เตือนภัยคนที่ชอบของฟรี(จากประสบการณ์จริง)
คลินิกเสริมความงาม สถาบันเสริมความงามที่ชอบให้ทดลองฟรี หรือมีส่วนลดราคาโปรโมชั่นต่างๆ
เราก็เป็นหนึ่งในคนที่ชอบโปรลดแลกแจกแถม
เรื่องเกิดมาหลายปีแล้ว แต่วันนี้อยากมาแชร์เพื่อเป็นอุทาหรณ์
เราเจอ Ads ยิงโฆษณาของคลินิกแห่งนึงย่านบางนาโลโก้ตัวอักษรสีม่วง
เป็นส่วนลดที่ราคาถูกกว่าราคาเต็มมากๆ เป็นโปรสลายไขมัน
ก่อนทำก็จะให้โอนจองก่อน 1000 บาท
พอถึงวันทำจริงก็ให้เราจ่ายที่เหลือและขอบัตรประชาชนเพื่อทำบัตรสมาชิก (ตอนขอบัตรเริ่มตระหงิดๆ ล่ะ แต่ก็เสียดายเงินจอง)
พอทำเสร็จเราก็นึกว่าคืนบัตรจบกลับบ้านได้
มีพนักงานมาเชิญไปนั่งจิบชาอีกห้องนึง บอกว่ามีคอร์สนำเสนอแต่ต้องมัดจำก่อนนะ ซึ่งราคาน่าสนใจมาก
แต่ด้วยความที่เราไม่ได้อยากทำต่อก็เลยบอกปัดไปว่าไม่มีเงินแล้วไม่สะดวกนู้นนี่นั่น
แต่เขาก็พยายามจะให้เรามัดจำให้ได้ สุดท้ายก็มาถามว่ามีเท่าไหร่ (คือพี่จะไม่ให้หนูเหลือเงินกินข้าวหน่อยหรอ)
ตอนนั้นเราก็บอกไปค่ะว่าหนูก็ต้องกินต้องใช้ค่ะ
สุดท้ายก็พยายามแบบ 500 ก่อนก็ได้ให้เราเอามาจองโปรก่อนเพราะโปรใกล้หมดแล้ว
ตอนนั้นคือเราก็ตัดรำคาญไป เพราะคุยนานพยายามจะเอาเงินเราให้ได้เลย
สุดท้ายเราก็ไม่ได้ไปใช้บริการที่นั่นอีกเพราะเข็ดแล้วค่ะ กลัวว่าไปแล้วจะโดนยัดเยียดซื้อคอร์สอีก
วันนี้เพิ่งนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้แล้วรู้สึกเจ็บใจมาก
ตอนนั้นไม่น่าโอนให้ซักบาท ด้วยความที่ตอนนั้นเรายังเด็ก ยังไม่กล้าปฏิเสธ
มาตอนนี้รู้ซึ้งแล้วว่าพวกนี้ก็เป็นพวกหิวตังดีๆ นี่เอง
ไม่ไปเสวนาด้วยให้เสียเวลา เดินตามห้างเรียกเราก็ไม่หัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ไม่ได้บอกว่าคลินิกทุกที่ไม่ดีนะคะ
แต่ถ้าของดีจริงเขาไม่มาลดแลกแจกแถม เชื้อเชิญอะไรขนาดนี้หรอกนะ
เพราะเขามีฐานลูกค้าและมีชื่อเสียงอยู่แล้ว
สุดท้ายนี้อยากให้ทุกคนพิจารณาเลือกคลินิกเสริมความงามดีๆ ค่ะ
เลือกที่ๆ มีใบอนุญาต หมอเช็คประวัติได้ มีชื่อเสียงพอสมควรและที่ๆ ไม่ขายคอร์สจนรบกวนเวลาทำหน้าของเรา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ส่วนตัวเราตอนนี้ถ้าอยากรักษาสิวก็จะไปที่พรเกษมคลินิกค่ะ เขาไม่บังคับว่าจะต้องซื้อคอร์สเพิ่ม เสียแค่ค่ายาค่ากดสิวฉีดสิว
แต่ค่ายาก็แพงอยู่นิดหน่อยค่ะ ใครงบจำกัดก็รักษาตามโรงพยาบาลได้ค่ะ
ประสบการณ์ครั้งนั้นทำให้เรารู้ว่าของฟรีไม่มีในโลก ของถูกมากๆ ก็เช่นกัน
ขอให้ทุกคนไม่ต้องกลัวที่จะปฏิเสธค่ะ
เงินอยู่ในกระเป๋าเราไม่มีใครมาหยิบออกไปได้ถ้าเราไม่อนุญาต ประโยคนี้คือจริงมากๆ ค่ะ
แต่ต้องมีสติมากๆ นะคะ เพราะคนพวกนี้เขามีวิธีพูดวิธีหว่านล้อมให้เราใจอ่อน ให้เราคล้อยตาม ให้เราเกรงใจที่จะปฏิเสธ
ตอนนี้เราคือตัดไฟตั้งแต่ต้นลม พวกที่ตั้งบูธที่เดินมาชวนให้เข้าบูธเราไม่คุยด้วยเลยค่ะ ไม่เอาตัวเข้าไปอยู่ตรงนั้นให้เสียเวลา
เวลาอยากทำหน้าทำอะไรเราจะเลือกคลินิกเอง หารีวิวตามเว็บตามแอพต่างๆ จนกว่าจะมั่นใจถึงจะเข้าไปทำค่ะ
ขอให้ทุกคนโชคดีค่ะ
เตือนภัยคนชอบของฟรี(เสริมความงาม)
คลินิกเสริมความงาม สถาบันเสริมความงามที่ชอบให้ทดลองฟรี หรือมีส่วนลดราคาโปรโมชั่นต่างๆ
เราก็เป็นหนึ่งในคนที่ชอบโปรลดแลกแจกแถม
เรื่องเกิดมาหลายปีแล้ว แต่วันนี้อยากมาแชร์เพื่อเป็นอุทาหรณ์
เราเจอ Ads ยิงโฆษณาของคลินิกแห่งนึงย่านบางนาโลโก้ตัวอักษรสีม่วง
เป็นส่วนลดที่ราคาถูกกว่าราคาเต็มมากๆ เป็นโปรสลายไขมัน
ก่อนทำก็จะให้โอนจองก่อน 1000 บาท
พอถึงวันทำจริงก็ให้เราจ่ายที่เหลือและขอบัตรประชาชนเพื่อทำบัตรสมาชิก (ตอนขอบัตรเริ่มตระหงิดๆ ล่ะ แต่ก็เสียดายเงินจอง)
พอทำเสร็จเราก็นึกว่าคืนบัตรจบกลับบ้านได้
มีพนักงานมาเชิญไปนั่งจิบชาอีกห้องนึง บอกว่ามีคอร์สนำเสนอแต่ต้องมัดจำก่อนนะ ซึ่งราคาน่าสนใจมาก
แต่ด้วยความที่เราไม่ได้อยากทำต่อก็เลยบอกปัดไปว่าไม่มีเงินแล้วไม่สะดวกนู้นนี่นั่น
แต่เขาก็พยายามจะให้เรามัดจำให้ได้ สุดท้ายก็มาถามว่ามีเท่าไหร่ (คือพี่จะไม่ให้หนูเหลือเงินกินข้าวหน่อยหรอ)
ตอนนั้นเราก็บอกไปค่ะว่าหนูก็ต้องกินต้องใช้ค่ะ
สุดท้ายก็พยายามแบบ 500 ก่อนก็ได้ให้เราเอามาจองโปรก่อนเพราะโปรใกล้หมดแล้ว
ตอนนั้นคือเราก็ตัดรำคาญไป เพราะคุยนานพยายามจะเอาเงินเราให้ได้เลย
สุดท้ายเราก็ไม่ได้ไปใช้บริการที่นั่นอีกเพราะเข็ดแล้วค่ะ กลัวว่าไปแล้วจะโดนยัดเยียดซื้อคอร์สอีก
วันนี้เพิ่งนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้แล้วรู้สึกเจ็บใจมาก
ตอนนั้นไม่น่าโอนให้ซักบาท ด้วยความที่ตอนนั้นเรายังเด็ก ยังไม่กล้าปฏิเสธ
มาตอนนี้รู้ซึ้งแล้วว่าพวกนี้ก็เป็นพวกหิวตังดีๆ นี่เอง
ไม่ไปเสวนาด้วยให้เสียเวลา เดินตามห้างเรียกเราก็ไม่หัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สุดท้ายนี้อยากให้ทุกคนพิจารณาเลือกคลินิกเสริมความงามดีๆ ค่ะ
เลือกที่ๆ มีใบอนุญาต หมอเช็คประวัติได้ มีชื่อเสียงพอสมควรและที่ๆ ไม่ขายคอร์สจนรบกวนเวลาทำหน้าของเรา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ประสบการณ์ครั้งนั้นทำให้เรารู้ว่าของฟรีไม่มีในโลก ของถูกมากๆ ก็เช่นกัน
ขอให้ทุกคนไม่ต้องกลัวที่จะปฏิเสธค่ะ
เงินอยู่ในกระเป๋าเราไม่มีใครมาหยิบออกไปได้ถ้าเราไม่อนุญาต ประโยคนี้คือจริงมากๆ ค่ะ
แต่ต้องมีสติมากๆ นะคะ เพราะคนพวกนี้เขามีวิธีพูดวิธีหว่านล้อมให้เราใจอ่อน ให้เราคล้อยตาม ให้เราเกรงใจที่จะปฏิเสธ
ตอนนี้เราคือตัดไฟตั้งแต่ต้นลม พวกที่ตั้งบูธที่เดินมาชวนให้เข้าบูธเราไม่คุยด้วยเลยค่ะ ไม่เอาตัวเข้าไปอยู่ตรงนั้นให้เสียเวลา
เวลาอยากทำหน้าทำอะไรเราจะเลือกคลินิกเอง หารีวิวตามเว็บตามแอพต่างๆ จนกว่าจะมั่นใจถึงจะเข้าไปทำค่ะ
ขอให้ทุกคนโชคดีค่ะ