ประสบการณ์เป็นมะเร็งเต้านมระยะศูนย์ (ชนิดหายาก)

#กระทู้เรามาตั้งใหม่ให้จบในโพสต์เดียวตามคำขอที่ Inbox มาค่ะ

เรามาแบ่งปันประสบการณ์ตรงของเราเกี่ยวกับโรคมะเร็งหายากชนิดนึงที่ชื่อว่า Paget disease ค่ะ เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับใครหลายๆ คน

เราได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น Paget disease ค่ะ เป็นทั้งสองข้าง เป็น Rare case สุดๆ เริ่มมีอาการเจ็บๆข้างใน เมื่อเดือนเมษายน 66 พบอาจารย์ศัลย์ขอทำ Mammogram+Ultrasound ไม่เจอก้อน เจอ Simple cysts ขนาด 0.4 มิลลิเมตร ข้างละ 2 เม็ด อาจารย์แจ้งว่า Cyst ขนาดเท่านี้ไม่มีผลทำให้เราเจ็บได้ แนะนำเราปรึกษาอาจารย์สูติถ้าเรายังมีอาการเจ็บ อาจารย์ตรวจภายในทุกอย่างปกติ เลยส่งเราปรึกษาอาจารย์ Endrocrine อาจารย์ตรวจ Prolactin ค่าสูงผิดปกติ นัดเจาะซ้ำ ถ้าสูงอาจต้องส่ง MRI Ptuitary gland สรุปเจาะซ้ำค่าปกติ ผ่านมา 2 ระบบเรายังปกติไม่เจออะไร 

เราไม่หายเจ็บ แต่ไม่ได้เป็นตลอดเวลา เดือนกันยายน 66 รู้สึกว่าที่ Nipple มันแตกคล้ายคนให้นมลูก มีอาการเจ็บทั้งสองข้าง แต่เราไม่มีปัจจัยนั้น ลองบีบที่ Nipple ไม่มีของเหลวหรืออะไรออกมา เราเลยตัดสินใจไปหาโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยที่เราจบมา นัดเจออาจารย์ศัลย์ อาจารย์ตรวจดู คลำทั้งสองข้าง ไม่เจอก้อน อาจารย์เลยคาดว่าเราน่าจะเป็น Eczema เพราะตามประวัติเราสมัยเรียน เราจะไปโรงพยาบาลในมหาวิทยาลัยด้วยอาการแพ้แทบทั้งสิ้น ให้ TA 0.02 มา อาการแดงดีขึ้นค่ะ แต่มันไม่เบา Pain ในใจเราสงสัย Paget ตั้งแต่เราคิดว่าเราไม่เบา Pain แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นได้ เพราะโรคนี้มีโอกาสน้อยมากที่จะเจอ Criteria ของเรามันแทบไม่เข้ากับโรคนี้ เพราะโรคนี้จะไม่ตอบสนอง Steroid แล้วจะไม่เป็นสองข้าง ผิวหนังจะแดงมากๆ เป็นขลุยๆ แต่เราพอทา TA มันหายแดงเลย เพียงแต่ไม่เบา Pain อาจารย์เลยตัดสินใจ Incision biopsy วันที่ 1 พฤศจิกายน 

วันที่ 14 พฤศจิกายน ผลออกมาว่าเราเป็น Paget ทั้งสองข้าง ทั้งเราทั้งอาจารย์ที่ดูแลเราตกใจมาก เพราะไม่เคยคิดว่าผลจะออกมาแบบนี้ เหมือนฟ้าถล่มสำหรับเราเลยค่ะ เราไม่ใช่คนดูแลตัวเองดีมากมายแต่ก็ไม่ทำร้ายตัวเองมากมายเช่นกัน เราชอบวิ่ง ออกกำลังกายไม่บ่อยแต่ก็ไม่ห่างมากมาย บ้านเราไม่มีประวัติเรื่อง Cancer เลย สับสนเลยว่าจากนี้จะใช้ชีวิตยังงัย แต่อาจารย์ย้ำกับเราเสมอว่าของเรา เค้าอยู่ที่ระยะ 0 ไม่มีลามไปที่ไหน ไม่มีก้อนในตัว Breast เราโชคร้ายที่เราเป็น Rare case แต่เราโชคดีที่รู้ตัวเร็วไม่ปล่อยให้ตัวเองมีอาการผิดปกตินาน พยายามหาสาเหตุของอาการผิดปกติของตัวเองจนสุดทาง 

อาจารย์มีทางเลือกให้เราสองทาง ทางแรกคือ Remove เฉพาะ Nipple แล้วฉายแสงต่อ กับทางที่สองคือ Modified radical mastectomy (MRM) with sentinel lymph node biopsy (SLNB) เราเลือกทางที่สองเพราะเราทำงานด้านรังสีวิทยา เราคิดว่าเราไม่สามารถทนการฉายแสงได้ แต่กว่าจะตัดสินใจเลือกทางที่สองได้ก็ทรมานและเสียใจมากค่ะ ไม่คิดว่าตัวเองจะแจคพอตเป็น Rare case แบบนี้ 

พอตั้งสติได้ อาจารย์ก็นัดวันเข้า OR คือวันที่ 3 ธันวาคม 66 ขั้นตอนการตรวจเลือด เอกซเรย์ปอด เป็นไปตามพื้นฐานของการตรวจก่อนรับการผ่าตัด เราใช้เวลาทั้งหมดในห้องผ่าตัดประมาณ 5 ชั่วโมงครึ่งค่ะ รู้สึกตัวอีกทีตอนพยาบาลเรียกเพื่อพากลับห้องพัก แม่เราบอกว่าเราซีดมาก ตัวสั่นมาก พูดจายังไม่ค่อยรู้เรื่อง แม่กังวลจนเป็นลม ประมาณสองชั่วโมงจึงค่อยๆ รู้ตัว 

ระหว่างนอนที่โรงพยาบาล พยาบาลก็พยายามให้เราลุกทำกายภาพเพื่อป้องกันไหล่ติด เราแอดมิดอยู่ 8 วัน อาจารย์จึงให้กลับบ้านค่ะ โดยคาสายเดรนกลับบ้าน การใช้ชีวิตช่วงคาสายเดรนค่อนข้างลำบาก ทั้งเรื่องการอาบน้ำ การนอน แต่เรามีครอบครัวที่ดูแลเราดีมากๆ ค่ะ ดีจนเราแอบร้องไห้โมโหตัวเอง ว่าอายุยังไม่เท่าไรยังต้องให้ครอบครัวมาดูแล

ผ่านไปสามสัปดาห์ เราจึงได้ถอดสายเดรนทั้งสองข้าง ระหว่างนั้นก็ขยันทำกายภาพทุกวัน ถึงแม้ว่าจะยังเจ็บแผล ตึงแผล ก็พยายามยกแขน ไต่ผนัง ตามที่พยาบาลแนะนำ เพราะเรามีเป้าหมายที่จะรับปริญญาในเดือนกุมภาพันธ์

ผลชิ้นเนื้อหลังผ่าตัดเต้านมออกทั้งหมด เลาะกล้ามเนื้อหน้าอกบางส่วน กับต่อมน้ำเหลืองข้างละ 3 ผลออกมาไม่มีเชื้อในตัวเต้านม ไม่มีลามไปต่อมน้ำเหลือง เชื้ออยู่ที่ Nipple (Skin) เราเลยไม่ต้องฉายแสง ไม่ต้องทาน Tamoxifen

เข้าสู่สัปดาห์ที่ 4 เราลองหัดอาบน้ำ สระผมด้วยตัวเอง วันแรกเป็นไปอย่างทุลักทุเล ท้อจนร้องไห้ แต่ก็ผ่านมาได้ค่ะ ใช้เวลาในการอาบน้ำสระผมด้วยตัวเองวันแรก 1 ชั่วโมงเต็ม😀 อาจารย์ที่ดูแลเราบอกว่าเราฟื้นตัวค่อนข้างไว แต่ไม่อยากให้กดดันมากจนเกินไป เพราะเราผ่าตัดเต้านมสองข้าง เอากล้ามเนื้อหน้าอกบางส่วนออก เอาต่อมน้ำเหลืองบางส่วนออก ทุกอย่างต้องใช้เวลาในการฟื้นฟู

ในเรื่องของอาหารการกิน อาจารย์บอกว่า เราสามารถทานได้ทุกอย่างปกติ เพราะเราไม่มีเชื้อเค้าแล้ว แต่ครอบครัวก็ยังเตรียมอาหารสำหรับผู้ป่วย CA หลีกเลี่ยงของทอด ของหมักดอง ผงชูรส อาหารที่มีไขมันสูงให้เราทุกวัน เพิ่มอาหารโปรตีนเพื่อฟื้นฟูกล้ามเนื้อ

สัปดาห์ที่ 5 เริ่มกลับไปทำงาน จำได้ว่าวันแรกกลับถึงบ้านไข้ขึ้นเลยค่ะ งานของเราเกี่ยวกับรังสี เกี่ยวกับคนไข้ เกี่ยวกับเครื่องมืออุปกรณ์ที่มีน้ำหนัก เราจึงออกแรงค่อนข้างเยอะ ซึ่งอาจารย์ก็บอกแล้วว่าให้งดยกของหนัก ออกแรงมากเกินไปสักระยะ แต่ด้วยความเคยชินทำให้มีเผลอบ้าง

สัปดาห์ที่ 6-8 เป็นไปตามปกติค่ะ ยังเจ็บแผล เสียวแปล๊บๆ ที่แผล แต่มีโรคที่ตามมาจากการโหมทำกายภาพ และเผลอยกของหนักคือ Costochondritis จนอาจารย์สั่งห้ามให้งดกายภาพ และระวังตัวเองเรื่องยกของ

สัปดาห์นี้สัปดาห์ที่ 9 เราสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ทั้งหมด อาจจะยังไม่ค่อยราบรื่นเหมือนก่อนผ่าตัด แต่โดยรวมถือว่าพอใจค่ะ อาจจะยังใส่เสื้อผ้าแบบสวมหัวได้ทุลักทุเล แต่ก็ทำได้แค่ต้องใช้เวลานานหน่อย

อาจารย์พูดเสมอว่าอย่าใจร้อนกับเรื่องร่างกาย เพราะเราผ่านการผ่าตัดใหญ่มา ต้องให้เวลาเค้าได้ฟื้นตัว ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำ หลีกเลี่ยงอาหารต้องห้ามคือดีที่สุด

หวังว่าประสบการณ์ของเราจะมีประโยชน์กับทุกท่านนะคะ ขอให้ทุกคนสุขภาพแข็งแรง หมั่นตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอนะคะ😀
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่