ขอบคุณที่มา :
https://www.facebook.com/JohannesburgMeditation?mibextid=ZbWKwL
.............................
สมัยนี้ยังมีใครค้นคว้าเรื่องในพระสูตร ในพระไตรปิฎก นำมาขยายเผยแผ่กันอีกบ้างไหมหนอ เห็นเรื่องนี้น่าสนใจ เป็นเรื่องที่อาจจะใกล้หรือไกลตัวเราๆท่าน ก็ได้ ถ้าไม่รู้ พระพุทธองค์ได้ตรัสรู้ไปรู้ไปเห็น แล้วนำมาสั่งและสอนพวกเราด้วยพระเมตตาและมหากรุณาธิคุณ
สุขก็ สุขนาน ทุกข์ก็ ทุกข์นาน
ชีวิตในอนาคต จะสุขหรือจะทุกข์
Up to You วันนี้พาไปท่องสวรรค์ชั้นที่ 1 กัน ขอบคุณเพื่อนๆต่างศาสนิก ที่เข้ามาชมกันครับ ไปดูกัน
☀️1. ภาพรวมของ "เทวภูมิ" โดยย่อ
ภพภูมิของเทวดา (เทวา) หากแบ่งตามสถานที่อยู่อาศัย มี 2 ประเภท คือ
1. เทวดาบนสวรรค์ทั้ง 6 ชั้น คือ จาตุมหาราชิกา, ดาวดึงส์, ยามา, ดุสิต, นิมมานรดี, ปรนิมมิตวสวัตดี
2. เทวดาที่อยู่อาศัยในโลก คือเป็นภพซ้อนภพอยู่ในโลกมนุษย์
เทวดาที่อยู่ในโลกแบบภพซ้อนภพ มี 3 กลุ่ม คือ ภุมมเทวา, รุกขเทวา และอากาสเทวา
เทวดาเหล่านี้อยู่ในการปกครองของ "ท้าวจาตุมหาราชิกา"
และถือเป็นเทวดาชั้นต้น (จัดอยู่ในชั้นจาตุมหาราชิกา) อาศัยอยู่บนโลก เป็นภพซ้อนภพกันในภูมิมนุษย์ ปกติจะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า (มีเฉพาะบางกรณีเท่านั้นที่จะมองเห็นได้)
สมัยเป็นมนุษย์ เทวดาเหล่านี้ส่วนมากมักจะเป็นผู้ที่กระทำบุญปนบาปผสมกันไป ประเภท"วัดก็เข้า เหล้าก็กิน ศีลก็ถือ", "บุญก็ทำ กรรมก็สร้าง" หรือทำบุญด้วยความเชื่อผิด ๆ หรือทำบุญเพียงเล็กน้อย และมีเศษบาปกรรมจากการผิดศีล 5 ติดตัวมา เช่น
ฆ่าสัตว์, ดื่มสุราเสพยาเสพติด เป็นต้น, อีกกรณีคือทำบุญแบบไม่ถูกหลักวิชชา บุญจึงไม่บริสุทธิ์ เช่น ทำบุญเอาหน้า, ทำบุญเพื่อผลประโยชน์, ทำบุญเพื่อมีเป้าหมายให้คนมาหลงเสน่ห์ เป็นต้น
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ใน"ทานสูตร" ว่า“ผู้ใดให้ทานโดยหวังผลบุญจากการให้ทาน เมื่อตายไปจะไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา”
☀️2.ภุมมเทวา - รุกขเทวา - อากาสเทวา เกิดและดำรงชีวิตอย่างไร ?
ภุมมเทวา, รุกขเทวา, อากาสเทวา เกิดแบบโอปปาติกะ คือ เกิดแล้วโตทันที เทวดาทั้ง 3 ประเภทนี้ เป็นเทวดาชั้นล่าง มีวิมานอยู่บนพื้นดินเดียวกันกับที่มนุษย์อาศัยอยู่ เรียกชื่อตามที่อยู่ แต่ถือว่าเป็นชาวสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาด้วย
เนื่องด้วยเทวดาเหล่านี้เป็นเทวดาชั้นต้นที่เกิดแบบโอปปาติกะเหมือนชาวสวรรค์ 6 ชั้นในเทวโลก จะแตกต่างตรงที่ชาวสวรรค์ในเทวโลกจะอยู่ในวัย 18-20 ปี จนตลอดอายุขัย
แต่ภุมมเทวา, รุกขเทวา, อากาสเทวา จะมีวัย, ลักษณะ, รูปร่างใกล้เคียงกับตอนที่ละสังขาร และวัยจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ คล้ายมนุษย์ถ้าได้รับบุญที่อุทิศมาให้ วัยก็จะย้อนกลับมาเป็นหนุ่มสาวอีกครั้ง ของกินของใช้จะไม่ใช้ของมนุษย์ จะเป็นของทิพย์ที่เกิดขึ้นตามกำลังบุญ
ความสุข, ความสะดวกสบายและฐานะของเทวดาจึงแตกต่างกันขึ้นอยู่กับบุญหรือกรรมที่ทำไว้เมื่อครั้งเป็นมนุษย์นั่นเอง
☀️3.ภุมมเทวา - รุกขเทวา - อากาสเทวา อยู่ที่ไหน ? มีลักษณะเป็นแบบใด ?
🌺1.ภุมมเทวา (ภุมมัฏฐเทวดา)
- เป็นเทวดาที่อาศัยอยู่บนพื้นมนุษย์โลก อยู่ตามจอมปลวก, เนินดิน, ใต้ดิน, ภูเขา, แม่น้ำ, บ้าน, เจดีย์, ศาลา, ซุ้มประตู เป็นต้น มีทั้งภุมมเทวาที่มีและไม่มีวิมานของตนเอง
- มีหน้าที่ดูแลความสงบในบริเวณที่สถิต มักเรียกว่า “พระภูมิ" หรือ "เจ้าที่"
- ภุมมเทวาระดับล่างเรียก"ผีบ้านผีเรือน"
- ภุมมเทวามีรูปร่างหน้าตาเหมือนมนุษย์
- เหตุที่ทำบุญและบาปปนกัน จิตที่ตั้งมั่นและความเข้าใจในบุญไม่มากพอที่จะไปสวรรค์เป็นชั้นๆ ใน 6 ชั้นได้ แต่มีบุญมากกว่าบาปจึงเกิดมาเป็นภุมมเทวา
- ภุมมเทวามีปรากฏในพระไตรปิฎกมากมาย เช่น เป็นภุมมเทวาตามซุ้มประตูวัด เป็นต้น
🌺2.รุกขเทวา (รุกขัฏฐเทวดา)
- เป็นเทวดาที่มีวิมานเป็นทิพย์ ที่อาศัยอยู่ตามกิ่งไม้หรือยอดไม้ต่างๆ ซึ่งสูงขึ้นไปกว่าพวกภุมมเทวา มีทั้งที่มีวิมานและไม่มีวิมานเป็นของตน รุกขเทวาที่มีวิมานๆ จะตั้งอยู่บนยอดไม้ คือ วิมานซึ่งเป็นของละเอียดเป็นทิพย์มีขนาดใหญ่โตมโหฬารแต่จะซ้อนอยู่บนยอดไม้ของหยาบที่มีขนาดเล็ก ส่วนเทวดาที่ไม่มีวิมานก็จะอาศัยอยู่บนคบไม้และกิ่งไม้
- ลักษณะของวิมานรุกขเทวาดูดีมีระดับกว่าภุมมเทวา
- มีรูปร่างหน้าตาเหมือนมนุษย์
- ทำหน้าที่คอยอารักขาพื้นที่ในอาณาบริเวณที่อาศัย
- สาเหตุที่มาเป็นรุกขเทวา เพราะทำบุญในระดับดีพอสมควรแต่เป็นบุญตามประเพณี จิตที่ตั้งแห่งบุญและความเข้าใจในบุญไม่มากพอที่จะไปสวรรค์เป็นชั้นๆ ใน 6 ชั้นได้ แต่มีบุญปนบาป, รักต้นไม้และธรรมชาติ นับว่ามีบุญมากกว่าภุมมเทวา
-พระพุทธเจ้าของเราก่อนที่จะมาตรัสรู้ ในยุคสมัยนั้นว่างเปล่าจากพระพุทธศาสนา พระองค์เคยเสวย พระชาติเป็นพระโพธิสัตว์คือ เกิดเป็นรุกขเทวาที่มีผู้คนเคารพนับถือมากในยุคนั้น พระโพธิสัตว์รุกขเทวาสถิตบนต้นละหุ่งและมีชาวบ้านนำขนมมาบูชาสักการะ
🌺3.อากาสเทวา (อากาสัฏฐเทวดา)
- เป็นเทวดาที่มีวิมานทิพย์อยู่กลางอากาศสูงจากพื้นดิน 1 โยชน์ โดยประมาณ (ประมาณ 16 กิโลเมตร)
- มีรูปร่างหน้าตาเหมือนมนุษย์
- หน้าที่ของอากาสเทวาเป็นหน้าที่พิเศษคือ เก็บรวบรวมความดีของมนุษย์ในเขตนั้น ๆ เพื่อส่งหัวหน้าเขตอากาสเทวาเพื่อมอบท้าวจตุโลกบาลและรายงานท้าวสักกะหรือพระอินทร์
เนื่องด้วยเป็นธรรมเนียมปฏิบัติว่า ตลอดเวลา 1 เดือน ตั้งแต่ข้างแรมจนถึงข้างขึ้น 15 ค่ำ 1 เดือน หากมนุษย์แต่ละคนทำความดีก็จะถูกเจ้าหน้าที่เขตบันทึกไว้ในแผ่นลานทอง แล้วเจ้าหน้าที่ในแต่ละเขตก็จะรวบรวมแผ่นทองไปให้อากาศเทวาเพื่อรวมบัญชีไปให้หัวหน้าอากาศเทวา แล้วรวบรวมไปให้ท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 แล้วนำไปถวายท้าวสักกเทวราช หรือพระอินทร์เพื่อรายงานต่อท้าวสักกเทวราช ๆ ก็ทำการประชุมคณะกรรมการเพื่อรายงานในวันโกนหรือก่อนวันพระ 1 วัน วาระการประชุมมี 2 วาระสำคัญ คือ
1. เรื่องราวของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
2. เรื่องราวของท้าวจตุโลกบาลที่นำบัญชีบุญของมนุษย์มารายงาน
-สาเหตุที่เกิดเป็นอากาสเทวาเพราะทำบุญมาดีพอสมควรแต่ก็มีเผลอใจไปทำบาปเป็นระยะ แต่จิตที่ตั้งมั่นอยู่ในบุญและความเข้าใจในบุญยังไม่เพียงพอที่จะไปสวรรค์เป็นชั้นๆ ใน 6 ชั้นได้ สรุปผลแล้วบุญชนะบาปแบบไม่ขาดลอย ไม่บริสุทธิ์ แต่ยังนับว่ามีบุญมากกว่าภุมมเทวาและรุกขเทวา
- วิมานของอากาสเทวาละเอียดงดงามมากกว่าภุมมเทวาและรุกขเทวาคือวิมานจะประกอบด้วยรัตนะ 7 อย่าง ได้แก่ แก้วมรกต, แก้วมุกดา, แก้วประพาฬ, แก้วมณี, แก้ววิเชียร, เงิน, ทอง บางวิมานมี 2 หรือ 3 รัตนะหรืออลังการหลากหลาย ขึ้นอยู่กับบุญกุศลที่เคยสร้างไว้ วิมานเหล่านี้ลอยอยู่ในอากาศ ซึ่งมีขนาดใหญ่เล็กงดงามต่างกันไปตามกำลังบุญ
☀️4.อายุขัยของสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา
อายุของชาวสวรรค์ชั้นนี้ มีปรากฏใน "วิตถตสูตร"ว่า
“ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย 50 ปีมนุษย์ เป็นคืนหนึ่งวันหนึ่ง ของเทวดาชั้นจาตุมหาราช 30 ราตรีโดยราตรีนั้นเป็นเดือนหนึ่ง 12 เดือนโดยเดือนนั้นเป็นปีหนึ่ง 500 ปีทิพย์โดยปีนั้น เป็นประมาณอายุของเทวดาชั้นจาตุมหาราช”
จากพระสูตรจะเห็นว่า อายุมาตรฐานของชาวสวรรค์ชั้นนี้จะอยู่ที่ประมาณ 500 ปีทิพย์ แต่ก็ไม่แน่ว่าเทวดาเหล่านั้นจะอยู่ได้ถึงหรือไม่ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับกำลังบุญของเทวดานั้น เหมือนเมืองมนุษย์มีอายุขัยเฉลี่ย75 - 100 ปี บางคนก็น้อยกว่า บางคนก็มากกว่า ถ้านับเป็นอายุมนุษย์เทวดาชั้นนี้ก็มีอายุขัยเท่ากับ 9 ล้านปีมนุษย์
และเวลา 50 ปีหรือครึ่งศตวรรษในเมืองมนุษย์เท่ากับ 1 วัน 1 คืนของเทวดาชั้นจาตุมหาราชิกาเท่านั้นเอง
☀️5. สรุป : รู้จัก "ภุมมเทวา - รุกขเทวา - อากาสเทวา" ไปเพื่ออะไร ?
การที่ได้ส่องโลกของภุมมเทวา, รุกขเทวา, อากาสเทวานี้
เพื่อตอกย้ำว่ามนุษย์ทุกคนตายแล้วไม่สูญและชีวิตภายหลังความตาย ไม่มีการทำมาหากิน ไม่มีการทำไร่ทำนา ไม่มีอาชีพใดๆ
ในสวรรค์ มีความสุขหาได้จากบุญที่ทำเอาไว้ตอนเป็นมนุษย์ และบุญที่หมู่ญาติอุทิศมาให้เท่านั้น
ดังนั้น เมื่อมีการสั่งสมบุญทุกครั้ง ทั้งทำบุญทำทาน, รักษาศีล, สวดมนต์เจริญภาวนา อย่าลืมอุทิศบุญกุศลให้เทวดาทั้งหลาย เทวดาจะได้มาช่วยดลจิตใจเตือนสติให้ระมัดระวังตัวล่วงหน้า หากว่าจะมีเหตุการณ์ใด ๆ แล้วอย่าลืมอธิษฐานจิตให้เทวดาไปตามลูกค้าให้มาสนับสนุนธุรกิจของเรา และเมื่อได้ทรัพย์แล้ว นำมาทำบุญแล้วส่งบุญไปให้เทวดาได้รับความสุขด้วยรัศมี, วิมาน, สมบัติ, อาหาร, เทวรถและบริวารอันเป็นทิพย์ด้วย.
🔰ที่มา : วิตถตสูตร, อังคุตตรนิกาย อัฏฐกบาต, มก. เล่ม 37,
บรรยายธรรมโดยหลวงพ่อธัมมชโย โรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา.
☀️ คุณรู้จัก "ภุมมเทวา - รุกขเทวา - อากาสเทวา" สมาชิกในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ไหม?
ขอบคุณที่มา : https://www.facebook.com/JohannesburgMeditation?mibextid=ZbWKwL
.............................
สมัยนี้ยังมีใครค้นคว้าเรื่องในพระสูตร ในพระไตรปิฎก นำมาขยายเผยแผ่กันอีกบ้างไหมหนอ เห็นเรื่องนี้น่าสนใจ เป็นเรื่องที่อาจจะใกล้หรือไกลตัวเราๆท่าน ก็ได้ ถ้าไม่รู้ พระพุทธองค์ได้ตรัสรู้ไปรู้ไปเห็น แล้วนำมาสั่งและสอนพวกเราด้วยพระเมตตาและมหากรุณาธิคุณ
สุขก็ สุขนาน ทุกข์ก็ ทุกข์นาน
ชีวิตในอนาคต จะสุขหรือจะทุกข์
Up to You วันนี้พาไปท่องสวรรค์ชั้นที่ 1 กัน ขอบคุณเพื่อนๆต่างศาสนิก ที่เข้ามาชมกันครับ ไปดูกัน
☀️1. ภาพรวมของ "เทวภูมิ" โดยย่อ
ภพภูมิของเทวดา (เทวา) หากแบ่งตามสถานที่อยู่อาศัย มี 2 ประเภท คือ
1. เทวดาบนสวรรค์ทั้ง 6 ชั้น คือ จาตุมหาราชิกา, ดาวดึงส์, ยามา, ดุสิต, นิมมานรดี, ปรนิมมิตวสวัตดี
2. เทวดาที่อยู่อาศัยในโลก คือเป็นภพซ้อนภพอยู่ในโลกมนุษย์
เทวดาที่อยู่ในโลกแบบภพซ้อนภพ มี 3 กลุ่ม คือ ภุมมเทวา, รุกขเทวา และอากาสเทวา
เทวดาเหล่านี้อยู่ในการปกครองของ "ท้าวจาตุมหาราชิกา"
และถือเป็นเทวดาชั้นต้น (จัดอยู่ในชั้นจาตุมหาราชิกา) อาศัยอยู่บนโลก เป็นภพซ้อนภพกันในภูมิมนุษย์ ปกติจะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า (มีเฉพาะบางกรณีเท่านั้นที่จะมองเห็นได้)
สมัยเป็นมนุษย์ เทวดาเหล่านี้ส่วนมากมักจะเป็นผู้ที่กระทำบุญปนบาปผสมกันไป ประเภท"วัดก็เข้า เหล้าก็กิน ศีลก็ถือ", "บุญก็ทำ กรรมก็สร้าง" หรือทำบุญด้วยความเชื่อผิด ๆ หรือทำบุญเพียงเล็กน้อย และมีเศษบาปกรรมจากการผิดศีล 5 ติดตัวมา เช่น
ฆ่าสัตว์, ดื่มสุราเสพยาเสพติด เป็นต้น, อีกกรณีคือทำบุญแบบไม่ถูกหลักวิชชา บุญจึงไม่บริสุทธิ์ เช่น ทำบุญเอาหน้า, ทำบุญเพื่อผลประโยชน์, ทำบุญเพื่อมีเป้าหมายให้คนมาหลงเสน่ห์ เป็นต้น
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ใน"ทานสูตร" ว่า“ผู้ใดให้ทานโดยหวังผลบุญจากการให้ทาน เมื่อตายไปจะไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา”
☀️2.ภุมมเทวา - รุกขเทวา - อากาสเทวา เกิดและดำรงชีวิตอย่างไร ?
ภุมมเทวา, รุกขเทวา, อากาสเทวา เกิดแบบโอปปาติกะ คือ เกิดแล้วโตทันที เทวดาทั้ง 3 ประเภทนี้ เป็นเทวดาชั้นล่าง มีวิมานอยู่บนพื้นดินเดียวกันกับที่มนุษย์อาศัยอยู่ เรียกชื่อตามที่อยู่ แต่ถือว่าเป็นชาวสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาด้วย
เนื่องด้วยเทวดาเหล่านี้เป็นเทวดาชั้นต้นที่เกิดแบบโอปปาติกะเหมือนชาวสวรรค์ 6 ชั้นในเทวโลก จะแตกต่างตรงที่ชาวสวรรค์ในเทวโลกจะอยู่ในวัย 18-20 ปี จนตลอดอายุขัย
แต่ภุมมเทวา, รุกขเทวา, อากาสเทวา จะมีวัย, ลักษณะ, รูปร่างใกล้เคียงกับตอนที่ละสังขาร และวัยจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ คล้ายมนุษย์ถ้าได้รับบุญที่อุทิศมาให้ วัยก็จะย้อนกลับมาเป็นหนุ่มสาวอีกครั้ง ของกินของใช้จะไม่ใช้ของมนุษย์ จะเป็นของทิพย์ที่เกิดขึ้นตามกำลังบุญ
ความสุข, ความสะดวกสบายและฐานะของเทวดาจึงแตกต่างกันขึ้นอยู่กับบุญหรือกรรมที่ทำไว้เมื่อครั้งเป็นมนุษย์นั่นเอง
☀️3.ภุมมเทวา - รุกขเทวา - อากาสเทวา อยู่ที่ไหน ? มีลักษณะเป็นแบบใด ?
🌺1.ภุมมเทวา (ภุมมัฏฐเทวดา)
- เป็นเทวดาที่อาศัยอยู่บนพื้นมนุษย์โลก อยู่ตามจอมปลวก, เนินดิน, ใต้ดิน, ภูเขา, แม่น้ำ, บ้าน, เจดีย์, ศาลา, ซุ้มประตู เป็นต้น มีทั้งภุมมเทวาที่มีและไม่มีวิมานของตนเอง
- มีหน้าที่ดูแลความสงบในบริเวณที่สถิต มักเรียกว่า “พระภูมิ" หรือ "เจ้าที่"
- ภุมมเทวาระดับล่างเรียก"ผีบ้านผีเรือน"
- ภุมมเทวามีรูปร่างหน้าตาเหมือนมนุษย์
- เหตุที่ทำบุญและบาปปนกัน จิตที่ตั้งมั่นและความเข้าใจในบุญไม่มากพอที่จะไปสวรรค์เป็นชั้นๆ ใน 6 ชั้นได้ แต่มีบุญมากกว่าบาปจึงเกิดมาเป็นภุมมเทวา
- ภุมมเทวามีปรากฏในพระไตรปิฎกมากมาย เช่น เป็นภุมมเทวาตามซุ้มประตูวัด เป็นต้น
🌺2.รุกขเทวา (รุกขัฏฐเทวดา)
- เป็นเทวดาที่มีวิมานเป็นทิพย์ ที่อาศัยอยู่ตามกิ่งไม้หรือยอดไม้ต่างๆ ซึ่งสูงขึ้นไปกว่าพวกภุมมเทวา มีทั้งที่มีวิมานและไม่มีวิมานเป็นของตน รุกขเทวาที่มีวิมานๆ จะตั้งอยู่บนยอดไม้ คือ วิมานซึ่งเป็นของละเอียดเป็นทิพย์มีขนาดใหญ่โตมโหฬารแต่จะซ้อนอยู่บนยอดไม้ของหยาบที่มีขนาดเล็ก ส่วนเทวดาที่ไม่มีวิมานก็จะอาศัยอยู่บนคบไม้และกิ่งไม้
- ลักษณะของวิมานรุกขเทวาดูดีมีระดับกว่าภุมมเทวา
- มีรูปร่างหน้าตาเหมือนมนุษย์
- ทำหน้าที่คอยอารักขาพื้นที่ในอาณาบริเวณที่อาศัย
- สาเหตุที่มาเป็นรุกขเทวา เพราะทำบุญในระดับดีพอสมควรแต่เป็นบุญตามประเพณี จิตที่ตั้งแห่งบุญและความเข้าใจในบุญไม่มากพอที่จะไปสวรรค์เป็นชั้นๆ ใน 6 ชั้นได้ แต่มีบุญปนบาป, รักต้นไม้และธรรมชาติ นับว่ามีบุญมากกว่าภุมมเทวา
-พระพุทธเจ้าของเราก่อนที่จะมาตรัสรู้ ในยุคสมัยนั้นว่างเปล่าจากพระพุทธศาสนา พระองค์เคยเสวย พระชาติเป็นพระโพธิสัตว์คือ เกิดเป็นรุกขเทวาที่มีผู้คนเคารพนับถือมากในยุคนั้น พระโพธิสัตว์รุกขเทวาสถิตบนต้นละหุ่งและมีชาวบ้านนำขนมมาบูชาสักการะ
🌺3.อากาสเทวา (อากาสัฏฐเทวดา)
- เป็นเทวดาที่มีวิมานทิพย์อยู่กลางอากาศสูงจากพื้นดิน 1 โยชน์ โดยประมาณ (ประมาณ 16 กิโลเมตร)
- มีรูปร่างหน้าตาเหมือนมนุษย์
- หน้าที่ของอากาสเทวาเป็นหน้าที่พิเศษคือ เก็บรวบรวมความดีของมนุษย์ในเขตนั้น ๆ เพื่อส่งหัวหน้าเขตอากาสเทวาเพื่อมอบท้าวจตุโลกบาลและรายงานท้าวสักกะหรือพระอินทร์
เนื่องด้วยเป็นธรรมเนียมปฏิบัติว่า ตลอดเวลา 1 เดือน ตั้งแต่ข้างแรมจนถึงข้างขึ้น 15 ค่ำ 1 เดือน หากมนุษย์แต่ละคนทำความดีก็จะถูกเจ้าหน้าที่เขตบันทึกไว้ในแผ่นลานทอง แล้วเจ้าหน้าที่ในแต่ละเขตก็จะรวบรวมแผ่นทองไปให้อากาศเทวาเพื่อรวมบัญชีไปให้หัวหน้าอากาศเทวา แล้วรวบรวมไปให้ท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 แล้วนำไปถวายท้าวสักกเทวราช หรือพระอินทร์เพื่อรายงานต่อท้าวสักกเทวราช ๆ ก็ทำการประชุมคณะกรรมการเพื่อรายงานในวันโกนหรือก่อนวันพระ 1 วัน วาระการประชุมมี 2 วาระสำคัญ คือ
1. เรื่องราวของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
2. เรื่องราวของท้าวจตุโลกบาลที่นำบัญชีบุญของมนุษย์มารายงาน
-สาเหตุที่เกิดเป็นอากาสเทวาเพราะทำบุญมาดีพอสมควรแต่ก็มีเผลอใจไปทำบาปเป็นระยะ แต่จิตที่ตั้งมั่นอยู่ในบุญและความเข้าใจในบุญยังไม่เพียงพอที่จะไปสวรรค์เป็นชั้นๆ ใน 6 ชั้นได้ สรุปผลแล้วบุญชนะบาปแบบไม่ขาดลอย ไม่บริสุทธิ์ แต่ยังนับว่ามีบุญมากกว่าภุมมเทวาและรุกขเทวา
- วิมานของอากาสเทวาละเอียดงดงามมากกว่าภุมมเทวาและรุกขเทวาคือวิมานจะประกอบด้วยรัตนะ 7 อย่าง ได้แก่ แก้วมรกต, แก้วมุกดา, แก้วประพาฬ, แก้วมณี, แก้ววิเชียร, เงิน, ทอง บางวิมานมี 2 หรือ 3 รัตนะหรืออลังการหลากหลาย ขึ้นอยู่กับบุญกุศลที่เคยสร้างไว้ วิมานเหล่านี้ลอยอยู่ในอากาศ ซึ่งมีขนาดใหญ่เล็กงดงามต่างกันไปตามกำลังบุญ
☀️4.อายุขัยของสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา
อายุของชาวสวรรค์ชั้นนี้ มีปรากฏใน "วิตถตสูตร"ว่า
“ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย 50 ปีมนุษย์ เป็นคืนหนึ่งวันหนึ่ง ของเทวดาชั้นจาตุมหาราช 30 ราตรีโดยราตรีนั้นเป็นเดือนหนึ่ง 12 เดือนโดยเดือนนั้นเป็นปีหนึ่ง 500 ปีทิพย์โดยปีนั้น เป็นประมาณอายุของเทวดาชั้นจาตุมหาราช”
จากพระสูตรจะเห็นว่า อายุมาตรฐานของชาวสวรรค์ชั้นนี้จะอยู่ที่ประมาณ 500 ปีทิพย์ แต่ก็ไม่แน่ว่าเทวดาเหล่านั้นจะอยู่ได้ถึงหรือไม่ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับกำลังบุญของเทวดานั้น เหมือนเมืองมนุษย์มีอายุขัยเฉลี่ย75 - 100 ปี บางคนก็น้อยกว่า บางคนก็มากกว่า ถ้านับเป็นอายุมนุษย์เทวดาชั้นนี้ก็มีอายุขัยเท่ากับ 9 ล้านปีมนุษย์
และเวลา 50 ปีหรือครึ่งศตวรรษในเมืองมนุษย์เท่ากับ 1 วัน 1 คืนของเทวดาชั้นจาตุมหาราชิกาเท่านั้นเอง
☀️5. สรุป : รู้จัก "ภุมมเทวา - รุกขเทวา - อากาสเทวา" ไปเพื่ออะไร ?
การที่ได้ส่องโลกของภุมมเทวา, รุกขเทวา, อากาสเทวานี้
เพื่อตอกย้ำว่ามนุษย์ทุกคนตายแล้วไม่สูญและชีวิตภายหลังความตาย ไม่มีการทำมาหากิน ไม่มีการทำไร่ทำนา ไม่มีอาชีพใดๆ
ในสวรรค์ มีความสุขหาได้จากบุญที่ทำเอาไว้ตอนเป็นมนุษย์ และบุญที่หมู่ญาติอุทิศมาให้เท่านั้น
ดังนั้น เมื่อมีการสั่งสมบุญทุกครั้ง ทั้งทำบุญทำทาน, รักษาศีล, สวดมนต์เจริญภาวนา อย่าลืมอุทิศบุญกุศลให้เทวดาทั้งหลาย เทวดาจะได้มาช่วยดลจิตใจเตือนสติให้ระมัดระวังตัวล่วงหน้า หากว่าจะมีเหตุการณ์ใด ๆ แล้วอย่าลืมอธิษฐานจิตให้เทวดาไปตามลูกค้าให้มาสนับสนุนธุรกิจของเรา และเมื่อได้ทรัพย์แล้ว นำมาทำบุญแล้วส่งบุญไปให้เทวดาได้รับความสุขด้วยรัศมี, วิมาน, สมบัติ, อาหาร, เทวรถและบริวารอันเป็นทิพย์ด้วย.
🔰ที่มา : วิตถตสูตร, อังคุตตรนิกาย อัฏฐกบาต, มก. เล่ม 37,
บรรยายธรรมโดยหลวงพ่อธัมมชโย โรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา.