นี่เรายังอยู่ในฤดูหนาวใช่ไหม? ทำไมถึงไม่รับรู้ถึงความหนาวเลย? อีกเดือนกว่าๆ ก็จะหมดหนาวแล้ว ขอไปตามหาความหนาวที่เชียงใหม่ดีกว่า ว่าแล้วก็หาพิกัดเหมาะๆ ที่ (อาจ) สามารถชมทะเลหมอกได้ด้วย และท้ายสุดผมเลือกปักหมุดที่อำเภอเวียงแหง และอำเภอเชียงดาว เพราะอยากไปนอนชมวิวสวยๆ ของดอยหลวงเชียงดาว แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า ผมไม่กล้าขับรถขึ้นเขา นี่เป็นประเด็นหลัก ทริปนี้ผมจึงเลือกเดินทางโดยรถไฟไทย และใช้บริการรถขนส่งสาธารณะในเชียงใหม่แทนการขับรถไปครับ
ผมออกเดินทางจากสถานีรถไฟลพบุรี ในเวลา 20.42 น. โดยเดินทางกับรถไฟขบวนรถด่วนพิเศษอุตราวิถี (ขบวนหมายเลข 9 และ 10) ซึ่งเป็นรถปรับอากาศนั่งและนอนชั้นที่ 2 รถไฟมาถึงก่อนเวลาเล็กน้อย (รถไฟจะออกจากสถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ในเวลา 18.40 น.)
ปัจจุบันการรถไฟแห่งประเทศไทย กำลังปรับปรุงทางรถไฟช่วงสถานีรถไฟลพบุรี ถึงสถานีรถไฟปากน้ำโพให้เป็นทางรถไฟรางคู่ จึงทำให้การเดินทางช่วงดังกล่าวเกิดการเสียเวลาทุกขบวน (ราวๆ 1 ชั่วโมง++) จากข้อมูลที่ผมเคยเข้าไปดูความล่าช้าของขบวนรถไฟ ทั้งขาขึ้นและขาล่อง ผมขอชื่นชมขบวนรถด่วนพิเศษอุตราวิถี (น่าจะเป็นขบวนเดียว) ที่สามารถทำเวลาในสถานีถัดไปได้ ทำให้ขบวนรถไฟถึงสถานีปลายทางตรงตามเวลา มีบ้างที่อาจล่าช้ากว่าเวลาเล็กน้อย แต่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงครับ และวันที่ผมเดินทาง ก็มาถึงสถานีรถไฟเชียงใหม่ตรงตามเวลา
เมื่อเดินออกมาถึงด้านหน้าสถานีรถไฟเชียงใหม่ จะมีคนขับรถสองแถว (รถแดง) มาคอยเรียกหาลูกค้า จากสถานีรถไฟเราจะต้องเดินทางต่อไปยังสถานีขนส่งช้างเผือก ระยะทางประมาณ 5 กม. สามารถโดยสารรถแดงหน้าสถานีรถไฟได้เลย เสียค่าบริการคนละ 30 บาทครับ ด้านหน้าสถานีรถไฟมีร้านข้าวขาหมู ข้าวหมูแดง ข้าวหมูกรอบนะครับ ใครหิวสามารถเติมพลังก่อนได้เลย
ที่หน้าสถานีขนส่งช้างเผือก มีร้าน 7-11 ด้วย แนะนำให้ซื้อขนม นม เนย ติดมือไว้เป็นเสบียง ตอนอยู่ที่ฮาดู่บิก็ดีครับ
ก่อนที่ผมจะเดินทางมาเชียงใหม่ ผมได้จองตั๋วรถตู้โดยสารสายเชียงใหม่-เวียงแหง-เปียงหลวง ไว้กับบริษัทดาวทองขนส่ง จำกัด ล่วงหน้า 2 วัน เพื่อที่จะเดินทางไปยังฮาดู่บิ โดยจะมีรถออกจากเชียงใหม่ไปเวียงแหง และจากเวียงแหงกลับเชียงใหม่ วันละ 4 รอบ ในเวลา 07.30 น., 10.00 น., 13.30 น. และ 15.30 น. (รถออกจากต้นทางเวลาเดียวกันทั้งขาขึ้นและขาลง)
แนะนำว่าต้องจองตั๋วล่วงหน้านะครับ โดยสามารถจองที่นั่งได้ล่วงหน้าไม่เกิน 14 วัน ผ่าน Line ID : @417odxjq (
https://lin.ee/ayAiyQX ) ตั้งแต่เวลา 06.00 น.-20.00 น. เมื่อแอดไลน์แล้ว เราจะต้องให้ข้อมูลการเดินทาง ว่าจะเดินทางวันไหน รอบรถกี่โมง ชื่อ นามสกุล หมายเลขบัตรประชาชน เบอร์โทรศัพท์ของผู้เดินทาง (ทุกคน) จุดที่จะขึ้นรถ จากนั้นเจ้าหน้าที่จะส่งแผนผังที่นั่งให้เราเลือก ว่าเราต้องการนั่งเบาะไหน เมื่อเราเลือกที่นั่งได้เรียบร้อยแล้ว เราจะต้องโอนค่าโดยสาร จำนวน 162 บาท (ราคาเดียวตลอดสาย)
สำหรับการเดินทางไปฮาดู่บิ เราต้องลงรถที่ “บ้านเลาวู” นะครับเมื่อโอนค่าโดยสารเรียบร้อย เจ้าหน้าที่จะส่งตั๋วมาให้ทางไลน์ครับ
กฎระเบียบข้อบังคับต่างๆ มี 10 ข้อ สำหรับเรื่องสัมภาระ ทางคนขับไม่ได้ซีเรียสขนาดต้องมาชั่งน้ำหนักกระเป๋าเดินทางครับ ขนาดกระเป๋าเดินทางล้อลากแบบที่ลากขึ้นเครื่องบินได้ ก็สามารถนำขึ้นรถตู้ได้ โดยไม่ต้องเสียค่าระวางของเพิ่มครับ
วันที่ผมเดินทางผมจองรถรอบ 10.00 น. ไว้ รอบนั้นน่ามีผู้โดยสารเยอะ เลยมีรถออก 2 คันครับ ก่อนขึ้นรถ เราต้องแสดงตั๋วโดยสาร (ที่ได้รับทางไลน์) รวมทั้งแสดงบัตรประชาชน และให้แจ้งกับคนขับว่าเราจะลงรถที่ “บ้านเลาวู” ครับ
นั่งรถมาประมาณ 1.30 ชม. รถตู้จะจอดแวะให้กินข้าว / เข้าห้องน้ำ ที่ร้านเล็กๆ ข้างทาง ประมาณ 10 นาทีครับ
ออกจากเชียงใหม่เวลา 10.00 น. แวะพักระหว่างทางประมาณ 10 นาที ผมก็มาถึงจุดลงรถที่บ้านเลาวูในเวลาราวๆ 12.50 น. รวมระยะเวลาเดินทางเกือบ 3 ชั่วโมง เมื่อลงรถตู้แล้วก็โทรแจ้งที่พักเพื่อให้มารับ ซึ่งผมจองที่พักไว้กับ “ฮาดู่บิ แคมป์ปิ้ง” (
https://www.facebook.com/noonew27 ) รอไม่นาน ก็มีรถของที่พักมารับครับ จากจุดลงรถตู้ไปยังที่พัก ระยะทางประมาณ 1 กม. โดยก่อนที่เราจะเข้าไปยังที่พัก เราจะต้องเสียค่าบำรุงพื้นที่ให้กับชุมชน (เพื่อไว้ใช้ในการปรับปรุงถนน) คนละ 20 บาท ถนนที่เข้าไปยังที่พักทั้งแคบ (รถสวนไม่ได้) และชัน สำหรับผู้ที่ต้องการนำรถส่วนตัวเข้าไปจอดหน้าที่พัก ต้องโทรประสานกับที่พักล่วงหน้า เพื่อทางที่พักจะได้เคลียร์เส้นทางล่วงหน้า ด้านหน้าที่พักมีพื้นที่สำหรับจอดรถได้ประมาณ 10 คันครับ
ฮาดู่บิ เป็นภาษาลีซู (ลีซอ) แปลว่า ที่ดินเก่า ที่ตั้งถิ่นฐานเก่า สมัยก่อนบริเวณนี้เคยเป็นที่ตั้งหมู่บ้านมาก่อน แต่เนื่องจากภูมิศาสตร์ไม่ดี ทั้งเรื่องลมที่ตีมาจากทิศใต้ และเรื่องโจรป่า ชาวบ้านเลยได้ย้ายไปตั้งถิ่นฐานกันที่หมู่บ้านเลาวูแทน จวบจนถึงปัจจุบัน
ที่พักที่ฮาดู่บิ แคมป์ปิ้ง มี 2 แบบ คือแบบกระท่อม หลังละ 1,500 บาท นอนได้ 2 คน ราคารวมอาหารเช้า และแบบเต็นท์เล็ก นอน 1 คน ราคาเต็นท์ละ 600 บาท แบบเต็นท์ใหญ่ นอนได้ 2 คน ราคาเต็นท์ละ 1,200 บาท ราคารวมอาหารเช้าเช่นกัน (มีเครื่องนอน ผ้าห่ม ผ้าเช็ดตัว และน้ำดื่มให้คนละ 1 ขวด) แต่ถ้าใครนำเต็นท์มาเอง ก็เสียค่าบำรุงสถานที่ 250 บาท/คน ส่วนเรื่องอาหารเย็น จะเป็นอาหารจานเดียว สามารถสั่งเพิ่มเติมได้กับทางที่พักได้เลยครับ
ตำแหน่งที่ตั้งของฮาดู่บิ แคมป์ปิ้ง ตั้งประจันหน้ากับยอดดอยหลวงเชียงดาวเลยครับ เพียงแค่เปิดเต็นท์ ก็มองเห็นยอดดอยหลวงเชียงดาวที่ตั้งเคียงคู่กับดอยนางแล้ว มาถึงที่พักเร็วก็นอนชมยอดดอยหลวงเชียงดาวยาวไปครับ
ที่พักทั้ง 2 แบบ ใช้ห้องน้ำรวมนะครับ โดยจะแบ่งเป็นห้องอาบน้ำ 2 ห้อง (ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น) และห้องน้ำ 2 ห้อง แนะนำเลยว่า ควรอาบน้ำตั้งแต่ก่อนพระอาทิตย์ตกดิน เพราะที่นี่ตั้งอยู่บนยอดเขา อากาศค่อนข้างเย็น ช่วงค่ำ หากไม่มีน้ำอุ่น อาบน้ำไม่ได้แน่นอนครับ
คือวิวสวยจริงๆ ครับ ความรู้สึกผมตอนนั้นมันอิ่มใจมากๆ
แต่ละเต็นท์จะมีเพียงแสงไฟจากโซลาเซลให้เต็นท์ละ 1 ดวง จะส่องสว่างเฉพาะช่วงกลางคืนเท่านั้น ช่วงค่ำบรรยากาศบนฮาดู่บิเงียบมากๆ เพียงแค่หมาเห่าก็ดังกังวานไปทั่ว แถมยิ่งดึกอุณหภูมิยิ่งต่ำ ได้สัมผัสความหนาวสมใจอยากแล้วครับ
คืนนั้นทั้งคืน นอนหลับๆ ตื่นๆ เพราะอากาศหนาวเอาเรื่อง 05.30 น. ก็เลยลุกมารอชมแสงแรกของวันซะเลย เช้านี้ฟ้าไม่เคลียร์ มีเมฆค่อนข้างเยอะ เยอะขนาดมองไม่เห็นดวงอาทิตย์ขึ้น ถึงแม้จะมองไม่เห็นดวงอาทิตย์ แต่ก็ยังพอได้เห็นแสงสวยๆ ที่ไปกระทบกับปุยเมฆครับ
เต็มอิ่มกับบรรยากาศที่อยู่เบื้องหน้ามากๆ ถึงแม้ที่นี่จะมีมุมที่เห็นยอดดอยหลวงเชียงดาวเพียงไม่กี่มุม แต่การได้มานั่งรอดูความสวยงามของธรรมชาติที่เปลี่ยนไปตามเข็มวินาทีของนาฬิกา มันไม่รู้สึกเบื่อเลยครับ
สำหรับอาหารเช้า วันที่ผมไป มีข้าวสวย ทานกับต้มฟักและไข่ต้ม บริการพร้อมกับชา กาแฟร้อน แต่เนื่องจากอากาศค่อนข้างเย็น ตักข้าวร้อนๆ มาแป๊บเดียว ไม่ทันไร ข้าวแข็งเลยครับ
เรื่องสัญญาณโทรศัพท์/อินเตอร์เน็ต AIS จะใช้ได้ดีกว่า True สัญญาณ True ค่อนข้างแกว่ง บางทีก็ไม่มีเลยครับ
เช้าวันใหม่ ผมจองรถตู้เพื่อเดินทางต่อไปยังบ้านนาเลาใหม่ โดยจองรถกับบริษัทดาวทองขนส่ง จำกัด เช่นเคย โดยจองรถที่ออกจากเปียงหลวงรอบ 10.00 น. และนัดขึ้นรถที่ร้านกาแฟ AKIPU ซึ่งจะอยู่เลยจากจุดลงรถเมื่อวันก่อนประมาณ 500 เมตร ค่ารถ 162 บาท เท่ากับขามา
ที่พักจะเริ่มบริการรถส่งลูกค้าไปยังจุดขึ้นรถได้ ช่วงเวลา 09.00-10.00 น. เพราะช่วงเช้าเป็นช่วงเวลาที่ชาวบ้านลงไปทำงานกัน ทำให้การจราจรบนถนนเลนเดียวจะแออัด หลบรถกันลำบาก อันตรายทั้งขาขึ้นและขาลงครับ
ผมออกจากที่พักเวลา 10.00 น. โดยให้รถที่พักไปส่งที่ร้านกาแฟ AKIPU ร้านกาแฟจะอยู่ข้างทางเลยครับ ภายในตกแต่งน่ารัก เต็มไปด้วยพันธุ์ไม้น้อยใหญ่ (มีจำหน่ายด้วย) ถึงแม้ว่าด้านหลังร้านจะมองไม่เห็นยอดดอยหลวงเชียงดาว แต่ก็ถือว่าบรรยากาศดีครับ
รถตู้โดยสารมาถึงหน้าร้าน AKIPU ราวๆ 11.15 น. ครับ สำหรับใครที่จองรถตู้โดยสารไว้ ผมแนะนำให้มานั่งรอขึ้นรถที่ร้าน AKIPU จะดีกว่าไปนั่งรอตรงจุดลงรถบ้านเลาวูครับ เพราะตรงจุดนั้นหาที่นั่งค่อนข้างยาก แต่ถ้ามารอที่ร้าน AKIPU สามารถนั่งรอรถชิลๆ ได้ถ่ายรูปเล่นฆ่าเวลา แถมมีห้องน้ำให้เข้าด้วย
[CR] ฮาดู่บิ เมืองคอง บ้านนาเลาใหม่ ไม่มีรถส่วนตัวเที่ยว ก็เฟี้ยวได้
ผมออกเดินทางจากสถานีรถไฟลพบุรี ในเวลา 20.42 น. โดยเดินทางกับรถไฟขบวนรถด่วนพิเศษอุตราวิถี (ขบวนหมายเลข 9 และ 10) ซึ่งเป็นรถปรับอากาศนั่งและนอนชั้นที่ 2 รถไฟมาถึงก่อนเวลาเล็กน้อย (รถไฟจะออกจากสถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ในเวลา 18.40 น.)
ที่หน้าสถานีขนส่งช้างเผือก มีร้าน 7-11 ด้วย แนะนำให้ซื้อขนม นม เนย ติดมือไว้เป็นเสบียง ตอนอยู่ที่ฮาดู่บิก็ดีครับ
ฮาดู่บิ เป็นภาษาลีซู (ลีซอ) แปลว่า ที่ดินเก่า ที่ตั้งถิ่นฐานเก่า สมัยก่อนบริเวณนี้เคยเป็นที่ตั้งหมู่บ้านมาก่อน แต่เนื่องจากภูมิศาสตร์ไม่ดี ทั้งเรื่องลมที่ตีมาจากทิศใต้ และเรื่องโจรป่า ชาวบ้านเลยได้ย้ายไปตั้งถิ่นฐานกันที่หมู่บ้านเลาวูแทน จวบจนถึงปัจจุบัน
เรื่องสัญญาณโทรศัพท์/อินเตอร์เน็ต AIS จะใช้ได้ดีกว่า True สัญญาณ True ค่อนข้างแกว่ง บางทีก็ไม่มีเลยครับ
เช้าวันใหม่ ผมจองรถตู้เพื่อเดินทางต่อไปยังบ้านนาเลาใหม่ โดยจองรถกับบริษัทดาวทองขนส่ง จำกัด เช่นเคย โดยจองรถที่ออกจากเปียงหลวงรอบ 10.00 น. และนัดขึ้นรถที่ร้านกาแฟ AKIPU ซึ่งจะอยู่เลยจากจุดลงรถเมื่อวันก่อนประมาณ 500 เมตร ค่ารถ 162 บาท เท่ากับขามา
ที่พักจะเริ่มบริการรถส่งลูกค้าไปยังจุดขึ้นรถได้ ช่วงเวลา 09.00-10.00 น. เพราะช่วงเช้าเป็นช่วงเวลาที่ชาวบ้านลงไปทำงานกัน ทำให้การจราจรบนถนนเลนเดียวจะแออัด หลบรถกันลำบาก อันตรายทั้งขาขึ้นและขาลงครับ
ผมออกจากที่พักเวลา 10.00 น. โดยให้รถที่พักไปส่งที่ร้านกาแฟ AKIPU ร้านกาแฟจะอยู่ข้างทางเลยครับ ภายในตกแต่งน่ารัก เต็มไปด้วยพันธุ์ไม้น้อยใหญ่ (มีจำหน่ายด้วย) ถึงแม้ว่าด้านหลังร้านจะมองไม่เห็นยอดดอยหลวงเชียงดาว แต่ก็ถือว่าบรรยากาศดีครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้