโมย
โดย : ละเว้
มันน่าสนใจเลยทีเดียวใช่ไหมเล่าครับ เมื่อการขโมยกลายเป็นประเพณี และประเพณีขโมยจะเป็นอย่างไรนั้น หากอยากรู้ต้องติดตามกันครับ...
ด้วยความไม่แน่ใจว่ามันจะเป็นประเพณีที่ได้รับความนิยมขนาดไหน หรือจะเป็นแค่การเล่นสนุกในถิ่นเกิดของผม (ตราด) ก็มิทราบได้ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ประเพณีนี้ก็ได้สะท้อนให้เห็นถึงความสงบเรียบง่ายของสังคมในอดีตได้เป็นอย่างดี
ย้อนอดีตไปเมื่อสักหกสิบกว่าปีล่วงแล้ว ช่วงเวลาที่ผู้ฅนในสังคมชนบทยังไม่ต้องคร่ำเคร่งกับการทำงานหาเงินกันสักเท่าไร ผู้ฅนในสมัยนั้นมีเวลามากพอที่จะหาเรื่องสนุกทำ... และการลักขโมยนั้นถือเป็นเรื่องชวนให้ตื่นเต้นได้ไม่น้อยทีเดียว
หากแต่ความจริงของสังคมเมื่อครั้งอดีตการลักขโมยดูจะไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นสักเท่าไร (ผิดกับสมัยนี้ที่ชอบอ้างความจำเป็น) เพราะสังคมสมัยนั้นจะอยู่กันแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย เอื้อเฟื้อแบ่งปันกันมากกว่า เรียกว่าขอกันกินง่ายกว่าที่จะต้องมาขโมย
แล้วทำไมถึงมีประเพณีขโมย อดใจรออีกนิด ผมขอแจงรายละเอียดอีกสักหน่อยก็แล้วกันครับ... แฮ่
.
ด้วยไร่นาที่ทำกันนั้นบางทีก็จะห่างจากบ้านเรือนที่อยู่อาศัยสักหน่อย และวิถีชีวิตสมัยก่อนเมื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตอย่างข้าวเสร็จแล้วก็ต้องลอม (กองหรือวางเรียงให้เป็นระเบียบ ลอมข้าวที่ดีจะกันฝนได้) ทิ้งไว้กลางทุ่งท่าไร่นาห่างไกลนั้น โดยที่ไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครมาขโมย เพราะฅนสมัยก่อนเชื่อกันว่าการขโมยข้าวนั้นถือเป็นบาปหนัก และลอมข้าวที่กองไว้นั้นเมื่อถึงเวลาก็จะต้องลงแขกนวด ซึ่งก็จะมีทั้งแบบใช้แรงงานควาย บางทีใช้เท้าย่ำกันเลยก็มี
.
มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ทีนี้อยู่มาวันดีคืนดีข้าวที่ลอมไว้มันเกิดหายไป ซึ่งที่จริงก็ไม่ได้หายไปไหนหรอกครับ หากแต่มันได้กลายสภาพมาเป็นกองข้าวเปลือกเสียแล้ว แน่นอนว่ามันต้องถูกมือ (เท้า) ดีมาแอบนวดเสียหมดลอมตอนกลางคืน ซึ่งฅนที่จะมาขโมยนวดข้าวนี้นอกจากจะขี้เล่นแล้ว ยังต้องเป็นคนที่นวดข้าวเก่งเอาการทีเดียว
เจ้าของนาก็ยุ่งล่ะสิครับงานนี้
อ้าว... อยู่ดี ๆ มีคนมานวดข้าวให้แล้วจะยุ่งอะไรล่ะ
ยุ่งสิครับ เพราะอย่างที่บอกว่าสังคมชนบทในสมัยนั้นเป็นสังคมที่มีน้ำใจ ใครมีบุญคุณต้องทดแทน เจ้าของนาก็ต้องสืบให้ได้ว่าใครกันที่มาเล่นตลก จะได้หาข้าวปลาเหล้ายามาเลี้ยงเป็นการขอบคุณนั่นแหละ
ซึ่งฅนที่มาขโมยนวดข้าวก็จะแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ พอใจกับการปล่อยให้เจ้าของนาเสาะหาคาดเดาว่าฝีมือหรือฝีเท้าใคร ซึ่งเมื่อเจอตัวรู้ว่าใครก็เฮฮาสังสรรค์กันไป
นึกถึงเรื่องแบบนี้แล้วอยากย้อนเวลาไหมล่ะครับ
หมายเหตุ : หากไม่ชอบใจการนำเสนอแบบนี้บอกได้ครับ แต่ถ้าต้องการให้เปลี่ยนวิธีนำเสนอ เปลี่ยนบ่ได้เด๊อ...
ประเพณีขโมย
โดย : ละเว้
มันน่าสนใจเลยทีเดียวใช่ไหมเล่าครับ เมื่อการขโมยกลายเป็นประเพณี และประเพณีขโมยจะเป็นอย่างไรนั้น หากอยากรู้ต้องติดตามกันครับ...
ด้วยความไม่แน่ใจว่ามันจะเป็นประเพณีที่ได้รับความนิยมขนาดไหน หรือจะเป็นแค่การเล่นสนุกในถิ่นเกิดของผม (ตราด) ก็มิทราบได้ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ประเพณีนี้ก็ได้สะท้อนให้เห็นถึงความสงบเรียบง่ายของสังคมในอดีตได้เป็นอย่างดี
ย้อนอดีตไปเมื่อสักหกสิบกว่าปีล่วงแล้ว ช่วงเวลาที่ผู้ฅนในสังคมชนบทยังไม่ต้องคร่ำเคร่งกับการทำงานหาเงินกันสักเท่าไร ผู้ฅนในสมัยนั้นมีเวลามากพอที่จะหาเรื่องสนุกทำ... และการลักขโมยนั้นถือเป็นเรื่องชวนให้ตื่นเต้นได้ไม่น้อยทีเดียว
หากแต่ความจริงของสังคมเมื่อครั้งอดีตการลักขโมยดูจะไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นสักเท่าไร (ผิดกับสมัยนี้ที่ชอบอ้างความจำเป็น) เพราะสังคมสมัยนั้นจะอยู่กันแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย เอื้อเฟื้อแบ่งปันกันมากกว่า เรียกว่าขอกันกินง่ายกว่าที่จะต้องมาขโมย
แล้วทำไมถึงมีประเพณีขโมย อดใจรออีกนิด ผมขอแจงรายละเอียดอีกสักหน่อยก็แล้วกันครับ... แฮ่
.
ด้วยไร่นาที่ทำกันนั้นบางทีก็จะห่างจากบ้านเรือนที่อยู่อาศัยสักหน่อย และวิถีชีวิตสมัยก่อนเมื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตอย่างข้าวเสร็จแล้วก็ต้องลอม (กองหรือวางเรียงให้เป็นระเบียบ ลอมข้าวที่ดีจะกันฝนได้) ทิ้งไว้กลางทุ่งท่าไร่นาห่างไกลนั้น โดยที่ไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครมาขโมย เพราะฅนสมัยก่อนเชื่อกันว่าการขโมยข้าวนั้นถือเป็นบาปหนัก และลอมข้าวที่กองไว้นั้นเมื่อถึงเวลาก็จะต้องลงแขกนวด ซึ่งก็จะมีทั้งแบบใช้แรงงานควาย บางทีใช้เท้าย่ำกันเลยก็มี
.
มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ทีนี้อยู่มาวันดีคืนดีข้าวที่ลอมไว้มันเกิดหายไป ซึ่งที่จริงก็ไม่ได้หายไปไหนหรอกครับ หากแต่มันได้กลายสภาพมาเป็นกองข้าวเปลือกเสียแล้ว แน่นอนว่ามันต้องถูกมือ (เท้า) ดีมาแอบนวดเสียหมดลอมตอนกลางคืน ซึ่งฅนที่จะมาขโมยนวดข้าวนี้นอกจากจะขี้เล่นแล้ว ยังต้องเป็นคนที่นวดข้าวเก่งเอาการทีเดียว
เจ้าของนาก็ยุ่งล่ะสิครับงานนี้
อ้าว... อยู่ดี ๆ มีคนมานวดข้าวให้แล้วจะยุ่งอะไรล่ะ
ยุ่งสิครับ เพราะอย่างที่บอกว่าสังคมชนบทในสมัยนั้นเป็นสังคมที่มีน้ำใจ ใครมีบุญคุณต้องทดแทน เจ้าของนาก็ต้องสืบให้ได้ว่าใครกันที่มาเล่นตลก จะได้หาข้าวปลาเหล้ายามาเลี้ยงเป็นการขอบคุณนั่นแหละ
ซึ่งฅนที่มาขโมยนวดข้าวก็จะแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ พอใจกับการปล่อยให้เจ้าของนาเสาะหาคาดเดาว่าฝีมือหรือฝีเท้าใคร ซึ่งเมื่อเจอตัวรู้ว่าใครก็เฮฮาสังสรรค์กันไป
นึกถึงเรื่องแบบนี้แล้วอยากย้อนเวลาไหมล่ะครับ
หมายเหตุ : หากไม่ชอบใจการนำเสนอแบบนี้บอกได้ครับ แต่ถ้าต้องการให้เปลี่ยนวิธีนำเสนอ เปลี่ยนบ่ได้เด๊อ...