คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
หย่าค่ะ คือไม่ใช่ว่ามีฝ่ายไหนที่ไม่ดีนะ แต่เหมือนจิ๊กซอว์ที่ไม่ลงตัว
ผู้ชายนิสัยเด็ก รักสนุก ยังไม่พร้อมมีครอบครัว
ผู้หญิงนิสัยเป็นผู้ใหญ่ความรับผิดชอบสูง ผู้ชายมองว่าจืดชืดผู้หญิงเป็นผู้นำกว่าผู้ชายบางคนรับไม่ได้
ถ้าฝั่งผู้ชายแต่งกับสาวๆที่ยังชอบไปเที่ยวเหมือนๆกันอาจจะดีกว่าก็ได้
ถ้าฝั่งผู้หญิงเจอคนขยันทำงาน ทุ่มเทให้กับครอบครัวก็อาจจะดีกว่าก็ได้
แต่ใดใดแล้วต่อให้เลิกกับคนนี้ไป คบคนใหม่ก็มีปัญหาแบบใหม่อยู่ดี อยู่ที่ว่าจะยอมรับข้อเสียของคนที่เข้ามาในชีวิตได้หรือเปล่า หากต่างฝ่ายรับข้อเสียของกันและกันได้ก็รอด รับไม่ได้ก็เลิก
//คุณและครอบครัวไม่ได้เห็นแก่เงิน แต่โฟกัสที่การหาเงินในขณะที่อีกฝ่ายไม่ได้โฟกัสที่จุดนี้ จุดหมายคนละจุดกันและดูท่าฝ่ายชาย ก็ไม่น่าจะยอมถอย ยื้อไว้ก็เหนื่อยเปล่าๆ หาคนที่มองที่เป้าเดียวกันดีกว่า
ผู้ชายนิสัยเด็ก รักสนุก ยังไม่พร้อมมีครอบครัว
ผู้หญิงนิสัยเป็นผู้ใหญ่ความรับผิดชอบสูง ผู้ชายมองว่าจืดชืดผู้หญิงเป็นผู้นำกว่าผู้ชายบางคนรับไม่ได้
ถ้าฝั่งผู้ชายแต่งกับสาวๆที่ยังชอบไปเที่ยวเหมือนๆกันอาจจะดีกว่าก็ได้
ถ้าฝั่งผู้หญิงเจอคนขยันทำงาน ทุ่มเทให้กับครอบครัวก็อาจจะดีกว่าก็ได้
แต่ใดใดแล้วต่อให้เลิกกับคนนี้ไป คบคนใหม่ก็มีปัญหาแบบใหม่อยู่ดี อยู่ที่ว่าจะยอมรับข้อเสียของคนที่เข้ามาในชีวิตได้หรือเปล่า หากต่างฝ่ายรับข้อเสียของกันและกันได้ก็รอด รับไม่ได้ก็เลิก
//คุณและครอบครัวไม่ได้เห็นแก่เงิน แต่โฟกัสที่การหาเงินในขณะที่อีกฝ่ายไม่ได้โฟกัสที่จุดนี้ จุดหมายคนละจุดกันและดูท่าฝ่ายชาย ก็ไม่น่าจะยอมถอย ยื้อไว้ก็เหนื่อยเปล่าๆ หาคนที่มองที่เป้าเดียวกันดีกว่า
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 20
ขอแอบถามนิดนึงค่ะ กิจการที่ทำ มีส่วนแบ่งให้สามีคุณมั้ยคะ หรือเป็นรายได้ฝั่งครอบครัวคุณฝ่ายเดียว แล้วบ้านคืออาศัยอยู่ร่วมกันกับพ่อแม่คุณมั้ยคะ
เวลาที่ทะเลาะกัน ต้องวางทิฐิ อย่าเพิ่งคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูก ให้ลองพิจารณาปัจจัยหลายๆด้าน มีมุมไหนที่เราคิดไม่ถึงรึเปล่า ลองคิดว่าถ้าตัวเองเป็นเค้าด้วย
1. เราเดาเอานะ ทำงานมาเหนื่อยๆ เค้าคงไม่อยากกลับบ้านมาทำงานต่ออีกมั้ง คงไม่มีใครอยากทำงานอยู่ตลอดเวลา ไม่งั้นคุณก็ลองเสนอเค้าดูว่าถ้าให้ค่าตอบแทนเค้าจะยอมช่วยกิจการมั้ย หรือจริงๆเค้าอาจจะไม่ได้อยากได้เงินเพิ่มก็ได้ แค่อยากพัก คุณยอมรับคำตอบนี้ได้มั้ย
จริงๆเค้าก็ไม่ได้ขี้เกียจอะไรขนาดนั้น คุณบอกเองว่าเค้าทำงานเก่ง เงินเดือนดีระดับนึง แสดงว่าเค้าก็มีความสามารถ แถมหาเงินหลายแสนสร้างบ้านให้แม่เค้าอยู่ได้
2. เรื่องที่เค้าให้ค่าใช้จ่ายแค่ 5000 ถ้าคุณไม่พอใจ ก็เขียนบัญชีรายรับรายจ่ายให้ชัดเจนเลยว่าออกกองกลางกันมีค่าอะไรบ้าง แต่พวกค่าซองงานแต่ง งานบวช มันเยอะขนาดนั้นเลยหรอ มีค่าใช้จ่ายอื่นที่สำคัญกว่านั้นมั้ย
3. เรื่องที่คุณไม่พอใจที่เค้าไม่ยอมกลับบ้าน ถ้าบ้านอยู่ไกลที่ทำงาน หรืออาศัยอยู่กับพ่อแม่คุณ อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้เค้าไม่อยากกลับมา เค้าถึงเสนอให้คุณย้ายออกมาอยู่บ้านพักสำนักงานกับเค้า
ส่วนเรื่องที่คุณว่าทำไมเค้าไม่ยอมซื้อบ้าน ถ้าเป็นบ้านพักสำนักงานไม่เสียค่าใช้จ่ายใช่มั้ยคะ แล้วคุณก็มีภาระผ่อนบ้านปัจจุบันอยู่แล้ว เค้าก็คงไม่อยากซื้อบ้านอีกหลังเพิ่มอีก และคุณก็บอกเองว่าเงินปัจจุบันของเค้าก็ใช้ไม่ค่อยพอ เค้าก็คงไม่อยากก่อหนี้เพิ่มรึเปล่า
4. เรื่องเล่นเกมหรือนิยาย มันเป็นรสนิยมส่วนบุคคลค่ะ อย่าไปว่าเค้าแต่งนิยายเพ้อฝันเลย ชีวิตจริงคนเราก็เครียดอยู่แล้ว ควรมีพื้นที่ให้เค้ามีความสุขบ้าง
5.คุณบอกว่าพ่อคุณทำงานราชการ เป็นที่น่านับถือ ในขณะที่แม่แฟนเป็นคนทำความสะอาด เราไม่ค่อยเข้าใจแนวคิดเปรียบเทียบนี้เท่าไหร่ เราอยู่กรุงเทพ ไม่เคยมองว่าพวกที่ทำงานรัฐต่างจากอาชีพทั่วไป คนเรามีจังหวะหรือโอกาสในชีวิตไม่เหมือนกัน อย่าเปรียบเทียบกันเลย ถ้าแฟนรู้เค้าอาจเสียใจ
เอาจริงๆคือไม่มีใครถูกใครผิดหรอกนะ แค่ทัศนคติการใช้ชีวิตไม่เหมือนกัน คุณสองคนควรนั่งคุยกันจริงจังว่าชอบไม่ชอบตรงจุดไหน อยากให้ปรับตัวเข้าหากันตรงไหนบ้าง แต่ถ้าสุดท้ายต่างฝ่ายต่างไม่ตอบโจทย์กันก็ค่อยแยกย้าย แต่ลองถามตัวเองก่อนว่าเค้าไม่มีข้อดีอะไรจริงๆที่ทำให้อยู่ด้วยกันได้เลยหรอ ถ้าคุณบอกว่าแฟนไม่ยอมทำงาน เอาแต่สร้างหนี้ ไม่เลี้ยงลูก ขี้เหล้าเมายา เราจะเชียร์ให้คุณเลิกเลยล่ะ
เวลาที่ทะเลาะกัน ต้องวางทิฐิ อย่าเพิ่งคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูก ให้ลองพิจารณาปัจจัยหลายๆด้าน มีมุมไหนที่เราคิดไม่ถึงรึเปล่า ลองคิดว่าถ้าตัวเองเป็นเค้าด้วย
1. เราเดาเอานะ ทำงานมาเหนื่อยๆ เค้าคงไม่อยากกลับบ้านมาทำงานต่ออีกมั้ง คงไม่มีใครอยากทำงานอยู่ตลอดเวลา ไม่งั้นคุณก็ลองเสนอเค้าดูว่าถ้าให้ค่าตอบแทนเค้าจะยอมช่วยกิจการมั้ย หรือจริงๆเค้าอาจจะไม่ได้อยากได้เงินเพิ่มก็ได้ แค่อยากพัก คุณยอมรับคำตอบนี้ได้มั้ย
จริงๆเค้าก็ไม่ได้ขี้เกียจอะไรขนาดนั้น คุณบอกเองว่าเค้าทำงานเก่ง เงินเดือนดีระดับนึง แสดงว่าเค้าก็มีความสามารถ แถมหาเงินหลายแสนสร้างบ้านให้แม่เค้าอยู่ได้
2. เรื่องที่เค้าให้ค่าใช้จ่ายแค่ 5000 ถ้าคุณไม่พอใจ ก็เขียนบัญชีรายรับรายจ่ายให้ชัดเจนเลยว่าออกกองกลางกันมีค่าอะไรบ้าง แต่พวกค่าซองงานแต่ง งานบวช มันเยอะขนาดนั้นเลยหรอ มีค่าใช้จ่ายอื่นที่สำคัญกว่านั้นมั้ย
3. เรื่องที่คุณไม่พอใจที่เค้าไม่ยอมกลับบ้าน ถ้าบ้านอยู่ไกลที่ทำงาน หรืออาศัยอยู่กับพ่อแม่คุณ อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้เค้าไม่อยากกลับมา เค้าถึงเสนอให้คุณย้ายออกมาอยู่บ้านพักสำนักงานกับเค้า
ส่วนเรื่องที่คุณว่าทำไมเค้าไม่ยอมซื้อบ้าน ถ้าเป็นบ้านพักสำนักงานไม่เสียค่าใช้จ่ายใช่มั้ยคะ แล้วคุณก็มีภาระผ่อนบ้านปัจจุบันอยู่แล้ว เค้าก็คงไม่อยากซื้อบ้านอีกหลังเพิ่มอีก และคุณก็บอกเองว่าเงินปัจจุบันของเค้าก็ใช้ไม่ค่อยพอ เค้าก็คงไม่อยากก่อหนี้เพิ่มรึเปล่า
4. เรื่องเล่นเกมหรือนิยาย มันเป็นรสนิยมส่วนบุคคลค่ะ อย่าไปว่าเค้าแต่งนิยายเพ้อฝันเลย ชีวิตจริงคนเราก็เครียดอยู่แล้ว ควรมีพื้นที่ให้เค้ามีความสุขบ้าง
5.คุณบอกว่าพ่อคุณทำงานราชการ เป็นที่น่านับถือ ในขณะที่แม่แฟนเป็นคนทำความสะอาด เราไม่ค่อยเข้าใจแนวคิดเปรียบเทียบนี้เท่าไหร่ เราอยู่กรุงเทพ ไม่เคยมองว่าพวกที่ทำงานรัฐต่างจากอาชีพทั่วไป คนเรามีจังหวะหรือโอกาสในชีวิตไม่เหมือนกัน อย่าเปรียบเทียบกันเลย ถ้าแฟนรู้เค้าอาจเสียใจ
เอาจริงๆคือไม่มีใครถูกใครผิดหรอกนะ แค่ทัศนคติการใช้ชีวิตไม่เหมือนกัน คุณสองคนควรนั่งคุยกันจริงจังว่าชอบไม่ชอบตรงจุดไหน อยากให้ปรับตัวเข้าหากันตรงไหนบ้าง แต่ถ้าสุดท้ายต่างฝ่ายต่างไม่ตอบโจทย์กันก็ค่อยแยกย้าย แต่ลองถามตัวเองก่อนว่าเค้าไม่มีข้อดีอะไรจริงๆที่ทำให้อยู่ด้วยกันได้เลยหรอ ถ้าคุณบอกว่าแฟนไม่ยอมทำงาน เอาแต่สร้างหนี้ ไม่เลี้ยงลูก ขี้เหล้าเมายา เราจะเชียร์ให้คุณเลิกเลยล่ะ
ความคิดเห็นที่ 45
ผมว่าผมเข้าใจแฟนคุณนะ ตัดประเด็นยิบน่อยไปมองแค่ประเด็นที่ทะเลาะกัน
1. ทำงานอาทิตย์ละ 70 ชม. ถ้าหารรายวัน นี่วันละ 10 ชม.นะ ถ้าบอกว่าหยุดวันเสาร์อาทิตย์ นี่คือทำวันละ 14 ชม. เอาจริงๆ คนปรกติทำขนาดนั้น ถ้าเวลาว่างจะให้เค้ามานั่งช่วยงานกิจการบ้านคุณอีกมันก็แปลกไปละ (เอาว่าทำงานวันละ 14 ชม. จ-ศ ได้ไงก่อนดีกว่า) คุณทำงานอาทิตย์ละ 55 ชม. ยังน้อยกว่าเค้าวันละ 3 ชม. 3 ชม.ที่ไม่น้อยนะครับ หมดพลังกันได้ง่ายๆ ดังนั้นเวลาเที่เหลือเค้าจะเล่นเกมจะทำไรก็ปล่อยเค้าเถอะ
2. สืบต่อจากข้อ 1 เรื่องช่วยงานบ้านคุณ คุณต้องถามความสมัครใจด้วยว่าเค้าอยากทำมั้ย เห็นคุณบอกว่าตอนมีแรงอยากเก็บเงินให้เต็มที่ แต่ผมว่าถ้าทำงานขนาดอาทิตย์ละ 70 ชม. ไม่ควรต้องทำเพิ่มละ ถ้างานเค้าหนักอยู่แล้วต่อให้แบ่งรายได้เค้าก็ไม่ใช่ว่าจะอยากทำ ผมยอมว่าเค้าไม่ได้อยากทำ ตอนนี้เงินก็ไม่ได้ พูดตรงๆคือเค้าช่วยคือน้ำใจนะ ไม่ช่วยก็ว่าเค้าไม่ได้ เค้าไม่ใช่ลูกจ้าง ผมไปบ้านพ่อตาแม่ยาย ก็ไม่เคยคิดว่าจะต้อง ไปช่วยงานเหมือนเป็นลูกจ้างคนนึง ยิ่งการเงินบ้านคุณเหมือนแยกกระเป๋าอยู่แล้ว แชร์ส่วนกลางคุณ ดังนั้นคุณต้องแยกกิจการบ้านคุณกับสถานะลูกเขยของแฟนคุณให้ออก ยิ่งคนทำงานมา 70 ชม.ต่อสัปดาห์ เงินก็แชร์ช่วยไปเดือนละ 5000 แล้ว เค้าคงจะยิ่งคิดว่ายังจะมาใช้แรงเค้าอีกหรือ คุณอาจถึงพูดถึงการแบ่งรายได้ แต่ก็ต้องเข้าใจว่าเลขที่เหมาะสมมันพูดยาก ถ้าคนที่งานยุ่งอยุ่แล้ว จะให้เค้าทำเพิ่มต่อให้ได้ตังเค้าก็ไม่เอาหรอก แฟนคุณเงินเดือน 50,000 ทำงานอาทิตย์ละ 70 ชม. ตกชม.ละ 170 ซึ่งถ้าเอาเวลาไปทำที่ทำงานมันเป็นโอทีอยุ่แล้ว ก็ชมละ 340 ถ้าว่าตัวเลขนี้เอาไปจ้างเด็กแถวบ้านได้วันนึงเลย แต่ถ้าให้น้อยกว่านี้มันก็แสดงว่างานบ้านคุณไม่ได้เหมาะความรู้ความสามารถกับเค้า เป็นการใช้คนไม่ถูกกับงาน
3.การกลับบ้านของเค้ามันสืบจากข้อ 2 โดยตรงเลย เพราะการกลับบ้าน หมายถึงต้องไปที่ร้านคุณด้วย ทำงานวันละ 14 ชม. ขับรถไปกลับบ้านคุณ 1 ถ้าจะนอน 6 ชม. เหลือเวลาชีวิตแค่ 3 ชม. ไอ 3 ชม.นี้ เมียยังมานั่งบ่นให้ไปช่วยงานกิจการพ่อตาแม่ยายอีก เป็นผมก็ไม่กลับบ้านครับ การไม่กลับมีนัยยะ ชัดเจนว่าเค้าไม่ต้องการช่วยงานบ้านคุณ ถ้ากลับมาอยู่บ้านกับคุณบ่อยๆ เค้าก็กลัวว่าพ่อตาแม่ยายจะไม่เกรงใจใช้งานเค้าเหมือนเด็กในบ้าน เค้าเลยแสดงให้ชัดเลยว่าเค้ามองตัวเองเป็น "แขก" ในบ้านนี้ไม่ได้อยากจะมีส่วนร่วมในกิจการบ้านคุณ
เอาจริงๆ ประเด็นปัญหาคุณมีอยุ่เรื่องเดียวคือกิจการ"บ้านคุณ" แยกให้ออกครับ อย่าเอาเค้ามายุ่ง ยิ่งถ้าคุณมีพี่น้องด้วย กิจการพ่อแม่คุณก็ไม่ใช่ว่าจะตกทอดมาถึงคุณ มันไม่ใช่กิจการของครอบครัวๅ "คุณกับเค้า" ไปเคลียร์ประเด็นนี้ให้จบ อยากให้เค้ากลับบ้าน ก็ต้องแยกเค้าจากงานครอบครัวคุณให้ดี หรือจริงๆ เอาเงินที่บอกจะแบ่งให้เค้าไปจ้างเด็กซักคนให้ช่วยงานแทนไปเลย เพราะผมว่ามันชัดอยุ่แล้วว่าเค้าไม่ได้อแยากจะยุ่งกับกิจการอะไรของคุณเลย ตอนจีบกัน ตอนนั้นงานอาจไม่หนัก อาจอยากชนะใจคุณ อาจจะคิดว่าแค่ช่วยเริ่มกิจการให้ แล้วคุณจะไปทำต่อกันเอง แต่ทำไปทำมา คุณจะใช้แรงงานเค้าทำกิจการบ้านคุณฟรีๆตลอดมันก็ไม่ได้ ถ้าจะรักษาสัมพันธ์คุณก็แค่กันงานนี้ออกไปจากครอบครัวคุณ แล้วทุกอย่างมันน่าจะดีขึ้น คิดซะว่ากิจการนี้เป็นของคุณ เงินก็เก็บในบ้านคุณเอง แยกจากกองสินสมรสให้ชัดเจน กระเป๋าก็แยกกันใช้ ต่างคนต่างดูแลครอบครัวตัวเองจบ ส่วนตัวผมว่าเค้าไม่ได้พูดตรงๆ ยังทนอยู่เพราะคงรักคุณนั่นแหละ
อีกทางก็คือหย่า แต่ถ้าคิดว่าจะหาแฟนที่ต้องรับได้ว่าจะต้องมาทำงานให้ครอยบครัวคุณฟรีๆ มันก็ยากแหละครับ อยากใด้แรงงานจ้างเอาครับ ไม่ใช่บังคับให้ผัวทำ
1. ทำงานอาทิตย์ละ 70 ชม. ถ้าหารรายวัน นี่วันละ 10 ชม.นะ ถ้าบอกว่าหยุดวันเสาร์อาทิตย์ นี่คือทำวันละ 14 ชม. เอาจริงๆ คนปรกติทำขนาดนั้น ถ้าเวลาว่างจะให้เค้ามานั่งช่วยงานกิจการบ้านคุณอีกมันก็แปลกไปละ (เอาว่าทำงานวันละ 14 ชม. จ-ศ ได้ไงก่อนดีกว่า) คุณทำงานอาทิตย์ละ 55 ชม. ยังน้อยกว่าเค้าวันละ 3 ชม. 3 ชม.ที่ไม่น้อยนะครับ หมดพลังกันได้ง่ายๆ ดังนั้นเวลาเที่เหลือเค้าจะเล่นเกมจะทำไรก็ปล่อยเค้าเถอะ
2. สืบต่อจากข้อ 1 เรื่องช่วยงานบ้านคุณ คุณต้องถามความสมัครใจด้วยว่าเค้าอยากทำมั้ย เห็นคุณบอกว่าตอนมีแรงอยากเก็บเงินให้เต็มที่ แต่ผมว่าถ้าทำงานขนาดอาทิตย์ละ 70 ชม. ไม่ควรต้องทำเพิ่มละ ถ้างานเค้าหนักอยู่แล้วต่อให้แบ่งรายได้เค้าก็ไม่ใช่ว่าจะอยากทำ ผมยอมว่าเค้าไม่ได้อยากทำ ตอนนี้เงินก็ไม่ได้ พูดตรงๆคือเค้าช่วยคือน้ำใจนะ ไม่ช่วยก็ว่าเค้าไม่ได้ เค้าไม่ใช่ลูกจ้าง ผมไปบ้านพ่อตาแม่ยาย ก็ไม่เคยคิดว่าจะต้อง ไปช่วยงานเหมือนเป็นลูกจ้างคนนึง ยิ่งการเงินบ้านคุณเหมือนแยกกระเป๋าอยู่แล้ว แชร์ส่วนกลางคุณ ดังนั้นคุณต้องแยกกิจการบ้านคุณกับสถานะลูกเขยของแฟนคุณให้ออก ยิ่งคนทำงานมา 70 ชม.ต่อสัปดาห์ เงินก็แชร์ช่วยไปเดือนละ 5000 แล้ว เค้าคงจะยิ่งคิดว่ายังจะมาใช้แรงเค้าอีกหรือ คุณอาจถึงพูดถึงการแบ่งรายได้ แต่ก็ต้องเข้าใจว่าเลขที่เหมาะสมมันพูดยาก ถ้าคนที่งานยุ่งอยุ่แล้ว จะให้เค้าทำเพิ่มต่อให้ได้ตังเค้าก็ไม่เอาหรอก แฟนคุณเงินเดือน 50,000 ทำงานอาทิตย์ละ 70 ชม. ตกชม.ละ 170 ซึ่งถ้าเอาเวลาไปทำที่ทำงานมันเป็นโอทีอยุ่แล้ว ก็ชมละ 340 ถ้าว่าตัวเลขนี้เอาไปจ้างเด็กแถวบ้านได้วันนึงเลย แต่ถ้าให้น้อยกว่านี้มันก็แสดงว่างานบ้านคุณไม่ได้เหมาะความรู้ความสามารถกับเค้า เป็นการใช้คนไม่ถูกกับงาน
3.การกลับบ้านของเค้ามันสืบจากข้อ 2 โดยตรงเลย เพราะการกลับบ้าน หมายถึงต้องไปที่ร้านคุณด้วย ทำงานวันละ 14 ชม. ขับรถไปกลับบ้านคุณ 1 ถ้าจะนอน 6 ชม. เหลือเวลาชีวิตแค่ 3 ชม. ไอ 3 ชม.นี้ เมียยังมานั่งบ่นให้ไปช่วยงานกิจการพ่อตาแม่ยายอีก เป็นผมก็ไม่กลับบ้านครับ การไม่กลับมีนัยยะ ชัดเจนว่าเค้าไม่ต้องการช่วยงานบ้านคุณ ถ้ากลับมาอยู่บ้านกับคุณบ่อยๆ เค้าก็กลัวว่าพ่อตาแม่ยายจะไม่เกรงใจใช้งานเค้าเหมือนเด็กในบ้าน เค้าเลยแสดงให้ชัดเลยว่าเค้ามองตัวเองเป็น "แขก" ในบ้านนี้ไม่ได้อยากจะมีส่วนร่วมในกิจการบ้านคุณ
เอาจริงๆ ประเด็นปัญหาคุณมีอยุ่เรื่องเดียวคือกิจการ"บ้านคุณ" แยกให้ออกครับ อย่าเอาเค้ามายุ่ง ยิ่งถ้าคุณมีพี่น้องด้วย กิจการพ่อแม่คุณก็ไม่ใช่ว่าจะตกทอดมาถึงคุณ มันไม่ใช่กิจการของครอบครัวๅ "คุณกับเค้า" ไปเคลียร์ประเด็นนี้ให้จบ อยากให้เค้ากลับบ้าน ก็ต้องแยกเค้าจากงานครอบครัวคุณให้ดี หรือจริงๆ เอาเงินที่บอกจะแบ่งให้เค้าไปจ้างเด็กซักคนให้ช่วยงานแทนไปเลย เพราะผมว่ามันชัดอยุ่แล้วว่าเค้าไม่ได้อแยากจะยุ่งกับกิจการอะไรของคุณเลย ตอนจีบกัน ตอนนั้นงานอาจไม่หนัก อาจอยากชนะใจคุณ อาจจะคิดว่าแค่ช่วยเริ่มกิจการให้ แล้วคุณจะไปทำต่อกันเอง แต่ทำไปทำมา คุณจะใช้แรงงานเค้าทำกิจการบ้านคุณฟรีๆตลอดมันก็ไม่ได้ ถ้าจะรักษาสัมพันธ์คุณก็แค่กันงานนี้ออกไปจากครอบครัวคุณ แล้วทุกอย่างมันน่าจะดีขึ้น คิดซะว่ากิจการนี้เป็นของคุณ เงินก็เก็บในบ้านคุณเอง แยกจากกองสินสมรสให้ชัดเจน กระเป๋าก็แยกกันใช้ ต่างคนต่างดูแลครอบครัวตัวเองจบ ส่วนตัวผมว่าเค้าไม่ได้พูดตรงๆ ยังทนอยู่เพราะคงรักคุณนั่นแหละ
อีกทางก็คือหย่า แต่ถ้าคิดว่าจะหาแฟนที่ต้องรับได้ว่าจะต้องมาทำงานให้ครอยบครัวคุณฟรีๆ มันก็ยากแหละครับ อยากใด้แรงงานจ้างเอาครับ ไม่ใช่บังคับให้ผัวทำ
แสดงความคิดเห็น
สามีบอกว่าเราและครอบครัวเห็นแก่เงิน เราควรทำอย่างไร
เราเป็นผู้หญิงหน้าตาธรรมดา เป็นรุ่นพี่ที่ทำงานของ B ทำงานที่เดียวกันคนละแผนก B เป็นหนุ่มน้อยน่ารักฐานะทางบ้านไม่ค่อยดี ต้องส่งเสียแม่ เค้าจีบเราแต่เราไม่สน แล้วเราก็ต้องไปอบรมต่างจังหวัด 6 เดือน ระหว่างนั้นมีสาวน้อยน่ารักชื่อ T มาจีบ B ตกลงเป็นแฟนกัน สาว T ก็มาออดอ้อนขอเงินบ่อยๆ จนเงินเดือน B ไม่พอใช้ ต้องขอยืมเพื่อนร่วมงานไปทั่ว และสุดท้ายกู้เงินมาหลายแสนให้ สาว T แต่อย่างไรก็ตาม สาว T รู้สึกไม่พอใจที่ B หาเงินได้น้อย สุดท้ายจบด้วยการเลิกรา B เป็นอิสระพร้อมกับหนี้ก้อนโต เรากลับมาจากอบรมเจอช่วงที่ B ขอยืมเงินเพื่อนร่วมงานไปทั่ว เราไม่ให้ยืม แต่เราสอนให้รู้จักทำบัญชี รับจ่าย ประมาณตน ฯลฯ ช่วงนั้นเราก็มีคุยกับหนุ่มๆ คนอื่นบ้าง แต่สุดท้าย B ก็มาจีบเรา และเราก็ตกลงเป็นแฟนกัน เนื่องจากว่า B เป็นคนทำงานเก่งมากๆ ได้เงินเดือนสูง ก้าวหน้าเร็ว เป็นแฟนที่ดีและใจดีกับเรามากๆ
ด้านฐานะทางบ้านเราดีกว่าบ้าน B พ่อเราเป็นข้าราชการหัวหน้าส่วนอำเภอ ซึ่งพ่อแม่เดิมก็เป็นคนจนไม่มีอะไร แต่เป็นคนที่ขยันทำมาหากิน ท่านค่อนข้างวางแผน มีระเบียบวินัยสูงมาก บ้านช่อง เสื้อผ้า อาหาร สวนครัว สะอาดเป๊ะตลอด ตื่นเช้า ทำงานเยอะ จะได้มีเงินเยอะ ๆ จนมีทุกวันนี้ ตอนนี้ก็เป็นข้าราชการเกษียณ เป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้าน B เป็นลูกของแม่ที่เป็นพนักงานทำความสะอาด แต่มาให้ลุงป้าเลี้ยง ดังนั้นไม่มีสมบัติใดๆ B ทำตามคำแนะนำของเราจนปลดหนี้ได้สำเร็จ หลังจากนั้นไม่นาน B ต้องนำเงินหลายแสนไปสร้างบ้านหลังเล็กๆ ให้แม่เขาอยู่
ต่อมาพ่อแม่เราเห็นที่ดินทำเลทอง จึงให้เราซื้อที่ดิน มาสร้างบ้านเรือนหอและอาคารเพื่อทำกิจการ กู้ 100% (ที่ดินนี้อยู่ใกล้ๆ บ้านพ่อแม่เรานะ แต่ไกลจากที่ทำงานประมาณ 20 นาที) พ่อแม่และเราทุ่มเทมาก กับการทำกิจการครั้งนี้ ล้มลุกคลุกคลานมาจนกระทั่งวันนี้ กิจการโอเคละ เราก็มีเงินมากขึ้น เราคบกับ B มานาน 7 ปีแล้ว จึงจัดงานแต่งงานกับ B พอดีเป็นช่วงโควิดจึงรีบๆ แต่งงาน จริงๆ ช่วงพิธีแต่งงานไม่ค่อยถูกใจเราเท่าไร แต่มันก็ผ่านมาแล้ว
โฟกัสที่หลังแต่งนี่แหละค่ะ
1. ตอนนี้ เราเงินเดือน 40,000 ทำงานในที่ทำงานประมาณ 55 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ B เงินเดือน 50000 ทำงาน 70 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เราขอเงิน B เดือนละ 5,000 ไว้จ่ายค่าอาหารกลางวันทุกวัน รวมถึงจ่ายค่าทำบุญ ซองงานบวช งานแต่ง ฯลฯ B เงินเดือนเหลือ 45000 แต่ไม่พอใช้ พอเราถามว่าทำไมหมด เขาก็ไม่พอใจ ส่วนเงินเรา (ที่โดนหักค่าผ่อนบ้าน) พอใช้ค่ะ
2. B ทำจะอยู่บ้านพักสำนักงานตลอด กลับบ้านเราเพียงแค่วันจันทร์-ศุกร์ เดือนละ 5-6 วัน เสาร์อาทิตย์ไม่กลับเลย อ้างว่าหัวหน้าให้ทำงานพิเศษเพิ่ม (ผิดวิสัยคนแต่งงานใหม่มั้ยคะ) เรากลับบ้านไม่ต่ำกว่าเดือนละ 20 วัน เพื่อดูแลบ้าน ดูแลกิจการ และดูแลพ่อแม่ด้วย
3. เรากับเขากลับมาถึงร้านค้าสักห้าโมงเย็น ลูกค้าเต็มร้าน เรากับพ่อแม่ ช่วยกันขายของกันมือเป็นระวิง B นั่งเล่นเกมเฉยๆ ไม่สนใจ พอหนึ่งทุ่มปิดร้านเราก็กวาดเก็บร้าน สำรวจสินค้า เติมสต๊อกสินค้า จัดร้านให้สวยงาม ปิดบัญชีเคลียร์เงิน ฯลฯ B นั่งเล่นเกมเฉยๆ ไม่สนใจอะไรเหมือนเดิม พอเราอาบน้ำ B อยากXXX กับเรา แต่เราเหนื่อยมากๆ เขาจึงไม่ค่อยพอใจ หาว่าก็ไม่เห็นทำอะไรแต่เสแสร้งทำเป็นเหนื่อย แล้วก็ทะเลาะกัน
4. เมื่อว่างจากทำงาน B ชอบแต่งนิยาย B ชอบดูอินเตอร์เน็ตและมักพูดถึงผู้หญิงที่เป็น พริตตี้ ไซด์ไลน์ อะไรพวกนี้ แต่เรามองโลกในความเป็นจริงเราสนใจข่าวสารบ้านเมือง เช่น ปัญหาการสู้รบในประเทศเพื่อนบ้าน การสู้รบที่ทะเลแดง
5. ที่บ้านพักสำนักงาน มีพนักงานอยู่เป็นร้อยชีวิต พนักงานสาวๆ ทำงานในที่ทำงานเดียวกับเราทั้งสาวน้อย สาวแก่ แม่หม้าย ประมาณ 40 คนได้ แต่ก็มีพนักงานอีกไม่น้อยที่ขับรถกลับบ้านที่อยู่ไกลราวๆ 20-60 กิโลเมตร ทุกวันแบบเรา
พอตัดสินใจคุยกัน
1. เรารู้สึกว่า B ไม่เคยช่วยงานกิจการเราเลยกลับมาบ้านเดือนละ 5-6 วัน เพื่อมาร่วมหลับนอนเท่านั้น ไม่ได้คิดจะมีส่วนร่วมใดๆ เราคิดว่าพ่อแม่ของเราต่างหากที่ช่วยเหลือสนับสนุนให้เรามีวันนี้ได้ B เองก็รู้มาตั้งแต่ก่อนแต่งงานแล้ว ทำไมวันนี้มาบอกว่ารับไม่ได้ เรารู้สึกไม่พอใจ เราอยากให้ B มีส่วนร่วมในกิจการเรามากกว่านี้ (คนรู้จักกัน ผู้ชายที่แต่งงานเข้าบ้านผู้หญิงช่วยกิจการจนกิจการร่ำรวย เราก็อยากให้ B เป็นแบบนั้น)
2. สิ่งที่ B ต้องการคือให้เราออกจากบ้านไปอยู่ที่บ้านพักสำนักงานกับเขา (แต่ B ก็ไม่ได้คิดจะซื้อบ้านนะ ทั้งๆ ที่แถวที่ทำงานเรามีบ้านจัดสรรหลายโครงการเลย) แต่เราดันมาเปิดร้านทำกิจการที่ใกล้ๆบ้านของเรา
3. B บอกว่าครอบครัวเราเป็นคนเห็นแก่เงิน ผู้หญิงคนอื่นๆ ไม่เห็น จะเห็นแก่เงินเหมือนเธอ และที่ต้องแต่งนิยายเพ้อฝันและเล่นเกม ก็เพื่อลืมอยู่กับเราแล้วมีแต่เรื่องเครียดๆ ความเป็นจริงมันน่าเบื่อ มันโหดร้าย (เราเลยย้อนว่าแม่เธอกับพี่น้องเธอมากกว่ามั้งที่โหดร้าย)
4. เราสงสัยว่าพ่อแม่เราคือ ครอบครัวไม่ปกติ ส่วนเรื่องปกติคือคนมีครอบครัวแล้วเลือกจะอยู่บ้านพักสำนักงานห้องเล็กๆ ก็พอ มีเงินเดือนก็ใช้ให้หมด หากภรรยาอยากมีบ้าน มีรถ ก็ดิ้นรนหาเงินเอาเอง?
5. หนทางที่จะให้ B มาช่วยทำงานคงมืดมน เราคงมีแค่ 2 ทางเลือก คือ
5.1 ทนอยู่แบบนี้ต่อไป เรากลับบ้านมาดูแลกิจการของเรา ดูแลพ่อแม่ ทุกวัน B อาจจะกลับบ้านน้อยกว่านี้ หรือไม่กลับเลย เงินก็ไม่ต้องให้ เพื่อคงสถานะสมรสไว้ไม่ให้ชาวบ้านนินทา แต่พ่อแม่เราก็ไม่โอเค
5.2 หย่า
6. อยากขอคำแนะนำว่าจะมีทางออกอื่นมั้ยคะ ตอนนี้มืดแปดด้านจริงๆ