เมือก่อนเรากับแม่ สนิทกันมากๆ แต่พอเวลาผ่านไป เราเริ้มรู้สึก หงุดหงิด รำคาญ เบื่อหน่าย ทุกครั้งที่อยู่ใกล้แม่ และไม่อยาก รับสายเวลาแม่โทรมา และ เวลาแม่ทำอะไร เราก็จะผิดหูผิดตาตลอด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะ เรารู้จักนิสัยแม่ตัวเองมากขึ้น หรือ เราเองที่เหนื่อยและเครียด สระสม จึงต้องกลายมาเป็นคนแบบนี้
เมื่อก่อน หลังจากเราเรียนจบมอ6 เราก็ย้ายไปเรียน มหาลัยที่ ตจว เพราะเราสอบได้ทุน ส่วนน้องสาวกับน้องชาย ยังอยู่กับครอบครัว ความสัมพันธ์ของเรากับแม่ ดีมาโดยตลอด เราเป็นคนที่รักครอบครัวมากๆ และ มักจะได้เป็นคนกลางตลอด เวลาแม่กับน้องทะเลาะกัน หรือ บางทีเราก็ทะเลาะกับน้องสาว เพราะ แม่ชอบโทรมา พูดประมาณว่า แม่บ่นอะไรนิดๆน่อยๆไม่ได้ น้องก็ว่าแม่ ตะคอดใส่แม่ ไม่ฟังแม่ แล้วแม่ก็จะร้องไห้ เรารู้สึกสงสารแม่มากๆ บางทีเราก็เครียดจนไม่เป็นอันเรียน แต่เราก็ได้มารู้ทีหลังว่า สิ่งที่แม่พูด บางทีก็ไม่ใช่ความจริงทั้งหมด แต่น้องเราไม่เคยบอกเราเลย เพราะน้องเป็นคนที่ ขี้เกียจ อธิบาย ไม่ชอบพูด ไม่ชอบคุย และอาจจะเป็นเพราะความ Toxic ของแม่ที่ทำให้คนในบ้านเป็นแบบนี้... และ เราก็รู้สึกผิด ที่ทุกครั้งที่ใครก็ตามทะเลาะกับแม่ เราก็จะเป็นคนปกป้องแม่เสมอ และก็โทษคนอื่นก่อนเสมอ แม้แต่กับน้องสาวเรา จนเรากับน้องสาวต้องกลายเป็นพี่น้องที่ไม่สนิทกันเลย ตลอดเวลาที่เราเรียนมหาลัย เรากับน้องสาวไม่เคยคุยกันเรื่องทั่วไปเลย ยกเว้นทะเลาะกันเรื่องที่น้อง ทะเลาะกับแม่
เรื่องมันยาว และ ปัญหามันมีมากมายเหลือเกิน และ ความรู้สึกในใจเราตอนนี้ก็เช่นกัน จนไม่รู้จะเขียนออกมายังไงให้คนอ่านเข้าใจ แต่ จะพยายาม เล่าให้เข้าใจง่ายที่สุดละกันนะคะ
หลังจากที่เราเรียนจบ เราก็ทำงาน ที่ต้องเดินทางเป็นประจำ ไม่ค่อยได้อยู่กับครอบครัว และ ปัญหานี้ก็ยังเกิดขึ้นอยู่เหมือนเดิมซ้ำๆ โดยที่เราไม่เคยรู้เลยว่าน้องสาว และ น้องชายของเราต้องเจอความ Toxic ของแม่มาเป็นเวลานานขนาดไหน และ น้องชายเพิ่งอายุ 8ขวบตอนเราเรียนจบ และ โตพอที่จะบอกเราได้ว่า บางเรื่องที่แม่พูด ไม่เป็นความจริง อย่างเช่น แม่โทรบอกเรา ว่า น้องสาวไปเที่ยวกับแฟน (ตอนนั้นน้องสาวเราอายุ 24 ทำงานแล้ว) แล้วแม่ก็เป็นคนที่ชอบโทรตามทุกวัน แม้ว่าจะไปทำงาน เลิกงาน5 โมง ถึงเวลา5:30 ถ้ายังไม่ถึงบ้าน ก็จะโทรตาม และก็บ่นๆ ว่าทำไมยังไม่ถึงบ้านสักที แล้ววันนั้นก็ทะเลาะกันรุนแรงมาก แม่ทั้งโทรตาม ทั้งด่า ทั้ง ทั้งกู แล้วก็ไล่น้องเราไปเป็น กะ..X.. แล้วน้องเราที่คงจะอดทนกับเรื่องนี้ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เลยตอบกลับไปว่าเขาไม่เคยลืม ในสิ่งที่แม่ทำกับเขามาโดยตลอด มันฝังอยู่ในใจเขา จนตายก็ไม่ลืม ทำเหมือนเขาไม่ใช่ลูก ทั้งใช้คำพูดแรงๆ ด่าว่า ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ทะเลาะกัน แค่เรื่องกลับบ้านช้า และ เรื่องงานบ้าน และ เรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่แม่ใช้คำพูดรุนแรง ทำร้ายจิตใจมาโดยตลอด ตอนแรก เราก็ยังเข้าข้างแม่ ว่าแม่เป็นห่วง
และแม่บอกกับเราว่า แม่โทรตามน้อง เพราะแม่เป็นห่วง แต่น้องก็ด่าแม่ ตะคอกใส่แม่ และแคปข้อความ แค่ตรงที่น้องพูดมาให้ดู แค่ไม่ได้ส่งคริปเสียงที่ตัวเองด่าน้องให้ฟัง เราเลยทักไปทะเลาะกับน้องอีกเหมือนเดิม จนน้องราคงอดไม่ไหว เลยบอกเราว่าเรื่องที่เราไม่เคยรู้ตลอดเวลาที่ผ่านมา และ ส่งข้อความที่แม่ด่าน้องให้ดูจึงได้รู้ว่า ที่แม่เล่ามันหนังคนละม้วน
หลังจากนั้น เราก็ได้รู้มากขึ้นเรื่อยๆ จนเราไม่อยากให้น้องเราอยู่ใกล้แม่อีกเลย เราจึง ลาออกจากงาน เริ่มทำธุระกิจ ที่ใช้เงินทุน ของเรากับแฟน และเงินพ่อกับแม่ด้วย เรากับแฟนเป็นคนลงแรงทั้งหมด พ่อแม่แค่นั่งดูและ รอผลกำไร และความชิปหาย ก็ได้เกิดขึ้น
แม่ซึ่งไม่มีความรู้อะไรด้านนี้เลย แต่อยากจะเข้ามายุ่ง มามีส่วนร่วม ในเรื่องนี้ตลอด และชอบเปรียบเทียบเรา กับคนนั้นคนนี้ ทำไมเขาทำได้ดีกว่า ทั้งที่เราเพิ่งเริ่มได้ 2-3เดือน แล้วก็อยากให้เรา ไล่พนักงานคนนั้นคนนี้ออก พอเราอธิบายว่าต้องให้เวลาเขา เพราะมันอยู่ในช่วงทดลองงาน ก็โกรธ ละก็บอกว่าเราฟังแต่แฟนเรา และ ไม่พอใจที่เห็นแฟนเราเป็นเหมือนหัวหน้าทุกคน ทั้งๆที่จริงๆ แฟนเราลงแรง ทุ่มเท และก็นำพาทุกคนทำอย่างตั้งใจ มาโดยตลอด โดยที่เขาไม่ได้แตะเงินสักบาท เงินทุกบาท เข้า บช เราคนเดียว เราจ่ายแค่เงินเดือนให้แฟน และตัวเอง และพ่อแม่ เราเป็นคนจัดการเอง และก็ ก็อยากรู้ทุกอย่าง เกี่ยวกับเงินเข้าเงินออก เราก็ปริ้นเอกสารให้ดูอย่างระเอียด แต่เวลาแม่ไปบอกกับน้อง แม่บอกว่า มีแต่แฟนเราเป็นใหญ่ เรื่องเงินเรื่องทองก็ไม่ให้แม่รู้ด้วย ไม่บอกแม่สักอย่าง แม่มาอยู่ด้วย แต่เหมือนแม่ไม่มีตัวตน...
เรากับน้องคุยกันมากขึ้นแต่แม่ไม่รู้
แฟนเรา เขาเป็นคนดีมากนะ ดูแลเรา ดูแลพ่อแม่เราไม่เคยเปลี่ยน อดทนกับความ toxic ของแม่เรามาตลอด เราทั้งเครียด ทั้งร้องไห้เกือบทุกวัน จนเราตัดสินใจ ไม่ทำต่อ มอบให้พ่อกับแม่ทั้งหมด ไม่ถอนทุนคืนด้วย และแม่ก็ว่าให้เราลับหลังกับคนอื่นอีกว่าเราเห็นแก่ตัว ว่าเราทำของตัวเองไปได้ดีแล้วก็เท ทั้งๆที่ เรายังช่วยเหมือนเดิมแต่แค่ให้จัดการกับเรื่องเงินๆทองๆเอง เพราะเราเหนื่อยมาก และ ถ้าฝืนทำต่อไป เรากับแฟนคงต้องเลิกกัน เพราะแม่ห่เรื่องโกรธทุกวัน แม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆ จนพนักงานก็ต้องลาออกเพราะความอึดอัด...
อีกเรื่องนึงคือแม่เราเป็นคนที่คิดว่าลูกเป็นสมบัตของตัวเอง เวลาลูกอยู่กับแฟน ก็จะโกรธว่าลูกสนใจแฟนมากกว่า ขนาดน้องสาวเราแต่งงานแล้ว แม่ยังพูดว่าเหมือนโดนแย่งลูกไป ทั้งที่เป็นคนเลี้ยงมาแท้ๆ และ ดีใจทุกครั้งที่เห็นเขาทะเลาะกัน แม่อยากให้น้องเราเลิกกับสามี เพราะอยากให้น้องมาอยู่ด้วยกัน
ทุกวันนี้เราพยายามมากๆที่จะเติมเต็มให้แม่ เพราะคิดว่า ที่แม่เป็นแบบนี้ เพราะแกขาดอะไรบางอย่างไป เราสร้างบ้านใหม่ ให้แม่อยู่ ซื้อของดีๆแพงๆให้ตลอด แต่มันก็ไม่ช่วยอะไร...
บางครั้งแฟนเราบอกแม่ว่า แม่ อย่าเอาผ้ามาตากราวเดียวกันนะ เดี๋ยวมันจะหลงไปในตู้แม่ หนูกลัวหาไม่เจอ แค่นี้แม่ก็โกรธแล้ว และไปบอกคนอื่นว่า แฟนเรารังเกียจ และบอกว่าแฟนเราพูดว่า ไม่ชอบที่แม่ทำแบบนี้ ทั้งที่เราก็อยู่ด้วย แฟนเราไม่ได้พูดสักคำ แต่แม่เราชอบแต่งเรื่องให้ตัวเองเป็นฝ่ายถูกกระทำตลอด
เวลาเราไปบ้านแฟนที่อยู่อีกจังหวัดนึง แม่ก็จะชอบโทรหาวันละหลายๆรอบ หลายรอบมากๆ และก็ชอบถาม ว่าเมื่อไหร่จะกลับ ตลอด ทั้งที่เพิ่งไปได้วันเดียว จนเรากับแฟนทะเลาะกัน และก็ชอบบอกว่า เจ็บนั่นเจ็บนี่ อยากไปหาหมอ และก็ชอบพูดให้เราเครียดหรือตกใจ จนเราอยู่ไม่ได้ อยากจะกลับมา ตอนนั้นเลย แต่พอเรากลับมา ทุกอย่างก็ปกติ จนเรางง
บางครั้งเราไปกรุงเทพแค่ไม่กี่วัน กลับมาแม่ก็บอกว่า แม่ขังตัวเองอยู่ในห้องจนจะเป็นบ้าตาย จนคิดอยากจะตาย ไม่รู้เป็นอะไร ตอนเราไม่อยู่ เหมือนแม่จะอยู่ไม่ได้
มันเยอะมากๆ จนเราเล่าไม่หมด อธิบายไม่หมด เราเป็นคนแบกรับภาระทุกอย่าง ในบ้าน แต่เรากลับต้องมาเหนื่อยใจกับเรื่องแบบนี้ทุกวัน จนอยากจะหายไปจากโลกนี้ให้มันพ้นๆ
ความสัมพันธ์ของเรากับแม่ ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
เมื่อก่อน หลังจากเราเรียนจบมอ6 เราก็ย้ายไปเรียน มหาลัยที่ ตจว เพราะเราสอบได้ทุน ส่วนน้องสาวกับน้องชาย ยังอยู่กับครอบครัว ความสัมพันธ์ของเรากับแม่ ดีมาโดยตลอด เราเป็นคนที่รักครอบครัวมากๆ และ มักจะได้เป็นคนกลางตลอด เวลาแม่กับน้องทะเลาะกัน หรือ บางทีเราก็ทะเลาะกับน้องสาว เพราะ แม่ชอบโทรมา พูดประมาณว่า แม่บ่นอะไรนิดๆน่อยๆไม่ได้ น้องก็ว่าแม่ ตะคอดใส่แม่ ไม่ฟังแม่ แล้วแม่ก็จะร้องไห้ เรารู้สึกสงสารแม่มากๆ บางทีเราก็เครียดจนไม่เป็นอันเรียน แต่เราก็ได้มารู้ทีหลังว่า สิ่งที่แม่พูด บางทีก็ไม่ใช่ความจริงทั้งหมด แต่น้องเราไม่เคยบอกเราเลย เพราะน้องเป็นคนที่ ขี้เกียจ อธิบาย ไม่ชอบพูด ไม่ชอบคุย และอาจจะเป็นเพราะความ Toxic ของแม่ที่ทำให้คนในบ้านเป็นแบบนี้... และ เราก็รู้สึกผิด ที่ทุกครั้งที่ใครก็ตามทะเลาะกับแม่ เราก็จะเป็นคนปกป้องแม่เสมอ และก็โทษคนอื่นก่อนเสมอ แม้แต่กับน้องสาวเรา จนเรากับน้องสาวต้องกลายเป็นพี่น้องที่ไม่สนิทกันเลย ตลอดเวลาที่เราเรียนมหาลัย เรากับน้องสาวไม่เคยคุยกันเรื่องทั่วไปเลย ยกเว้นทะเลาะกันเรื่องที่น้อง ทะเลาะกับแม่
เรื่องมันยาว และ ปัญหามันมีมากมายเหลือเกิน และ ความรู้สึกในใจเราตอนนี้ก็เช่นกัน จนไม่รู้จะเขียนออกมายังไงให้คนอ่านเข้าใจ แต่ จะพยายาม เล่าให้เข้าใจง่ายที่สุดละกันนะคะ
หลังจากที่เราเรียนจบ เราก็ทำงาน ที่ต้องเดินทางเป็นประจำ ไม่ค่อยได้อยู่กับครอบครัว และ ปัญหานี้ก็ยังเกิดขึ้นอยู่เหมือนเดิมซ้ำๆ โดยที่เราไม่เคยรู้เลยว่าน้องสาว และ น้องชายของเราต้องเจอความ Toxic ของแม่มาเป็นเวลานานขนาดไหน และ น้องชายเพิ่งอายุ 8ขวบตอนเราเรียนจบ และ โตพอที่จะบอกเราได้ว่า บางเรื่องที่แม่พูด ไม่เป็นความจริง อย่างเช่น แม่โทรบอกเรา ว่า น้องสาวไปเที่ยวกับแฟน (ตอนนั้นน้องสาวเราอายุ 24 ทำงานแล้ว) แล้วแม่ก็เป็นคนที่ชอบโทรตามทุกวัน แม้ว่าจะไปทำงาน เลิกงาน5 โมง ถึงเวลา5:30 ถ้ายังไม่ถึงบ้าน ก็จะโทรตาม และก็บ่นๆ ว่าทำไมยังไม่ถึงบ้านสักที แล้ววันนั้นก็ทะเลาะกันรุนแรงมาก แม่ทั้งโทรตาม ทั้งด่า ทั้ง ทั้งกู แล้วก็ไล่น้องเราไปเป็น กะ..X.. แล้วน้องเราที่คงจะอดทนกับเรื่องนี้ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เลยตอบกลับไปว่าเขาไม่เคยลืม ในสิ่งที่แม่ทำกับเขามาโดยตลอด มันฝังอยู่ในใจเขา จนตายก็ไม่ลืม ทำเหมือนเขาไม่ใช่ลูก ทั้งใช้คำพูดแรงๆ ด่าว่า ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ทะเลาะกัน แค่เรื่องกลับบ้านช้า และ เรื่องงานบ้าน และ เรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่แม่ใช้คำพูดรุนแรง ทำร้ายจิตใจมาโดยตลอด ตอนแรก เราก็ยังเข้าข้างแม่ ว่าแม่เป็นห่วง
และแม่บอกกับเราว่า แม่โทรตามน้อง เพราะแม่เป็นห่วง แต่น้องก็ด่าแม่ ตะคอกใส่แม่ และแคปข้อความ แค่ตรงที่น้องพูดมาให้ดู แค่ไม่ได้ส่งคริปเสียงที่ตัวเองด่าน้องให้ฟัง เราเลยทักไปทะเลาะกับน้องอีกเหมือนเดิม จนน้องราคงอดไม่ไหว เลยบอกเราว่าเรื่องที่เราไม่เคยรู้ตลอดเวลาที่ผ่านมา และ ส่งข้อความที่แม่ด่าน้องให้ดูจึงได้รู้ว่า ที่แม่เล่ามันหนังคนละม้วน
หลังจากนั้น เราก็ได้รู้มากขึ้นเรื่อยๆ จนเราไม่อยากให้น้องเราอยู่ใกล้แม่อีกเลย เราจึง ลาออกจากงาน เริ่มทำธุระกิจ ที่ใช้เงินทุน ของเรากับแฟน และเงินพ่อกับแม่ด้วย เรากับแฟนเป็นคนลงแรงทั้งหมด พ่อแม่แค่นั่งดูและ รอผลกำไร และความชิปหาย ก็ได้เกิดขึ้น
แม่ซึ่งไม่มีความรู้อะไรด้านนี้เลย แต่อยากจะเข้ามายุ่ง มามีส่วนร่วม ในเรื่องนี้ตลอด และชอบเปรียบเทียบเรา กับคนนั้นคนนี้ ทำไมเขาทำได้ดีกว่า ทั้งที่เราเพิ่งเริ่มได้ 2-3เดือน แล้วก็อยากให้เรา ไล่พนักงานคนนั้นคนนี้ออก พอเราอธิบายว่าต้องให้เวลาเขา เพราะมันอยู่ในช่วงทดลองงาน ก็โกรธ ละก็บอกว่าเราฟังแต่แฟนเรา และ ไม่พอใจที่เห็นแฟนเราเป็นเหมือนหัวหน้าทุกคน ทั้งๆที่จริงๆ แฟนเราลงแรง ทุ่มเท และก็นำพาทุกคนทำอย่างตั้งใจ มาโดยตลอด โดยที่เขาไม่ได้แตะเงินสักบาท เงินทุกบาท เข้า บช เราคนเดียว เราจ่ายแค่เงินเดือนให้แฟน และตัวเอง และพ่อแม่ เราเป็นคนจัดการเอง และก็ ก็อยากรู้ทุกอย่าง เกี่ยวกับเงินเข้าเงินออก เราก็ปริ้นเอกสารให้ดูอย่างระเอียด แต่เวลาแม่ไปบอกกับน้อง แม่บอกว่า มีแต่แฟนเราเป็นใหญ่ เรื่องเงินเรื่องทองก็ไม่ให้แม่รู้ด้วย ไม่บอกแม่สักอย่าง แม่มาอยู่ด้วย แต่เหมือนแม่ไม่มีตัวตน...
เรากับน้องคุยกันมากขึ้นแต่แม่ไม่รู้
แฟนเรา เขาเป็นคนดีมากนะ ดูแลเรา ดูแลพ่อแม่เราไม่เคยเปลี่ยน อดทนกับความ toxic ของแม่เรามาตลอด เราทั้งเครียด ทั้งร้องไห้เกือบทุกวัน จนเราตัดสินใจ ไม่ทำต่อ มอบให้พ่อกับแม่ทั้งหมด ไม่ถอนทุนคืนด้วย และแม่ก็ว่าให้เราลับหลังกับคนอื่นอีกว่าเราเห็นแก่ตัว ว่าเราทำของตัวเองไปได้ดีแล้วก็เท ทั้งๆที่ เรายังช่วยเหมือนเดิมแต่แค่ให้จัดการกับเรื่องเงินๆทองๆเอง เพราะเราเหนื่อยมาก และ ถ้าฝืนทำต่อไป เรากับแฟนคงต้องเลิกกัน เพราะแม่ห่เรื่องโกรธทุกวัน แม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆ จนพนักงานก็ต้องลาออกเพราะความอึดอัด...
อีกเรื่องนึงคือแม่เราเป็นคนที่คิดว่าลูกเป็นสมบัตของตัวเอง เวลาลูกอยู่กับแฟน ก็จะโกรธว่าลูกสนใจแฟนมากกว่า ขนาดน้องสาวเราแต่งงานแล้ว แม่ยังพูดว่าเหมือนโดนแย่งลูกไป ทั้งที่เป็นคนเลี้ยงมาแท้ๆ และ ดีใจทุกครั้งที่เห็นเขาทะเลาะกัน แม่อยากให้น้องเราเลิกกับสามี เพราะอยากให้น้องมาอยู่ด้วยกัน
ทุกวันนี้เราพยายามมากๆที่จะเติมเต็มให้แม่ เพราะคิดว่า ที่แม่เป็นแบบนี้ เพราะแกขาดอะไรบางอย่างไป เราสร้างบ้านใหม่ ให้แม่อยู่ ซื้อของดีๆแพงๆให้ตลอด แต่มันก็ไม่ช่วยอะไร...
บางครั้งแฟนเราบอกแม่ว่า แม่ อย่าเอาผ้ามาตากราวเดียวกันนะ เดี๋ยวมันจะหลงไปในตู้แม่ หนูกลัวหาไม่เจอ แค่นี้แม่ก็โกรธแล้ว และไปบอกคนอื่นว่า แฟนเรารังเกียจ และบอกว่าแฟนเราพูดว่า ไม่ชอบที่แม่ทำแบบนี้ ทั้งที่เราก็อยู่ด้วย แฟนเราไม่ได้พูดสักคำ แต่แม่เราชอบแต่งเรื่องให้ตัวเองเป็นฝ่ายถูกกระทำตลอด
เวลาเราไปบ้านแฟนที่อยู่อีกจังหวัดนึง แม่ก็จะชอบโทรหาวันละหลายๆรอบ หลายรอบมากๆ และก็ชอบถาม ว่าเมื่อไหร่จะกลับ ตลอด ทั้งที่เพิ่งไปได้วันเดียว จนเรากับแฟนทะเลาะกัน และก็ชอบบอกว่า เจ็บนั่นเจ็บนี่ อยากไปหาหมอ และก็ชอบพูดให้เราเครียดหรือตกใจ จนเราอยู่ไม่ได้ อยากจะกลับมา ตอนนั้นเลย แต่พอเรากลับมา ทุกอย่างก็ปกติ จนเรางง
บางครั้งเราไปกรุงเทพแค่ไม่กี่วัน กลับมาแม่ก็บอกว่า แม่ขังตัวเองอยู่ในห้องจนจะเป็นบ้าตาย จนคิดอยากจะตาย ไม่รู้เป็นอะไร ตอนเราไม่อยู่ เหมือนแม่จะอยู่ไม่ได้
มันเยอะมากๆ จนเราเล่าไม่หมด อธิบายไม่หมด เราเป็นคนแบกรับภาระทุกอย่าง ในบ้าน แต่เรากลับต้องมาเหนื่อยใจกับเรื่องแบบนี้ทุกวัน จนอยากจะหายไปจากโลกนี้ให้มันพ้นๆ